ชื่อซิมส์: Jane Eir Smith
บรรยายความดราม่าของภาพ: คืนแล้วคืนเล่า .. ภาพเหตุการณ์นี้ เสียงนี้ ความรู้สึกนี้ ก็ได้มาวนเวียนอยู่ในความฝันของชั้นซ้ำไปซ้ำมา .... ราวกับจะตอกย้ำตัวตนและย้ำเตือนให้
หวนระลึกถึงคนๆ นั้น .. คนที่มีความสำคัญต่อชั้นมาก จนไม่อาจลบเลือนไปจากจิตใจ แม้ว่ากาลเวลาจะผันผ่านไปนานซักแค่ไหน หรือเราต้องห่าง
ไกลกันซักเท่าใด แต่เธอก็ยังคงมีตัวตนอยู่ในความทรงจำอันลางเลือนของชั้น ชั้นไม่รู้หรอกว่า เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ที่ไหน แล้วจากนั้นเรา
สองคนจะเป็นอย่างไรต่อไป ชั้นรู้เพียงแต่ว่า ... ณ ขณะนั้น ช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนเปี่ยมสุข แม้เริ่มแรกของภาพความฝันนั้นจะทำให้ชั้นหวาดกลัว
จนแทบขาดใจ .......
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!!” ..ชั้นวิ่งด้วยความเร็วสุดฝีเท้าเข้าไปยังตรอกแคบๆ ตรอกหนึ่ง “หึ! คิดว่าจะหนีพ้นรึไง?? ส่งเงินมาซะดีๆ!” ชายสวมหมวก
ไหมพรมสีเขียว ผิวคล้ำ ผมสีทอง ท่าทางเมายา ตะโกนสั่งขณะวิ่งไล่ตามหลังชั้นมาติดๆ .... ชั้นจะทำอย่างไรดี? .. เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว ทุกบ้าน
ต่างปิดไฟเข้านอน ต่อให้ชั้นตะเบ็งเสียงร้องให้คอแตกตายก็คงไม่มีใครออกมาช่วย ชั้นจึงได้แต่วิ่งต่อไป และภาวนาให้สุดตรอกนี้มีทางออก ทาง
แยก หรือที่กำบังอะไรซักอย่าง เพื่อให้ชั้นหลบพ้นและหนีรอดจากหมอนั่นได้ แต่แล้ว .... ไม่นะ นี่มันทางตัน! กำแพงอิฐสูงขวางหน้าชั้นไว้ ไม่ให้
ชั้นหลบหนีไปไหนได้ .. ชั้นจนแต้มแล้วหรือนี่? จะทำอย่างไรต่อไปดี?? ... ชั้นละล้าละลังทำท่าจะปีนป่ายขึ้นไปบนกำแพงสูงนั้นให้ได้ แม้รู้อยู่
เต็มอกว่าไม่มีทางก็ตามที .. “ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า!! … หนีไม่พ้นแล้วล่ะสิ อย่าพยายามต่อไปเลย เหนื่อยเปล่าๆ หน่า ..” ช่างเป็นเสียงหัวเราะและคำพูดเย้ย
หยันที่น่ารังเกียจที่สุดตั้งแต่เคยฟังมา “อย่าเข้ามานะ!” ชั้นหันหน้ามาเผชิญเจ้าของเสียงอันชั่วร้ายนั่น พร้อมกับตั้งท่าเตรียมที่จะต่อสู้ แต่แล้วก็ต้อง
เซถลาล้มลงนั่งกับพื้น ด้วยแรงผลักอย่างแรงจากมือที่ใหญ่โตและหยาบกร้าน “ยังคิดจะสู้อีกหรอ? .. เธอนี่ถ้าไม่โง่ก็บ้าแล้วล่ะ” “จะ .. จะทำ
อะไร!?” ชายเมายาคนนั้นขยับเท้าเข้ามาใกล้ ในมือก็ถือมีดเงินปลายแหลมเล่มหนึ่ง ที่ยังมีเลือดสดๆ ติดอยู่ “ละ .. เลือด ...” “ใช่ ...... ถ้าเธอยัง
คิดขัดขืนอีก เลือดของเธอได้มาเปื้อนอยู่บนมีดนี้แทนแน่!” ชั้นได้แต่จ้องมองมีดเล่มนั้น ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก “แต่เอ ....จุ๊ๆๆๆ ... ขาวๆ สวยๆ
แบบนี้ ถ้าปล่อยกลับไปเฉยๆ คงเสียของแย่ .. ถ้ายังไง ... อยากสนุกกับพี่ซักคืนมั้ยล่ะ? พี่จะพาขึ้นสวรรค์จนลืมไม่ลงเลยทีเดียว ... หึ หึ หึ ..”
การได้ฟังคำเชื้อชวนที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับมีทั่งเหล็กขนาดใหญ่หล่นใส่หัว จนทำให้ชั้นได้สติและคิดว่าจะต้องหาทางทำอะไรซัก
อย่าง ไม่อย่างนั้นชีวิตชั้นคงต้องจบสิ้นลงตรงนี้แน่ .. “มาม๊ะคนดี ..” ร่างใหญ่กำยำนั้นทำท่าจะโอบกอดชั้น “ไอบ้า! .. ออกไปนะ!!” ชั้นผลักเค้า
ออกไปสุดแรง พร้อมกำหมัดต่อยตีไปทุกส่วนบนร่างกายของเค้า แต่ดูเหมือนว่า ความพยายามนี้จะไร้ผล..ไอบ้านี่มันเป็นมนุษย์เหล็กหรือไง
นะ ทำไมถึงไม่ระคายผิวมันบ้างเลย?? “หนอยแน่นังนี่!! ฤทธิ์เยอะนักใช่มั้ย!??” ร่างของชั้นถูกผลักชนกำแพง แล้วมือหยาบกร้านทั้งสองข้างนั้นก็
มาบีบรัดรอบลำคอของชั้น จนแทบหายใจไม่ออก “ปะ .. ปล่อย ปล่อยนะ ..... ชะ ช่วย ช่วย .. ด้วย ...” ก่อนที่ชั้นจะหมดสติไป ก็มีคนๆ หนึ่งมา
กระชากร่างไอบ้ากามนั่นให้ออกห่างจากตัวชั้น แล้วปล่อยหมัดใส่มันจนถลาล้มไปชนกับลังไม้ที่วางเรียงรายอยู่ข้างๆ กำแพง “เธอไม่เป็นไรใช่
มั้ย?” แม้สติชั้นจะเลือนราง สายตาจะพร่ามัวแค่ไหน ... แต่ชั้นก็จำได้ดี น้ำเสียงของคนๆ นั้น .. ก่อนที่ชั้นจะเอ่ยปากตอบอะไรออกไป ... “มึง! ..
ไอ... มึงเป็นใคร!!?” ไอโจรเมายาตอนนี้ตั้งหลักได้ และกำลังชี้มีดไปที่ชายคนนั้น หมายจะต่อสู้ “มึงไม่ต้องรู้หรอก ว่ากูเป็นใคร .. ปล่อยผู้หญิง
คนนั้นไปซะ ไม่งั้นมึงกับกูได้เห็นดีกันแน่!” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า!! .. เอาซี่ .... กูก็อยากรู้นัก ว่าน้ำหน้าอย่างมึงจะมาทำอะไรกูได้ มึงไม่เห็นรึไงว่ากูมีมีด ถ้า
อยากตายก็เข้ามาเลย!” ไอโจรนั่นท้าทายอย่างบ้าบิ่น “หึ .. มีมีด แต่ไร้ปัญญาอย่างมึง กูไม่กลัวหรอก” สิ้นเสียงที่มีนัยตอบรับคำท้าทายของโจร
ชั่ว ทั้งสองก็เข้าต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิต .... ตอนนี้ชั้นเริ่มเรียกสติตัวเองกลับมาได้ ดวงตาที่เคยพร่ามัวก็ค่อยๆ กระจ่างชัด หลังจากต่อสู้กันอยู่สักพัก
ไอโจรเมายาก็ถูกซัดจนน่วมลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น คงจริงอย่างที่ชายคนนั้นบอก ว่ามีกำลังแต่ไร้สติปัญญาก็คงช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ .. แล้วชายผู้
ช่วยชีวิตชั้นไว้ก็ค่อยๆ เดินตรงมาที่ชั้น แต่ยังไม่ทันจะถึงตัว สายตาของชั้นก็พลันเหลือบไปเห็นไอโจรเมายามันลุกขึ้นมา คว้ามีดที่กระเด็นตกอยู่
บนพื้น แล้ววิ่งตรงมาที่ชายคนนั้นหวังที่จะจ้วงแทง “ระวัง ด้านหลัง!!” ชั้นร้องเตือนสุดเสียง เพื่อให้เขาไหวตัวและตั้งรับได้ทัน .... “ผั๊วะ!!!”
ชั้นเอามือปิดตาสนิท ไม่กล้าพอที่จะมอง เพราะกลัว .. กลัวเหลือเกินกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับเค้า ...... “มันไปแล้วล่ะ ... โดนเตะก้านคอนิดเดียว ก็
วิ่งหางจุกตูดแล้ว” ชั้นจึงค่อยๆ เปิดตา เงยหน้ามองเจ้าของเสียงนั้น “เอ้า .. ลุกขึ้นมาสิ” เค้ายื่นมือมาให้ชั้นจับเพื่อพยุงตัวขึ้น ใบหน้าของเค้าภายใต้
แสงไฟอันริบหรี่ ช่างดูอ่อนโยนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย มือของเค้าที่ชั้นได้สัมผัสนั้นก็ช่างอบอุ่นและหนักแน่นพอที่จะทำให้ชั้นรู้สึกมั่นคง
ได้ .. “ไม่เป็นไรนะ” เค้าพูดปลอบใจชั้น แต่แทนที่ชั้นจะยิ้มแล้วตอบกลับไปด้วยความโล่งใจว่า “อื้ม ใช่แล้ว ชั้นไม่เป็นไรหรอก .. ขอบใจมากนะ”
ชั้นกลับร้องไห้ออกมา “อ้าว .. เธอเป็นอะไรไปน่ะ?? เจ็บตรงไหนหรอ!?” เค้าถามออกมาด้วยความตกใจ “เปล่า .. ชั้น .... ชั้น ไม่ได้เจ็บตรงไหน
หรอก” “งั้นเธอร้องไห้ทำไม?” “ไม่รู้สิ ... มันบอกไม่ถูก ..... บางที ... อาจเป็นเพราะ .. ชั้นกลัว กลัวมากเลย ที่เห็นไอโจรนั่นจะเอามีดแทงเธอ
เมื่อกี้นี้ ชั้นกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปเพราะชั้น .. ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ชั้นคงไม่มีวันให้อภัยตัวเอง ...” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและรอยแผล
ของเค้า บัดนี้กลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม “อะไรกัน .. ยัยเด็กโง่ ....” เค้ายกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของชั้น แล้วบรรจงเช็ดน้ำตาที่ไหลเปรอะแก้ม
“ชั้นจะตายได้ยังไง .. ถ้าชั้นเป็นอะไรไปแล้วใครจะปกป้องเธอ ..” เค้ายิ้มพลางเอ่ยคำพูดนี้เพื่อให้ชั้นมั่นใจ ชั้นจึงรวบรวมความกล้า แล้วพูดบางสิ่ง
ออกไป .. บางสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจชั้นมานาน “ถ้าเธอจะคอยปกป้องชั้น ... งั้นชั้นขอเป็นคนอยู่เคียงข้างเธอตลอดไปได้มั้ย? .. ให้ชั้นได้ดูแลเธอ
...” “ฮารุ .. นี่เธอ ...” เค้ามองลึกเข้าไปในดวงตาของชั้นหมายจะค้นหาความจริงที่อยู่ก้นบึ้งในใจ “ที่ชั้นพูดแบบนี้ ไม่ได้เป็นเพราะชั้นต้องการ
ตอบแทนที่เธอช่วยชั้นไว้วันนี้ และไม่ใช่เป็นการขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำให้เสมอมา .. แต่เป็นเพราะ .... ความรู้สึกจากข้างในนี้ต่าง
หาก ..” ชั้นจับมือของเค้ามาสัมผัสหัวใจของชั้นที่กำลังเต้นแรง “ชั้นอยากพูดคำนี้มานานแล้ว .. แต่ไม่เคยกล้าซักที ... ตอนนี้ .. ชั้นพร้อมแล้ว ...
ชั้นจะบอกกับเธอ” แก้มของเค้าพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แววตาเปล่งประกาย รอฟังคำพูดของชั้นอย่างตั้งใจ “......... เคน ...... ชั้นรักเธอนะ ....”
ยังไม่ทันที่ชั้นจะพูดอะไรต่อไป ริมฝีปากของเค้าก็มาประกบแนบแน่นกับริมฝีปากของชั้น .... เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่เราสองคนก็ยังคง
แลกรสรักรับรู้ความในใจของกันและกันอยู่อย่างนั้น ภายใต้แสงไฟสลัว .. โดยปราศจากคำพูดใดๆ นี่คงเป็นการแสดงความตื้นตันใจของเค้า
สินะ ...
นิยามความ "ดราม่า" ของคุณ: ที่บรรยายมานี่ก็เยอะแล้วนะ .. อย่าให้จำกัดความเลย
"ปวดหัว"