คำแนะนำ คำว่า HD หรือ High Defenition คือ ความคมชัดของภาพที่มีจำนวน pixel มากกว่า 3 ล้านขึ้นไป ขึ้นอยู่กับ ปริมาณพิกเซลต่อหน่วยพื้นที่ หรือ depth ความหนาแน่นของ pixel นั่นเอง เช่น 1" มี 2 ล้าน กับ 1" มี 4 ล้าน ความหนาแน่นมากกว่าก็จะทำให้ภาพนั้นละเอียด โปรแกรมปรับแต่งภาพส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในท้องตลาดทุกวันนี้ มักจะทำงานกับภาพแบบบิตแมป หรือที่เรียกกันว่าแบบราสเตอร์ (raster) ภาพแบบบิตแมปนี้จะใช้ กริดของตารางเล็ก ๆ ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “พิกเซล” (pixel) สำหรับแสดงภาพ แต่ละพิกเซลก็จะมีค่าของตำแหน่งและค่าสีของตัวเอง ด้วยเหตุที่พิกเซลมีขนาดเล็กเราจึงเห็นว่าภาพ มีความละเอียดสวยงามไม่มีลักษณะของกรอบสี่เหลี่ยมให้เห็น แต่ถ้าเราขยายขนาดของภาพ ก็จะเห็นกรอบเล็ก ๆ หรือพิกเซลที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นภาพ ดังนั้นนเมื่องคุณทำงานกับภาพแบบมิตแมป จึงเป็นทำงานกับพิกเซลเล็ก ๆ ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นภาพ ไม่ใช่วัตถุหรือรูปทรงที่เห็น ภาพแบบบิตแมปเป็นภาพที่ขึ้นอยู่กับความละเอียด (resolution)
นั่นคือ มีจำนวนพิกเซลที่แน่นอนในการแสดงภาพ ดังนั้นจากตัวอย่างในภาพที่ 1 คุณจะเห็นว่าเมื่อภาพถูกขยาย หรือพิมพ์ด้วยความละเอียดไม่มากพอภาพจะสูญเสียรายละเอียด และปรากฏเป็นรอยหยักอย่างชัดเจนอย่างไรก็ตามภาพแบบบิตแมป ถือเป็นรูปแบบที่เหมาะกับภาพที่มีเฉดและสีสันจำนวนมาก เช่น ภาพถ่าย หรือภาพวาด
พิกเซล (Pixel) เป็นการผสมผสานของคำว่า “Picture” และ “element” คือหน่วย พื้นฐานของภาพ ภาพบิตแมปทุก ๆ ภาพประกอบขึ้นด้วยพิกเซล แต่ละพิกเซลจะมีลักษณะ เป็นรูปสี่เหลี่ยมที่เก็บข้อมูลของสีโดยถูกกำหนตำแหน่งไว้บนเส้นกริดของแนวแกน x และ y ในลักษณะคล้ายแผนที่ (map) นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่าบิตแมป (bitmap) เช่น พิกเซลของ ภาพ 8 บิต จะเก็บข้อมูลของสี 8 บิต ที่จอภาพจะใช้ในการแสดงผล ดังนั้นภาพภาพหนึ่งจึงประกอบด้วยพิกเซลเล็ก ๆ จำนวนมาก ซึ่งคุณสามารถมองเห็นได้เมื่อ ขยายภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จำนวนของพิกเซล
ที่แสดงต่อหน่วยของความยาวในภาพจะถูกเรียกว่าความละเอียด ของภาพ โดยปกติจะวัดเป็นพิกเซลต่อนิ้ว (ppi : pixel per inch) ภาพที่มีความละเอียดสูงจะประกอบไปด้วยพิกเซลจำนวนมากที่มีขนาดเล็กกว่าภาพเดียวกันที่มีความละเอียดน้อยกว่า ตัวอย่าง เช่น ภาพขนาด 1 x 1 นิ้ว ที่ความละเอียด 72 ppi จะประกอบด้วยพิกเซล 5,184 พิกเซล (ความกว้าง 72 พิกเซล x ความยาว 72 พิกเซล = 5,184) และภาพเดียวกันที่ความละเอียด 300 ppi จะประกอบด้วยพิกเซล 90,000 พิกเซลที่มีขนาดของพิกเซลเล็กกว่า (300 x 300 = 90,000) แน่นอน ว่าภาพที่มีความละเอียดมากกว่าก็จะใช้พื้นที่ในการจัดเก็บมากกว่า
***สำคัญมาก การเซฟภาพ เนื่องจากภาพที่ถ่ายจากเกมส์เป็น Jpeg เป็นไฟล์บีบอัดแล้ว โดยไฟล์นี้เป็น bitmap หากย่อ ขยาย จะทำให้ภาพสูญเสียรายละเอียด และ เสียความคมชัดลง ซึ่งการบันทึกภาพเป็น หรือ save as นั้นควรบันทึกเป็น png หรือ portable network graphic แทน เพราะ ทุกครั้งที่เรา save as เป็น jpeg ภาพจะถูกบีบอัดลงเรื่อยๆ ถึงแม้เราจะตั้งสูงสุดก็ตาม ก็จะเกิด noise บนภาพได้ ดังนั้นเวลา save as ควรเลือกเป็น png แทนครับ เพราะ สามารถรักษาคุณภาพของงานภาพได้ดีกว่าแน่นอน Highest quality (Q = 100) ขนาด 83,261 byte การบีบอัด 2.6:1 - ภาพคงคุณภาพสี และ รายละเอียดสูงสุด ขนาดใหญ่
นามสกุลภาพมีหลากหลายชนิดมาก อาจมีถึง 100 ชนิด ตาม code แต่ละอย่าง ไว้เนื้อหาลึกๆ ค่อยมาเจาะในวันหลังรึกัน เพราะ มันเป็นระบบบีบอัด สูตรยั้วเยี้ย ไปหมด
Low quality (Q = 10) ขนาด 4,787 byte การบีบอัด 46:1 - ภาพสูญเสียรายละเอียด และ คุณภาพสี ขนาดเล็ก
ปล. อีก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการ calibrate สีของหน้าจอแต่ละเครื่องนะครับ เพราะบางเครื่องอาจใช้จอใหม่ยังไม่ทำ calibrate ทำให้สีไม่สมดุลกับความเป็นจริง ทำให้สีอาจไม่เหมือนกันเวลามองแต่ละคนบนจอภาพ ดังนั้นทำ calibrate ทุกครั้งที่มีการเสียบจอภาพใหม่
สำหรับ win 7 ทำได้ง่ายๆ โดยไปที่ Control Panel > All Control Panel Items > Display > เลือก Calibrate กด next ไปเรื่อยๆ ๆ ๆ จนเสร็จ อาจมีกล่อง clear type ขึ้นมาต่อก็ next เรื่อยๆ หรือจะไม่ก็ได้ เพียง untick หน้าสุดท้ายครับ