โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
รวมสัตว์โลกในตำนาน
ponza1144
#21
09-10-2010 - 12:40:46

#21 ponza1144  [ 09-10-2010 - 12:40:46 ]





ยูนิคอร์นยูนิคอร์น (Unicorn) เป็นสัตว์ในตำนาน เชื่อว่าพบได้ตามป่าทางตอนเหนือของยุโรป ตัวโตเต็มที่มีลักษณะเป็นม้าสีขาวบริสุทธิ์ สง่างาม มีเขาหนึ่งเขาที่กลางหน้าผาก (โดยมากเขาจะเป็นเกลียวด้วย) ลูกยูนิคอร์นแรกเกิดมีขนสีทอง และจะเปลี่ยนเป็นสีเงินก่อนที่จะโตเต็มวัย เขา เลือด และขนของยูนิคอร์นมีคุณสมบัติทางเวทมนตร์สูง
โดยทั่วไปยูนิคอร์นจะหลีกเลี่ยงการข้องแวะกับมนุษย์ และจะยอมให้แม่มดเข้าใกล้มากกว่าพ่อมด นอกจากนั้น ยูนิคอร์นยังวิ่งได้เร็วมาก จึงยากที่จะจับตัวได้ ในโลกตะวันตก ยูนิคอร์นถือเป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายและรักความสันโ ดษ เรื่องเล่าของยุโรประบุว่าการจับยูนิคอร์นนั้นต้องใช ้สาวพรหมจรรย์เป็นผู้จับยูนิคอร์น ซึ่งยูนิคอร์นจะลืมสัญชาตญาณป่าเถื่อนและเชื่องราวกั บเป็นม้าธรรมดาการกล่าวถึงยูนิคอร์นในโลกตะวันตก มีขึ้นครั้งแรกในหนังสือของอินเดีย ซึ่งเขียนโดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก เมื่อประมาณ พ.ศ. 14 บรรยายไว้ตอนหนึ่งว่า "ในประเทศอินเดีย มีลาป่าชนิดหนึ่ง มีขนาดใหญ่เท่า ๆ กับม้า ลำตัวของพวกมันมีสีขาว ศีรษะมีสีแดงเข้ม และมีดวงตาสีน้ำเงิน พวกมันมีเขาอยู่บนหน้าผากเขาหนึ่ง ซึ่งมีความยาวประมาณครึ่งเมตร" กล่าวกันว่า ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ผสมระหว่างแรด ละมั่งหิมาลัย และลาป่า เขาของมันมีความแหลมคมมาก โดยมีพื้นสีขาวตรงกลางสีดำ และตรงยอดเป็นสีแดงเลือดหมู
 322479

025743563


นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#22
09-10-2010 - 12:42:16

#22 ponza1144  [ 09-10-2010 - 12:42:16 ]





โทรลล์ในที่นี้ก็คือ โทรลล์ที่อยู่ในนิทานพื้นบ้านแถบสแกนดิเนเวียหรือตำน านนอร์ส ไม่ใช่ศัพท์แสลงที่เราใช้กับ กับคนที่ก่อความวุ่นวายบนกระดานสาธารณะต่างๆ ซึ่งเป็นอีกปัญหาร้ายแรงของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน นะคะ
โทรลล์มีถิ่นกำเนิดในสแกนดิเนเวีย แต่ทุกวันนี้อาจพบได้ในอังกฤษ ไอร์แลนด์ และ บริเวณอื่นๆในยุ โรปตอนเหนือ
โทรลล์ มีรูปร่างลักษณะต่างกันไปในแต่ละความ เชื่อของท้องถิ่น เช่น เป็นยักษ์ร้ายอาศัยอยู่ในทะเล เป็นยักษ์หรือคนแคระอาศัยใต้ดินหรือโพรงไม้ เป็นช่างผู้วชาญของนอร์ส (norse) มีรูปร่างเป็นยักษ์เป็นต้น
แต่เดิมมาโทรลล์ในตำนานทั่วไปจะมีรูปร่างเป็นยักษ์ ภายหลังกลายเป็นคนแคระไป .....
โทรลล์โดดเด่นในเรื่องพละกำลังที่มากพอๆกับความโง่เข ลาของมัน ส่วนใหญ่ มีนิสัยโหดร้าย กักขฬะ และไม่สามารถคาดเดาพฤติกรรมได้ บางตำนานก็กล่าวว่าพวกโทรลล์ใจดีก็มีโทรลล์มีอยู่สามชนิด คือ
1.โทรลล์ภูเขา พันธุ์ที่ตัวใหญ่ที่สุดและดุร้ายที่สุด หัวล้านผิวสีเทาซีด
2.โทรลล์ป่า ผิวสีเขียวซีด และบางสายพันธุ์ก็มีผมสีเขียวหรือสีน้ำตาลที่บางและย ุ่งเหยิง
3.โทรลล์แม่น้ำ น้ำมีเขาสั้นๆและอาจมีขนดก ผิวสีม่วง มักจะซ่อนตัวอยู่ใต้สะพาน
ตามตำนานกล่าวว่า พวกโทรลล์จะอยู่ใต้ดิน โทรลล์จะออกมานอกปราสาทในตอนกลางคืนเท่านั้น เนื่องจากมันจะกลายเป็นหินหากถูกแสงอาทิตย์เข้า (แต่ใน Lord of the ring กับเดินกลางแสงได้ซะอย่างนั้น)
เมื่อชาวสแกนดิเน เวียอพยพมาสู่เกาะอังกฤษ โทรลล์ก็ตามมาด้วย และมักจะสร้างบ้านอยู่ใต้สะพาน ซึ่งอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้มันมีกลิ่นเหมือนน้ำจ ากท่อโสโครก ทางแถบเหนือของเกาะอังกฤษมีก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพวกโทรลล์ที่โดนแสดงอาทิต ์เข้าจนกลายร่างเป็นหิน
 322482



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#23
09-10-2010 - 12:43:20

#23 ponza1144  [ 09-10-2010 - 12:43:20 ]





ฟีนิกซ์ (phoenix) เป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายนก ปรากฏในตำนานของหลายๆ ชาติ ในลักษณะที่คล้ายกันแต่แตกต่างกันในบางรายละเอียด


ฟีนิกซ์ของอียิปต์โบราณ

ฟีนิกซ์ปรากฏตำนานของพวกอียิปต์โบราณ ในฐานะของสัตว์เทพในตำนานซึ่งคู่ควรแก่การบูชา ยกย่อง เคารพ ฟีนิกซ์เกี่ยวข้องกับเทพแห่งไฟ ดังนั้นจะสังเกตได้ว่า ขนนกของฟีนิกซ์นั้นจะออกเป็นประกายเหลืองทองคล้ายเปล วไฟ บ้างก็ว่าปกคลุมด้วยเปลวไฟทั้งตัวทีเดียว ฟีนิกซ์ที่สิ้นอายุขัย ตัวจะลุกเป็นไฟขนาดของนกฟีนิกซ์นี้จะมีขนาดเท่านกอินทรีตัว โต จงอยปากและส่วนขาเป็นสีทอง ประกายขนสีแดงถึงเหลืองทอง มีเสียงร้องที่ไพเราะดังเสียงดนตรี รูปร่างสวยสง่างาม บางครั้งหยิ่งผยอง บางครั้งเปี่ยมด้วยความเป็นมิตร บางตำนานเล่าว่านกนี้สามารถฟื้นชีวิตให้กับผู้ตายได้ และสามารถฟื้นพลังทั้งหมดให้กลับสู่ปกติได้ เนื่องจากเป็นสัตว์เวทตัวหนึ่งภายใต้เทพแห่งไฟ บางครั้งจะพบว่าสามารถใช้มนตร์ไฟได้ ฟีนิกซ์เป็นสัตว์ที่นิสัยอ่อนโยน เพลงของฟีนิกซ์มีเวทมนตร์สามารถกระตุ้นความกล้าหาญ แห่งจิตใจบริสุทธิ์ และทำให้เกิดความกลัวในจิตใจที่คิดร้าย น้ำตาของนกฟีนิกซ์มีพลังในการรักษาบาดแผลได้

นกฟีนิกซ์นี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะ มีชีวิตยั่งยืนนิรันดร์ เพราะมันสามารถฟื้นคืนชีพได้ เมื่อร่างกายสิ้นอายุขัย (500 ปีหรือ 1461 ปี) ตัวจะลุกเป็นไฟ จากนั้นฟีนิกซ์ก็จะฟื้นจากกองขี้เถ้ามาเป็นลูกนกใหม่

คล้ายคลึงกับนกสามขา ของเกาหลี

มีการปรากฏเป็นตำนานของนกสามขาใน ซีรีย์ เรื่อง "จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์" ของเกาหลี เป็นนกเทพที่เกาหลีมีการเคารพ ในเรื่องมีการใช้นกสามขาเป็นสัญลักษณ์ในทัพของจูมง



ความคล้ายคลึงกับตำนานจีน

จะไปคล้ายกับนกหงส์ของตำนานจีน ที่เชื่อว่าคู่กับมังกร อีกอย่างคือนกหงส์ของจีนมีลักษณะคล้ายนกฟีนิกซ์มากจน คิดว่าน่าจะเป็นตัวเดียวกัน แต่แยกออกไปตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น
 322487

bodindisc


นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#24
09-10-2010 - 12:44:21

#24 ponza1144  [ 09-10-2010 - 12:44:21 ]





นกอินทรียักษ์ Thunderbird
มาจากตำนานของพวกอินเดียแดงทางฝั่งอเมริกันโน่นแน่ะ มีสิ่งพิเศษนอกจากจะเป็นนกยักษ์คือมีสายฟ้าสะท้อนมาจ ากจงอยปากอันคมกริบ เมื่อไรที่มันตีปีกแล้วละก็ จะทำให้เกิดสายฟ้าซึ่งมีพลังมหาศาลสามารถทำลายทุกสิ่ งรอบตัวลงไปได้ทีเดียว ลักษณะทั่วไปคล้ายนกอินทรีสีน้ำตาล ปลายปีกออกสีเลื่อมทอง อาศัยอยู่บนยอดเทือกเขาสูงเป็นเชิงผา บางครั้งรูปร่างก็คล้ายเหยี่ยวสีน้ำตาล
 322488



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#25
09-10-2010 - 12:45:56

#25 ponza1144  [ 09-10-2010 - 12:45:56 ]





ปักษาวายุภักษ์นั้นวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ได้อธิบายถึง อสูรวายุภักษ์ รูปร่างเป็นนกอินทรี ตัวและหน้าเป็นยักษ์ มีปีก มีหาง มีเท้าเหมือนครุฑ แต่หางมีแววเหมือนนกยูง
บางตำนานก็ว่า ปักษาวายุภักษ์หรือ นกการเวกนี้ เป็นสัตว์หิมพานต์ บินสูงเหนือเมฆ จึงไม่ใคร่มีใครเห็นตัว กินลมเป็นอาหาร มีเสียงหวานไพเราะมาก ใครได้ยินเสียงร้องจะหยุดชะงักด้วยความจับใจในเสียงร ้องนั้น นกการเวกเป็นนกที่มีขนงาม ขนนกการเวกเป็นของวิเศษ ผู้ที่ต้องการขนนกการเวกจะต้องทำร้านไว้บนยอดไม้ เอาขันใส่น้ำไปวางไว้ นกการเวกจะมาอาบน้ำในขันแล้วสลัดขนไว้ให้ ขนนั้นเก็บไว้ก็จะกลายเป็นทองตามประวัติในเรื่องรามเกียรติ์ว่า วายุภักษ์มีพ่อเป็นอสูรผู้ครองกรุงวิเชียร ซึ่งอยู่ที่เชิงเขาจักรวาลเป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์มาก จึงมักจะเที่ยวข่มเหงรังแกเทวดาและฤาษีชีไพรอยู่เสมอ เมื่อพระรามพระลักษมณ์ออกเดินดงครั้งที่ ๒ อสูรวายุภักษ์บินผ่านมาพบเข้าจึงโฉบลงมาจับพระราม พระลักษณ์จะนำไปกินเป็นอาหาร
หนุมาน สุครีพ และไพร่พลลิงก็รีบตามไปช่วย และได้เข้าต่อตีกับอสูรวายุภักษ์ ในที่สุดก็ช่วยพระราม พระลักษมณ์ไว้ได้ และองคตกับนิลพัทก็ได้ฆ่าอสูรวายุภักษ์ตาย รูปนกวายุภักษ์ เดิมเป็นตราตำแหน่งพระยาราชภักดี ผู้มีหน้าที่เป็นหัวหน้าทำการคลังมาก่อน คณะเสนาบดีในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้กำหนดให้นำตรานกวายุภักษ์มาใช้เป็นตรากระทรวงพระค ลัง และใช้เป็นตรากระทรวงการคลังติดต่อกันเรื่อยมา โดย สมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ได้ทรงใช้รูปนกการเวกเป็นแบบการเขียนตราวายุภักษ์
นอกจากนี้ในพระบาลีระบุว่าเสียงของพระพุทธเจ้านั้นเห มือนเสียงพรหม แจ่มใสชัดเจน อ่อนหวาน สำเนียงเสนาะ ไม่แตก ลึกซึ้ง มีกังวาลไพเราะและเหมือนเสียงนกการเวก ส่วนอาหารของนกการเวกนั้น มีกล่าวไว้ในคัมภีร์ปัญจสุทนีว่า นกการเวก กินน้ำมะม่วงสุกเป็นอาหาร แต่โดยที่นกชนิดนี้หายากหลงเข้าใจกันแต่ว่าอยู่บนท้อ งฟ้ากินลมเป็นอาหารจึงตั้งชื่อว่า วายุภักษ์ ก็มีเช่นกัน ตามวรรณคดีไตรภูมิพระร่วงนั้น กล่าวว่าขนนกการเวกนั้นเป็นที่ต้องการเพราะกลายเป็นท องคำได้
 322494



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#26
09-10-2010 - 12:47:22

#26 ponza1144  [ 09-10-2010 - 12:47:22 ]





เนสซี
เนสซี (Nessie) คือสิ่งมีชีวิตลึกลับชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าอาศัยอยู่ใ นทะเลสาบบล๊อคเนสส์ แคว้นสกอต์แลนด์ชื่อว่ามีรูปร่างคล้ายพลิสซิโอซอรัส( Plesiosaur) หรือ อีลาสโมซอรัส (Elasmosaurus) สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยในทะเลยุคเดียวกับไดโนเสาร์ มีผู้อ้างว่าเคยพบเห็นถึงปัจจุบันกว่า 4,000 ครั้ง และมีรูปถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพยนต์มากมาย โดยเอกสารแรกสุดที่กล่าวถึงเนสซี คือ บันทึกของบาทหลวงเซนต์โคลัมบา เมื่อราว 1,400 ปี ที่แล้ว กล่าวถึงมังกรที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ และท่านเองก็เคยทำพิธีขับไล่มังกรตัวนี้ด้วย
การพบเห็นเนสซี
แรกสุด ในบันทึกของ Saint Columba ใน คศ 565 ได้กล่าวถึงการช่วยชีวิตของคนที่ว่ายน้ำอยู่จากสัตว์ ประหลาดในทะเลสาป จากนั้น ได้มีเรื่องราวมากมายของสัตว์ที่ลึกลับได้ปรากฏตัวออ กมาเป็นระยะๆ ทว่ามีเพียงเล็กน้อยที่เป็นเรื่องจริงและได้ถูกบันทึ กไว้ จนกระทั่งศตวรรษที่ 20
 322495



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#27
09-10-2010 - 12:48:22

#27 ponza1144  [ 09-10-2010 - 12:48:22 ]





ไวเวิร์น
เป็นสิ่งมีชีวิตในสายพันธุ์หนึ่งของมังกร มีลักษณะทั่วไปคล้ายมังกรคือ บริเวณลำตัวจะปกคลุมด้วยเกล็ด ฯลฯ ที่ต่างจากมังกรทั่วไปคือ จะเป็นมังกร 2 ขา (มีแค่2ขางหลังไว้เดินยืน ไม่มีขาหน้าที่ทำหน้าที่คล้ายมือแบบมังกรทั่วไป)
มีลักษณะเด่นคือ มีหางที่มีลักษณะแหลมเรียวคล้ายหอก และมีส่วนที่คล้ายไบมีด หรือหนามแหลมงอกออกมาที่บริเวณปลายหางด้วย(จะเรียกส่ วนนั้นว่าแฉกครับที่แหลมเรียวมากก็ไม่เชิงฮะ) หางของมันที่มีลักษณะพิเศษนี้เอง ที่กลายเป็นอาวุธเด็ด ใช้แทงเข้าที่ศัตรู หรือใช้ฟาดไปที่ลำตัวของศัตรูก็ได้(สังเกตนะฮะ ว่าหางมันจะมีลักษณะคล้ายปลายหอก หรือธนู เพราะฉะนั้นถ้าโดนมันแทงเข้าไปแล้วละก็ ไม่มีทางถอนออกโดยปราศจากแผลเหวอะหวะโคม่าได้เลย นึกแล้ว เสียววววววว)Wyvernนี้ มักจะพบเห็นได้บนโล่ห์ของผู้ถือสาน์ส (คาดว่า คงอยู่ในสมัยยุคกลาง หรือยุคมืดของยุโรป) Wyvern ยังเป็นสัญลักษณ์ของการคุ้มครอง ปกป้อง รักษาอีกด้วย
 322497



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
gunser
#28
09-10-2010 - 12:48:54

#28 gunser  [ 09-10-2010 - 12:48:54 ]




นี่ด้วยๆ
 322498


ponza1144
#29
09-10-2010 - 12:51:39

#29 ponza1144  [ 09-10-2010 - 12:51:39 ]





...กิเลน ......ตามตำนานของจีน

.... กิเลนเราเรียกได้ว่าเป็นเจ้าป่าที่แท้จริง เนื่องจากกิเลนนั้นเป็นสัตว์ที่ไม่มีอันตรายใดๆ มีคุณธรรมสูงมาก เวลาที่กิเลนเดินก็จะไม่เหยียบย่ำสิ่งมีชีวิตใดๆ แม้แต่หญ้าหรือวัชพืชบนดิน


....ถ้าเป็นตัวผู้เรียกว่า "กี" ถ้าเป็นตัวเมียเรียกว่า "เลน" หรือ "กิเลน" กิเลน ตามตำนานจีนว่ามีรูปร่างเหมือนกวาง แต่มีเขาเดียว หางเหมือนวัว หัวเป็นมังกร ตีนมีกีบเหมือนม้า (บางตำราว่ามีตัวเป็นสุนัข ลำตัวเป็นเนื้อสมัน) เกิดจากธาตุทั้งห้า คือ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และโลหะ ผสมกัน

....เชื่อว่ามีอายุอยู่ได้ถึงพันปี และถือว่าเป็นยอดแห่งสัตว์ทั้งหลาย เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี ปรากฏให้เห็นเมื่อใด ก็จะเกิดผู้มีบุญมาปกครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุ ขเมื่อนั้น กิเลนเป็นหนึ่งในสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งประกอบด้วย หงส์ เต่า มังกร และกิเลน (บ้างว่าเป็น เสือ)
 322505



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#30
09-10-2010 - 12:52:47

#30 ponza1144  [ 09-10-2010 - 12:52:47 ]





. (Medusa)เมดูซ่า...ตาม ประวัติก่อนจะกล่าวถึงเมดูซ่าก็ต้องเริ่มที่กอร์กอน กอร์กอน เป็นอสูรกายน่าเกลียดน่ากลัวมีผมเป็นงู มีด้วยกันสามพี่น้องคงกระพันฆ่าไม่ตาย ยกเว้นตัวน้องสุดท้องที่ชื่อเมดูซ่าที่อาจฆ่าให้ตายไ ด้ หากผู้ใดมองตานางเมดูซ่าจะกลายเป็นหิน ตำนานกล่าวว่าเดิมทีกอร์กอนทั้งสามเป็นเทพธิดารูปงาม และอ่อนโยน มีความบริสุทธิ์เป็นพรหมจารีย์ แต่ขณะที่เมดูซ่ากำลังบูชาเทวี อะธีน่า ในวิหารได้ถูกโพไซดอนหลงรักและพยายามใช้กำลังขืนใจ...เรื่อง รู้ถึงเทวี อะธีน่า ทรงได้ฉวยโอกาศใส่ความว่าลบหลู่นางโดยการสมสู่ในวิหา รของนางเนื่องด้วยความ เดิม อะธีน่า กับเมดูซ่ามีแม่คนเดียวกัน และ อะธีน่า ต้องการทำลายเมดูซ่าให้สิ้นซาก จึง สาปให้เมดูซ่ามีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว และสาปให้ผมที่สวยงามดุจเส้นไหมทองของนางกลายเป็นงูเ ลื้อยยั้วเยี้ยเต็มหัว จากหญิงพรหมจารีย์ที่งดงาม ก็กลายเป็นปีศาจที่น่าขยะแขยง เมดูซ่าทั้งโศกเศร้า อับอาย และน้อยใจในความอยุติธรรมทั้งที่เธอมิได้ทำผิด ทั้งที่เธอตั้งใจรักษาพรหมจารีย์

....แต่นางก็มิเคยได้ผลความดีตรงนั้นเลยจนนางมีแต่คว ามอับอายและความ แค้น จนเมดูซ่าต้องการทำลายทุกชีวิตที่ขวางหน้าจากความเกล ียดชังที่ปะทุขึ้น ทุกคนที่มองหน้านางก็จะกลายเป็นหินไปหมด จนได้กล่าวขวัญเป็นอสูรกายที่ร้ายกาจที่สุดในตำนานกร ีก
 322506



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#31
09-10-2010 - 12:55:06

#31 ponza1144  [ 09-10-2010 - 12:55:06 ]





Vampire (แวมไพร์)....ผีดูดเลือดหรือแวมไพร์ (Vampire) เป็นมนุษย์อีกรูปแบบที่มีพลังปีศาจ แม้ว่าผีดูดเลือดจะอยู่ในร่างมนุษย์ แต่ก็ไม่มีความเป็นมนุษย์อยู่ เพราะผีดูดเลือดนั้นมาจากคนที่ตายไปแล้วและลุกขึ้นมา จากโลง มีชีวิตใหม่โดย ดูดเลือดคนเป็นอาหาร สังคมทุกสังคมรู้จัก "แวมไพร์"

....ผีดูดเลือดปรากฏขึ้นครั้งแรกในอาณาจักร บาบิโลเนีย ใน***บศพที่ถูกปิดมานานกว่า 4,000 ปี มีตำนานเกี่ยวกับผีดูดเลือดมากมายในอินเดีย จีน กรีก โรมัน มาเลเซีย และไทยก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับ ผีดูดเลือดเช่นกัน

....ในประเทศมาเลเซีย เชื่อกันว่า ผู้หญิงที่เสียชีวิต ในขณะหรือหลังคลอดลูก จะกลายเป็นผีดูดเลือด และลูกที่ตายพร้อมกันก็จะเป็นผีดูดเลือดด้วย ส่วนของไทย จะรู้จักในนามของกระสือ ปอบ กระหัง ฯลฯ ประเพณีโบราณ มักมีวิธีป้องกันผีพวกนี้ และบางประเพณีก็สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ....ในแถบตะวันตก ผีดูดเลือด เป็นที่รู้จักกันในนาม "แวมไพร์ " ปรากฏในอังกฤษครั้งแรก ในปี พ.ศ.2275 ตามบันทึกว่าเป็น แวมไพร์ชาวเซอร์เบีย (เป็นแคว้นๆหนึ่งอยู่ในประเทศยูโกสลาเวีย) ที่กลับมาจากหน้าที่ทางทหารในกรีก ด้วยท่าทีที่แปลกไป เขาผู้นั้น คืออาร์โนล เปาเล(Arnold Paole) เปาเลยอมรับกับภรรยาในเวลาต่อมาว่า เขาโดนแวมไพร์ดูดเลือดในขณะเดินทางและได้กลายเป็นแวม ไพร์ไปด้วย เปาเลประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่เพื่อนบ้านยังคงเห็นเขาวนเวียนอยู่ ศพของเขาถูกขุดขึ้นมาและพบว่ามีรอยเลือดที่ปาก

....การที่จะพิสูจน์ว่า เป็นแวมไพร์หรือไม่นั้น ทำได้โดยตอกหมุดไม้ลงไปที่หัวใจ ศพของเปาเล ถูกพิสูจน์ น่าประหลาดใจ ในขณะที่ตอกหมุดนั้น มีเลือดทะลักออกมาและมีเสียงกรีดร้องตามมาด้วย ศพของเปาเลถูกเผาตามขั้นตอนพิธีกรรมทางความเชื่อ หลายปีต่อมา ก็ยังมีกรณีของแวมไพร์ตัวอื่นอยู่ ซึ่งเชื่อว่า เป็นเหยื่อของเปาเล จึงสรุปได้ว่า แวมไพร์ถ่ายทอดได้โดยการถูกกัด ....บันทึกในปี พ.ศ. 2306 ของนักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อ ฌอง จาก รูสโซ (Jean-Jacques Rousseau) ในปีนั้น มีพยานหลายคน ทั้งที่เป็นแพทย์ นักบวชและพนักงานปกครอง ได้พบเห็นแวมไพร์ เรื่องราวได้เริ่มถูกนำไปแต่งเป็นวรรณกรรม

....จนกระทั่งในต้นพุทธศตวรรษที่ 24 แวมไพร์ก็เป็นที่ยอมรับว่ามีอยู่จริง มีทั้งสองเพศ แต่โดยมากจะเป็นเพศชาย มีเขี้ยวยาว ผิวซีดเซียว และมีดวงตาที่แข็งกร้าว มักจะออกหาเหยื่อในเวลากลางคืน และเหยื่อก็จะเป็นเพศตรงข้าม ป้องกันได้โดยใช้กระเทียม แวมไพร์เป็นคนบาปที่ดำเนินชีวิตอย่างชั่วร้าย บุคคลที่มีความแตกต่างจากคนอื่นและตายอย่างประหลาดมั กจะถูกเชื่อว่า เป็นแวมไพร์ หลังจากนั้นเขาก็จะถูกกีดกันออกจากสังคม
....การกำจัดแวมไพร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องทำเฉพาะเวลากลางวัน ตอนที่มันไม่มีอำนาจเท่านั้น เชื่อว่าหลุมศพใดมีโพรงอยู่ แสดงว่าศพในหลุมนั้นเป็นแวมไพร์ โดยความเชื่อของชาวโรมัน ให้เทน้ำเดือดลงไปในโพรงเพื่อกำจัดแวมไพร์หรือตอกหมุ ดไม้ลงไปที่หัวใจ

....ปลายศตวรรษที่ 19 นักเขียนชาวไอริช ชื่อ บราม สโตกเกอร์ (Bram Stoker) ได้แต่งนิยายเรื่อง แดรกคูลา (Dracula) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของคำอีกคำหนึ่งซึ่งแปลว่า ผีดูดเลือด แดรกคูลา เป็นลูกชายของแดรกคูล (Dracul) กษัตริย์โรมันที่โหดร้ายทารุณ แดรกคูลเป็นสมญานามที่แปลว่า ปิศาจ ซึ่งกษัตริย์ได้สมญานามมาจากการปกครองที่โหดร้าย กระหายเลือด และแดรกคูลา ก็แปลว่า ลูกชายของปีศาจ ....ในนิยาย แดรกคูลาเกิดในทรานซิลวาเนีย(Transylvania) และมีความโหดร้ายเช่นเดียวกับพระบิดา ทรงสร้างศัตรูมากมาย มีการตายอย่างลึกลับ ไม่มีใครพบศพและไม่ได้ฝังศพตามประเพณีแม้สโตกเกอร์จะ ไม่ได้กล่าวในนิยายของ เขาว่า แดรกคูลา ที่เขาอธิบายมีความละม้ายคล้ายคลึงกับแวมไพร์อย่างเห ลือเกิน เช่น มีพลังผิดมนุษย์ ไม่มีเงา แปลงร่างได้ กลัวกระเทียม กลัวไม้กางเขนและกระแสน้ำไหล ไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ถ้าไม่ได้รับเชิญ และต้องนอนในโลงศพเท่านั้น

....ปัจจุบัน "แวมไพร์" ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าหลงไหลและน่าสะพึงกลัว มีผู้คนที่เชื่อว่า แวมไพร์ มีจริง ยิ่งกว่านั้น ยังมีศูนย์วิจัยแวมไพร์ในนิวยอร์ก ที่ศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับเกี่ยวกับ "แวมไพร์" ในยุโรปและอเมริกาอีกด้วย
 322509



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#32
09-10-2010 - 12:57:27

#32 ponza1144  [ 09-10-2010 - 12:57:27 ]





บาซิลิสก์ (อังกฤษ: Basilisk) เป็นงูใหญ่ที่น่ากลัวและน่าสยดสยองในตำนานกรีกและยุโ รป ซึ่งแค่มองผ่านเหยื่อก็ทำให้เหยื่อตายได้ ในทำนองเดียวกับ เมดูซ่า

ได้มีนักเล่านิทานคนหนึ่งอธิบายว่า บาซิลิสก์เป็น "งูที่มีมงกุฎสีทองเล็กๆ บนหัว ในยุคกลางมีผู้เชื่อว่ามันเป็นเพียงงูที่มีหัวเหมือน ไก่ บางครั้งก็มีหัวเป็นคน บาซิลิสก์เกิดจากไข่ที่ออกมาจากพ่อไก่ระหว่างที่ กลุ่มดาวสุนัขใหญ่ ปรากฏบนท้องฟ้า และได้คางคกเป็น ผู้กกไข่ การมองเห็นบาซิลิกก์นั้นน่ากลัวสยดสยองมาก ถ้าสัตว์ใดก็ตามได้เพียงเห็นมันมองผ่าน แม้แต่ทางกระจกก็อาจตายได้ทันทีเพราะความกลัว วิธีเดียวที่จะฆ่ามันได้ก็คือต้องถือกระจกไว้ข้างหน้ าตัวมันก่อนที่มันจะมอง ผ่านมา เมื่อมันมองมาในกระจกนั้น มันก็จะเห็นเงาตัวมันเองในกระจกและตายในทันที มีผู้เชื่อว่าบาซิลิสก์มีเขาหรือมีพังผืดด้วย"

ในยุโรปสมัยกลาง บาซิลิสก์ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย โดยคู่กับกริฟฟิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความดี บาซิลิสก์เป็นสัญลักษณ์ของเมืองบาเซิล (Basel) ใน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บาซิลิสก์ถูกนำไปใช้หลายครั้งตามนิยายแฟนตาซีต่างๆ และเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากเรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับซึ่งชื่อ บาซิลิสก์ นี้ได้ถูกตั้งเป็นทั้งชื่อเรียกสามัญ และชื่อวิทยาศาสตร์ของกิ้งก่าจำพวกหนึ่งในทวีปอเมริก าใต้ มีหงอนบนหัว และสามารถวิ่งได้เร็วมากจนวิ่งบนน้ำได้ โดยกิ้งก่าจำพวกนี้ มีชื่อสกุลว่า Basiliscusในยุคกลางมีผู้เชื่อว่ามันเป็นเพียงงูที่ม ีหัวเหมือนไก่ บางครั้งก็มีหัวเป็นคน
 322515



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#33
09-10-2010 - 12:58:37

#33 ponza1144  [ 09-10-2010 - 12:58:37 ]





การ์กอยล์กา ร์กอยล์ ปัจจุบันอาศัยอยู่ตามโบสถ์ มหาวิหาร อาคารต่างๆของซีกโลกตะวันตก มหาวิหารดังๆที่โลกรู้จักกันก็มี มังกรการ์กอยล์ อาศัยอยู่ เช่น วิหาร นอเตรอดาม แห่ง กรุงปารีส (Notre Dame de Paris) มหาวิหารนอเตรอ-ดาม แห่ง ดิฌง (Notre Dame de Dijon) วิหารแห่งชาติ ณ กรุงวอชิงตัน (Washington National Cathedral) 2 แห่งแรกนี่เรียกยาก นับว่าเจ้ารูปสลัก การ์กอยล์ เนี่ย เป็นประติมากรรมที่สวยงามชิ้นเยี่ยมชิ้นหนึ่งเลยทีเด ียว และก็ไม่ได้มีไว้ประดับประดาอาคารเพื่อความสวยงามเท่ านั้น ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย นั่นคือ เป็นที่ระบายน้ำฝน


ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่า รูป สลักหน้าตาประหลาด ๆ เหล่านี้มักมีอากัปกิริยาแตกต่างกันไป แต่จะมีจุดหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ มีช่องทางให้ระบายน้ำได้ ไม่ว่าจะเป็นทางปาก จมูก หู หรือส่วนอื่น ๆ ของรูปสลักเหล่านี้ ซึ่งบางครั้งอาจจะมีรูปร่างพิลึกพิลั่นอยู่บ้าง




มีตำนานมากมายกล่าวถึงที่มาของชื่อ การ์กอยล์ หรือ ลา การ์กุยย์ นี้ แต่ตำนานเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย คือ ตำนานอันเก่าแก่ของฝรั่งเศส ที่เล่าขานกันว่า ประมาณ ศตวรรษที่ 7 ณ หมู่บ้านรูออง (Rouen) ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส มี มังกรไฟตัวหนึ่งซึ่งมีนิสัยดุร้ายอาศัยอยู่ในถ้ำใก ล้ริมแม่น้ำแซน (Seine) เจ้ามังกรตัวนี้ยื่นคำขาดให้ผู้คนในหมู่บ้านส่งหญิงพ รหมจรรย์มาสังเวยมันทุกปี มิฉะนั้นมันจะพ่นไฟให้ทั้งหมู่บ้านจมอยู่ ในกองเพลิงภ ายในพริบตา ด้วยความกลัว ชาวบ้านจึงจำต้องส่งหญิงสาวไปให้มันทุกปี หากปีใดไม่สามารถหาสาวบริสุทธ์ได้ก็จำต้องส่งนักโทษไ ปแทน แน่นอนว่าเจ้ามังกรตัวนี้ไม่พอใจอย่างยิ่ง ดังนั้นมันจะมาบินวนรอบ ๆ หมู่บ้านพร้อมกับพ่นไฟและ ส่งเสียงขู่คำรามในลำคอ อันเป็นเหตุให้ชาวบ้านเรียกเจ้ามังกรตัวนี้ว่า ลา การ์กุยย์ ชาวบ้านรูอองต้องหวาดกลัวเจ้ามังกรพ่นไปตัวนี้เป็นเว ลานาน

จนกระทั่งวันหนึ่ง นักบวช แซงต์ รูมานีส์ (Saint Romanis)ได้มาเดินทางเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อ ได้รับรู้ชะตากรรมของชาวบ้าน ท่านก็เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ โดยมีข้อแม้ว่า หากท่านปราบมังกรตัวนี้ได้ ชาวบ้านจะต้องสร้างโบสถ์ให้ท่านหนึ่งหลัง ซึ่งชาวบ้านก็ตกลงรับเงื่อนไขนี้โดยดี ท่านนักบวชได้เดินทางไปยังถ้ำมังกรโดยไม่มีอาวุธใด ๆ นอกจากไม้กางเขนและศรัทธาต่อ พระเจ้าเท่านั้น แต่กระนั้น ท่านก็สามารถสยบเจ้ามังกรร้ายตัวนี้ได้ และนำมันกลับมายังหมู่บ้าน ชาวบ้าน รูอองรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พวกเขาจะได้อยู่อย่ างสงบสุขเสียที หลังจากต้องหวาดกลัวมังกรร้ายมาตลอดเวลา

ดังนั้นเพื่อให้ แน่ใจว่ามังกรไฟ ลา การ์กุยย์ นี้จะไม่สามารถกลับมาทำร้ายใครได้อีก ชาวบ้านจึงจับมังกรนี้มัดและเผามันทั้งเป็น แต่เนื่องจากเจ้า ลา การ์กุยย์ เป็นมังกรพ่นไฟ เพลิงจึงเผาผลาญทุกส่วนของมัน ยกเว้น หัวและคอ ซึ่งไม่ว่าใช้วิธีใดก็ไม่สามารถทำลายมันได้ ดังนั้น เมื่อชาวบ้านสร้างโบสถ์ให้นักบวช แซงต์ รูมานีส์ ตามสัญญา นักบวชเลยแนะนำให้เอาหัวมังกรไปประดับไว้กับตัวโบสถ์ เพราะเจ้ามังกรตัวนี้มีอำนาจศักด์สิทธิ์ ดังนั้นมันจะสามารถขับไล่มิให้ภูติผีปีศาจหรือสิ่งชั ่วร้ายต่าง ๆ เข้ามาใน ตัวโบสถ์ได้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การนำเอารูปสลักสัตว์หน้าตาประหลาดต่าง ๆ มาประดับโบสถ์วิหารก็กลายเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่ อกันมา ในยุโรปและเมื่อชาวยุโรปได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐ อเมริกา ก็ได้นำประติมากรรมประหลาดนี้ไปด้วย ดังนั้น ตามวิหารหรืออาคารจำนวนไม่น้อยในสหรัฐอเมริกาจึงประด ับด้วยรูปสลักการ์กอยล์นี้เช่นกัน
 322518



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#34
09-10-2010 - 13:00:10

#34 ponza1144  [ 09-10-2010 - 13:00:10 ]





ไนท์แมร์ (nightmare) ทูตฝันร้ายไน ท์แมร์ คือ ปิศาจที่กินฝันร้ายของผู้คน มีลักษณะคล้ายม้าสีดำ... และมียมทูตถือเคียวอยู่บนหลัง แต่ไม่มีลักษณะแน่นอน... มันสามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นไปตามจิตใจของคนเป็นอะไร ก็ได้เพื่อทำให้คนผู้ นั้นฝันร้าย บางครั้งมันจะกินฝันร้ายของผู้คนเพื่อให้เขาสบายใจ แต่บางครั้งมันก็จะสร้างฝันร้ายและทำให้คนผู้นั้นเกิ ดความเสียหายทางจิตใจจน ตาย ไม่มีวิธีกำจัดมันได้อย่างแน่นอน แต่สามารถป้องกันได้โดยการไม่นอนหลับ
แต่ เดิมนั้น ไนท์แมร์ ถูกเรียกว่าเป็น ความฝันอันโหดร้ายในขณะตื่นขึ้น เพราะความฝันจะเกิดขึ้นในช่วงที่นอนหลับในรูปแบบ REM (rapid eye movement) หรือภาวะหลับไม่สนิทซึ่งเมื่อเปิดเปลือกตาของผู้หลับ ในสภาวะนี้จะเห็นว่า ลูกตาดำนั้นเคลื่อนไหวไปมาราวกับตื่นอยู่ และมีท่าทางทรมาน
 322524



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#35
09-10-2010 - 13:01:30

#35 ponza1144  [ 09-10-2010 - 13:01:30 ]





ชีล็อบ (Shelob) สามารถกล่าวได้ว่าชีล็อบเป็นราชินีแห่งแมงมุมในมิดเด ิลเอิร์ธ แม้บ้านของเธอจะอยู่ระหว่างเขตแดนของมอร์ดอร์และกอนด อร์ แต่ลูกหลานของเธอส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่บริเวณป่าอันมืด มิดแห่งเมิร์ควู้ด ส่วนใหญ่จึงคิดว่าเธอเคยอาศัยอยู่ที่นั่น แต่เช่นเดียวกับเซารอน เธอได้หลบหนีมาที่ดินแดนแห่งมอร์ดอร์ รังของหล่อนตอนนี้อยู่ข้างๆ หอคอยคิริธอุงโกลบนเส้นทางที่ผ่านเทือกเขาและเข้าสู่ ใจกลางมอร์ดอร์ ขณะที่เซารอนไม่เคยจะบังคับหล่อนเข้าสู่สงคราม แต่เขาก็ได้ให้เธออยู่เป็นผู้ปกป้องดินแดนของเขา เมื่อแซมและโฟรโ้ด้พยายามที่จะเลี่ยงเมืองมินัสมอร์ก ูล ที่ซึ่งเป็นบ้านของพวกนาซกูล พวกเขาก็ได้ถลำเข้าสู่รังของเธอเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ โฟรโดนั้นเกือบตายเมื่อโดนพิษของเธอเข้า แต่แซม ก็ปัดป้องนานพอที่จะหลบหนีออกมาได้ แม้เธอจะได้รับบาดเจ็บจากดาบเอลฟ์ของโฟรโด แต่เธอก็ยังรอดจากสงครามแห่งแหวน และอาศัยอยู่ในถ้ำอันมืดมิดใต้คิริธอุงโกล

 322527



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#36
09-10-2010 - 13:02:37

#36 ponza1144  [ 09-10-2010 - 13:02:37 ]





เครไบน์ (Crebain)พวกมันเป็น อีกาสีดำขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ในป่าฟังกอร์นและดันแลนด์ ในช่วงสงครามแหวน ซารูมานใช้พวกมันเป็นสายลับ หาเบาะแสของผู้ครอบครองแหวน ในระหว่างเดินทางคณะพันธมิตรแห่งแหวนพบกับฝูงอีกากลุ ่มนี้ แม้พวกเขาจะพยายามซ่อนตัวแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเล็ดลอดสายตาของพวกมันไปได้ ทำให้ซารูมานรู้แผนการการเดินทางของคณะแหวน
 322531



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#37
09-10-2010 - 13:04:35

#37 ponza1144  [ 09-10-2010 - 13:04:35 ]





เบเฮโมท

อสูร ร้ายดึกดำบรรพ์ จ้าวแห่งผืนปฐพีเช่นเดียวกับ เลวีอาธานจ้าวแห่งผืนน้ำ และ ซิซจ้าวแห่งผืนนภา ชื่อเบเฮโมท มาจากภาษาฮีบรู Behemot มีความหมายหมายถึงอสูรกาย สัตว์ขนาดใหญ่ยักษ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโลก คำดังกล่าวยังถูกใช้เปรียบเทียบกับสิ่งที่มีขนาดใหญ่ โตมโหฬารเกินกว่าจะ เปรียบเทียบได้ด้วย
กำลังของมันอยู่ในเอว และฤทธิ์ของมันอยู่ในกล้ามเนื้อท้อง มันขยับหางของมันให้แข็งเหมือนไม้สนสีดาร์ เอ็นโคนขาของมันก็สานเข้าด้วยกัน กระดูกของมันเหมือนท่อนทองเหลือง และกระดูกของมันเหมือนท่อนเหล็ก มันเป็นพระราชกิจชิ้นที่สำคัญของพระเจ้า ผู้ทรงสร้างมันนำดาบมาให้ ภูเขาผลิตอาหารให้มันแน่ เป็นที่ที่สัตว์ป่าทุ่งทุกชนิดเล่น มันนอนอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงา ในเพิงอ้อและในบึง ต้นไม้ที่มีร่มเงาเป็นเงาคลุมมัน ต้นหลิวแห่งธารน้ำล้อมมันไว้

เบเฮโมท กับ เลวีอาธาน
ตาม ความเชื่อของชาวยิวโบราณ เบเฮโมทเป็นอสูรกายดึกดำบรรพ์แห่งผืนภพ ขณะที่เลวีอาธานเป็นอสูรกายดึกดำบรรพ์แห่งผืนนที และซิซครอบครองผืนนภา
มี ตำนานกล่าวว่า เลวีอาธาน กับ เบเฮโมท จะต่อสู้ทำศึกกันในวาระสุดท้ายของโลก โดย เบเฮโมท คือ วัว และ เลวีอาธาน คือปลา ทั้งคู่จะเข้าห้ำหั้นกัน โดยกำลังของเบเฮโมทอยู่ในเขาอันทรงพลัง ขณะที่เลวีอาธานอยู่ในครีบ และสุดท้ายทั้งคู่จะฆ่ากันและกัน ส่วนมนุษย์ที่เหลือรอดจะจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่จากเนื้ อจำนวนมหาศาลของมัน ขณะที่แหล่งข้อมูลอื่นว่า พระผู้สร้างจะเสด็จลงมาพร้อมด้วยดาบอันทรงฤทธานุภาพแ ละสังหารมันทั้งคู่ลง เสีย
 322535



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#38
09-10-2010 - 13:05:12

#38 ponza1144  [ 09-10-2010 - 13:05:12 ]





ครอกกาไทรส์ - atriceครอกกาไทรส์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างเหมือนกับBasiliskไม่ว่าจ ะเป็นทางด้านต้นกำเนิดหรือเรื่องๆอื่นจนบางคนคิดว่าเ ป็นตัวเดียวกันซะอีก แต่ความจริงย่อมมีเพียงหนึ่งเดียวก็คือมันเป็นคนละตั วกันค่ะ!!

atriceตัวนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีล ักษณะอยู่ระหว่าง"ไก่" และ "มังกร" แค่มันจ้องไปที่สิ่งมีชีวิตอื่นใดสิ่งมีชีวิตนั้นอัน ต้องกลายเป็นหินทีเดียวและที่แน่นอนคือมันเกิดออกมาจ ากไข่ของพ่อไก่!!! (หมายเหตุ:คงเกิดจากการแปรผันทางพันธุกรรม การกลายพันธุ์หรือความผิดพลาดทางด้านยีนส์, โครโมโซม ไม่กัมมันตภาพรังสี)จุดเด่นที่ทำให้มันแตกต่างกะBasiliskจริงๆคือที่ผิวข องมันจะไม่ปกคลุมด้วยเกล็ดตลอดทั้งตัวแบบ จะมีบางส่วนเป็นขนแบบไก่ลักษณะทางกายภาพทั่วไปค่อนข้ างคล้ายไก่ยักษ์ มีปีกบริเวณด้านข้างของลำตัวมีจงอยปากยาว ตาคมแดงดุมีหางยาวงอกออกมาเหมือนมังกรหรืองู(บริเวณน ี้จะไม่มีขนปกคลุมแต่จะเป็นเกล็ด)



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#39
09-10-2010 - 13:08:12

#39 ponza1144  [ 09-10-2010 - 13:08:12 ]





Harpies (ฮาร์ปี) ฮาร์ปีมักถูกวาดภาพเป็นสัตว์ที่มีศีรษะและหน้าอกเหมื อนผู้หญิง แต่ร่างกายเป็นนก (คล้าย ๆ กินรีที่เรารู้จักกันนั่นแหละ) มันเป็นที่รู้จักในเรื่องกลิ่นอันเหม็นอย่างร้ายกาจ ซึ่งจะทำลายทุกอย่างที่เข้าใกล้

 322549



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
แมวตัวกลม
#40
แมวตัวกลม
09-10-2010 - 13:08:53

#40 แมวตัวกลม  [ 09-10-2010 - 13:08:53 ]




ใครที่อ่านแฮร์รี่คงจะคุ้นกับสัตว์พวกนี้ อ่านแล้วคงแบบ อ๋อ...อ๋อ...
เหมือนเรานี่ไง ฮ่าๆ



ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 14th November 2024 21:26

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ