ณ. เร็มเน็นท์ ใจกลางเมืองกาคุเอ็น
อเลสเตอร์ : ชิ... พวกแกคงจะมาได้แค่นี้แหละ
ริซาน : โดนพวกเราโจมตีไปขนาดนั้นยังลุกมาได้อีก....
อเลสเตอร์ : ฮ่าๆๆ พวกแกจะต้องเป็นศพอยู่ตรงนี้แหละ...
โคน่า : แกลืมฉันไปแล้วรึไง!!!
เสียงของโคน่าดังขึ้นมาจากความมืดภายในบริเวณใกล้และพุ่งเข้าหาอเลสเตอร์
อเลสเตอร์ : กระจอกน่า!!! ท่าแบบนั้นนฉันมองออกแต่แรกแล้ว
โคน่า : ให้ได้แบบนี้สิ งั้นก็ต้องเจอเจ้านี้
โคน่าขว้างระเบิดลงไปที่พื้นแทนที่จะเป็นระเบิดแสงแต่นั้นเป็นระเบิดที่เปลี่ยนจากแสงมาใช้พลังความมืดแทน
อเลสเตอร์ : แกใช้ระเบิด flash ที่ใช้ความมืดแทนแสงสินะ
โคน่า : ความสามารถของความมืดไม่ได้มีแค่นี้
อเลสเตอร์ : " อยู่ที่ไหนกัน!!! " แกคิดอะไรกันแน่
โคน่า : บรรพบุรุษของฉันมีฉายาว่า นักฆ้าแห่งเงามืด เลยนะอย่าดูถูกกันนะ
อเลสเตอร์ : แย่แล้ว สติมันเริ่มสับสน!!!
โคน่า : ระเบิดเมื่อกี้ฉันใช้คลื่นพลัง AIM ไง เป็นคลื่นที่พวกใช้พลังพิเศษไม่ถูกกันสินะ
อเลสเตอร์ : เธอไปรู้มาจากไหน...?!
โคน่า : จากแฟ้มในห้องสมุดในเมืองของแกไง
ฉึก!!!
กรงเล็บของโคน่าตัดผ่านระหว่างร่างกายของอเลสเตอร์อย่างจังแต่ก็ยังโดนไปไม่ครบ 100% จึงทำให้อเลสเตอร์
ยังสามารถยืนอยู่ได้แต่ก็บาดเจ็บหนักเอาเรื่อง
อเลสเตอร์ : อ๊ากกกกก ฉันแพ้พวกแกงั้นเหรอ
อิโนะอูเอะ : นายนะไม่มีทางชนะพวกเราหรอก
ริซาน : สาเหตุที่นายแพ้มีเพียงอย่างเดียวคือการมาสู้กับพวกเราไง
อเลสเตอร์ : หึๆๆๆๆๆ
ลูกเกด : พอไม่ชนะก็บ้าขึ้นมาเลยเหรอ....?
อเลสเตอร์ : ที่ที่พวกนายยืนอยู่น่ะเป็นเป็นวงเวทย์ที่ใช้เลือดฉันสร้างขึ้นมา
ริซาน : บ้าจริง !!!
อเลสเตอร์ : ลาก่อนนะ
ยูมิ : ลืมฉันไปแล้วเหรอ อเลสเตอร์
ยูมิเดินออกมาจากซากตึกใกล้ๆโดยที่ใส่แหวนความมืดของบรรพบุรุษอยู่
อเลสเตอร์ : เดินมาทั้งๆที่ไม่มีอาวุธนี่ใจกล้ามากเลยนะ
ยูมิ : ใครว่าไม่มีอาวุธ
อเลสเตอร์ : อะไรนะ...?!
ยูมิ : ฝ่ายที่โดนโจมตีคือแกไง...
อลสเตอร์ : อึก!!! อ๊ากกกกก
ยูมิ : โทษทีนะ แหวนของฉันจะปล่อยคลื่นพลังที่มองไม่เห็นออกไปน่ะถ้าคลื่นมันอยู่เฉยๆก็ไม่เป็นไรหรอก
แต่ถ้าฉันกระตุ่นนิดหน่อยมันก็จะเป็นแบนี้ไง
ตูม !!!
วัตถุที่อยู่รอบๆตัวเองของอเลสเตอร์ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื้องเพราะยูมิได้กระตุ่นให้คลื่นพลังที่ติดอยู่ตามสิ่งต่างๆ
เกิดการสั่นไหวและระเบิดออกมาเป็นระเบิดชนิดที่รุนแรง
อเลสเตอร์ : พวกแก แบบนี้ฉันคงปล่อยไว้ไม่ได้สินะ (ปัง!!!)
อเลสเตอร์หยิบปืนพกที่อยู่ในเสื้อคลุมของตัวเองออกมาและยิงไปที่โล่จองอิโนะอูเอะ
ตูม!!!
โล่ของอิโนะอูเอะที่ปกติจะสามารถป้องกันพลังได้เกือบทุกสิ่งกลับมีรอยยุบตรงจุดที่ถูกกระสุนปืนของ
อเลสเตอร์ยิงใส่
อิโนะอูเอะ : อึก !!! แรงอัดเยอะเป็นบ้า !!!
อลิซ : เป็นอะไรมากมั้ย...?
อิโนะอูเอะ : ไม่เป็นไรหรอกแต่ว่า แรงอัดของกระสุนนี้เยอะเป็นบ้า
อเลสเตอร์ : คงรู้ตัวแล้วสินะ กระสุนนี้เป็นกระสุนพิเศษที่ใช้พลังของฉันในการยิง ความเร็วและแรงอัดจะขึ้น
อยู่กับระดับพลังของฉัน
ริซาน : งั้นก็เป็นของเล่นใหม่ของแกสินะ
อลิซ : ระวังไว้ก่อนก็ดีนะ
มามิ : กระสุนแค่ 0.13 มม. เองแต่พลังการทำลายก็สุดยอด
ริซาน : ฉันจะฆ้ามั้นเอง
อลิซ : เดี๋ยวสิบุกไปตรงๆแบบนั้นจะดีแน่เหรอ
ลูน่าคอร์น : ใครจะให้นายไปคนเดียว ฉันจะไปด้วย
อเลสเตอร์ : แบบนี้สิถึงจะสนุก งั้นก็ให้จบในการโจมตีครั้งเดียวนี้แหละ
อเลสเตอร์ส่งพลังในตัวของตัวเองทั้งหมดมาที่ปืนจนตัวปืนเริ่มทนรับไม่พลังไม่ไหวเลยค่อยๆแตกแต่อเลสเตอร์เอง
ก็ไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่เป็นอยู่
อเลสเตอร์ : พวกแกคงจะไม่รู้อะไรหรอก โลกนี้นะมันไม่วลจะมีมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วเพราะงั้นฉันถึงอยากทำลายโลกนีไง
ริซาน : ความฝันงี่เง่าของแกเชิญเอาไปคิดคนเดียวเถอะ
ลูน่าคอร์น : งั้นแกก็เตรียมหลุมไว้ได้เลย
อลิซ : อย่าให้ถึงตายหล่ะ เข้าใจมั้ย...?
ริซาน : ก้ได้ ฉันจะพยายามไม่ให้เจ้านี่ตายก็แล้วกัน
อลสเตอร์ : คิดจะชนะฉันโดยไม่ให้ฉันตาย.... น่าสนุกดี
อเลสเตอร์ยังคงเพิ่มพลังเข้าไปที่ปืนอย่าต่อเนื้องเพื่อหวังให้จบในการโจมตีครั้งเดียว
มามิ : ริซานเอานี่ไป !!!
ริซาน : อะไรเนี้ย...?
มามิ : นั้นเป็ โซลเจ็ม ของฉันแต่มันสามารถเปลี่ยนให้เข้ากับพลังของคนที่ถือได้
ริซาน : ขอบใจมาก
อลิซ : ฉันคิดว่าพวกนายต้องใช้นี่ revive
ลูน่าคอร์น : ขอบใจนะ
ลูกเกด : ฉันฝากปืนด้วยนะ
ยูมิ : แค่แหวนวงเดียวฉันถึงขั้ยต้องฝากพวกนายเลยเหรอเนี้ย....
โคน่า : กรงเล็บ นี่ฉันให้ยืม
อเลสเตอร์ : ถึงจะเรียกรวมอาวุธทุกชิ้นมาที่นาย 2 คนแต่นั้นก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก...!!!
ริซาน : มันก็ไม่แน่มั้ง....!!!
อเลสเตอร์ : ไปตายซะ...!!! (ปัง)
ริซาน : งั้นแกเจอนี่
ลูน่าคอร์น : จบแค่นี้แหละ....!
ตูม!!!
พลังที่ริซานและลูน่าคอร์นปล่อยออกมาเข้าไปปะทะกับพลังของอเลสเตอร์สภาพเมืองรอบๆนั้นกำลังค่อยๆสูญสลายไป
เพราะเป็นพลังที่เกินระดับของมนุษย์ธรรมดาจะปล่อยออกมา
อเลสเตอร์ : พลังทั้งหมดขอพวกนายมีแค่นี้เอง
ริซาน : เปล่าเลยฉันยังใช่ไม่ถึง 100% เลยด้วยซ้ำ
อเลสเตอร์ : ว่ายังไงนะ...?!
ลูน่าคอร์น : คอยดูเถอะ นี่แหละพลังของนักเวทย์ที่แท้จริง
พลังที่ริซานและลูน่าคอร์นปล่อยออกมาเริ่มจะดันพลังของอเลสเตอร์ให้ถ่อยลงไปที่ละนิด
อเลสเตอร์ : อะไรกัน...?! พวกแกเอาพลังแบบนี้มาได้ยังไง
เมมมะ : ไม่ได้อยากขัดจังหว่ะหรอกนะ แต่โทษทีที่มาช้าไปหน่อย
อุซป : ทางนี้ก็ช้าไปเหมือนกันครับ
เมมมะ : เท่าที่ฉันสังเกตุพลังของลูน่าคอร์นเป็นแบบที่จะค่อยๆพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆแต่ของริซานนั้นจะป็นแบบก้าวกระโดด
อุซป : นั้นก็จริงนะครับ จากที่ใช่แว่นตานี้แล้ว พลังของทั้งสองอยู่ในระดับที่ว่าใกล้เคียงกับเทพเจ้ามากเลยนะครับ
แต่ของอเลสเตอร์เป็นพลังแบบที่ว่าสูงสุดมาตั้งแต่เกิด คงจะใช้กันให้หมดเลยน่ะครับ
เมมมะ : ถึงยังไง ทั้งสองคนนั้นอาจจะจัดการเจ้าอเลสเตอร์ก็เป็นไปได้
อุซป : นั้นสิครับ ผมเองก็อยากเห็นเหมือนน่ะครับ
อเลสเตอร์ : พวกแก !!!
ริซาน : ลงนรกไปซะ
ลูน่าคอร์น : พยายามอย่าฆ้าอเลสเตอร์นะครับ
ริซาน : รู้แล้วน่า
ตูม !!!
พลังของอเลสเตอร์ได้ถูกทำลายด้วยพลังของริซานและลูน่าคอร์นจนทำให้อเลสเตอร์ล้มลงนอนอยู่บนพื้นแบบที่ว่าอาการเจียนตาย
แต่อเลสเตอร์ก็ยังคงมีสติเหลืออยู่เล็กน้อย
อเลสเตอร์ : " น่าตลกเป็นบ้า... คนอย่างฉันแพ้พวกเธอได้ยังไงกันนะ... ? อะไรคือสิ่งที่ทำให้พวกเธอชนะ...?
ที่จริงแล้วฉันเองก็ไม่ได้เกลียดพวกนักเวทย์มากเท่าไหร่หรอกนะ ที่ฉันทำเรื่องทั้งหมดเพราะว่ามาคารอฟขอมาหล่ะนะ
มันก็สนุกดีนะที่ได้สู้กับพวกนาย โลกนี้นะมันยังไม่สมบูรณืเพราะงั้นฉันจึงอยากเปลี่ยนโลกใหม่ไงหล่ะ คิดแบบนั้นกันมั้ย...?
ฮ่าๆๆ พวกนายทำหน้าตาแบบนั้นคงไม่คิดสินะ... ฉันแพ้แล้วหล่ะ "
ร่างของอเลสเตอร์ค่อยๆล้มลงบนพื้นทั้งที่สติยังเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยแต่ยังยังไม่ถูกฆ้าให้ตาย
ลูน่าคอร์น : จบแล้วสินะครับ
ริซาน : ฉันก็คิดว่างั้น
ลูกเกด : ในที่สุดสงครามก็จบลงซะที
อิโนะอูเอะ : ฉันก็ว่าอย่างงั้นเหมือนกันนะ
อลิซ : ฉันเองก็ดีใจที่สงคารมจบแล้ว
เมมมะ : ยินดีด้วยนะพวกนาย
ซิลเดล : นั้นสิ...
ยูมิ : จบกันซะทีนะ
โคน่า : แล้วเจ้าอเลสเตอร์จะเอายังไงดีล่ะ
อิโนะอูเอะ : คงจะต้องพาไปที่วาติกันก่อนสินะ
ณ. ภายในอีกมิติหนึ่งที่สภาพรอบเป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ในคฤหาสน์
บรรพบุรุษของริซาน : บอกแล้วไงว่าพวกนั้นเอาอยู่แน่นอน
บรรพบุรุษของอิโนะอูเอะ : สิ่งที่พวกนายคิดกันมันก็แค่เรื่องงี่เง่าในหัวพวกนายเท่านั้น
บรรพบุรุษของลูกเกด : แต่อย่างน้อยก็ช่วยได้เยอะเลยนะ
บรรพบุรุษของมามิ : ก็ดีแล้วนิ ลูกหลานของพวกเราทำได้ถึงขนาดนี้
บรรพบุรุษของอลิซ : มันก็ดีอยู่นะ
บรรพบุรุษของอุซป : เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ดื่มน้ำชากันหน่อยมั้ย
บรรพบุรุษของยูมิ : ขอบใจนะอแต่ว่าพวกเราจะอยู่อย่างนี้ไปอีกนานมั้ย
บรรพบุรุษของโคน่ : ยังไม่ครบสัญญาเลยนะ สัญญาที่เราต้องนั้งดูพวกนี้ต่อไปน่ะ
อีกด้านหนึ่งบนเครื่องบินของฝ่ายวิทยาศาสตร์
ทหาร : ท่านครับแล้วเราจะเอายังไงต่อดี
มาคารอฟ : ถ้าอเลสเตอร์ ตายแล้วอำนาจก็มาอยู่ที่ฉัน ตอนนี้ฉันคืผู้นำแล้ว
ทหาร : ครับท่าน แล้วจะทำอะไรต่อดีล่ะครับ
มาคารอฟ : อืม... เราต้องหาฐาทัพใหม่ก่อนนะ
เสียงลึกลับ : หืม... หาฐานใหม่อยู่งั้นเหรอ
เสียงลึกลับดังขึ้นมาทั่วทุกบริเวณภายในเครื่องบินของมาคารอฟ
มาคารอฟ : แกเป็นใคร...?!
เสียงลึกลับ : ฉันชื่อ ลอร่า เป็นผู้นำของศานจักร์คนใหม่ไง
มาคารอฟ : แกอยู่บนเครื่องบินนี้ตังแต่เมื่อไหร...?
ลอร่า : นี้เป็นเสียงที่ส่งผ่านวงเวทย์ที่ถูกวาขึ้นเป็นเครื่องบินน่ะ นายคงรู้สึกไม่ดีที่ถูกอาวุธของตัวเองฆ้าสินะ
มาคารอฟ : หมายความว่าไง...?!
ลอร่า : ลองมองไปนอกหน้าต่างสิ มิสไซล์ ของนายกำลังพุ่งมาทางนี้แล้วนะ
มาคารอฟลองมมอกออกไปที่หน้าต่างภาพที่เขาเห็นคือลูกมิสไซล์ของทางผ่ายวิทยาศาสตร์กำลังพุ่งมาด้วย
ความเร็วสูงและกำลังจะเข้าชนกับเครื่องบิน
ลอร่า : ไว้เจอกันในนรกนะ
มาคารอฟ : ยัยตัวแสบ
ตูม!!!
เครื่องบินของทางฝ่ายวิทยาศาสตร์ถูกยิงด้วยมิสไวล์ตรงส่วนห้องประชุมที่มาคารอฟอยู่จนตัวเครื่องส่วนตรงกลาง
มีไฟไหม้แล้วค่อยระเบิดกลางอากาศจนไม่มีใครรอดชีวิตจากเครื่องระเบิดในครั้งนี้
ในขณะเดียวกัน ณ. ดินแดนทางตะวันออกที่ยังไม่ถูกค้นพบ
ภาพของคฤหาสน์ทรงญี่ปุ่นตั้งอยู่บนเนินเขาที่ไม่สูงมาก ดอกซากุระที่ค่อยๆร่งหล่นในยามราตรีตัดกับแสงของ
โคมไฟที่ถูกแขวนไว้ตามทางเดิน
นายทหาร : นายท่าน ฟูจิวาระ ครับ มีข่าวแจ้งมาให้ทราบ
นายทหารวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะแบบญี่ปุ่นในยุคสมัยของญี่ปุ่นในช่วงยุคของสงคารมกลางเมืองวิ่งมาที่ตำหนัก
พร้อมกับเอกสารใบหนึ่ง
ฟูจิวาระ อากาฮิโตะ : มีอะไรงั้นเหรอ
นายทหาร : คือว่าตอนนี้ทางเราได้เจอกับของเรือลึกลับเข้านะครับ
ฟูจิวาระ อากาฮิโตะ : ลักษณะเป็นยังไง
นายทหาร : คือว่าพวกคนบนเรือบอกว่ามาจาก นครวาติกัน ครับ
ฟูจิวาระ อากาฮิโตะ : งั้นเดี๋ยวข้าจะไปเจอกับพวกนั้นเอง
นายทหาร : มันอันตรายนะครับ
ฟูจิวาระ อากาฮิโตะ : ประเทศญี่ปุ่นของเราก็ใช่ว่าจะตกเป็นของนักเวทย์วาติกันซะหน่อย แต่กลับกันตรงที่ว่า
พวกเราได้เปรียบตรงที่มีทั้งวาชาเวทย์และวิชาดาบ
นายทหาร : ก็แล้วแต่ท่านนะครับ
ฟูจิวาระ อากาฮิโตะ : เราจะออกไปเจราอย่างสันติด้วยตัวเราเอง
" 2 ปีต่อมาหลังจากสิ้นสุดสงคราม ข้าเองก็ได้กลับมาใช่ชีวิตอย่างธรรมดาทุกๆคนเองก็คงจะกลับไป
ใช้ชีวิตตามครอบครัวแต่น่าเสียดายตรงที่ว่าข้าไปมีครอบครัวแต่ก็ข้าก็ยังสมารถสร้างสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวอ
อกมาได้ด้วยตัวข้าเอง
3 ปีต่อมาหลังจากสิ้นสุดสงคราม ข้าได้รับตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าการสำรวจดินแดนทางตะวันออกจาก ลอร่า
ผู้นำแห่งศาสนจักรคนใหม่ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งมาไม่นานมานี่
5 ปีต่อมาหลังจากสิ้นสุดสงคราม กองเรือของข้าใช้เวลานานถึง 2 ปี จนค้นพบว่าในโลกนี้ไม่ได้มีแค่พวกเราเท่านั้น
แต่ยังคงมีประเทศอื่น ศาสนาอื่น และธรรมเนียมอื่น ที่แตกต่างออกไป ข้าได้พบกับประเทศที่เป็นเกาะขนาดใหญ่นามว่า
ญี่ปุ่น ที่นั้นยินดีต้อนรับพวกเราที่เป็นคนแปลกหน้า ผู้นำของญี่ปุ่นมักจะเรียกกันว่า โชกุน ท่านผู้นั้นคือ ฟูจิวาระ อากาฮิโตะ
7 ปีต่อมาหลังจากสิ้นสุดสงคราม ข้าเริ่มรู้ตัวดีว่าข้าไม่มีเวลาพอที่จะทำทุกๆสิ่งแต่ข้ากลัวว่าจะไม่มีเวลาทำอะไรเลย
ข้าเพิ่งได้รับข่าวร้ายมาว่าเจ้าหญิงแห่งญี่ปุ่นถูกลักพาตัวไป ข้าเกรงว่ามันจะเป็นปัญหาต่อความสัมพันธ์ต่อพวกเราแน่
แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้เลย อย่างน้อยก็ขอให้มีคนที่เหมือนๆกับข้าที่คอยจะช่วยเหลือผู้อื่น "