โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
รวมเรื่องลึกลับ ตำนาน และความหลอน [เลิกอัพกระทู้นี้ถาวร]
เด็กซ่าบ้านแสบ
#241
เด็กซ่าบ้านแสบ
31-03-2012 - 21:00:18

#241 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 31-03-2012 - 21:00:18 ]






<<<<< อะไรกันเนี่ยพวกโรคจิต (<<< สุดท้านก็เป็นเองจนได้)


Nebula Eva
#242
31-03-2012 - 21:01:23

#242 Nebula Eva  [ 31-03-2012 - 21:01:23 ]





quote : เอ็ดเวิร์ด

quote : Nebula Eva


Gloomy Sunday




เดี๋ยวนี้เพลงนี้ดัง สำหรับคนโรคจิต



เพลงนี้เราใช้เป็นเพลงประจำกระทู้ตั้งแต่ตอนตั้งกระทู้แรกๆแล้วจ๊ะ ไม่ต้องเป็นคนโรคจิตหรอก มันใช้ฟังเวลานอนไม่หลับน่ะ^^



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
Nebula Eva
#243
31-03-2012 - 21:05:14

#243 Nebula Eva  [ 31-03-2012 - 21:05:14 ]





quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

<<<<< อะไรกันเนี่ยพวกโรคจิต (<<< สุดท้านก็เป็นเองจนได้)


อาถรรพ์เนบิวล่า



^^



ซะเมื่อไรฟ่ะ ใครโรคจิต อย่าเอาเราเข้าไปเหมารวมเซ่ เดี๋ยวโบกปลิวเลย
มาเหมารวมคนที่เข้ามาในนี้ว่าโรคจิตเดี๋ยวโดนยำหรอก^^*



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
เอ็ดเวิร์ด
#244
เอ็ดเวิร์ด
01-04-2012 - 17:30:26

#244 เอ็ดเวิร์ด  [ 01-04-2012 - 17:30:26 ]





quote : Nebula Eva

quote : เอ็ดเวิร์ด

อ่านแล้วครับ แต่บางตอนยังไม่อ่าน น่าจะปเิดชมรม จะได้มีคนมาเข้าและ1ในนั้นคือผม ที่จะมาเข้าและช่วยหาข้อมูลให้

ต้องการหาคนช่วยอีกคนไหมครับอีฟ


หึหึ น่าสนนะ แต่ขอคิดดูก่อน (ตั้งชมรมเสีย 1000ซิมโมลิออน T^T กว่าจะเก็บได้ครบ)

เหอๆถ้าตั้งแล้วจะรีบบผ่นมาสมัครเลยแต่เจอเรื่องอะไรเด็ดๆแล้วสิ



เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#245
เอ็ดเวิร์ด
01-04-2012 - 17:34:13

#245 เอ็ดเวิร์ด  [ 01-04-2012 - 17:34:13 ]





ปล.ขอช่วยหัวหน้ากลุ่มเผยแพร่นะครับถ้าเรื่องนี้มีแล้วขออภัย ถ้าดูสารบัญแล้วมันตาลาย

"ตำนานแฮปปี้แลนด์ สวนสนุกสยอง" (ย้ำครับเป็นเรื่องจริง)

คงไม่ค่อยน่ากลัวหรอกนะครับ ผมไม่รับประกันว่าน่ากลัวหรือเปล่าเพราะที่เอาลงตัวเองยังไม่อ่านเลย

แฮปปี้แลนด์ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเดอะมอลล์บางกะปิ กรุงเทพมหานคร เป็นจุดที่รถเมล์สาย 8 หมดระยะ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักแฮปปี้แลนด์ แฮปปี้แลนด์สมัยก่อนเป็นสวนสนุกที่มีตำนานที่น่าสะพรึงกลัวมาก มีเครื่องเล่นมากมายอย่างเช่น ชิงช้าสวรรค์ รถไฟเหาะ เรือหรรษา ปาเป้า ม้าหมุน ชิงช้า กระดานหก บ้านผีสิงหลังเล็กๆ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ไม่หรูเท่าแดนเนรมิต แฮปปี้แลนด์จะออกสไตล์สวนสนุกตามงานวัด เป็นสวนสนุกที่ทำให้คนชั้นกลางถึงชั้นรากหญ้าเล่นโดยเฉพาะ แดนเนรมิตจะไฮโซกว่ามาก คนสมัยก่อนนิยมไปเล่นที่นี่มากพอๆ กับที่แดนเนรมิต ตอนนั้นดรีมเวิลดิ์ยังไม่ได้สร้าง

นานๆ เข้าเครื่องเล่นส่วนใหญ่ก็เก่าและชำรุดไปตามกาลเวลา ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนคนเล่นบางคนตาย ซึ่งแปลกมากที่ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆ ทั้งนั้น เช่น นั่งชิงช้าสวรรค์หรือม้าหมุนแล้วพลัดตกลงมาตายบ้าง เล่นเรือหรรษาแล้วเกิดพลัดตกน้ำจมน้ำตายบ้าง ตกราวรถไฟเหาะตายบ้าง บางคนก็ถูกฆ่าหั่นศพในบ้านผีสิงแล้วเอาศพทิ้งไว้จนเน่าในนั้นเลย แต่ละคนตายแบบแปลกๆ และสยองขวัญมากๆ ตายแบบไม่มีคนเห็นด้วย ลือกันว่ามีฆาตกรโรคจิตคนหนึ่งชอบลักพาตัวเด็กที่มาเล่นเครื่องเล่นตอนกลาง วัน แล้วเชือดคอฆ่าทิ้งในตอนกลางคืน ทิ้งศพไว้ตามบริเวณต่างๆ ของสวนสนุก แฮปปี้แลนด์จึงเต็มไปด้วยศพของเด็กจำนวนมาก และไม่มีใครรู้ว่าฆาตกรคนนั้นเป็นใคร ทำไปเพื่อจุดประสงค์อะไร แต่ทางสวนสนุกต้องปิดข่าวเอาไว้เพราะกลัวคนที่มาเล่นจะตกใจ แฮปปี้แลนด์ในตอนนั้นจึงเป็นสวนสนุกที่เด็กมาเล่นแล้วตายมากที่สุด แต่ไม่ค่อยมีคนรู้ !

นานวันเข้า เครื่องเล่นเก่าและเจ๊งมากขึ้น คนเล่นก็ตายมากขึ้นด้วย ข่าวเริ่มปิดไม่มิด ทำให้สวนสนุกแฮปปี้แลนด์ไม่มีคนกล้ามาเล่นมากเท่าเมื่อก่อน ในที่สุดก็เจ๊ง ถูกรื้อ และกลายเป็นที่รกร้างไป ผ่านไปหลายปี มีคนคิดมาเปิดตลาดขายของที่นี่ และเปลี่ยนจาก สวนสนุกแฮปปี้แลนด์ เป็น “ ตลาดสด แฮปปี้แลนด์ “ จนถึงปัจจุบัน ( ป้ายยังมีอยู่ ถ้าไปก็ยังเห็นครับ ) ตอนนี้แฮปปี้แลนด์ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกแล้วเพราะมีแต่ของมาขายเยอะมาก แต่กลางคืนก็ยังไม่คอยมีใครกล้าเดินแถวนั้นคนเดียวเพราะกลัวผี ลือกันว่าตอนดึกๆ คนที่มีบ้านอยู่แถวแฮปปี้แลนด์นั้นจะได้ยินเสียงเด็กๆ ร้องกันเสียงดังจ้อกแจ้กดังมาจากที่ไหนซักแห่งไกลๆ ราวกับว่าเด็กพวกนั้นกำลังเล่นเครื่องเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนานเลยทีเดียว แต่พอออกไปดูก็ไม่เห็นอะไรเลย มีคนเคยบอกว่า เนื่องจากเด็กๆ พวกนี้ตายขณะที่ยังสนุกกับเครื่องเล่นอยู่ และพวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าตนเองตายไปแล้ว พวกเขาจึงยังคงเล่นกันต่อไปจนกว่าจะไปเกิดใหม่ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มี เครื่องเล่นหลงเหลืออีกแล้วก็ตาม หรือไม่พวกเขาก็อาจจะกำลังหาเครื่องเล่นที่ตนเองเล่นก่อนจะตายอยู่ก็ได้ ไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่สิ่งที่รู้คือ วิญญาณตายโหงของเด็กๆ พวกนั้นยังวนเวียนอยู่ในแฮปปี้แลนด์จนถึงทุกวันนี้

ทั้งหมดนี้คือตำนานของสวนสนุกแฮปปี้แลนด์ครับ


เครดิต/ขอบคุณเว็บthaiseoboardครับ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-04-01 17:49:42


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#246
เอ็ดเวิร์ด
01-04-2012 - 17:39:32

#246 เอ็ดเวิร์ด  [ 01-04-2012 - 17:39:32 ]





“พระนางเรือล่ม” ดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่วัดกู้

ปล.ยังไม่ได้อ่านเช่นกันนะครับ

ณ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา “วัดกู้” ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ในอดีตสถานที่นี้คือ จุดเกิดโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ยุคแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5




เหตุครั้งนั้นทำให้พระนางอันเป็นที่รักยิ่งของเจ้าแผ่นดินต้องมาสังเวยชีวิตสิ้นพระชนม์ลง ณ กลางแม่น้ำนั้น

เหตุการณ์คราวนั้นถึงกับทำให้ “เจ้าเหนือหัว” ของคนไทย “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ถึงกับทรงพระกรรณแสง เพราะเป็นที่รู้กันตามประวัติศาสตร์ว่า ในบรรดาพระมเหสีและเจ้าจอมทั้งหลายนั้น “สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี” หรือที่เราคนไทยคุ้นกับพระนามของพระองค์ว่า “พระนางเรือล่ม” นั้นทรงเป็น “ที่รัก” และโปรดปรานยิ่งของ “องค์พระพุทธเจ้าหลวง”

พระประวัติ “พระนางเรือล่ม” พระองค์ทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ลำดับที่ 50 พระมารดาคือ สมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม) ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน ปีวอก พ.ศ. 2403 ณ พระบรมมหาราชวังทรงถวายองค์เป็นพระมเหสีในรัชกาลที่ 5 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 17 พรรษา ด้วยมีพระสิริโฉมงดงาม พระสติปัญญาฉลาดเฉียบแหลม จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็น “พระอัครมเหสี” และยังเป็นที่โปรดปรานสนิทเสน่หายิ่งกว่าพระอัครมเหสีองค์อื่น ๆ

สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ ทรงมีพระราชธิดา พระองค์แรกเมื่อพระชนมายุได้ 19 พรรษา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์ เพชรรัตน์ จวบกระทั่งวันที่เสด็จทิวงคตเพราะเรือล่ม ณ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2423 ขณะกำลังเสด็จฯ มายัง พระราชวังบางปะอินพระองค์ก็ทรงพระครรภ์ได้ 5 เดือน

เหตุสลดในวันนั้นเล่ากันว่า สาเหตุที่ทำให้เรือของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ ล่ม เนื่องเพราะเรือพระพันปีหลวง หรือสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถบรมราชชนนี พันปีหลวงแล่นแซง ประกอบกับนายท้ายเรือของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ เมาเหล้า ขาดสติในการควบคุมเรือเรือจึงล่ม และทั้งที่พระองค์ก็ทรงว่ายน้ำได้ แต่เพราะความที่ทรงห่วงพระราชธิดา จึงต้องสิ้นพระชนม์ไปพร้อม ๆ กัน รวมทั้งพระพี่เลี้ยง รวมทั้งสิ้น 4 ศพ ที่จมอยู่ใต้ท้องเรือโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะติดอยู่ที่กฎมณเฑียรบาลว่า ห้ามผู้ใดแตะต้องพระวรกายพระมเหสีมิฉะนั้นจะถูกประหารทั้งโคตร

โศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นนี้ก่อนเกิดเหตุ ได้มีลางร้ายมาเตือนล่วงหน้าแล้วโดยก่อนที่เรือจะล่มในคืนหนึ่ง สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ ได้ทรงพระสุบินว่า พระธิดาของพระองค์ตกลงไปในน้ำ ด้วยความตกพระทัยจึงรีบคว้าพระธิดาจนตกลงไปในน้ำด้วยกัน แล้วได้ตื่นจากบรรทม ครุ่นคิดถึงการเสด็จฯ ไปพระราชวังบางปะอิน ในวันรุ่งขึ้นว่าต้องมีเหตุอะไรเกิดขึ้นกับพระองค์เป็นแน่ แต่ก็ยังหลีกเลี่ยงชะตากรรมไม่ได้จนพบจุดจบในที่สุด







การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ ในครั้งนั้นมีเสียงร่ำลือในวังหลวงอย่างอื้ออึงว่า เพราะเป็นแผนการที่จงใจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ จากความอิจฉาริษยาของบรรดามเหสี และสนมนางในที่คิดหาหนทางกำจัด จนทำให้พระนางอันเป็นที่รักของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ต้องมาสิ้นพระชนม์ท่ามกลางข้อกังหา และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้าน และชาววังในยุคนั้น ก็ยังมีเรื่องน่าพิศวงอันเกิดจากอาถรรพณ์ของดวงพระวิญญาณตามมาด้วย


เล่ากันว่าขณะกำลังงมค้นหาพระศพในวันที่เรือพระที่นั่งล่ม โดยชาวบ้านแถวนั้นทนเห็นเหตุการณ์ไม่ไหว พยายามช่วยลงมางมค้นหาพระศพก็เกิดเหตุอัศจรรย์ที่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ถึงขนาดทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ก็ไม่สามารถพบพระศพ จึงต้องไปเชิญหลวงจีนท่านหนึ่งนามว่า “สกเห็ง” ซึ่งเชี่ยวชาญทางวิปัสสนานั่งทางในมาทำการเสี่ยงทาย โดยเสกถ้วยน้ำชาให้ลอยไปตามกระแสน้ำหากถ้วยชาจมลงตรงจุดใด ก็ให้ชาวบ้านและทหารช่วยกันลงไปงมหา ซึ่งในที่สุดก็สามารถหาพระศพจนพบ ลักษณะพระศพที่เห็นนำความเศร้าสลดมาสู่สายตาผู้พบเห็นยิ่งนัก เป็นภาพพระนางโอบพระธิดาไว้แนบอก และพระศพที่พบก็จมอยู่ใต้ซากเรือพระที่นั่งนั่นเอง


และเพราะเหตุที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ ทรงสิ้นพระชนม์จากเรือพระที่นั่งล่มที่หน้าวัดกู้ กลางลำน้ำเจ้าพระยา จ.นนทบุรี ชาวบ้านจึงได้ร่วมใจตั้งศาลพระนางเรือล่มขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ บริเวณนี้เคยเป็นสถานที่กู้พระศพของพระองค์ ซึ่งต่อมาหลังจากผ่านเหตุการณ์นี้มานานมากแล้ว ก็ยังเกิดเรื่องเล่าถึงดวงวิญญาณพระนางเรือล่มตามมามากมาย


มีผู้พบเห็น และร่วมอยู่ในเหตุการณ์ความศักดิ์สิทธิ์ของดวงพระวิญญาณพระนางเรือล่มหลายครั้ง โดยชาวบ้านในละแวกวัดเล่าว่า ในสมัยก่อนที่หน้าศาลของพระนางเรือล่ม มักมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นเสมอโดยหลาย ๆ ครั้งจะมีฝูงจระเข้ว่ายน้ำมาคำนับที่หน้าศาลอยู่เป็นประจำ ทั้งที่ปกติจระเข้มักว่ายอยู่ใต้น้ำ แต่อาจเป็น เพราะจระเข้รับรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ท่าน ดังนั้นเวลาว่ายน้ำผ่านหน้าศาลทีไร จระเข้ทุกตัวเป็นต้องลอยตัวขึ้นมาคำนับทุกครั้งไป





นอกจากนี้ยังเคยเกิดเหตุการณ์แปลก ๆ ขึ้นกับคนต่างถิ่น ที่ไม่เคยรู้จักเรื่องราวของพระองค์ท่าน บางคนดั้นด้นมาที่วัดกู้ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมา ก็เพราะเขาฝันว่ามีผู้หญิงสูงศักดิ์ท่านหนึ่งมาเข้าฝันบอกให้มาที่วัดกู้แล้วจะมีโชค เมื่อมาถึงก็ต้องตกตะลึง เมื่อมาเห็นภาพ และพระรูปปั้นที่อยู่ในศาลนั้นเหมือนกับผู้หญิงในความฝันไม่ผิดเพี้ยน


อาถรรพณ์จากความศักดิ์สิทธิ์ของพระนางเรือล่มยังมีเล่ากันต่อมาอีกว่า เคยมีบางคนลบหลู่ไม่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พูดจาดูหมิ่นขณะพูดจบไม่ทันไรก็มีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น โดยจู่ ๆ ก็วิ่งไปที่ท่าน้ำไม่รู้เนื้อรู้ตัวทำท่าจะกระโดดน้ำตาย หรืออย่างบางคนที่ชอบมาท้าสาบานที่ศาลของพระองค์ว่า ถ้าผิดจริงขอให้จมน้ำตาย ปรากฏว่าได้ตายสมใจ โดยตายอยู่ในอ่างน้ำตื้น ๆ ดังนั้นถ้าใครคิดมาลองสาบานอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าที่ศาลพระนางเรือล่ม ที่วัดกู้ ต้องขอบอกก่อนว่าอย่าเสี่ยงเป็นอันขาด



ทุกวันนี้ชาวบ้านแถบ จ.นนทบุรี และผู้ที่มาจากต่างจังหวัดยังคงแวะเวียนมากราบไหว้พระนางเรือล่มที่ศาลอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่นิยมนำมาถวายพระองค์ท่านก็คือกล้วยเผา มาพร้าวอ่อนและพวงมาลัยมะลิสดส่วนศาลที่เห็นในปัจจุบันจะมี 2 ศาล คือศาลที่อยู่ริมน้ำกับศาลที่ตั้งอยู่ภายในวัด ซึ่งศาลนี้อันที่จริงเป็นศาลเดิม เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ศาลนี้เดิมก็อยู่ริมน้ำ แต่เพราะเวลาผ่านไปทำให้ดินทับถมกลายเป็นแผ่นดินงอกใหม่ ศาลนี้เลยกลายเป็นตั้งอยู่บนดินไป


เครดิต/ขอบคุณdek-d.comนะครับ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-04-01 17:49:16


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เด็กซ่าบ้านแสบ
#247
เด็กซ่าบ้านแสบ
01-04-2012 - 17:40:38

#247 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 01-04-2012 - 17:40:38 ]






สตรีหิมะ หรือ ยูกิอนนะ (yuki onna– นางหิมะ)เจ้าหญิงหิมะ ( Yuki-onna ) 雪女



เจ้าหญิงหิมะเป็นปิศาจสาวที่สิงสถิตอยู่ในภูเขาหิมะ นางมีหน้าตาที่สวยมาก ดวงตาที่เป่งประกายแต่แฝงไปด้วยความเหี้ยมโหดของ ผิวขาวเผือดราวกับหิมะ และสวมใส่ชุดกิโมโนสีขาวบริสุทธิ์



เจ้าหญิงหิมะจัดเป็นภูติพรายภูเขา นางจะอาศัยอยู่บนภูเขาที่มีหิมะตกหนักอยู่ตลอดเวลา และเมื่อมีชายหนุ่มหลงเข้าไปในหุบเขาหิมะ นางจะปรากฎกายต่อหน้าและใช้ความงามของนางเป็นเสน่ห์ยั่วยวนชายผู้นั้น จนชายผู้นั้นหลงใหลด้วยมนต์สะกด ทันใดนั้นร่างของชายผู้เคราะห์ร้ายก็จะถูกหิมะปกคลุม เมื่อถึงเวลานั้นนางก็จะดูดเอาพลังวิญญาณของชายผู้นั้นไป จนกระทั่งรุ่งเช้ารอคนมาพบศพเข้า ชายผู้นั้นก็นอนตัวแข็งทื่อสีกายซีดเผือดอยู่ตรงนั้นแล้ว



เจ้าหญิงหิมะต้องการพลังวิญญาณแห่งบุรุษเพศไปเพิ่มพลังปิศาจให้กับตนด้วยเหตุนี้ชายคนใดที่พบนางเข้านับว่าดวงซวยเพราะจะไม่มีโอกาศรอดชีวิตเลย



แต่มีตำนานที่เล่าขานถึงความรักที่แท้จริงของเจ้าหญิงหิมะกับชายหนุ่มมนุษย์อยู่บ้าง ดังเช่นตำนานนี้…



ชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นหลานของคนตัดไม้แก่ พากันขึ้นภูเขาหิมะไปตัดไม้ แต่แล้วเกิดพายุหิมะพัดกระหน่ำ ทั้งสองต่างหนีเอาตัวรอดแต่ทันใดนั้นก็พบกับกระท่อมร้างหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ ชายทั้งสองจึงพากันเข้าไปหลบพายุแล้วเผลอหลับไป



อากาศภายในเย็นมาก ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีหญิงสาวสวยราวกับไม่ใช่คนบนโลกเดินเข้ามาในกระท่อม หญิงสาวผู้นั้นเดินที่ชายแก่แล้วก้มลงดูดพลังวิญญาณของชายแก่ตัดไม้จนตัวแข็งตายไปทันใด ชายหนุ่มเห็ยจึงกลัวมาก



หญิงผู้นั้นเหลือบสายตามาเห็นชายหนุ่มก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินเข้ามาหา นางพูดว่า " เจ้าไม่ต้องกลัวข้า ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก เพียงแต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะไม่บอกสิ่งที่เห็นนี้กับใครทั้งหมดรวมทั้งพ่อแม่เจ้าด้วย…" ชายหนุ่มรับปากไปเพราะความกลัว ว่าแล้วนางหิมะผู้นั้นก็เดินหายออกไปจากกระท่อม



5 ปีต่อมา ชายหนุ่มคนนั้นได้แต่งกับลูกสาวตระกูลขุนนางมั่งคั่ง ชายหนุ่มมองนางแล้วครุ่นคิดว่านางมีหน้าตาคล้ายกับใครบางคนที่เขาเคยเจอมาก่อน และแล้วทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน



วันเวลาผ่านไปนานนับ ชายหนุ่มกับหญิงสาวผู้นั้นได้มีบุตรกันถึง 5 คน นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก แต่ทั้งสองก็เลี้ยงดูครอบครัวด้วยดี จนถึงวันหนึ่งชายหนุ่มย่องไปหาหญิงสาวที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่ เขาครุ่นคิดมานานว่านางหน้าเหมือนกับหญิงสาวที่เขาเคยเจอ เขาเลยตัดสินใจเล่าเรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นบนภูเขาหิมะให้นางฟัง



ทันใดนั้นนางก็โกรธมากจึงกรีดร้องออกมา และหันหน้ามาทางชายหนุ่มพร้อมกับจำแลงร่างคืนดั่งเดิม ชายหนุ่มตกใจกลัวมากเมื่อรู้ว่านางคือปิศาจที่ตนเจอบนภูเขานั้น นางบีบคอชายหนุ่มจนขาพ้นพื้นแล้วพูดอย่างโกรธแค้นว่า " ยังไงเสียข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้หรอก แต่เจ้าต้องดูแลลูกๆ ของข้าให้ดี ถ้าวันใดเจ้าผิดคำสัญญาข้าจะตามมาเอาชีวิตเจ้า…" ว่าแล้วนางก็หายวับไปกลายเป็นละอองไอหิมะ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด…



ว่ากันว่าเจ้าหญิงหิมะเป็นผีที่เกิดจากวิญญาณหญิงสาวที่ต้องตายอย่างทรมานในวันหิมะตกหนัก บ้างก็ว่าเป็นการจำแลงมาของวิญญาณภูเขา



อีกตำนานหนึ่งเล่าขานไว้ว่า เจ้าหญิงหิมะจะปรากฏกายมาพร้อมกับทารกที่นางอุ้มไว้ในอ้อมอก ชายใดที่พบนางเข้านางจะขอร้องให้ชายผู้นั้นช่วยอุ้มทารกต่อจากนาง และถ้าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายหลงกลเข้าแล้ว ร่างของทารกน้อยก็จะปล่อยไอเย็นยะเยือกเข้าจับจนเหยื่อแข็งตายคาที่ ถึงตำนานจะแตกต่างกันมามายก็ตาม แต่ที่มีส่วนเหมือนๆ กัน ก็คือ ยูกิ อนนะ เป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยจนมองดูด้วยตาก็รู้ว่านางไม่ใช่คนบนโลก…



นอกจากตำนานเจ้าหญิงหิมะแล้วก็ยังมี เด็กหนุ่มหิมะ ตาเฒ่าหิมะ แม่เฒ่าหิมะ จิ้งจอกหิมะ ซึ่งก็เป็นปิศาจในตระกูลเดียวกัน


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-04-01 17:40:49

เอ็ดเวิร์ด
#248
เอ็ดเวิร์ด
01-04-2012 - 17:41:31

#248 เอ็ดเวิร์ด  [ 01-04-2012 - 17:41:31 ]





quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

สตรีหิมะ หรือ ยูกิอนนะ (yuki onna– นางหิมะ)เจ้าหญิงหิมะ ( Yuki-onna ) 雪女



เจ้าหญิงหิมะเป็นปิศาจสาวที่สิงสถิตอยู่ในภูเขาหิมะ นางมีหน้าตาที่สวยมาก ดวงตาที่เป่งประกายแต่แฝงไปด้วยความเหี้ยมโหดของ ผิวขาวเผือดราวกับหิมะ และสวมใส่ชุดกิโมโนสีขาวบริสุทธิ์



เจ้าหญิงหิมะจัดเป็นภูติพรายภูเขา นางจะอาศัยอยู่บนภูเขาที่มีหิมะตกหนักอยู่ตลอดเวลา และเมื่อมีชายหนุ่มหลงเข้าไปในหุบเขาหิมะ นางจะปรากฎกายต่อหน้าและใช้ความงามของนางเป็นเสน่ห์ยั่วยวนชายผู้นั้น จนชายผู้นั้นหลงใหลด้วยมนต์สะกด ทันใดนั้นร่างของชายผู้เคราะห์ร้ายก็จะถูกหิมะปกคลุม เมื่อถึงเวลานั้นนางก็จะดูดเอาพลังวิญญาณของชายผู้นั้นไป จนกระทั่งรุ่งเช้ารอคนมาพบศพเข้า ชายผู้นั้นก็นอนตัวแข็งทื่อสีกายซีดเผือดอยู่ตรงนั้นแล้ว



เจ้าหญิงหิมะต้องการพลังวิญญาณแห่งบุรุษเพศไปเพิ่มพลังปิศาจให้กับตนด้วยเหตุนี้ชายคนใดที่พบนางเข้านับว่าดวงซวยเพราะจะไม่มีโอกาศรอดชีวิตเลย



แต่มีตำนานที่เล่าขานถึงความรักที่แท้จริงของเจ้าหญิงหิมะกับชายหนุ่มมนุษย์อยู่บ้าง ดังเช่นตำนานนี้…



ชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นหลานของคนตัดไม้แก่ พากันขึ้นภูเขาหิมะไปตัดไม้ แต่แล้วเกิดพายุหิมะพัดกระหน่ำ ทั้งสองต่างหนีเอาตัวรอดแต่ทันใดนั้นก็พบกับกระท่อมร้างหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ ชายทั้งสองจึงพากันเข้าไปหลบพายุแล้วเผลอหลับไป



อากาศภายในเย็นมาก ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีหญิงสาวสวยราวกับไม่ใช่คนบนโลกเดินเข้ามาในกระท่อม หญิงสาวผู้นั้นเดินที่ชายแก่แล้วก้มลงดูดพลังวิญญาณของชายแก่ตัดไม้จนตัวแข็งตายไปทันใด ชายหนุ่มเห็ยจึงกลัวมาก



หญิงผู้นั้นเหลือบสายตามาเห็นชายหนุ่มก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินเข้ามาหา นางพูดว่า " เจ้าไม่ต้องกลัวข้า ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก เพียงแต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะไม่บอกสิ่งที่เห็นนี้กับใครทั้งหมดรวมทั้งพ่อแม่เจ้าด้วย…" ชายหนุ่มรับปากไปเพราะความกลัว ว่าแล้วนางหิมะผู้นั้นก็เดินหายออกไปจากกระท่อม



5 ปีต่อมา ชายหนุ่มคนนั้นได้แต่งกับลูกสาวตระกูลขุนนางมั่งคั่ง ชายหนุ่มมองนางแล้วครุ่นคิดว่านางมีหน้าตาคล้ายกับใครบางคนที่เขาเคยเจอมาก่อน และแล้วทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน



วันเวลาผ่านไปนานนับ ชายหนุ่มกับหญิงสาวผู้นั้นได้มีบุตรกันถึง 5 คน นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก แต่ทั้งสองก็เลี้ยงดูครอบครัวด้วยดี จนถึงวันหนึ่งชายหนุ่มย่องไปหาหญิงสาวที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่ เขาครุ่นคิดมานานว่านางหน้าเหมือนกับหญิงสาวที่เขาเคยเจอ เขาเลยตัดสินใจเล่าเรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นบนภูเขาหิมะให้นางฟัง



ทันใดนั้นนางก็โกรธมากจึงกรีดร้องออกมา และหันหน้ามาทางชายหนุ่มพร้อมกับจำแลงร่างคืนดั่งเดิม ชายหนุ่มตกใจกลัวมากเมื่อรู้ว่านางคือปิศาจที่ตนเจอบนภูเขานั้น นางบีบคอชายหนุ่มจนขาพ้นพื้นแล้วพูดอย่างโกรธแค้นว่า " ยังไงเสียข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้หรอก แต่เจ้าต้องดูแลลูกๆ ของข้าให้ดี ถ้าวันใดเจ้าผิดคำสัญญาข้าจะตามมาเอาชีวิตเจ้า…" ว่าแล้วนางก็หายวับไปกลายเป็นละอองไอหิมะ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด…



ว่ากันว่าเจ้าหญิงหิมะเป็นผีที่เกิดจากวิญญาณหญิงสาวที่ต้องตายอย่างทรมานในวันหิมะตกหนัก บ้างก็ว่าเป็นการจำแลงมาของวิญญาณภูเขา



อีกตำนานหนึ่งเล่าขานไว้ว่า เจ้าหญิงหิมะจะปรากฏกายมาพร้อมกับทารกที่นางอุ้มไว้ในอ้อมอก ชายใดที่พบนางเข้านางจะขอร้องให้ชายผู้นั้นช่วยอุ้มทารกต่อจากนาง และถ้าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายหลงกลเข้าแล้ว ร่างของทารกน้อยก็จะปล่อยไอเย็นยะเยือกเข้าจับจนเหยื่อแข็งตายคาที่ ถึงตำนานจะแตกต่างกันมามายก็ตาม แต่ที่มีส่วนเหมือนๆ กัน ก็คือ ยูกิ อนนะ เป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยจนมองดูด้วยตาก็รู้ว่านางไม่ใช่คนบนโลก…



นอกจากตำนานเจ้าหญิงหิมะแล้วก็ยังมี เด็กหนุ่มหิมะ ตาเฒ่าหิมะ แม่เฒ่าหิมะ จิ้งจอกหิมะ ซึ่งก็เป็นปิศาจในตระกูลเดียวกัน



รู้สึกอีฟ จะมีผู้ช่วย2คนแล้วนะ



เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เด็กซ่าบ้านแสบ
#249
เด็กซ่าบ้านแสบ
01-04-2012 - 17:44:54

#249 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 01-04-2012 - 17:44:54 ]








เอ็ดเวิร์ด
#250
เอ็ดเวิร์ด
01-04-2012 - 17:46:37

#250 เอ็ดเวิร์ด  [ 01-04-2012 - 17:46:37 ]





ตำนานเมืองลับแล เกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้แต่ที่รู้ๆ มันลึกลับและน่าสนใจดีครับ



เมืองลับแลเป็นอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์แต่เดิมคงเป็นเมืองที่การเดินทาง ไปมาไม่สะดวก เส้นทางคดเคี้ยว ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่าเมืองลับ แล ซึ่งแปลว่า มองไม่เห็น มีเรื่องเล่ากันว่าคนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เข้าไปถึงเมืองลับแล

มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่งเข้าไปในป่า ได้เห็นหญิงสาวสวยหลายคนเดินออกมา ครั้นมาถึงชายป่า นางเหล่านั้นก็เอาใบไม้ที่ถือมาไปซ่อนไว้ในที่ต่าง ๆ แล้วก็เข้าไปในเมืองด้วยความ สงสัยชายหนุ่มจึงแอบหยิบใบไม้มาเก็บไว้ใบหนึ่ง ตกบ่ายหญิงสาวเหล่านั้นกลับมา ต่างก็หาใบไม้ที่ ตนซ่อนไว้ ครั้นได้แล้วก็ถือใบไม้นั้นเดินหายลับไป มีหญิงสาวคนหนึ่งหาใบไม้ไม่พบเพราะชายหนุ่ม แอบหยิบมา นางวิตกเดือดร้อนมาก ชายหนุ่มจึงปรากฏตัวให้เห็นและคืนใบไม้ให้ โดยมีข้อแลก เปลี่ยนคือขอติดตามนางไปด้วยเพราะปรารถนาจะได้เห็นเมืองลับแล หญิงสาวก็ยินยอม นางจึงพา ชายหนุ่มเข้าไปยังเมืองซึ่งชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง นางอธิบายว่า คนในหมู่บ้านนี้ ล้วนมีศีลธรรม ถือวาจาสัตย์ ใครประพฤติผิดก็ต้องออกจากหมู่บ้านไป ผู้ชาย ส่วนมากมักไม่รักษา วาจาสัตย์จึงต้องออกจากหมู่บ้านกันไปหมด แล้วนางก็พาชายหนุ่มไปพบมารดาของนาง ชายหนุ่ม เกิดความรักใคร่ในตัวนางจึงขออาศัยอยู่ด้วย มารดาของหญิงสาวก็ยินยอมแต่ให้ชายหนุ่มสัญญา ว่าจะต้องอยู่ในศีลธรรม ไม่พูดเท็จ ชายหนุ่มได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวลับแลจนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน วันหนึ่งขณะที่ภรรยาไม่อยู่บ้าน ชายหนุ่มผู้พ่อเลี้ยงบุตรอยู่ บุตรน้อยเกิดร้องไห้หาแม่ไม่ยอม หยุด ผู้เป็นพ่อจึงปลอบว่า ?แม่มาแล้ว ๆ? มารดาของภรรยาได้ยินเข้าก็โกรธมากที่บุตรเขยพูดเท็จ เมื่อบุตรสาวกลับมาก็บอกให้รู้เรื่อง ฝ่ายภรรยาของชายหนุ่มเสียใจมากที่สามีไม่รักษาวาจาสัตย์ นางบอกให้เขาออกจากหมู่บ้านไปเสีย แล้วนางก็จัดหาย่ามใส่เสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นให้ สามี พร้อมทั้งขุดหัวขมิ้นใส่ลงไปด้วยเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็พา สามีไปยังชายป่า ชี้ทางให้ แล้ว นางก็กลับไปเมืองลับแล ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรก็จำต้องเดิน ทางกลับบ้านตามที่ภรรยาชี้ทางให้ ระหว่างทางที่เดินไปนั้น เขารู้สึกว่าถุงย่ามที่ถือมาหนักขึ้น เรื่อย ๆ และหนทางก็ไกลมาก จึงหยิบเอาขมิ้นที่ภรรยาใส่มาให้ทิ้งเสียจนเกือบหมด ครั้นเดิน ทางกลับไปถึงหมู่บ้านเดิมบรรดาญาติมิตรต่างก็ ซักถามว่าหายไปอยู่ที่ไหนมาเป็นเวลานานชาย หนุ่มจึงเล่าให้ฟังโดยละเอียดรวมทั้งเรื่องขมิ้นที่ภรรยาใส่ย่ามมาให้แต่เขาทิ้งไปเกือบหมด เหลืออยู่เพียงแง่งเดียว พร้อมทั้งหยิบขมิ้นที่เหลืออยู่ออกมา ปรากฏว่าขมิ้นนั้นกลับกลายเป็นทองคำทั้ง แท่ง ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจและเสียดาย จึงพยายามย้อนไปเพื่อหาขมิ้นที่ทิ้งไว้ ปรากฏว่าขมิ้นเหล่านั้นได้งอกเป็นต้นไปหมดแล้ว และเมื่อขุดดูก็พบแต่แง่งขมิ้นธรรมดาที่มีสีเหลืองทองแต่ไม่ใช่ทองเหมือนแง่งที่เขาได้ไป เขาพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแล แต่ก็หลงทางวกวนไปไม่ถูก จนในที่สุดก็ต้องละความพยายามกลับไปอยู่หมู่บ้านของตนตามเดิม

ผีบังบด



ชาวเมืองลับแลหรือบางทีภาษาท้องถิ่น เขาก็เรียกว่า "ผีบังบด" พวกนี้ก็เป็นชาวทิพย์กลุ่มหนึ่งเหมือนกันและสามารถรับบุญที่พวกมนุษย์อุทิศให้ได้เป็นอย่างดี ถ้าคับคล้ายคับคราว่าจะมีพวกเขาอยู่ที่แห่งใดหรือรับทราบสัญญาณกันได้ในทางใดทางหนึ่งก็อุทิศบุญเพื่อพวกเขาด้วย

เรื่องราวของพวกเขาเท่าที่ฟังจากหลวงพ่อเกษมเล่าให้ฟัง ก็เป็นชาวทิพย์ประเภทหนึ่งที่มีลักษณะท่าทางการแต่งเนื้อแต่งตัวเหมือนกันกับชาวโลกมนุษย์เราและอาศัยอยู่ในโลกด้วยกันกับพวกเรานี่แหละ เพียงแต่อยู่ในอีกมิติหนึ่ง การดำเนินชีวิตของพวกเขาก็คล้ายๆกับมนุษย์เรานี่แหละ มีทั้งการทำไร่ไถนาทำการเกษตร - ทำงานหัตถกรรม -
ทำการเลี้ยงสัตว์ แต่ว่าอาการที่พวกเขาทำก็ทำไปอย่างนั้นแหละ ทำไปเพราะแรงแห่งกรรม ทำอยู่อย่างนั้นแต่ไม่ได้ผลผลิตอะไรจากการกระทำ เช่น เลี้ยงวัวก็เลี้ยงอยู่อย่างนั้นแหละ เลี้ยงไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดกรรมหมดกรรมเมื่อไหร่ก็ได้เลิกเลี้ยงวัว และวัวนั้นก็เป็นคนที่ตายแล้วไปเกิดเป็นผีวัวให้ได้เลี้ยงเพราะแรงแห่งบาปกรรมเหมือนกัน

คือชีวิตความเป็นอยู่ในโลกของพวกเขามันไม่ได้ดีขึ้นหรือเลวลง คืออยู่กันอย่างนั้นแหละ ไม่ได้ดีขึ้นไปกว่านั้นและไม่ได้เลวลงไปกว่านั้น แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาก็ยังดีกว่าเปรตและอสุรกาย แต่ก็ไม่ดีเท่ากับพวกเทวดาที่สถิตตามต้นไม้

กรรมอันใดเหรอ?
ก็เป็นบาปกรรมแต่บาปไม่หนักมากพอที่จะทำให้เกิดในนรก - เปรต - อสุกาย และก็พอมีบุญอยู่บ้างจึงส่งผลให้ไปเกิดในที่ที่เรียกกันว่าเมืองลับแลซึ่งมีเรื่องในพระไตรปิฎกอยู่เหมือนกัน คือ ชาวทิพย์เขามารักสาวชาวมนุษย์แล้วก็เลยเอาสาวชาวมนุษย์นั้นไปอยู่ในภูมิของพวกเขาสาวชาวมนุษย์นั้นไปอยู่ที่เมืองของเขาก็เข้าใจว่าผ่านไป 7 ปี แต่ถ้านับเวลาในเมืองมนุษย์ก็ผ่านไปถึง 700 ปี


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-04-01 17:47:12


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เด็กซ่าบ้านแสบ
#251
เด็กซ่าบ้านแสบ
01-04-2012 - 17:51:23

#251 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 01-04-2012 - 17:51:23 ]






จิ้งจอกเก้าหางของอินเดีย

ตามเรื่องเล่าที่กล่าวถึงในิทานพื้นบ้านของชาวอินเดีย มีการกล่าวถึง สัตว์ที่มีรูปร่าง จิ้งจอกผสมงู มีลักษณะเป็นนรสิงห์ เพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงหน้า บายนเทวลัย


จิ้งจอกเก้าหางของจีน

เรื่องจิ้งจอกเก้าหางของจีน มีปรากฏอยู่ในตำนานเรื่อง ห้องสิน ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับไสยศาสตร์ และภูตผีปิศาจ
เรื่องราวมีอยู่ว่า พระเจ้าโจ้วหวาง (ติวอ๋อง) แห่งราชวงศ์ซางได้ไปสักการะเจ้าแม่หนี่วา หนึงวาสี ในวิหารของเจ้าแม่ ตามปกติ รูปเคารพเจ้าแม่จะมีผ้าแพรบางๆ กั้นใบหน้าอยู่ บังเอิญขณะนั้นมีลมพัดผ่านมา ทำให้ผ้าแพรเปิดออก โจ้วหวางได้เห็นใบหน้ารูปเคารพของเจ้าแม่หนวี่วางดงามยิ่งนัก จึงออกปากมาว่า เจ้าแม่งดงามขนาดนี้ หากได้มาเป็นมเหสีน่าจะดี
เมื่อเจ้าแม่หนวี่วาได้ยินดังนั้น จึงกริ้วมาก รับสั่งให้ปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง ปิศาจพิณ และปิศาจไก่ มาทำให้โจ้วหวางเกิดความลุ่มหลงจนบ้านเมืองล่มสลายเพื่อเป็นการลงโทษ แต่อย่าให้ราษฎรต้องเป็นอันตราย
ในขณะนั้น มีนางงามนางหนึ่ง นามว่า ต๋าจี ลูกสาวของเจ้าเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งถูกส่งตัวเข้าวังเพื่อเป็นพระสนมของโจ้วหวาง ต๋าจี เป็นหญิงสาวที่มีรูปโฉมโนมพรรณงดงามมาก แต่หญิงงามมักอาภัพนัก จิ้งจอกเก้าหางได้แอบลอบฆ่าต๋าจี และสวมรอยเป็นต๋าจีเสียเองเพื่อลักลอบเข้าวัง
เมื่อโจ้วหวางได้พบต๋าจีก็รู้สึกพึงพอใจในตัวต๋าจีเป็นอย่างมาก เนื่องจากต๋าจีมีรูปโฉมงดงามราวกับเจ้าแม่หนวี่วา กิริยาวาจาไพเราะอ่อนหวานราวกับเทพธิดามาแต่สรวงสวรรค์ชั้นฟ้า ยากที่จะหาหญิงใดในแผ่นดินเสมอเหมือน จิ้งจอกเก้าหางจึงได้เริ่มการทำให้โจ้วหวางลุ่มหลงในตัวนาง ซึ่งไม่ได้เป็นการยากเย็นกระไรเลย เพราะนอกจากมีความงดงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังสามารถร้องเพลง และเล่นดนตรีได้ไพเราะ อีกทั้งร่ายรำได้งดงาม ทำให้โจ้วหวางนานวันก็ยิ่งลุ่มหลงนางจนถอนตัวไม่ขึ้น และนางก็ได้ส่งเสริมให้โจ้วหวางทำแต่เรื่องชั่วร้าย ฆ่าคนเหมือนผักเหมือนปลาอยู่เสมอมา
ในที่สุดจิ้งจอกเก้าหางในร่างตาจี๋ ก็ได้ยุให้โจ้วหวางสร้างหอสอยดาวขึ้น ยังความทุกข์ยาก และนำมาซึ่งความตายแก่ราษฎรจำนวนมากมายมหาศาลที่ต้องถูกเกณฑ์แรงงานมาสร้างหอสอยดาวนี้
แต่ในที่สุด ปิศาจทั้งสามก็ถูก เจียงจื่อหยา ซึ่งได้ฝึกวิชาบนภูเขาจนกลายเป็นผู้วิเศษ ได้รับบัญชา เทียนมิ่ง นักรบจากสวรรค์ให้มาปราบทุกข์เข็ญของเหล่าราษฎร พร้อมทั้ง นาจาศิษย์เอก
ปิศาจทั้งสามถูกจับตัวไปให้เจ้าแม่หนวี่วา ตัดสินโทษ จิ้งจอกเก้าหางเห็นว่าตนสามารถทำงานที่เจ้าแม่มอบหมายให้ ทำไมจึงยังมีโทษอีก เจ้าแม่หนวี่วากล่าวว่าได้ใช้ให้ไปทำลายแต่เพียงโจ้วหวางเท่านั้น หาได้สั่งให้ไปเข่นฆ่าผู้คนมากมายเช่นนี้ไม่ การทำเกินกว่าคำสั่งแบบนี้จำต้องถูกลงโทษ ทั้งปิศาจพิณ และปิศาจไก่จึงถูกลงโทษให้ตายตกไปตามกัน ส่วนจิ้งจอกเก้าหางนั้นหลบหนีการลงโทษไปได้


จิ้งจอกเก้าหางของญี่ปุ่น

ในตำนานของญี่ปุ่นได้กล่าวถึงจิ้งจอกเก้าหางว่า เป็นปิศาจที่หลบหนีมาแฝงตัวอยู่ในราชสำนักของญี่ปุ่นในรัชสมัยของจักรพรรดิ์โทบะ หลังจากที่หลบหนีมาจากอินเดีย และจีนมาแล้ว โดยแฝงตัวมาในร่างของหญิงงามนามว่า ทามาโมะ มาเอะ พระสนมของจักรพรรดิ์โทบะ นางทำให้จักรพรรดิ์โทบะลุ่มหลงในความงามของนาง และสุขภาพของจักรพรรดิ์โทบะก็ทรุดโทรมลงทุกวัน จึงได้มีการอัญเชิญนักพรตจากหอองเมียวมาทำพิธีปัดรังควาน พบว่าในวังมีปิศาจจิ้งจอกเก้าหางสีทองแฝงตัวอยู่
เมื่อความแตก ทามาโมะ มาเอะ จึงได้คืนร่างเป็นจิ้งจอกสีทองตัวมหึมา มีเก้าหาง เหาะหลบหนีไปบนท้องฟ้า กองทหารของจักรพรรดิ์โทบะได้ไล่ตามไปจนถึงที่ราบสูงนาสุ และต่อสู้กับปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง และสามารถสยบจิ้งจอกเก้าหางลงได้ กลายเป็นหินเซ็ทโชเซกิ ซึ่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นมาจนปัจจุบันนี้
อนึ่งมักเกิดความสับสนในผู้ที่เริ่มต้นศึกษาซึ่งเอาตำนานของปีศาจจอกเก้าหางมารวมกับตำนานของเทพเจ้าแห่งจิ้งจอก อินาริ (稲荷, Inari หรือ Oinari) ซึ่งแท้จริงเป็นคนละอย่างกัน อินารินั้นเป็น คามิ (神, Kami) หรือเทพเจ้าองค์หนึ่งตามตำนานของศาสนาชินโตซึ่งเป็นศาสนาดั้งเดิมของญี่ปุ่น


Nebula Eva
#252
01-04-2012 - 17:54:14

#252 Nebula Eva  [ 01-04-2012 - 17:54:14 ]





^
^
^
พวกนาย!!! ^^*
ทำอะไรไม่ถามความเห็นฉันก่อนคงรู้ชะตากรรมตัวเองนะ.....// ^^



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
เด็กซ่าบ้านแสบ
#253
เด็กซ่าบ้านแสบ
01-04-2012 - 17:56:14

#253 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 01-04-2012 - 17:56:14 ]






หวืด!!!~~!! ขออภัยโทษครับ ฝ่าบาท


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-04-01 17:57:20

เอ็ดเวิร์ด
#254
เอ็ดเวิร์ด
01-04-2012 - 18:01:48

#254 เอ็ดเวิร์ด  [ 01-04-2012 - 18:01:48 ]





แป่ว! แว่ว โอม!นะโมมาช้าๆ นะโมอย่าฆ่ากัน สงารพวกเราบ้างสิ เห็นอีฟเหนื่อยๆ แต่เราก็ปล.ไว้แล้วนะ ทำไมไม่อ่านเลย คราวนี้คงเป็นแบบนี้แน่



เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
Nebula Eva
#255
01-04-2012 - 18:33:58

#255 Nebula Eva  [ 01-04-2012 - 18:33:58 ]





ให้ตายเถอะ...

#กัน : เรื่องที่นายช่วยเอามาลงน่ะ มันมีแล้ว เราเอามาลงตั้งนานแล้ว ถ้านายอ่านมาตั้งแต่ต้นจะเห็นว่ามีเรื่องปีศาจจิ้งจอกกับปีศาจหิมะลงไว้แล้ว
#มาร์ค : เรื่องที่นายช่วยเอามาลงน่ะ ส่วนใหญ่คนเขารู้กันหมดแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องของประเทศไทยไง มันเลยหาอ่านได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องเอามาลงหรอกพวกเรื่องลึกลับของไทยน่ะ

ปล.ถ้าพวกนายอยากช่วยก็ไม่ได้ว่านะ แต่ช่วยมาถามความเห็นหรือคุยกับเราก่อนได้ไหม เพราะถ้าเอาเรื่องที่มีอยู่แล้วหรือเรื่องที่เขารู้กันอยู่แล้วมาลงก็จะไม่มีคนอ่านเหมือนพวกที่ตั้งกระทู้ซ้ำน่ะ

ปลล.มาร์ค เรป239 น่ะช่วยไปอิดิทที่นาย quote เรปแรกออกหน่อย ไม่ต้อง quoteมาทั้งด้นแบบนั้นก็ได้ มันยาวเกิน แล้วเพลงมันเปิดออโต้ช่วยไปลบออกที่มันทำให้หน้าเว็บโหลดช้า แค่ก๊อปชื่อเพลงมาเราก็รู้แล้วว่าเป็นเพลงอะไรช่วยแก้หน่อยละกัน

ปลลลลลล. ถ้าตั้งเป็นชมรมเมื่อไรเดี๋ยวจะบอกเอง ตอนนี้กระทู้นี้ถือเป็นความรับผิดชอบของเรา ดังนั้นจะทำอะไรช่วยเกรงใจเราหน่อยก็ดี^^*



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
เอ็ดเวิร์ด
#256
เอ็ดเวิร์ด
01-04-2012 - 19:14:41

#256 เอ็ดเวิร์ด  [ 01-04-2012 - 19:14:41 ]





quote : Nebula Eva

ให้ตายเถอะ...

#กัน : เรื่องที่นายช่วยเอามาลงน่ะ มันมีแล้ว เราเอามาลงตั้งนานแล้ว ถ้านายอ่านมาตั้งแต่ต้นจะเห็นว่ามีเรื่องปีศาจจิ้งจอกกับปีศาจหิมะลงไว้แล้ว
#มาร์ค : เรื่องที่นายช่วยเอามาลงน่ะ ส่วนใหญ่คนเขารู้กันหมดแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องของประเทศไทยไง มันเลยหาอ่านได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องเอามาลงหรอกพวกเรื่องลึกลับของไทยน่ะ

ปล.ถ้าพวกนายอยากช่วยก็ไม่ได้ว่านะ แต่ช่วยมาถามความเห็นหรือคุยกับเราก่อนได้ไหม เพราะถ้าเอาเรื่องที่มีอยู่แล้วหรือเรื่องที่เขารู้กันอยู่แล้วมาลงก็จะไม่มีคนอ่านเหมือนพวกที่ตั้งกระทู้ซ้ำน่ะ

ปลล.มาร์ค เรป239 น่ะช่วยไปอิดิทที่นาย quote เรปแรกออกหน่อย ไม่ต้อง quoteมาทั้งด้นแบบนั้นก็ได้ มันยาวเกิน แล้วเพลงมันเปิดออโต้ช่วยไปลบออกที่มันทำให้หน้าเว็บโหลดช้า แค่ก๊อปชื่อเพลงมาเราก็รู้แล้วว่าเป็นเพลงอะไรช่วยแก้หน่อยละกัน

ปลลลลลล. ถ้าตั้งเป็นชมรมเมื่อไรเดี๋ยวจะบอกเอง ตอนนี้กระทู้นี้ถือเป็นความรับผิดชอบของเรา ดังนั้นจะทำอะไรช่วยเกรงใจเราหน่อยก็ดี^^*


รับทราบครับ ตามคำขู่



เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
nanaavril
#257
01-04-2012 - 19:40:06

#257 nanaavril  [ 01-04-2012 - 19:40:06 ]






เจ๊อยากให้อีฟซ่าลงเรื่อง "อาถรรพ์ การล่มของเรือไททานิค" น่ะ

ที่มีต้นเหตุว่า "ล่มเพราะมีมัมมี่อยู่ใต้ท้องเรือ ที่จะส่งไปที่พิพิธพันธ์ในอเมริกา" อะไรประมาณนี้อ่ะ



O_o
เด็กซ่าบ้านแสบ
#258
เด็กซ่าบ้านแสบ
01-04-2012 - 19:44:07

#258 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 01-04-2012 - 19:44:07 ]






quote : Nebula Eva

ให้ตายเถอะ...

#กัน : เรื่องที่นายช่วยเอามาลงน่ะ มันมีแล้ว เราเอามาลงตั้งนานแล้ว ถ้านายอ่านมาตั้งแต่ต้นจะเห็นว่ามีเรื่องปีศาจจิ้งจอกกับปีศาจหิมะลงไว้แล้ว





อุ๊ยตายอ่านจนลืมไปแล้วอ่ะพวกเทอว์


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-04-01 20:32:02

เอ็ดเวิร์ด
#259
เอ็ดเวิร์ด
01-04-2012 - 20:28:12

#259 เอ็ดเวิร์ด  [ 01-04-2012 - 20:28:12 ]





ตามคำขอจากเรปที่257ครับ

ตำนานคำสาป กับ เรือไททานิค





คำเล่าลือถึงสาเหตุของความหายนะของเรือไททานิค ซึ่งเชื่อกันว่าเป็น "เรือที่ไม่มีวันจม" กลับล่มเสียตั้งแต่ในเที่ยวแรกอย่างไม่น่าเป็นไปได้ น่าจะมาจากอาถรรพ์ ที่เรือไททานิคได้ลักลอบบรรทุก สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งมาด้วย สิ่งนั้นคือ...มัมมี่ ...มัมมี่ของเจ้าหญิงไอยคุปต์โบราณ "อาเมน-รา" ที่เต็มไปด้วยอาถรรพณ์

เป็นเรื่องลึกลับที่ไม่น่าเชื่อ .... เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1920 เมื่อ นักโบราณคดีชาวอเมริกันเดินทางไปพบกับนักอียิปต์วิทยาชาวอังกฤษชื่อ เมอร์เรย์ ที่บ้านพักในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ จุดประสงค์ของเขามีเพียง ต้องการติดต่อขายสินค้าชิ้นหนึ่งให้กับ เมอร์เรย์ และสินค้าที่ว่านี้คือหีบพระศพของเจ้าหญิงไอยคุปต์โบราณ องค์หนึ่งซึ่งก็คือ เจ้าหญิง "อาเมน-รา"

นักโบราณคดีชาวอเมริกันคนนี้ ดูซูบซีดเหมือนขี้ยา แต่งเนื้อแต่งตัวสกปรก เมอร์เรย์ ก็เลยไม่ค่อยศรัทธาใน "สินค้า" ที่ได้รับการ เสนอขาย แต่ก็เอ่ยปากขอดู "สินค้า" ก่อนจะตัดสินใจ ทันทีที่เมอร์เรย์เห็นหีบพระศพเคลือบด้วยทองคำเหลืองอร่ามตระการตาเข้าเท่านั้น เขาก็ถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คาดคิดว่าจะพบสิ่งมีค่ามหาศาลเช่นนี้ ต่อหน้าต่อตา นักโบราณคดีอเมริกันเล่าว่าหีบพระศพใบนี้ ค้นพบที่วิหารอะมอนรา ในธีบีส ซึ่งเป็นบริเวณที่เก็บพระศพของบรรดาเจ้าหญิงอียิปต์โบราณมากมาย สำหรับโลงพระศพที่อยู่ต่อหน้า เมอร์เรย์ คาดว่าน่าจะมีอายุประมาณ 1,600 ปีก่อนคริสตศักราช "ตกลง ผมรับซื้อ" เมอร์เรย์กล่าว "แต่มันมีอาถรรพณ์หน่อยนะ เพราะมีคำสาปแช่งจารึกไว้ด้วย" นักโบราณคดีอเมริกันบอกกับเมอร์เรย์"ไม่เป็นไร ผมไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้หรอก" เมอร์เรย์กล่าว เมอร์เรย์ไม่เสียดายเงินก้อนใหญ่ที่เขาจ่ายให้นักโบราณคดีผู้นั้นแม้แต่น้อยเลย ด้วยว่ามูลค่าของหีบพระศพที่เขาได้มามีค่ามากกว่ามากนัก แม้คำสาปแช่งที่นักโบราณคดีอเมริกาบันทึกไว้ให้ก็ ไม่ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือน คำสาปแช่งนั้นมีความว่า "มันผู้ใดบังอาจรบกวนสถานที่ซึ่งเป็นที่ร่างของข้าได้สถาปนาไว้ในอาณาจักรแห่งลุ่มน้ำไนล์ มันผู้นั้นจะต้องพบกับภัยพิบัติอันน่าสยดสยองทุกวัน มันต้องตายทุกคน"

เมอร์เรย์ไม่เชื่อเรื่องคำสาป เขานำหีบพระศพของเจ้าหญิงโบราณไปให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณคดีในกรุงไคโรอีกหลายท่านพิสูจน์ว่า เป็นหีบพระศพสมัยไหน? ของเจ้าหญิงองค์ใด? แม้ว่าคำตอบที่เขาได้รับจะไม่สามารถสรุปได้แน่ชัด แต่กลับมีคำชมว่าเขามีสายตาเฉียบคม สามารถซื้อหีบพระศพโบราณได้ในราคาที่นับว่าถูกมากเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริง หลังจากนั้นได้มีข่าวๆ หนึ่งแทรกเข้ามารบกวนความรู้สึกของเขาไม่น้อย นั่นคือ นักโบราณคดีอเมริกันที่เพิ่งขายหีบพระศพใบนี้ให้ ได้เสียชีวิตอย่างลึกลับ...! หลังจากที่รับเช็คเงินสดจากเขาไปได้ไม่กี่ชั่วโมง หรือว่าคำสาปจะเป็นจริง?

เมอร์เรย์ ไม่เชื่อว่าจะมีความเร้นลับอะไรในศตวรรษที่ 20 ได้อีก สิ่งที่เขาต้องรีบกระทำขณะนี้ คือ การส่งหีบพระศพไปเก็บไว้ที่บ้านในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สมัยนั้นไม่มีการขนส่งใดดีกว่าทางเรือ เมอร์เรย์ จึงติดต่อว่าจ้างให้บริษัทเดินเรือมาจัดการขนหีบห่อที่เขาจัดการบรรจุไว้เรียบร้อยไปขึ้นเรือก่อนการเดินทาง แต่ว่าสามวันหลังจากนั้น ก็มีเหตุเกิดขึ้นเมื่อเขาออกไปซ้อมยิงปืนทางตอนเหนือของแม่น้ำไนล์ จู่ๆ ปืนเกิดระเบิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ถูกเข้าที่แขนของเมอร์เรย์เป็นแผลเหวอะหวะ แพทย์ต้องตัดแขนเขาทิ้งตั้งแต่ข้อศอกลงไป เมอร์เรย์ กลายเป็นคนพิการอย่างที่ไม่น่าจะเป็น ด้วยสาเหตุบังเอิญที่น่าพิศวงยิ่ง อุบัติเหตุคราวนี้ทำให้ต้องปล่อยหีบพระศพเดินทางไปล่วงหน้า ส่วนตัวเขาจำเป็นต้องอยู่พักฟื้นในอียิปต์สักพักจนแน่ใจว่าอาการไม่กำเริบแน่ จึงค่อยตามไปภายหลัง

หลังจากนั้น เมื่อบาดแผลค่อยยังชั่ว เมอร์เรย์ ก็รีบเดินทางไปอังกฤษทันที แต่ระหว่างการเดินทางอยู่ในเรือ ปรากฏว่าเพื่อนของเขาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งหีบพระศพ 2 คน และหญิงรับใช้ชาวอียิปต์ของเขาอีก 1 คน จู่ๆ ก็พร้อมใจกันตายโดยไม่ทราบสาเหตุ พอไปถึงอังกฤษ เมอร์เรย์ ก็รีบจัดการนำหีบพระศพออกจากโกดังท่าเรือกลับบ้าน เมื่อถึงที่บ้านเมอร์เรย์ ตัดสินใจเปิดหีบออกดูพระศพ ทันทีที่ฝาโลงเปิดออกเผยให้เห็นมัมมี่ของเจ้าหญิงเท่านั้น

เมอร์เรย์ ถึงกับผงะก็มัมมี่ของเจ้าหญิงที่เขาเห็นเวลานี้ แตกต่างไปจากที่เคยเห็นซะแล้ว มันดูเหมือน ใบหน้าของคนยังมีชีวิตอยู่จริง กำลังจ้องมองเขาเขม็งด้วยแววตาอาฆาตแค้น คราวนี้ เมอร์เรย์ ปักใจเชื่อว่าคำสาปมีจริงเต็มร้อย เขาคิดว่าสิ่งที่นักโบราณคดีอเมริกันเตือน เริ่มสำแดงเดชให้ประจักษ์ ความหวาดกลัวพุ่งเข้าจับขั้วหัวใจ เขาต้องคิดหาวิธีใดวิธีหนึ่งที่จะนำหีบพระศพไปให้พ้นตัว แต่ใครล่ะจะมาเป็นผู้รับเคราะห์แทน ในที่สุด ก็มีเพื่อนหญิงที่เคยร่วมชั้นเรียน สนิทสนมกับเขามาตั้งแต่เด็ก ยินยอมรับเอาหีบพระศพไปเก็บไว้

เพื่อนหญิง ของ เมอร์เรย์ ไม่ต้องรอนานเลย บรรดาคำสาปที่ติดอยู่กับมัมมี่โบราณก็เริ่มแผลงฤทธิ์ เริ่มด้วยแม่ของเธอเสียชีวิตกระทันหัน แล้วเธอเอง ก็ถูกสามีทอดทิ้ง แล้วต่อมาก็ล้มป่วยด้วยโรคประหลาด เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นซ้อนๆ กันทำให้เธอรีบนำหีบพระศพมาคืนให้ เมอร์เรย์

เมอร์เรย์ กลัวคำสาปมาก ไม่ต้องการเก็บหีบพระศพไว้เช่นกัน จึงมอบต่อให้พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกฤษ ทางพิพิธภัณฑ์รีบนำมาจัดแสดงทันทีโดยจัดสถานที่วางหีบพระศพให้เหมือนบรรยากาศอียิปต์โบราณ แล้วเปิดให้นักท่องเที่ยวซื้อบัตรเข้าชม ไม่มีใครคาดว่าเหตุการณ์สยองขวัญจะเกิดขึ้นจนได้ ขณะที่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งกำลังถ่ายภาพหีบพระศพอยู่นั้น เขาได้ล้มตึงชักดิ้นชักงอขาดใจตายคาที่โดยไม่มีท่าทีมาก่อน นอกจากนี้นักอียิปต์วิทยาผู้แตะต้องหีบพระศพเพื่อการจัดแสดง ก็นอนตายตาเหลือกอยู่บนเตียงในห้องนอน คล้ายกับตกใจกลัวอะไรบางอย่างสุดขีดจนหัวใจวายกระทันหัน

หนังสือพิมพ์อังกฤษเอาข่าวนี้ไปตีพิมพ์ กลายเป็นข่าวดังทำให้ประชาชนหวาดกลัว ไม่มีใครอยากเฉียดเข้าไปใกล้หีบพระศพเลย ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกฤษ จึงตัดสินใจมอบหีบพระศพใบนี้ให้พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ซึ่งทางนิวยอร์คก็ยอมรับอย่างยินดี โดยให้ทางอังกฤษจัดส่งโดยเรือที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุด และใหญ่ที่สุดในสมัยนั้นคือ เรือไททานิค



เรือไททานิค เป็นเรือที่ถือกันว่า "ไม่มีวันจม" และถือว่าเป็นเรือที่หรูหราที่สุด หากจะขนย้ายหีบพระศพไปกับเรืออย่างเปิดเผย ก็กลัวผู้คนจะแตกตื่น เลยจำเป็นต้องกระทำอย่างเป็นความลับ ทางฝ่ายขนส่งจัดการบรรจุหีบพระศพใส่ลังอย่างดี แล้วนำไปซ่อนไว้ใต้ท้องเรือ ไม่มีผู้โดยสารทราบเลยแม้แต่คนเดียวว่า มีหีบพระศพอียิปต์โบราณที่มีอาถรรพณ์ บรรทุกมากับเรือด้วย ผู้รู้เรื่องนี้ดีก็คือ บริษัทผู้จัดส่งเท่านั้น เรือไททานิคเที่ยวแรกออกเดินทางจาก South Hamton มู่งสู่New York กระทั่งถึงวันที่ 15 เมษายน ค.ศ.1912 ทั่วโลกก็ตะลึงงันกับข่าว "เรือไททานิคชนภูเขาน้ำแข็งอับปางลงกลางมหาสมุทรแอตแลนติค มีผู้โดยสารเสียชีวิตถึง 1,498 คน" ไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัดว่าเรือไททานิคที่มีอุปกรณ์เดินเรือทันสมัย ทำไมถึงอับปางเร็วนัก หรือทำไมถึงต้องพุ่งเข้าชนภูเขาน้ำแข็งเข้าอย่างจัง แต่บริษัทผู้รับจ้างขนหีบพระศพและบริษัทประกันภัยเท่านั้นที่ทราบอยู่เต็มอกว่า เหตุที่เรือไททานิคชนภูเขาน้ำแข็งจนมีผู้เสียชีวิตมากมาย เพราะคำสาปของเจ้าหญิงอียิปต์โบราณ "อาเมน-รา" นั่นเอง เรือไททานิคต้องคำสาป และถูกทำลายด้วยมนต์ตราโบราณอายุนับพันปี

เจ้าหญิงองค์นี้คงต้องการที่อยู่ที่สงบ ปราศจากการรบกวนของผู้คน เธอจึงเลือกท้องน้ำที่ลึกที่สุดซึ่งจนกระทั่งบัดนี้ ยังไม่มีการกู้เรือมาได้เพราะความลึกของท้องน้ำทะเล

เครดิต/banprak-nfeครับ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-04-02 09:36:19
Nebula Eva


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#260
เอ็ดเวิร์ด
01-04-2012 - 20:29:24

#260 เอ็ดเวิร์ด  [ 01-04-2012 - 20:29:24 ]





อีฟไม่ว่างถ้าเราว่างเราก็ต้องช่วยหา


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-04-02 09:37:10


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 3rd April 2025 14:22

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ