โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
รวมเรื่องลึกลับ ตำนาน และความหลอน [เลิกอัพกระทู้นี้ถาวร]
Nebula Eva
#181
12-03-2012 - 13:42:03

#181 Nebula Eva  [ 12-03-2012 - 13:42:03 ]





quote :
ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของกฎแห่งกรรม... พิมพ์ที่ไว้ในไมโคซอฟเวิร์ดน่ะ เลยอัพเร็ว ทำไว้ตั้งนานแล้ว(มันเป็นรายงานวิชาสังคมและศาสนา)

กฏแห่งกรรม
ตอน ชีวิตคือมายา


      ฉันเป็นครูอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี อยู่มาวันหนึ่งได้มีเหตุการณ์ทำให้ชีวิตที่เคยสงบสุขของฉันได้เปลี่ยนไป มีนายตำรวจได้ย้ายมาอยู่โรงพักใกล้กับโรงเรียนที่ฉันสอนอยู่ ฉันเริ่มสนใจเขา และเขาก็สนใจฉันความสัมพันธ์จึงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ฉันไม่เคยถามประวัติเขาว่าเขามีครอบครัวหรือยัง

       ต่อมาภายหลังเมื่อภรรยาเขารู้เรื่องของเราเขาก็มาอาละวาดฉันที่โรงเรียน ตอนนั้นเมียเขาท้องลูกคนที่ ๒ เมื่อฉันเห็นสามีเป็นคนรักลูกมาก ฉันจึงอยากเอาชนะใจสามีโดยการมีลูกเป็นของตัวเองบ้าง ต่อมาฉันก็ตั้งท้องแข่งกับเมียหลวง จนกระทั่งเมียหลวงมีลูกทั้งหมด ๓ คน ส่วนฉันมีลูก ๒ คน ค่าใช้จ่ายก็เป็นภาระของฉันคนเดียวเพราะสามีต้องให้เงินเดือนทั้งหมดแก่เมียหลวง ฉันชักหน้าไม่ถึงหลังต้องกู้หนี้ยืมสินมาใช้จ่ายในบ้าน

       เราอยู่กันมา ๑๐ ปีกว่า สามีก็ล้มป่วย อาการเริ่มแรกคือ เดินเซ เดินเอียง เดินไม่ตรงทาง ต่อมาก็มีอาการอัมพาต หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองฝ่อ

       ช่วงนี้เองที่ฉันลำบากมาก ภาระทั้งหมดตกอยู่ที่ฉันคนเดียว ฉันต้องขอร้องให้ทางญาติสามีช่วยส่งเสียลูกทั้ง ๒ คน ของฉันเรียนหนังสือ ต่อมาอีกไม่นานสามีก็เสียชีวิตลง ทำให้ฉันปลงกับชีวิตและคิดถึงกลอนบทหนึ่งที่เคยได้อ่านเจอว่า

ชีวิตเฉกเช่นมายา

ฤาไขว่คว้าสิ่งใดไว้ได้

เกิดแล้วก็ดับมลาย

คล้ายมันวูบวับมิกลับคืน

       ฉันทำบาปผิดศีลธรรมมาเป็นเวลานาน ไม่นึกถึงหัวอกเมียหลวง ฉันมีลูกแข่งกับเขา ต้องการเอาชนะเขา ผลสุดท้ายกรรมก็ตกอยู่ที่ฉันกับลูก ฉันมีอาชีพครูแท้ๆแต่ทำตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูกศิษย์เห็น สำหรับคนที่คิดจะทำผิดศีลธรรมขอจงอย่าได้ทำเลย เพราะผลกรรมมันรุ่มร้อน ทุรนทุราย เหมือนที่ฉันกำลังได้รับอยู่ทุกวันนี้/รัดใจ

เครดิต : หนังสือกฏแห่งกรรม



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
Nebula Eva
#182
12-03-2012 - 13:42:25

#182 Nebula Eva  [ 12-03-2012 - 13:42:25 ]





กฏแห่งกรรม
ตอน ทะเลกรรม


      อังคณา รู้สึกตัวขึ้นแบบกะทันหันเมื่อเธอเกิดอาการหายใจไม่ออกและปวดจี๊ดขึ้นสมอง อีกทั้งรู้สึกแสบจมูกไปหมด เธอลืมตาขึ้นทันทีและสิ่งแรกที่เธอเห็นคือ น้ำและน้ำสายตาของอังคณาเบิกกว้าง เมื่อแน่ใจว่าบัดนี้เธอลอยคออยู่กลางทะเลที่กว้างใหญ่สุดสายตา เธอพยายามพยุงตัวไม่ให้จมน้ำ โชคดีที่เธอว่ายน้ำเป็นมาตั้งแต่เด็กเพราะแม่สอนให้ เธอจำได้ดีว่าตอนที่แม่สอนให้นั้นเธออิดออดเสียด้วยซ้ำไปจนแม่ต้องเตือนเธอว่า

       "หัดไว้นะลูก...ว่ายน้ำเป็นไว้ เผื่อเกิดตกน้ำตกท่าจะได้เอาตัวรอดได้"

       ตลอดเวลามาอังคณาไม่เก็บเอามาใส่ใจมากนัก หากแต่บัดนี้สิ่งที่แม่เธอพูดได้ย้อนมาช่วยเธอได้ในวันนี้ แต่มันจะไม่มีประโยชน์เลยหากว่าเธอยังคงลอยคออยู่อย่างนี้เนิ่นนานไป อังคณาหมุนตัวอยู่ในน้ำและพยายามมองไปรอบๆแต่เธอต้องผิดหวังเมื่อไม่เห็นเรือเลยสักลำ ไม่เห็นแม้แต่แผ่นดินทุกอย่างมีแต่น้ำกับท้องฟ้าที่ไร้เมฆ มันเงียบจนเธอรู้สึกหูอื้อไปหมด นี่มันที่ไหนกัน ความคิดเกิดขึ้นในสมอง และทำให้เธอเริ่มคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องมาลอยคออยู่ในทะเลอย่างนี้

      อังคณาจำได้ว่า แอนเพื่อนสนิทของเธอ มาชักชวนเธอจนถึงบ้านว่าจะไปเที่ยวงานที่แถวปากน้ำสมุทรปราการโดยแฟนของแอนซึ่งขับเรือหางยาวจะมารับไปแล่นเรือเที่ยวกัน เธอจึงตอบตกลงแม้ว่าแม่ของเธอจะห้ามปราม และขอร้องให้เธอล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปเที่ยวในครั้งนี้แต่อังคณาก็ไม่ใส่ใจฟังแม่แม้แต่น้อย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาอังคณาไม่เคยฟังแม่เธอเลยสักครั้ง เธอออกเที่ยวจนเสียการเรียนต้องถูกพักการเรียน แต่เธอก็ยังไม่สนใจ และยังออกเที่ยวกลางคืน

       จนมาในครั้งนี้เมื่อเธอออกมานั่งเรือโดยมีแฟนของแอนขับพาเที่ยว จนเรือเกิดเสียหลักพุ่งชนกับเสาสะพานอย่างแรง จนอังคณากระเด็นตกน้ำและหมดสติไปทันที ถึงตอนนี้เธอคิดว่า คงถูกกระแสน้ำพัดพาร่างของเธอออกมาจนไกลจากฝั่งมาอยู่กลางทะเลในขณะนี้

       เมื่อคิดถึงตอนนี้ เธอรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งแขนขา อังคณากวาดสายตามองไปรอบๆอีกครั้ง แต่ทุกทิศทางยังคงเวิ้งว้างว่างเปล่า เหมือนอยู่คนเดียวในโลก เธออยากจะว่ายน้ำไปเรื่อยๆดีกว่านิ่งอยู่เฉยๆแบบนี้

       ถึงตอนนี้อังคณายกมือขึ้นดู ฝ่ามือเธอทั้งสองข้างซีดขาวคงจะเป็นเพราะแช่น้ำนานเกินไปนั่นเอง อังคณารู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาทุกทีเพราะแรงกดของน้ำ ความปวดล้า ความแน่นหน้าอก บวกกับความหิวน้ำและข้าว ทำให้เธอแทบจะไม่มีแรง และในทันใดนั้นเธอรู้สึกเจ็บปวดที่ฝ่าเท้าและหลังเท้าเหมือนถูกเข็มหลายเล่มทิ่มแทง เธอร้องออกมาอย่างตกใจสะบัดขาไปมา แต่ตัดสินใจมุดหน้าก้มลงไปดูใต้น้ำ อังคณาเห็นว่ามีฝูงปลาตัวเล็กๆสีแดงสลับดำหลายสิบตัวกำลังรุมเข้ามาตอดกัดฝ่าเท้าและหลังเท้าของเธอ จนมองเห็นผิวหนังบางส่วนที่ซีดขาวหลุดลุ่ยออกมา

       อังคณาพยายามถีบเท้าสลับกับสะบัดขาเพื่อไล่ฝูงปลานี้ให้ออกไปแต่ไร้ผล และยิ่งในตอนนี้ที่ฝ่าเท้าและหลังเท้ามีเลือดเริ่มไหลซึมออกมากระจายไปในน้ำรอบบริเวณ ยิ่งทำให้ฝูงปลานี้แสดงอาการกระหายเลือดมากขึ้น ความหวาดกลัวทวีขึ้นมาจับใจ เลือดที่กระจายไปอาจนำปลาที่ใหญ่และอันตรายกว่านี้เข้ามาได้

       ทันใดนั้นอังคณาสังเกตเห็นว่าในตอนนี้สิ่งที่หวาดกลัวกำลังมาแล้ว เพราะกระโดงที่วิ่งพ่นน้ำแบบนั้น และบัดนี้มาว่ายวนรอบๆเธอแบบไม่เร็วไม่ช้า มันเป็นฉลามขนาดใหญ่ แต่ที่ดูจะแปลกก็คือ ฉลามตัวนี้มีลำตัวสีแดงสด มันอาจเป็นฉลามสายพันธุ์ใหม่

       อังคณาในยามนี้คิดแต่เพียงว่า เธอจะมีหนทางไหนที่จะรอดจากความตายได้ในเวลานี้ ฉลามสีแดงตัวนี้ว่ายวนเข้าใกล้เธอเข้ามาทุกที จนกระทั่งวินาทีสยองก็เกิดขึ้น เมื่อมันวกตัวอ้าปากกว้างพุ่งเข้าหาเธอจากด้านขวา อังคณาทั้งที่ระวังอยู่แล้วและฉากหลบออกทางด้านหลัง แขนขวาของเธอถูกมันงับกระชากขาดติดปากมันไปในวินาทีนั้น

       อังคณากรีดร้องออกมาเมื่อเห็นแขนของเธอขาดออกไปเลือดพุ่งไหลออกมาความเจ็บปวดรุนแรงจนแทบขาดใจ และสติของเธอก็ดับวูบลง

       จะนานแค่ไหนไม่รู้ได้ อังคณารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอยังคงลอยคออยู่ในน้ำ เธอน่าจะตายไปแล้วนี่นา ในขณะนี้รอบบริเวณมืดมิดไปหมดคงจะเป็นเวลากลางคืนเสียแล้ว การมองเห็นเป็นไปได้ไม่ไกลนัก อังคณาปล่อยตัวให้ไหลลอยไปตามคลื่นอย่างหมดอาลัย น้ำตาไหลออกมา

       นี่เป็นครั้งแรกที่เธอคิดถึงแม่และอยากอยู่ใกล้แม่มากที่สุด เพราะตั้งแต่เกิดมา เธอจะปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้แม่ แต่ตลอดมาเธอไม่ค่อยอยู่ใกล้แม่ แม้บางครั้งแม่จะติดตามเธอมาถึงห้องเพื่อนแต่เธอกลับต่อว่าแม่วุ่นวาย ทำให้อับอายเพื่อน แต่ในยามนี้เธออยากให้แม่มาอยู่ใกล้ๆปกป้องภัยให้กับเธอ

       ความหนาวเย็นทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว ความเจ็บปวดวิ่งขึ้นสมองเป็นระลอกและอังคณาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ไม่เพียงแต่แขนขวาเท่านั้นที่เธอเสียไปหากแต่ขาซ้ายเวลานี้ก็ขาดหายไปเหลือแต่ท่อนขาส่วนบนเท่านั้น เสียงตีน้ำดังขึ้นจากทางด้านหัวทำให้ต้องหันไปมองและทันพอที่จะเห็นปากอ้ากว้างงับวูบลงมาที่หัวของเธอความหวาดกลัวผสมกับความเจ็บปวดวูบขึ้นและสติก็ดับลงไปด้วยในวินาทีนั้น

      จะอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้เธอค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งและยังคงลอยคออยู่ในทะเลที่เวิ้งว้าง แต่แขนขาและร่างกายของเธอยังคงอยู่ครบ หรือว่าฝันไป ตอนนี้รอบๆตัวกลับเป็นเวลากลางวันที่ร้อนอบอ้าวอีกครั้ง และอีกหลายชั่วโมงต่อมา อังคณาก็รู้สึกเจ็บปวดราวถูกเข็มทิ่มที่ฝ่าเท้าเหมือนในความฝันเธอก้มลงมองไปใต้น้ำ ไม่ผิดจากที่ฝันบัดนี้ฝูงปลาเล็กๆสีแดงกลับมาจู่โจมเธออีกครั้งและไม่นานจากนี้เจ้าฉลามสีแดงก็คงมาแน่นอน อังคณากรีดร้องออกมาท่ามกลางทะเลที่กว้างใหญ่นั้น

       "นี่มันอะไรกัน...แม่จ๋าช่วยหนูด้วย...หนูกลัวแล้ว...แม่จ๋า"

       และที่ไกลออกไป ณ ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ในเวลาเดียวกันนี้เอง ในศาลาตั้งศพ ที่หน้าโลงมีหญิงอายุราว ๕๐ เธออยู่ในชุดดำ ให้ตายรูปที่หน้าศพนั้นเป็นรูปของอังคณาที่กำลังลอยคอแหวกว่ายอยู่ในทะเลชัดๆ

       "อังคณาลูกแม่...ไม่น่าเลย...แม่บอกแล้วอย่าไปๆ"

      หญิงที่มาร่วมงานยืนซุบซิบกันเบาๆ

       "ไอ้อังคณาที่ฉันเห็น มันทำแต่เรื่องให้แม่มันร้องไห้มาตลอดชีวิตของมันเลยนะ

      ไม่รู้ว่าป่านนี้มันต้องไปว่ายอยู่ในทะเลน้ำตาแม่มัน ชดใช้กรรมอย่างที่เขาเล่ากัน

       ใช่...ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าอังคณาแน่นอน และที่อังคณาไม่รู้ก็คือ เธอต้องเวียนว่ายอยู่ในทะเลน้ำตานี้ไปอีกนานเท่าใดกันแน่

อยู่ที่ไหน ไปที่ใด นั้นไม่แน่

ขอเพียงแค่ ทำแต่ดี มีจิตใส

อยู่ก็ดี ไปก็ดี ไม่มีภัย

จงตั้งใจ ไว้อย่างนี้ มีแต่คุณ...

เครดิต : จากหนังสือ กฏแห่งกรรม เล่มที่ ๒๓


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-12 13:45:38


เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
Nebula Eva
#183
12-03-2012 - 13:42:33

#183 Nebula Eva  [ 12-03-2012 - 13:42:33 ]





กฏแห่งกรรม
ตอน ฉันชื่อราตรี


      ฉันชื่อราตรี คงเหมือนกับชีวิตฉันที่มีแต่ความมืดมน พ่อของฉันเป็นครูอยู่ในโรงเรียนต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง ส่วนแม่ก็มีอาชีพออกเงินให้กู้ ฐานะทางบ้านน่าจะอยู่กันสบาย แต่ไม่ใช่...พ่อติดเหล้า เงินเดือนได้มาเท่าไหร่ก็ลงขวดหมด ค่าใช้จ่ายในบ้านจึงเป็นของแม่คนเดียว ส่วนตัวฉันตอนเรียนมัธยมก็ริคบผู้ชายจนได้เสียกัน พ่อรู้ก็เลยไม่ให้เรียนหนังสือต่อ ฉันก็เลยมาช่วยแม่เก็บดอกเบี้ยเงินกู้แทน พอฉันเริ่มเป็นสาวเต็มตัวก็มีกำนันต่างหมู่บ้านมาชอบพอเขามีลูกเมียแล้ว แต่ฉันไม่สนใจ เพราะเงินเขามีมากพอให้ฉันไปเที่ยวต่างประเทศได้ทุกเดือนโดยฉันไม่เคยคิดถึงหัวอกลูกเมียเขา

       ฉันเริ่มมีเงินเที่ยวเตร่มากขึ้น ได้แต่งตัวสวยๆ มีรถยนต์ขับ ฉันได้รู้จักกับเด็กหนุ่มรุ่นน้องในผับที่ฉันไปเที่ยว ทำให้ฉันรู้สึกกระชุ่มกระชวย เพราะตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับกำนันเหมือนอยู่กับพ่อไม่มีผิด เพราะเขาแก่กว่าฉัน 20 กว่าปี ฉันทุ่มเทให้เด็กหนุ่มทุกอย่างเพราะฉันหลงรักเขา เขาอยากได้อะไรบอกฉันคำเดียวฉันจะหามาให้ทันที มันเหมือนเป็นกรรม กำนันสวมเขาให้เมีย ฉันก็สวมเขาให้กำนันเหมือนกัน ฉันไม่รู้สึกผิดอะไร ฉันมีความรู้สึกสนุกตื่นเต้นตลอดที่คบกับเด็กหนุ่มเหมือนฉันได้กลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง ตอนนี้พ่อแม่ฉันตายหมดแล้ว ฉันจึงมีอิสระมากขึ้นกำนันก็ไม่สามารถมาค้างกับฉันได้ ต้องเช้าไปเย็นกลับ ฉันมีเวลาให้เด็กหนุ่มได้อย่างเต็มที่ ชีวิตฉันมีความสุขอยู่กับการผิดศีลธรรมตลอดชีวิต ฉันคิดว่าบาปกรรมไม่มีจริง ชีวิตฉันผิดศีลข้อ 3 มาโดยตลอด แต่ก็มีความสุขสบายดี เพราะฉันเป็นคนไม่แคร์ความรู้สึกใคร ไม่สนใจใครจะมานินทา

       ฉันมีชีวิตด้วยความประมาทมาเป็นเวลา 20 กว่าปี เวรกรรมไม่เห็นตามทันฉันเลย ต่อมากำนันได้เสียลงเนื่องจากเมาเหล้าแล้วล้มหัวฟาดพื้นห้องน้ำ ฉันมีเงินเก็บก้อนใหญ่ ที่ได้สะสมไว้จากกำนันให้ และฉันก็เอาไปออกดอกให้กู้ เด็กหนุ่มชู้รักก็ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ อีก เราอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย ฉันมีความสุขมาก ชีวิตฉันทำไมถึงเพียบพร้อมอย่างนี้ ต่อมาแฟนฉันก็เริ่มขอเงินไปลงทุนค้าขายกับเพื่อน แล้วเขาก็หายไปครั้งละ 1 อาทิตย์ อ้างว่าต้องไปช่วยเพื่อนขายของฉันก็ไว้ใจ เหมือนกรรมบังตา ฉันเชื่อเขาทุกอย่าง เขาขาดทุนจากการขายของก็ขอเงินทุนฉันใหม่ ฉันก็ให้เขาตลอดเพราะรักเขามาก

       มันเป็นแบบนี้มาเป็นเวลาหลายปี จนเงินทองฉันเริ่มร่อยหรอลง เราเริ่มมีปากเสียงกัน และฉันก็เริ่มล้มเจ็บ ฉันมีไข้ท้องเสีย ฉันไปหาหมอ และได้ตรวจพบว่าฉันติดเอดส์ ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจกฏแห่งกรรมแล้วแฟนฉันได้นำโรคมาติดฉัน และก็หลอกเงินฉันไปให้ผู้หญิง มันเหมือนกรรมที่กำนันหลอกเมียและเอาเงินมาปรนเปรอฉัน ฉันเพิ่งได้รู้สึกหัวอกเมียหลวงที่โดนผัวทรยศ มันเจ็บ มันแค้นแค่ไหน อยากกระอักออกมาเป็นเลือด ที่สำคัญฉันยังติดโรคร้ายมาด้วยสิ ยิ่งร้ายใหญ่ เหมือนกับกรรมมีดอกเบี้ยทบต้นให้ด้วยอย่างนั้น ทุกวันนี้ฉันอยู่คนเดียว ทุกคนทิ้งฉันไปหมด คนละแวกบ้านก็รังเกียจ นี่แหละกรรมที่ฉันทำผิดศีลข้อ 3 มาตลอดชีวิต เมื่อฉันคิดได้ฉันก็อาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว ขอให้เป็นบทเรียนต่อทุกท่านที่กำลังคิดจะผิดศีล หรือผิดศีลไปแล้วขอให้กลับตัวกลับใจซะก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป/ต่าย

เครดิต : หนังสือเรื่องกฏแห่งกรรม เล่มที่ 23


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-12 13:48:41


เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
Nebula Eva
#184
12-03-2012 - 13:42:40

#184 Nebula Eva  [ 12-03-2012 - 13:42:40 ]





กฎแห่งกรรม
ตอน ปลาเป็นเหตุ


       สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ใกล้นครสาวัตถี เช้าวันหนึ่งพระองค์เสด็จไปบิณฑบาตยังนครสาวัตถี ทรงทอดพระเนตรเห็นพวกเด็กหนุ่มกำลังจับปลาในสระแห่งหนึ่งเพื่อจะนำมาปิ้งกิน พระองค์เสด็จไปหาแล้วตรัสถามว่า พวกเธอกลัวความทุกข์ ความทุกข์ไม่เป็นที่รักของพวกเธอมิใช่หรือ เด็กเหล่านั้นกราบทูลว่า อย่างนั้นพระเจ้าข้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าพวกเธอเกลียดกลัวความทุกข์ ก็อย่าทำบาปทั้งในที่ลับและในที่แจ้งเลย ถ้าพวกเธอทำบาปแล้ว แม้จะเหาะหนีไป ก็ไม่อาจพ้นจากความทุกข์ได้เลย

      เหตุใดพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นสัพพัญญูรู้แจ้งทุกสิ่ง จึงทรงเตือนเด็กพวกนั้น เรื่องต่อไปนี้จะเป็นอุทาหรณ์ที่ดี

      ชายคนหนึ่งมีนิสัยชอบเคี้ยวหมาก สูบบุหรี่ และดื่มสุรา ต่อมาได้ป่วยเป็นมะเร็งในโพรงปาก ได้มารักษาในโรงพยาบาลอาการอยู่ในขั้นโคม่า ภายในโพรงปากถูกฝีหนองของมะเร็งกัดกินจนทะลุเป็นรูออกทางแก้มหน้า น้ำหนองไหลออกมาตลอดเวลา แม้อาหารที่กินเข้าไปก็มักไหลออกมาทางรูทะลุด้วย แม้สุราที่เคยชอบ หากดื่มเข้าไปก็เปรียบเหมือนเอาน้ำทองแดงกรอกปากก็ไม่ปานแม้หมากที่เคยเคี้ยวเป็นประจำ ก็กลับกลายเป็นเหมือนกลืนกินลูกเหล็กกลมที่ร้อนแดง เนื่องจากดื่มกินไม่ได้ ประกอบกับจิตใจที่สับสนเศร้าหมอง ร่างกายที่เคยแข็งแรงสมบูรณ์มาก่อนก็ผอมโซลงอย่างรวดเร็ว ในสภาพที่เจ็บป่วยอย่างแสนสาหัสนี้ แพทย์ยังได้ต่อท่ออาหารจากจมูกตรงไปยังกระเพาะอาหารอีกด้วย

       ภรรยาของผู้ป่วยก็อยู่ในสภาพที่เจ็บปวดที่สุด เพราะต้องคอยดูแลทำความสะอาดน้ำเลือดน้ำหนองที่ไหลออกมาอย่างไม่มีวันหมด ทั้งยังต้องเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้เพื่อหาหมอมารักษา และที่สำคัญคือต้องใช้จ่ายเงินทองมากมาย

       ผู้ป่วยได้เล่าให้แพทย์ฟังว่า ปกติตัวเขาชอบไปตกปลา เคี้ยวหมาก ดื่มสุรา ขณะที่ตกปลามีความรู้สึกที่แสนจะสุขสมอารมณ์หมาย แต่ในขณะที่โรคมะเร็งได้กำเริบจนใบหน้าต้องทะลุเป็นรูโบ๋ เขามีความรู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก บัดนี้จึงรู้ว่า ขณะที่เงี่ยงเบ็ดแทงแก้มของปลาจนทะลุ ภายในจิตใจของปลาความรู้สึกกลัวและความเจ็บปวดเป็นอย่างไร

       เสียงกระซิบอันแผ่วเเบาที่ผู้ป่วยพยายามเปล่งออกมาอย่างลำบากยากเย็นนี้ แสดงถึงสำนึกในบาปกรรมของตน เขาได้รู้สึกว่า ช่วงเวลาที่มีความสุขนั้นมันช่างน้อยนิด บาปกรรมที่ทำให้พวกปลาต้องตกใจกลัว และทนทุกข์ทรมาน บัดนี้ได้สะท้อนกลับมายังตนร่างกายต้องเจ็บปวดถูกแทงทะลุที่กระพุ้งแก้ม ขณะที่ตัวเองกลืนน้ำลายก็เปรียบเสมือนถูกไฟเผาหรือถูกมีดกรีดร่างก็ไม่ปาน สภาพที่เจ็บจนทนไม่ไหวนี้ เทียบกับขณะที่ปลาถูกเบ็ดตกขึ้นมาแล้วดิ้นรนเพื่อหาทางรอด ก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก

       ชีวิตของผู้ป่วยรายนี้เป็นบทเรียนที่ลึกซึ้งและเป็นอุทาหรณ์ว่ากฏแห่งกรรมไม่เข้าใครออกใคร กรรมใดใครก่อกรรมนั้นตามสนองแน่นอนที่สุด

เคตดิต : หนังสือ กรรมลิขิต


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-12 13:53:07


เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
Nebula Eva
#185
12-03-2012 - 13:42:45

#185 Nebula Eva  [ 12-03-2012 - 13:42:45 ]





กฎแห่งกรรม
ตอน วิบากกรรมที่ทำให้ "ปากเหม็น"


ปลาทองปากเหม็น

      ครั้งพุทธกาล ยังมีชาวประมงกลุ่มหนึ่งได้ไปออก หาปลาที่แม่น้ำอจิรวดี วันหนึ่งพวกเขาจับปลาที่มีสีดุจดังทองคำได้ตัวหนึ่ง จึงปรึกษากันว่าจะนำไปถวาย พระราชา และพระราชาจักพระราชทานทรัพย์ให้ เมื่อคิดเห็นตกลงกันได้ดังนั้น จึงนำปลาใส่เรือไปถวายให้พระราชา

      เมื่อพระราชาทอดพระเนตรเห็นปลาทองคำ ก็คิดว่า พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่า เหตุใดปลาจึงเป็นทองคำ จึงรับสั่งให้คนนำปลาไปยังวิหารเชตวัน ที่พระพุทธองค์ประทับอยู่เมื่อมาถึงเชตวัน ปลาก็อ้าปากขึ้น เกิดกลิ่นเหม็นเน่า ฟุ้งไปทั่วทั้งวิหาร!!

      พระราชาจึงทูลถามพระศาสดาว่า เพราะเหตุใด ปลาจึงมีสีเหมือนทองคำ และเพราะเหตุใดกลิ่นเหม็นจึงฟุ้งออกจากปากของมัน

      พระพุทธเจ้าได้ตรัสเล่าว่า ปลานี้เคยเป็นภิกษุชื่อกปิละ เป็นพหูสูตร มีบริวารมาก ในสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าทรง พระนามว่ากัสสปะ แต่ถูกความทะยานอยากในลาภครอบงำแล้วด่าบริภาษพวกภิกษุผู้ที่ไม่เชื่อคำของตน ทำให้พระศาสนาเสื่อมลง จึงไปเกิดในอเวจีนรก แล้วก็มาเกิดเป็นปลา แต่ด้วยเหตุที่ภิกษุกปิละได้บอกพระพุทธวจนะกล่าวสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้าสิ้นกาลนาน จึงได้อัตตภาพ มีสีเหลือง เหมือนทองคำ แต่ด้วยกรรมที่ได้ด่าบริภาษภิกษุ ผู้มีศีลทั้งหลายทั้งหลาย ส่งผลให้มีกลิ่นเหม็นฟุ้งออกจากปาก

จากนั้นพระพุทธองค์จึงได้ตรัสถามปลาสีทองตัวนั้นว่า
“เจ้าชื่อกปิละหรือ?”
ปลาทองตอบว่า “พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ชื่อกปิละ”
“เจ้ามาจากไหน”
ปลาตอบว่า “มาจากอเวจีมหานรก..พระเจ้าข้า”
พระศาสดาจึงตรัสถามต่อไปว่า “พระโสธนะพี่ชายใหญ่ ของเจ้าไปไหน”
“พี่ชายใหญ่ปรินิพพานแล้วพระเจ้าข้า”
“แล้วนางสาธนีมารดาของเจ้าเล่า ไปไหน?”
“เกิดในนรกพระเจ้าข้า”
“นางตาปนาน้องสาวของเจ้าไปไหน?”
“เกิดในมหานรก..พระเจ้าข้า”
พระพุทธเจ้าตรัสถามครั้งสุดท้ายว่า “บัดนี้เจ้าจักไปไหน”
“จักไปสู่อเวจีมหานรกดังเดิม..พระเจ้าข้า” ปลาทองกราบทูล แล้วจึงเอาหัวฟาดเรือฆ่าตัวตายในที่นั้นเอง พวกมหาชนในที่นั้นต่างก็สลดใจ และเกิดอาการขนลุกขนชัน!!

จากนั้นพระพุทธองค์จึงได้ตรัสถึงอดีตชาติของปลา กปิละว่า

      ในอดีตกาลแห่งพระศาสนาของพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่า กัสสปะ ซึ่งปรินิพพานแล้ว มีกุลบุตรสองคนพี่น้องออกบวชในสำนักของสาวกทั้งหลาย

      คนพี่ชื่อว่า โสธนะ ส่วนคนน้องชื่อว่า กปิละ มารดาชื่อว่าสาธนี และน้องสาวชื่อว่า ตาปนา ซึ่งทั้งแม่และลูกสาว ก็บวชในสำนักภิกษุณี สองพี่น้องได้ทำวัตรและปฏิบัติแก่พระอาจารย์และพระอุปัชฌาย์ วันหนึ่งจึงได้ถามพระอาจารย์ว่า ธุระในศาสนานี้มีอยู่เท่าไหร่ พระอาจารย์ตอบว่า มี ๒ อย่าง คือ ๑.คันถธุระ ๒.วิปัสสนาธุระ

      พระโสธนะผู้พี่จึงคิดว่า เราจักบำเพ็ญวิปัสสนาธุระ เพราะเราอยู่ในสำนักพระอาจารย์และพระอุปัชฌาย์มาแล้ว ๕ พรรษา เรียนกัมมัฏฐานจนเข้าถึงอรหัตผล เข้าไปสู่ป่าเพื่อบำเพ็ญให้บรรลุอรหัตผล เพราะเรามีอายุมากแล้วส่วนพระกปิละ ก็คิดว่าเรายังหนุ่ม เราจะเรียนคันถธุระ ปล่อยให้พี่ผู้มีอายุมาก เรียนกัมมัฏฐานไปเถิด

      พระโสธนะได้ลาพระอุปัชฌาย์แล้วเข้าไปสู่ป่าบำเพ็ญเพียรอยู่ไม่นานก็บรรลุอรหัตผล ดำรงชีวิตอยู่ในป่า ส่วนพระกปิละก็ตั้งใจศึกษาปริยัติธรรมจนมีความชำนาญ ในหลักธรรม แล้วก็ได้สอนผู้อื่น โดยลำดับ เมื่อสอน พระภิกษุมากขึ้น ลาภสักการะก็มากขึ้น จนเกิดความทะยานอยากในลาภสักการะ และยังบอกด้วยว่าสิ่งที่ไม่สมควรแก่ สมณะ เป็นเรื่องที่สมควรแก่สมณะ และสิ่งที่สมควรแก่สมณะ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรแก่สมณะ รวมทั้งกล่าวถึงสิ่ง ที่มีโทษ ว่าไม่มีโทษ และสิ่งที่ไม่มีโทษ ว่ามีโทษแม้ภิกษุอื่นๆจะพร่ำบอกว่าอย่าได้กล่าวเช่นนี้ แล้วแสดงพระธรรมวินัยกล่าวสอน แต่กปิละก็หาฟังไม่ กลับตวาดภิกษุเหล่านั้นว่าไม่รู้เรื่องอะไร

      ภิกษุทั้งหลายจึงไปแจ้งแก่พระโสธนเถระผู้พี่ พระโสธน เถระ จึงไปหาพระกปิละ แล้วเตือนว่าภิกษุผู้ปฏิบัติชอบทั้งหลายนั้นก็เป็นผู้สืบอายุพระศาสนา เพราะฉะนั้นจงอย่ากล่าว คัดค้านในสิ่งที่ควร ทราบมาว่าพระเถระตักเตือนเธอสองสาม ครั้งแล้ว แต่เธอก็ไม่ฟัง ถ้าเช่นนั้นเธอก็จงรับกรรมที่ทำไว้เถิดตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีภิกษุผู้ปฏิบัติชอบรูปใดตักเตือนและ ข้องเกี่ยวกับพระกปิละอีก มีแต่พวกประพฤติชั่วเท่านั้นที่คอยห้อมล้อม

วันหนึ่งพระกปิละคิดว่าจะสวดปาฏิโมกข์ จึงถือพัดไป ที่โบสถ์ นั่งบนธรรมาสน์แล้วถามขึ้นว่า

“ผู้มีอายุ ปาฏิโมกข์ย่อมเป็นไปเพื่อภิกษุทั้งหลายผู้ประชุมกันแล้วในที่นี้หรือ?”
ภิกษุทั้งหลายนิ่งเสีย เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปโต้ตอบด้วย พระกปิละเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า

“ผู้มีอายุ ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ไม่มีประโยชน์อะไรด้วยปาฏิโมกข์ที่พวกท่านจะฟังหรือไม่ฟัง” พูดจบก็ลุกจากอาสนะ

การกระทำดังกล่าวของพระกปิละนั้น เป็นการทำให้ศาสนา คือปริยัติของพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสปะเสื่อมลง

      ในขณะที่พระโสธนเถระผู้พี่ก็ได้ปรินิพพานในวันนั้นเอง
หลังจากที่พระกปิละสิ้นอายุขัยแล้วก็ไปเกิดในอเวจีมหานรก ส่วนมารดาและน้องสาวที่บวชเป็นภิกษุณี ก็ไปเกิดในอเวจีมหานรกเช่นกัน เพราะทำตามแบบพระกปิละ โดยการด่าว่าภิกษุอื่นๆ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

      พระพุทธเจ้าจึงตรัสสอนว่า นักปราชญ์ทั้งหลายได้กล่าวการประพฤติธรรม ๑ การประพฤติพรหมจรรย์ ๑ ว่าเป็นแก้วอันสูงสุด
และได้ตรัสพระคาถาต่อไปอีกว่า

      ตัณหาดุจเถาย่านทราย ย่อมเจริญแก่คนผู้มีปกติประพฤติประมาท เขาย่อมเร่ร่อนไปสู่ภพน้อยใหญ่ ดังวานร ปรารถนาผลไม้ เร่ร่อนไปในป่าฉะนั้น ตัณหานี้เป็นธรรมชาติลามก มักแผ่ซ่านไปในอารมณ์ต่างๆในโลก ย่อม ครอบงำบุคคลใด ความโศกทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น ดุจหญ้าคมบางอันฝนตกรดแล้วงอกงามอยู่ฉะนั้น แต่ผู้ใด ย่อมย่ำยีตัณหานั้นซึ่งเป็นธรรมชาติลามก ยากที่ใครในโลก จะล่วงไปได้ ความโศกทั้งหลายย่อมตกไปจากผู้นั้น เหมือนหยาดน้ำตกไปจากใบบัวฉะนั้น เพราะฉะนั้น เราบอกกับท่านทั้งหลายว่า ความเจริญจงมีแก่ท่านทั้งหลายบรรดาที่ประชุมกันแล้ว ณ ที่นี้ ท่านทั้งหลายจงขุดรากตัณหาเสียเถิด ประหนึ่งผู้ต้องการแฝก ขุดหญ้าคมบางเสียฉะนั้น มาร อย่าระรานท่านทั้งหลายบ่อยๆ ดุจกระแสน้ำระรานไม้อ้อฉะนั้น

เครดิต : หนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 82 ก.ย. 50 โดยพระมหา ดร.ณรงค์ศักดิ์ ฐิติยาโณ วัดใหม่ยายแป้น


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-12 13:57:37


เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
Nebula Eva
#186
12-03-2012 - 13:42:51

#186 Nebula Eva  [ 12-03-2012 - 13:42:51 ]





กฏแห่งกรรม
ตอน เมียน้อยเสี่ย


       นิดาหญิงสาววัย ๒๒ ปี ทำงานเป็นนักร้องอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง เธอเองมีแฟนอยู่แล้ว แต่แฟนของเธอยังไม่มีอาชีพทำเป็นหลักแหล่งได้แต่เกาะนิดากินไปวันๆ เป็นธรรมดาของอาชีพร้องเพลงทำงานกลางคืนย่อมมีชายอื่นเข้ามาเกาะแกะด้วยหลายคน มีเสี่ยคนหนึ่งอายุราว ๕๐ เศษๆ เกิดมาหลงรักและชอบพอนิดา แต่เสี่ยคนดังกล่าวได้บอกตรงๆกับนิดาว่า ตัวเองก็มีภรรยาแล้วหากจะรับเลี้ยงดูนิดาเป็นเมียน้อยอย่างลับๆจะตกลงหรือไม่นิดาบอกว่าขอเธอคิดดูก่อน หลังจากนั้นเธอก็นำเรื่องนี้ไปเล่าให้แฟนหนุ่มฟังแฟนหนุ่มซึ่งหวังในเงินทองของเสี่ยจึงตอบตกลง และให้นิดาไปเป็นเมียน้อยเสี่ยได้เลย ตัวเขาเองไม่มีปัญหาหึงหวงแต่ประการใด นิดาบอกกับแฟนหนุ่มว่าเธอขอเวลาสักพัก เมื่อปอกลอกเสี่ยจนได้เงินเป็นที่พอใจแล้วเธอกับแฟนหนุ่มก็จะหนีเสี่ยไปอยู่ที่อื่น

       ในเวลาต่อมานิดาจึงกลายมาเป็นเมียน้อยเสี่ย เสี่ยคนนั้นซื้อบ้าน ซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างๆตลอดจนกระทั่งเงินทองปรนเปรอนิดาให้อยู่อย่างสบาย นิดาจึงเลิกจากการเป็นนักร้องเข้ามาอยู่บ้านที่เสี่ยซื้อให้ แต่เธอก็แอบติดต่อกับแฟนหนุ่มตลอดเวลา ตัวของเสี่ยเองมีเวลามาหาเธอเฉพาะวันเสาร์วันอาทิตย์ ดังนั้นวันจันทร์ถึงวันศุกร์นิดาจึงแอบเอาแฟนหนุ่มมาอยู่ในบ้านของเธอ

      จนวันเวลาผ่านไปได้ ๔ เดือนกว่าเธอปอกลอกเสี่ยได้เงินมา ๑ ล้านกว่าๆเมื่อเห็นว่าที่จะเอาไปตั้งหลักได้แล้ว เธจึงแอบขนทรัพย์สินภายในบ้านทั้งรถยนต์และเงินทองหนีไปกับแฟนหนุ่มเหลือเพียงบ้านที่ยังเป็นชื่อของเสี่ยเท่านั้นเนื่องจากยังไม่ได้โอนให้กับเธอ ซึ่งเธอก็ไม่ต้องการอญุ่ต่อแล้วทิ้งไว้ให้เสี่ยดูต่างหน้า

       นิดากับแฟนหนุ่มหนีไปอยู่ยังอีกจังหวัดหนึ่งเธอซื้อบ้านหลังใหม่ด้วยเงินที่เสี่ยให้มาแล้วอยู่กินกับแฟนหนุ่มที่นั่นเมื่ออยู่ๆไป เธอเห็นว่าอยู่เฉยๆเงินก็ต้องใช้อยู่ทุกวัน ถึงแม้เงินที่ได้มาจากเสี่ยยังเหลืออยู่แต่ก็คงจะหมดได้สักวัน ดังนั้นเธอจึงไปสมัครงานเป็นนักร้องอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

       ๓ เดือนต่อมาในคืนวันหนึ่งหลังจากที่นิดาร้องเพลงอยู่ที่ร้านอาหาร พอร้านเลิกเธอก็กลับบ้านแต่พอกลับมาถึงก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก ข้าวของภายในบ้านหายหมด เหลือเพียงบ้านเปล่าๆอีกทั้งรถยนต์ของเธอก็หายไปด้วย เดินทั่วบ้านก็ไม่เห็นแฟนของเธอ เธอจึงรีบไปแจ้งความในทันที พอรุ่งเช้าเธอนำบัตร ATM ที่อยู่ในห้องนอนไปกดเช็คยอดเงินดู ปรากฏว่าเงินในบัญชีไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว แฟนหนุ่มของเธอนั่นเองที่แอบเอาบัตรของเธอไปกดโดยค่อยๆกดทีละน้อยจนเงินหมด และเมื่อสบโอกาสเขาจึงแอบขนของภายในบ้านแล้วหนีไปกับผู้หญิงคนใหม่ที่เขาได้มาเป็นเมียน้อย

เครดิต : หนังสือรวมกฏแห่งกรรม เล่มที่ ๑๘/๒๕๕๐


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-12 14:03:08


เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
เด็กซ่าบ้านแสบ
#187
เด็กซ่าบ้านแสบ
12-03-2012 - 13:42:58

#187 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 12-03-2012 - 13:42:58 ]






หลอนแล้ว ทำไมถึงติดเรื่องแบบนี้ไปได้นะเราโถ่อนาดเลยอ่า


เด็กซ่าบ้านแสบ
#188
เด็กซ่าบ้านแสบ
12-03-2012 - 13:43:51

#188 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 12-03-2012 - 13:43:51 ]






อย่าจองเยอะ แค่นี้ก็หลอนจะตายอยู่แล้ว


Nebula Eva
#189
12-03-2012 - 13:58:41

#189 Nebula Eva  [ 12-03-2012 - 13:58:41 ]





quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

อย่าจองเยอะ แค่นี้ก็หลอนจะตายอยู่แล้ว



- - กฏแห่งกรรมมันหลอนตรงไหนห๊ะเจ้าเ็ด็กบ๊อง



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
เด็กซ่าบ้านแสบ
#190
เด็กซ่าบ้านแสบ
12-03-2012 - 14:08:07

#190 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 12-03-2012 - 14:08:07 ]






quote : Nebula Eva

quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

อย่าจองเยอะ แค่นี้ก็หลอนจะตายอยู่แล้ว



- - กฏแห่งกรรมมันหลอนตรงไหนห๊ะเจ้าเ็ด็กบ๊อง

ก็หลอนอ่าอ่านหน้าเก่าๆแล้วมันก็เลยทำให้หลอนขึ้นอีก


Nebula Eva
#191
12-03-2012 - 14:11:11

#191 Nebula Eva  [ 12-03-2012 - 14:11:11 ]





quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

quote : Nebula Eva

quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

อย่าจองเยอะ แค่นี้ก็หลอนจะตายอยู่แล้ว



- - กฏแห่งกรรมมันหลอนตรงไหนห๊ะเจ้าเ็ด็กบ๊อง

ก็หลอนอ่าอ่านหน้าเก่าๆแล้วมันก็เลยทำให้หลอนขึ้นอีก



- - ไปอ่านปลงสังขารยัง พี่เรียบเรียงความทรงจำบทนี้ตั้งหลายวันกว่าจะนึกออก



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
เด็กซ่าบ้านแสบ
#192
เด็กซ่าบ้านแสบ
12-03-2012 - 14:15:15

#192 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 12-03-2012 - 14:15:15 ]






quote : Nebula Eva

quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

quote : Nebula Eva

quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

อย่าจองเยอะ แค่นี้ก็หลอนจะตายอยู่แล้ว



- - กฏแห่งกรรมมันหลอนตรงไหนห๊ะเจ้าเ็ด็กบ๊อง

ก็หลอนอ่าอ่านหน้าเก่าๆแล้วมันก็เลยทำให้หลอนขึ้นอีก



- - ไปอ่านปลงสังขารยัง พี่เรียบเรียงความทรงจำบทนี้ตั้งหลายวันกว่าจะนึกออก

อ่านแล้วเรียงแบบเยอะมาก


Nebula Eva
#193
13-03-2012 - 23:30:20

#193 Nebula Eva  [ 13-03-2012 - 23:30:20 ]





กิจกรรมคั่นเวลา



เนื่องด้วยเกิดอารมณ์อยากจะจัดน่ะ ก็เลยจัด....(งงไหมนี่)

กิจกรรมนี้มีชื่อว่า"สัตว์ประหลาดในจินตนาการ"


สามารถสอบถามพูดคุยได้ที่กระทู้นี้!!

หากต้องการสมัครให้ไปที่กระทู้กิจกรรม!!




แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-15 17:00:35


เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
เด็กซ่าบ้านแสบ
#194
เด็กซ่าบ้านแสบ
13-03-2012 - 23:33:25

#194 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 13-03-2012 - 23:33:25 ]






เออ โปรแรม เพนท์ ได้ไหม ไม่มีืเครื่องแสกนอ่ะ


Nebula Eva
#195
13-03-2012 - 23:37:05

#195 Nebula Eva  [ 13-03-2012 - 23:37:05 ]





quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

เออ โปรแรม เพนท์ ได้ไหม ไม่มีืเครื่องแสกนอ่ะ


วาดเสร็จถ่ายภาพมาลงก็ได้



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
i3aNNoKz
#196
13-03-2012 - 23:46:11

#196 i3aNNoKz  [ 13-03-2012 - 23:46:11 ]







แวะมาให้กำลังใจ จขกท.


เด็กซ่าบ้านแสบ
#197
เด็กซ่าบ้านแสบ
13-03-2012 - 23:47:01

#197 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 13-03-2012 - 23:47:01 ]






quote : Nebula Eva

quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

เออ โปรแรม เพนท์ ได้ไหม ไม่มีืเครื่องแสกนอ่ะ


วาดเสร็จถ่ายภาพมาลงก็ได้


คือเราไม่มีกล้องเเล้วก้เครื่องแสกนนะ


nanaavril
#198
13-03-2012 - 23:52:34

#198 nanaavril  [ 13-03-2012 - 23:52:34 ]






quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

quote : Nebula Eva

quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

เออ โปรแรม เพนท์ ได้ไหม ไม่มีืเครื่องแสกนอ่ะ


วาดเสร็จถ่ายภาพมาลงก็ได้


คือเราไม่มีกล้องเเล้วก้เครื่องแสกนนะ

เรื่องมากจริงวุ้ย ไม่ต้องแข่งเลยยังจะดีกว่าไหมเจ้าเด็กบ๊อง <=== ยืมอีฟซ่ามานะ



O_o
Nebula Eva
#199
13-03-2012 - 23:55:52

#199 Nebula Eva  [ 13-03-2012 - 23:55:52 ]





quote : nanaavril

quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

quote : Nebula Eva

quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

เออ โปรแรม เพนท์ ได้ไหม ไม่มีืเครื่องแสกนอ่ะ


วาดเสร็จถ่ายภาพมาลงก็ได้


คือเราไม่มีกล้องเเล้วก้เครื่องแสกนนะ

เรื่องมากจริงวุ้ย ไม่ต้องแข่งเลยยังจะดีกว่าไหมเจ้าเด็กบ๊อง <=== ยืมอีฟซ่ามานะ


(เจ้าเด็กบ๊อง=เจ้ากบบ๋อง ดัดแปลงมาจาก เคโรโระ)

ว่าแต่เจ๊สนใจประกวดด้วยไหมไหม



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
nanaavril
#200
13-03-2012 - 23:57:18

#200 nanaavril  [ 13-03-2012 - 23:57:18 ]






quote : Nebula Eva

quote : nanaavril

quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

quote : Nebula Eva

quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

เออ โปรแรม เพนท์ ได้ไหม ไม่มีืเครื่องแสกนอ่ะ


วาดเสร็จถ่ายภาพมาลงก็ได้


คือเราไม่มีกล้องเเล้วก้เครื่องแสกนนะ

เรื่องมากจริงวุ้ย ไม่ต้องแข่งเลยยังจะดีกว่าไหมเจ้าเด็กบ๊อง <=== ยืมอีฟซ่ามานะ


(เจ้าเด็กบ๊อง=เจ้ากบบ๋อง ดัดแปลงมาจาก เคโรโระ)

ว่าแต่เจ๊สนใจประกวดด้วยไหมไหม

เจ๊วาดรูปไม่เก่งเลย
แบบว่า วาดแล้วอายเด็กอนุบาลเลยอ่ะ

แต่จะมาช่วยโหวตให้แล้วกัน


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-13 23:57:41


O_o

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ