โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
เรื่องลีลับ
ploy58
#41
27-08-2011 - 12:44:41

#41 ploy58  [ 27-08-2011 - 12:44:41 ]








สถานที่ ชวนชนหัวลุกในรั้วมหาลัยต่างๆ
1. " ล๊อกเกอร์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์ "
ที่นั่นเคยมีคนเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่บนล๊อกเกอร์ ทีแรกเห็นแต่ขาแต่ว่าเมื่อมองขึ้นไปกลับไม่มีตัวตนอยู่เลย

2. " ห้องมืด (ห้องล้างฟิลม์) ของคณะนิเทศศาสตร์ "
เรื่องมีอยู่ว่า....เมื่อก่อนมีรุ่นพี่คนหนึ่งได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้ แล้วไม่ได้กลับออกมาอีกเลย....มีคนเข้าไปหาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีใครพบ...ได้มีนิสิตรุ่นน้องต่อ ๆ มาเล่าให้ฟังว่า ...ยังมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นอีก เช่น มีนิสิตได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้ ขณะที่เข้าไปนั้นก็คิดว่าตนนั้นเข้าไปกับเพื่อน
ก็มีการพูดคุยกัน แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากเพื่อน...บอกให้หยิบของส่งให้ ก็มีคนหยิบส่งให้.....แต่พอออกมาเห็นเพื่อนของตนอยู่นอกห้อง จึงได้รู้ว่าตนเข้าคนเดียว......แล้วใครล่ะที่เป็นคนหยิบของส่งให้ ยังคงเป็น ปริศนาอยู่

3. " บันไดวน คณะเภสัชศาสตร์ "
เป็นบันไดที่ปิดตายไม่ใช้แล้ว มีคนเล่าว่ามีคนเคยเห็น ผู้หญิงใส่ชุดขาว ตลอดทั้งตัวยืนอยู่ที่บันไดนี้

4. " ห้อง 415 หอพักนิสิตหญิงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "
เล่ากันว่า ถ้าหากวันไหนตื่นขึ้นมาตอนดึกๆ คนที่ตื่นขึ้นมาจะเห็นผู้หญิงใส่ ชุดไทยมายืนอยู่ที่ปลายเตียง

5. " ดาดฟ้าตึกพยาธิวิทยา "
ตอนดึกๆหรือตอนเย็นๆใกล้ค่ำ ถ้าหากมีใครขึ้นไปบนดาดฟ้า จะเห็นคนยืนนุ่งชุดสไบสีขาว

6. " ทางเดินระหว่างตึกของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ "
ทางเดินที่ว่านี้ มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีสามีภรรยานักการของคณะสถาปัตย์ได้ทะเลาะกัน ....ฝ่ายภรรยาได้เอาปืนยิงสามีจนเสียชีวิต...เลือดสาดไปทั่วหน้าห้องทางเดินนี้ ต่อมาเมื่อทางคณะฯ ได้มีการปรับปรุงพื้นชั้นหนึ่งได้มีการเทปูนไว้
.......มีแต่เฉพาะหน้าห้องนี้ เท่านั้น ที่ไม่ยอมแห้ง ทิ้งไว้นานสักเท่าไรก็ไม่ยอมแห้ง ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่าที่เห็นกันทุกวัน นี้

ป๊อก ครืด...เรื่องเล่าจาก หอ 7 หญิง ใน มอชอ
เรื่องผีอันดับหนึ่งของ มหาลัยเชียงใหม่ ในแง่ของความเศร้า ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่ทราบแน่ชัด แต่สถานที่เกิดคือ หอ 7 หญิง ในสมัยที่ มช. ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรัง ถนนหน้าฝนเป็นโคลนาน รถไปมาลำบาก ตอนกลางคืนมืด ไม่มีแสงไฟ

เรื่องเกิดกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของหอหญิงเจ็ด ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่ ประมาณว่านักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ำ แล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่ จึงไปไม่ไหว อยากพักผ่อน พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองก็ได้ แล้วจะห่อข้าวมา ฝากเพื่อนคนที่ไม่สบายก็บอกว่า ฝากซื้อลาดหน้า (หรือผัดไทซักอย่างที่เป็นเส้นๆ) มาให้ทีละกัน กินแล้วจะได้กินยา เมทคนนั้นก็บอกว่า ได้ เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับ หลังจากที่เพื่อนออกไปจากห้อง เมทคนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่อ อ่านได้ซักพักก็ไม่ไหวเพราะไข้ขึ้นจึงนอน ตอนนอนอยู่นั้นสลึมสลือ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้ว ทำไมเพื่อยังไม่กลับมาซะที ตกดึก ฝนเริ่มตกหนัก เมทคนนั้นก็ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือต่อ ในใจเป็นห่วงเพื่อนะ เพราะออกไปนานมากยังไม่กลับ ซักพักนักศึกษาคนนั้นได้ยินเสียงเบาๆ ดังจากชั้นล่างจากทางบันได ” ป๊อก…………ป๊อก………ป๊อก………ป๊อก…….” เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามา จากทางบันไดดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่ แล้วเสียงก็เปลี่ยนไป “ ครื……..ด……..ครื………..ด…….ค..รื…ด ” เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซักอย่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง นักศึกษาหญิงเริ่มเอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่ยังเงียบได้อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง “ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ” แล้วเงียบไป นักศึกษาสะดุ้งสุดตัว คิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อลาดหน้าแขวนอยู่ พอเห็นห่อลาดหน้า ก็งง แล้วเพื่อนอยู่ไหน ทำไมไม่กลับมา หรือติดฝนเลยฝากคนอื่นเอามาให้ แต่ทำไมต้องเอามาแขวน ไม่รอเจอกันก่อนจะได้รู้ว่าเป็นใคร แล้วทำไมเดินเร็วจัง มีแต่รอยเปียกน้ำเป็นทางจากบันได… .คิดต่าง ๆ นา ๆ แต่แล้วก็แกะห่อลาดหน้าออก ทานเสร็จก็ทานยาตาม ได้ซักพักก็ม่อยหลับไป

รุ่งเช้า…………….มีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทาง คาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ ลักษณะศพสภาพแขนและขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาดหลังจากทานข้าวเสร็จ (ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหินหรือตลาดต้นพะยอม) ทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว โดยเพื่อนฝากซื้อข้าวห่อ คนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ แล้วลาดหน้าเมื่อคืนล่ะ? ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด แต่จากที่ฟังกันมาคือ หลังจากที่ตายไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเพราะว่าไม่สบาย และยังหิว จึงนำห่อลาดหน้าที่ซื้อมาฝากไปส่งให้แต่จะไปส่งยังไง แขนหัก ขาหักหมด

แล้วลักษณะที่เขาเล่ามาคือ เพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุง แล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพักแล้วใช้คางเกยบันได ลากตัวเองขึ้นมา เป็นเสียง “ ป๊อก ป๊อก ” เสียง “ ครืด ”ที่ได้ยิน คือเสียงลากตัวเองจากบันได มาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกัน หลังจากส่งห่อลาดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง…

ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่า แต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆ ห้องยืนยันว่า ในคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังยกของหนัก และลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมา แล้วทุกคนต่างเชื่อสนิทใจ มิตรภาพอยู่เหนือความตาย…

เปรตหอนาฬิกา จาก มอชอ อีกแล้ว
อันเนื่องจากเคยเป็นป่าช้าและลานประหารเก่ามาก่อน ทำให้เรื่องเล่าเรื่องผีทั้งเก่าและใหม่มีมากมาย เรื่องนี้อยู่ที่หอนาฬิกาใหญ่ ตรงสี่แยกจากประตูหลังมอ ตรงนั้นจะเป็นวงเวียนสี่แยก ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้เป็นคณะวิศวะ ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เป็นคณะศึกษา และโรงเรียนสาธิต ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ เป็น หอ 4 ชาย และฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหอ 6 หญิง เรื่องนี้เล่ากันว่า ตรงหอนาฬิกา กลางวงเวียน มีเปรต หากไปลองของ อาจโดนดีได้

วิธีการลองดีคือ ตอนเที่ยงคืน ให้ไปขับรถวนทวนเข็มที่หอนาฬิกา สามรอบ
(ปกติวงเวียนจะให้รถขับวนตามเข็มนาฬิกา) เล่ากันว่า ผู้ที่ลองทำอย่างนั้นไม่เคยมีใครขับรถทวนเข็มนาฬิกาได้ครบสามรอบซักคน ผู้มีประสบการณ์เล่าว่าในขณะที่วนรถอยู่นั้น จะรู้สึกได้ถึงลมที่เย็นผิดปกติ แต่วนไปรอบสองก็ไม่เกิดอะไรขึ้น มาเกิดตอนที่จะครบรอบที่สาม จู่ ๆ ก็มีเสาสองต้นมาตั้งขวางถนนอยู่ ทำให้ต้องหักรถหลบ รถล้มบ้างแฉลบบ้างไปตามๆกัน ใครอยากรู้ก็ลองดูอง

อีกกรณีหนึ่งมีข่าวอยู่บ่อย ๆ ว่านักศึกษาที่พักอยู่ในหอพักชาย 4 และหญิง 6 ฝั่งที่ติดกับหอนาฬิกา มักได้ยินเสียงแหลมๆเล็ก ดังมาจากทางหอนาฬิกา สอบถามแล้วคืนนั้น เด็กสาธิตไม่มีการทำกิจกรรมและคณะวิศวะไม่มีกิจกรรม หรือการก่อสร้างใดๆ และที่สำคัญบางห้องได้ยิน บางห้องไม่ได้ยินทั้งที่อยู่ติดกัน? เป็นเพียงเรื่องเล่า

ห้องสีชมพู จาก มอชอ อีกนั่นแหละ
มอชอ อีกแล้วครับ เรื่องนี้เกิดที่หอหญิง ไม่แน่ใจว่า 7 หรือ 4 เป็นเรื่องของนักศึกษาหญิงที่เข้ามาพักในหอใน แล้วไปมีอะไรกับผู้ชายแล้วเกิดพลาดตั้งครรภ์ขึ้นมา รู้ตัวเอาตอนท้องได้ 4 เดือนแล้ว แต่มันยังไม่ป่องออกมาจึงปิดเงียบไม่ให้ใครรู้ แม้แต่เมท ทำยังไงถึงจะเอาออกได้ พลาดไปแล้ว แต่ไม่อยากเสียอนาคต ไม่มีเงินทำแท้ง แฟนไม่รับผิดชอบ จึงตัดสินใจเอาออกเองในห้องพัก โดยเลือกตอนช่วงที่เพื่อนไม่อยู่ ทำเองคนเดียว โดยไม่ทราบวิธีการ้อง ปรากฎว่าผลร้ายกว่าที่คิด นักศึกษาคนนั้นตกเลือดตายในห้อง เพื่อนมาพบศพตอนเย็น เห็นรอยเลือดกระจัดกระจายติดฝาผนังบ้างก็มี

หลังจากจัดการเรื่องศพเรียบร้อยแล้ว (รวมถึงทำความสะอาดห้อง) โดยที่เมทของคนตายก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด เห็นรอยเลือดสีจางๆ ติดอยู่ที่ผนังสีขาว ก็เลยให้คนเอาสีขาวมาทาทับง วันรุ่งขึ้นเปิดเข้าไปทำความสะอาดรอยเลือดยังมีอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะทำยังไง ทั้งขัด ทั้งถู หรือทาสีใหม่ รอยเลือดนี้ก็ยังไม่หายไป จนสุดท้ายทางหอพักจึงต้องนำสีชมพู ไปทาทั้งห้องอย เพื่อไม่ให้เห็นรอยเลือด กลายเป็นห้องสีชมพูตั้งแต่นั้นมา ปัจจุบันเป็นห้องเก็บของที่ปิดตาย เคยมีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดที่ห้องนี้ แล้วออกจากห้องไม่ได้ เพราะลูกบิดถูกล๊อค (ทั้งที่ตัวล๊อคอยู่ในห้อง) ลองไปเยี่ยมชมดูได้ครับ หนึ่งความพลาดพลั้งที่ไม่มีอะไรแก้ไขได้

อาบเป็นเพื่อน
รุ่นน้องอยู่หอ 7 หญิงเหมือนกัน เล่าว่า ไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำ (รวมตอนกลางคืน) ชั้น 3 เข้าไปอาบน้ำในห้องที่เขากั้นให้อาบน้ำ โดยไปอาบที่ห้องในสุด ซักพักได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาอาบน้ำในห้องข้าง ๆี่ ได้ยินเสียงฝักบัว แถมยังมีน้ำกระเซ็นเข้ามาที่ห้องตัวเองอาบอยู่อีกต่างหาก แต่รุ่นน้องอาบน้ำช้า ห้องข้าง ๆ เลยกลับออกไปก่อน

พอรุ่นน้องอาบน้ำเสร็จ เปิดห้องออกมา ตอนออกก็ต้องเดินผ่านห้องข้าง ๆ อยู่แล้ว เพราะตัวเองอาบห้องในสุด แต่ห้องข้างๆ ไม่มีร่องรอยการอาบน้ำเลย ตรงฝาผนังและพื้นแห้งสนิท !

ที่ห้องอาบน้ำชั้น 2 รุ่นพี่ซึ่งแก่กว่าประมาณ 3 ปี เล่าให้ฟังว่า กำลังจะเข้าไปอาบน้ำ ทั้งห้องมีอยู่คนเดียว กำลังจะสระผม รู้สึกว่ามีน้ำกระเด็นมาจากห้องข้างๆ แต่ไม่มีเสียงน้ำ ด้วยความสงสัย จึงหยุดแล้วไปดูห้องข้างๆ ก็ไม่เห็นมีน้ำรั่วหรือซึม ทั้งผนังและเพดาน เรียบร้อยทุกอย่าง พอเข้าห้องมาจะอาบ น้ำก็กระเซ็นมาอีก คราวนี้ไม่อยู่แล้ว เก็บของออกจากห้องน้ำไปเลย ฟังหูไว้หู

อย่า เหลียวหลังสิ
ที่ห้องน้ำคณะสังคมศาสตร์ ที่เก่า ๆ หน่อย ลองไปหาดูเอาเอง ลักษณะห้องน้ำคือ ประตูทางเข้าอยู่ตรงกลาง เมื่อเข้าไปแล้วโถฉี่จะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนอ่างล้างหน้า กับกระจกส่องหน้าจะอยู่ทางขวา รุ่นพี่ที่อยู่คณะสังคมฯ เล่าว่ามีคนเล่าให้ฟังว่า(ฟังเขามาอีกต่อหนึ่ง) ตอนกลางคืนช่วงใกล้สอบ ได้ไปอ่านหนังสือที่คณะสังคมฯ แล้วปวดฉี่เลยไปฉี่ที่ห้องน้ำแห่งนี้ (เริ่มนึกออกหรือยังว่าห้องน้ำที่ไหน) ไปเข้าห้องน้ำคนเดียว คนอื่นๆ ก็นั่งอ่านหนังสือต่อรือ คนไปฉี่ก็เข้าไปฉี่ธรรมดา ในห้องน้ำมีโถฉี่สองอัน อันแรกติดประตู อันที่สองอยู่ด้านขวา ถัดไปข้างในอีก เขาบอกว่า ตอนจะฉี่ ก็จะฉี่ที่โถแรก เพราะใกล แต่ไม่รู้นึกยังไง เลยเดินเลยไปฉี่ที่โถด้านใน ตอนกำลังฉี่ก็ยังไม่มีอะไร แต่ตอนฉี่เสร็จแล้ว มองออกไปที่กระจก ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นว่า กำลังมีคนยืนฉี่อยู่ที่โถฉี่อันแรก! (แต่หันหลังให้) นึกว่าตาฝาดเพราะหันไปดูก็ไม่มีอะไร แต่พอไปดูในกระจก ก็เห็นเหมือนเดิม?

คืนนั้นเลยไม่ได้อ่านหนังสือกันพอดี พวกขี้เหล้าทั้งหลายที่ชอบไปกินแถวนั้นก็ระวังหน่อยละกัน

ตึกฟิสิกส์
รื่องนี้โด่งดังมากในเรื่องความน แต่ไม่เคยเจอกับตัวซักที เรื่องมีอยู่ว่า ที่ใต้ถุนตึกฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มช. จะมีม้านั่ง มีที่ให้อ่านหนังสือ ตอนกลางวันเย็นสบาย แต่ตอนกลางคืนจะเย็นยะเยือกาสตร เล่ากันว่า มีนักศึกษาหญิงที่ถูกแฟนบอกเลิก ไปผูกคอตายที่นั่น ประมาณว่าตอนคบกันไปนั่งอ่านหนังสือที่นั่นกันบ่อยๆ พอคิดสั้นเลยใช้ที่นั่นเป็นที่สุดท้าย นับแต่นั้น มาเล่ากันว่านักศึกษาคู่ไหนที่เป็นแฟนกัน แล้วไปนั่งอ่านหนังสือที่นั่น มักจะไม่ได้อ่าน จะโดนกวนตลอด ถ้านั่งคู่กัน จะรู้สึกว่ามีคนมองข้างหลัง ถ้านั่งตรงกันข้ามกัน ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง มักจะเห็นอะไรแปลกๆ ใครที่มีแฟนลองไปนั่งดูนะครับ

เข้าโค้ง
และนานมาแล้ว ที่ มช. นั่นแหละ สมัยนั้นเวลากลางคืน ดอยสุเทพยังไม่ปิดความนิยม (ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร) อย่างหนึ่งก็คือ เวลาเมา ๆ นักศึกษาทั้งหลายมักจะขับรถขึ้นดอยกัน ไปดูเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืน มันสวยดี (แต่ดันขับรถตอนเมาไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) วันหนึ่งนักศึกษา คณะวิศวะฯ สองคนเพิ่งเลิกจากกังสดาล (แต่ก่อนร้านนี้ฮิตครับ) ครึ้ม ๆ ขึ้นมา ก็ขับรถเลยจากทางเข้า มช. กะขึ้นดอยไปชมเมืองเล่น คนขับก็ขับไป ข้างหลังคนซ้อนก็นั่งไป เมาๆ ขึ้นมาคนซ้อนก็เลยหลับ (สมัยก่อน 80 % นักศึกษาจะขับแมงกะไซค์ ไม่ใช่รถยนต์อย่างทุกวันนี้) ซักพักคนซ้อนก็ตื่น กำลังเข้าโค้งพอดี เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนโบกรถอยู่ข้างทาง
แต่คนขับก็ขับเลยผ่านไป ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจัด ก็เลยถามคนขับว่า
“ ทำไม mung ไม่จอดรถลงไปถามหน่อยล่ะ เผื่อเขามีปัญหาอะไร? ” " คนขับ kuไม่จอดด้วยหรอก คนนี้เขารอโบกทุกโค้งเลย เจอมาหลายโค้งแล้ว เดี๋ยวโค้งหน้าmungกะku ก็เจอเขาอีกแหละ...”

เดี๋ยวตก
มื่อสมัยที่ผมเรียน หอหญิงจะมีเวลาปิดที่สามทุ่ม วันศุกร์-เสาร์ สี่ทุ่มครึ่ง นักศึกษาหลายๆ คนที่กลับเกินเวลาก็ต้องปีนหอแล้วก็คงมีพลาดกันมั่งแหละ ที่หอ 4 หญิง เล่ากันว่าหลาย ๆ ครั้งคนที่กำลังปีน ๆ เข้าหอด้วยความเมามันส์ มักจะเงยหน้าขึ้นไปเจอรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ ที่ระเบียง เมื่อสบตากัน พี่คนนั้นก็จะบอกว่า "...น้อง...อย่าปีนเลย...เดี๋ยวจะเป็นอย่างพี่... ” แล้วเธอคนนั้นก็จะ replay โดยการร่วงจากชั้นบนลงมาที่พื้นให้น้อง ๆ ชมเป็นตัวอย่าง

ยังไม่อยากไป
เค้าว่ากันว่า หอ 7 หญิง เมื่อก่อนมี นักศึกษาอยู่คนนึง ขยันเรียนมาก มักจะออกไปกินข้าาวตอนหัวค่ำ แล้วกลับมาอ่านหนังสือตลอด ไม่ค่อยออกไปเที่ยวไหน (ตรงข้ามกะเราเลย) วันนึงเค้าก็ออกไปกินข้าวตามปกติ แต่ไม่ได้ไปพร้อมกับเมทร่วมห้อง ขณะนั้นเมทคนที่ 2 กินข้าวแล้ว เลยนอนอยู่ในหอ ส่วนเมทคนที่ 3 อีกคนจะออกไปกินข้าวทีหลัง พอเมทคนที่ 1 กินข้าวเสร็จ เธอก็กลับมาอาบน้ำ แล้วนั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม ประมาณ 3 ทุ่ม เมทคนที่ 2 ลงมาข้างล่าง เจอกับเมทคนที่ 3 บอกว่าเธอคนนั้น (เมทคนที่ 1) เพิ่งโดนรถชนตายที่หน้ามอ เมทคนที่ 2 นึกว่าล้อเล่น เมทคนที่ 3 เลยพาไปดูที่เกิดเหตุ แต่เหตุการณ์ไม่จบเพียงแค่นี้ ปรากฎว่าเมื่อเมทคนที่ 2 และ 3 กลับขึ้นห้อง เมทคนที่ 1 เธอก็ยังอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม เมทคนที่ 2 และ 3 เลยย้ายไปนอนที่อื่น โดยที่ไม่ได้บอกเธอ แล้วขนของย้ายออกไปเลยในวันรุ่งขึ้น

แต่ทุกคนในหอนั้นยังเห็นเธอคนนั้นทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ ทุกคนในหอถึงกับจะขนของย้ายออกหมดทั้งปีก (ปีกอื่นก็จะคงเจอ แต่ไม่บ่อย) ร้อนถึงป้าที่ดูแลหอ ต้องนิมนต์พระมาสวด แล้วเอาสายสิญจ์ (อาจจะเขียนผิด ยังไงขอโทษท่านผู้อ่านด้วย) มาล้อมรอบหอไว้

คืนนั้นทุกคนที่ผ่านหอ 7 จะเห็นเด็กผู้หญิงยืนร้องไห้อยู่ตรงระเบียง ในวันรุ่งขึน ต้องเอาสายสิญจ์ออก แล้วนิมนต์พระมาสวดใหม่ เพราะคาดว่าคราวที่แล้ว เธอโดนสายสิญจ์ล้อมไว้ เลยออกจากหอไม่ได้

คณะแพทย์ศาสตร์ กับ พยาบาลชุดแดง
เรื่องพยาบาลในชุดแดงของคณะแพทย์ฯ ม.ช เล่าว่ามีนักศึกษาชายคนหนึ่งของคณะแพทย์ฯ ทำงานในตึกของฝั่งสวนดอก (ไม่แน่ใจว่าเป็นโรงพยาบาล หรือตึกแพทย์ คนเล่าไม่ยืนยัน แต่ 2 ตึกนี้ก็ใกล้กัน) เขาคนนี้ก็ทำงานอยู่จนดึก เสร็จจากงานก็เลยว่าจะลงลิฟต์มา ระหว่างที่รอ เขาก็ได้ยินเสียงเดินมาข้างๆ หันไปมองเห็นพยาบาลคนนึงเดินมา

ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะพยาบาลกับแพทย์ก็ต้องเจอกันบ่อยๆอยู่แล้ว ระหว่างรอลิฟต์นักศึกษาคนนี้ก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ เลยหันไปมองพยาบาลคนนี้ ก็ไม่เห็นมีอะไร ซ้ำพยาบาลคนนี้ยังยิ้มให้ด้วย สักพักต่อมาเมื่อเข้าไปในลิฟต์แ พยาบาลคนนี้ก็ถามว่า " มาทำอะไรดึกๆ อย่างนี้ " เขาเลยตอบว่า " มาศึกษาเรื่องการผ่าตัดภายใน เพราะว่าจะสอบ " พยาบาลคนนี้เลยบอกว่า " งั้นให้ฉันช่วยนะ " นักศึกษาคนนี้ก็เลยงง และเริ่มสังเกตว่า ที่คอของพยาบาลสาวเริ่มมีเลือดไหลออกมาจากคอเรื่อยๆ เขาตกใจมาก และพยายามที่จะหนีออกมาจากลิฟต์ แต่ลิฟต์เหมือนค้าง หรืออะไรไม่ทราบได้ เลือดยังไหลนองไปทั่วชุดของนางพยาบาลคนนี้ แล้วเธอก็เริ่มสอนนักศึกษาแพทย์คนนี้ ตั้งแต่ลำไส้ ปอด สมอง หัวใจาง พร้อมทั้ง ควักส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ออกมา

รุ่งขึ้นมีคนพบนักศึกษาชายคนนี้นอนอยู่ที่ประตูลิฟต์ซึ่งเปิดคาอยู่ แล้วเขาก็เอาแต่พร่ำเพ้ออย่างคนบ้าว่า ” พยาบาลชุดแดง พยาบาลชุดแดง ”

ม.เกษตร-บางเขนบ้าง อยู่จนดึก ใน Lab
เราเจอเองกับตัวเลย ช่วงทำ Project ปี 4 ต้องอยู่ Lab ดึกมาก ที่ตึกxx (ไม่ขอบอกนะเดี๋ยวรุ่นน้องกลัว) รุ่นพี่เคยเตือนไว้ว่าอย่าอยู่ตึกนี้ดึก เพราะเคยเจอเสียงลากเก้าอี้ตอนกลางคืน แต่เราไม่เชื่อ ช่วงเดือนมีนา Project ยังไม่เสร็จ มีอยู่วันหนึ่ง ต้องยู่ดึกเวลาประมาณ 4 ทุ่ม ทั้งตึกมีเราอยู่คนเดียวได้ยินเสียงลากเก้าอี้ อยู่ชั้น 4 เราอยู่ชั้น 3 เสียงลากดังอยู่เหนือหัวเราเลย กลัวมาก แต่ต้องทน งั้นไม่จบ ครั้งที่ 2 บางอย่างในตึกนั้นเริ่มหยอกแรงขึ้น เวลา 4 ทุ่ม เหมือนเดิม เรากำลัง Search Net อยู่ในห้องชั้น 2 มีเสียงเคาะกระจกหน้าต่างห้องซึ่งดังมาก เราวิ่งไปเปิด แล้วชะโงกดู ไม่มีใครเลย พอกลับไปนั่ง เสียงเคาะกระจกก็ดังอีก เราก็วิ่งไปดูอีก ไม่มีอะไรผิดปรกติ........ .ครั้งที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ....เรากลัวมาก แต่งานยังไม่เสร็จ......มันเคาะทุกๆ ครั้งที่เราเผลอ จนกระทั่งเที่ยงคืน งานเสร็จพอดี เผ่นจากตึกแทบไม่ทัน เดือนเมษา เจอแรงสุด ๆ เรางีบอยู่ในห้อง Lab บอกเพื่อนที่ไปด้วยกันว่าถ้าจะกลับให้ปลุกด้วย เพื่อนเลว !! มันลืมเรา ปล่อยให้เราหลับอยู่ในตึกคนเดียว เวลา 3 ทุ่ม มีเสียงดังเหมือนใครเตะประตู เราตื่นมาเห็นผู้ชายกำลังวิ่งหนีลงไปทางบันได เราโมโหมากวิ่งตามมันลงไป แต่เอ๊ะ !! ไอ้บ้านี่ทำไมมันวิ่งลงบันไดไม่มีเสียงเลย? พอวิ่งถึงชั้น 1 .....มีแต่ความเงียบ ไม่มีใครเพราะตึกปิดแล้ว รู้เลยว่าเวลาขนหัวมันตั้งแล้วรู้สึกยังไง.......เผ่นตามระเบียบ จากนั้นเวลาเย็นเราจะเก็บของกลับทันที ไม่อยู่ดึกเด็ดขาด นี่คือรายการของคนเห็นผีในตึกนี้เท่าที่รวบรวมได้

รุ่นพี่ : ได้ยินเสียงลากเก้าอี้ตลอดคืนที่ทำ Lab
เพื่อน : เสียงลากเก้าอี้ เสียงเรียกชื่อตัวเองจากด้านหลัง
ยาม : เห็นเงาสีดำหายเข้าไปในลิฟต์ ชั้น 2 ได้ยินเสียงลากเก้าอี้อยู่ชั้นบน วิ่งไปดูไม่พบใคร
ยัยนก : เดินไปเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ที่ชั้น 3 ตอน 4 ทุ่ม ยัยคนนี้ก็กระโดดกรี๊ดสุดเสียง......ที่แท้เป็นยาม (ยัยเซ่อ)

ปล. เราเรียนจบแล้วคิดถึงทุกๆคน ที่ตึกแห่งนั้น

น้ำมาจากไหน
เรื่องมีอยู่ว่ามีมีนักศึกษาหญิงในมหาลัยแห่งหนึ่งแถวรังสิต ผูกคอตายในห้องน้ำของตึกเรียนตึกหนึ่ง และหลายคืนแล้วที่มีคนได้ยินเสียงของนักศึกษาหญิงร้องไห้ หรือพบเห็นเธอเป็นประจำ โดยเฉพาะเห็นเธอในกระจก ในห้องน้ำนั้น จนกลายเป็นเรื่องเล่าของมหาลัย วันนึงมีนักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งประมาณ 3-4 คน กำลังจะเดินกลับหอ หนึ่งในนักศึกษากลุ่มนั้นก็เกิดคึกคะนองอยากลอง แต่อีก 3คนไม่กล้า

คนที่คะนองจึงเข้าไปในห้องน้ำนั้นคนเดียว โดยที่เพื่อนๆ รออยู่ข้างนอก นักศึกษาชายคนนั้นก็ทำเป็นเก่งตะโกนคุยกับเพื่อนข้างนอก " ... วันนี้ร้อนว่ะเนอะ... ” แล้วก็เอาน้ำล้างหน้า เสร็จแล้วก็ดูกระจก แล้วก็แต่งผมอยู่สักพักง แล้วก็เดินออกมาดูกระจกก็ไม่เห็นมีไรเลย ยังบอกว่าง" เรื่องเล่าก็เป็นแค่เรื่องหลอกเด็ก อากาศมันร้อน ku เลยล้างหน้าซะด้วยเลย..” “ !!! “ “ เฮ้ย mung เอาน้ำที่ไหนล้างหน้าวะ ห้องน้ำนี้ไม่มีคนใช้ เค้าเลยตัดน้ำไปนานแล้ว ไอ้กระจกตรงอ่างน้ำก็ด้วย มีคนเอาของเขวี้ยงกระจก มันแตกไปนานแล้ว...”

ยิ้มหวานๆ โชว์ในลิฟ
ผีในลิฟท์ ม.รังสิต เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณปี 38-39 มีนักศึกษา อยู่หอชาย(เก่า)ไปเที่ยวกลับมาตอนตี 2 ในลิฟท์ก็จะมีกระจกอยู่ 1 บาน พอเข้าไปในลิฟท์ (จากชั้น1) ก็เห็นมีผู้ชายคนนึงอยู่ในลิฟท์ก่อนแล้ว แล้วถามว่าจะไปชั้นไหน ก็บอกไปว่าชั้นเดียวกันนั่นแหละ (คือชั้น 9) แล้วนักศึกษาคนนี้ก็ยืนแกะสิวอยู่หน้ากระจก พอเหลือบไปมองผ่านกระจกไปก็เห็นผู้ชายที่มาด้วยยืนเฉยๆ แต่หัวหมุนไปหนึ่งรอบ แล้วหันมายิ้มให้

วันรุ่งขึ้นเห็นเพื่อนบอกว่าคืนนั้นยามวุ่นวายกันน่าดู เพราะนักศึกษาชายคนนั้นต้องการย้ายข้าวของออกไปทันที กว่าจะขนของเสร็จก็เกือบเช้า

ลิฟสีแดง ธรรมศาสตร์
อ๊าย...เรื่องลิฟท์แดงของธรรมศาสตร์ นี่เรื่องเล่าขานเยอะมาก เมื่อครั้งตอนเหตุการณ์เดือนตุลาคน พวกทหารบุกเข้ามาภายในมหาวิทยาลัย แล้วพอลิฟท์ตัวนี้เปิด พวกมันก็กระหน่ำยิง คนในลิฟท์ซึ่งมีทั้งอาจารย์และนักศึกษาเสียชีวิตหมด เลือดสาดกระจายทั่วลิฟท์

เมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้วนั้น มหาวิทยาลัยกลับคืนสู่สภาพเดิม มีการบูรณะทำความสะอาดกันทุกพื้นที่ ไม่ว่างเว้นแม้กระทั่งแต่ลิฟท์ตัวนั้น แต่ทีนี้ทำยังไงคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ก็ลบไม่ออก เหมือนจะเป็นการประจานการกระทำอันบ้าเลือดและอยุติธรรม มหาวิทยาลัยจึงได้ทำการทาสีลิฟท์ให้เป็นสีแดง นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น จากนั้นก็มีเรื่องเล่าตามมาว่า .......หลังจากที่ลิฟท์ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วนั้น ก็ได้มีการนำกลับมาใช้ตามปกติ แต่แล้ววันหนึ่งขณะที่นักศึกษาหญิงคนนึงกำลังใช้บริการลิฟท์แดงตามลำพังอยู่นั้น เมื่อเธอมองไปที่กระจก กลับพบว่าไม่ได้มีเธออยู่เพียงลำพัง หากแต่มีผู้อื่นที่โดยสารอยู่ในลิฟท์ตัวนี้มากมาย และยังมีอีกหลายครั้งหลายคราที่เหล่านักศึกษา อาจารย์ หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ต่างๆ ได้พบเจอกับอาถรรณ์ของลิฟท์แดงตัวนี้เข้า ทำให้มหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนตัวลิฟท์ใหม่

แต่ว่าประตูลิฟท์แดงที่ถูกถอดออก ไปตอนนี้ก็ยังตั้งอยู่ที่ชั้น 4 (มั้งถ้าจำไม่ผิด) ตึกคณะศิลปศาสตร์ มาจนถึงทุกวันนี้

รวมมิตร เรื่องเล่า ณ มอชอ อีกที
วงเวียนธรณี - ต้องขอโทษคนที่ผ่านทางนี้เป็นประจำ(ผมด้วย) จุดนี้มีเรื่องเยอะจริงๆ

เรื่องนี้นานมาแล้วมีนักศึกษาสองคนกินเหล้าเมากันมา พอมาถึงข้างตึกธรณี คนขี่มองไปทางข้างตึกอังกฤษ เห็นคนหัวขาดยืนอยู่ ตกใจจึงหยุดรถ แล้วขยี้ตาดูอีกที จึงสะกิดถามเพื่อนๆ บอกว่าไม่เห็นอะไร มองอีกทีก็ไม่มีแล้ว เมื่อหันกลับมาข้างหน้าก็มีลวดเส็นเล็กๆ ขึงอยู่ระดับคอ ห่างออกไปเมตรเดียว
>>ถ้าไม่หยุดรถคง ! >>

หน้าหอสมุด - ตรงข้ามคณะสังคม เด็กจี-ออ ตั้งวงเหล้ากันอยู่ เห็นขบวนแห่จากวงเวียนผ่านหน้าหอสมุด คิดว่าเป็นของพวกวิจิตรมีแบกเสลี่ยงด้วย ผู้หญิงนั่งบนเสลี่ยง พอถึงหน้าหอสมุดก็วางเสลี่ยงลง ผู้หญิงลงมานั่ง แล้วผู้ชายคนนึงก็เงื้อดาบตัดคอ ......วงเหล้าแตกกระเจิง

หอ 5 ชาย - ชั้นไหนไม่ทราบ เล่าว่าวันนั้นเวลาประมาณตีสองครึ่งตั้งวงเล่นไพ่กันอยู่กลางห้อง ประตูหลังห้องก็เปิด แล้วก็มีขาก้าวย่างผ่านกลางวงไพ่เปิดประตูหน้าห้องเดินออกไป ทุกคนเห็นเหมือนกัน สรุปว่าคงเหนื่อยกันเกินไป จึงเลิกวงไพ่ แล้วยกไปนอนห้องอื่น

อาคารเรียนรวมแพทย์ - มีคนไปอ่านหนังสือกันสองคน พอดึก ๆ ก็ไปซื้อไก่ทอดมากิน กินเสร็จแล้วก็หาที่ล้างมือ เจอก๊อกน้ำข้างตึก ก็ไปล้างมือที่นั่น ขณะที่ล้างอยู่เพื่อนอีกคนก็ทำหน้าตกใจมาก แต่ยังไม่พูดอะไร คนที่ทำหน้าตกใจรีบจูงมือเพื่อนกลับมาใต้ตึก แล้วถามว่า " รู้มั้ยเมื่อกี้เห็นอะไร " อีกคนบอก " ไม่รู้ " คนนั้นจึงบอกว่า " เห็นผมของอีกคนซึ่งผมยาวชี้ขึ้นมากระจุกหนึ่งเหมือนมีคนจับขึ้น " มารู้ทีหลังว่าตรงนั้นเป็นที่.....ล้างศพ ! >>

แลปฟิสิกส์ - อันนี้ฟังเค้าเล่ามาอีกที เป็นเรื่องเล่านานมาแล้ว เมื่อก่อนตอนที่ตึก 9 ชั้น คณะวิดยายังไม่ได้สร้าง Lab วิชาฟิสิกส์ของเด็กปี 1 ก็ยังใช้ที่ Lab เก่า (น่าจะเป็นตึกฟิสิกส์) ทำ Lab คราวนั้นเป็น Lab เรื่องแสง คนที่เคยเรียนคงรู้ว่าห้องจะมืด เพราะปิดไฟ และเป็น Lab ที่มืดจริงๆ เพราะทำช่วงค่ำ นักศึกษาหญิงคนนึงก็เข้าห้อง Lab แต่พาร์ทเนอร์ Lab ยังไม่มา แต่คนอื่นๆ มากันแล้ว เตรียมอุปกรณ์เสร็จเพื่อนก็มาถึง แต่ก้มหน้าก้มตาทำ Lab ไม่พูดไม่จา ถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ตอบ เหลือบเห็นที่คอมีรอยแผลเป็นทางยาว เธอจับไหล่เพื่อนถามว่าไปโดนอะไรมา เพื่อนเงยหน้าขึ้นมา แล้วหัวหลุดกลิ้งไปกับพื้น เธอร้องกรี้ดแล้ววิ่งออกมาสลบอยู่ตรงระเบียง พอฟื้นขึ้นมามียามและรุ่นพี่อีก 2-3 คน ถามว่าน " ไม่รู้เหรอว่าวันนี้งด Lab เพราะเมื่อเช้ามีนักศึกษาใน Sec รถคว่ำตาย เพื่อน ๆ เลยไปงานศพในช่วงค่ำกันหมด " เธอสอบถามชื่อได้ความว่านักศึกษาที่รถคว่ำคือ พาร์ทเนอร์ Lab ของเธอนั่นเอง! ส่วนคนอื่น ๆ ที่เธอเจอในห้อง Lab ทุกคนล้วนแต่ไร้ชีวิตทั้งนั้นเธอ

หอ 7 ชาย - รุ่นพี่รหัส 38 คนนึงเล่าว่า ตอนอยู่ปี 1 หอ 7 ยังไม่มีการปรับปรุงห้องน้ำ ซึ่งยังเก่าๆ โทรม ๆ อยู่ วันหนึ่งประมาณตี1นั่งทำงานอยู่ที่คณะ แล้วกลับไปเอาของที่หอ ห้องอยู่ชั้น4 ต้องผ่านห้องน้ำ พอวิ่งผ่านหน้าห้องน้ำ เห็นคนกำลังหวีผมหน้ากระจก หน้าตาไม่คุ้น เกิดเอะใจขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่วิ่งเลยไปแล้ว จึงถอยกลับมาดูปรากฎว่าไม่มีใคร ห้องส้วมประตูเปิดอ้าทุกห้อง ที่สำคัญห้องน้ำมีน้ำท่วมนอง แต่ไม่มีร่องรอยกระเพื่อมแม้แต่น้อย จึงรีบไปเอาของที่ห้อง แล้ววิ่งลงจากหอ่อง คืนนั้นไม่กลับเข้าหออีกเลย

ทางเดินคณะวิดวะที่เป็นทางเดินยาว - อยู่ตรงข้ามหอ 5 ชาย่อม วันหนึ่ง เมื่อปี 43 วันนั้นฝนตก ประมาณตี 1 กว่า ๆ มีคนสี่คนเข้าไปเล่นผีถ้วยแก้ว มีผีผู้ชายเข้ามา พอถามว่าชื่ออะไร ก็ไม่ตอบ ถามว่ามาคนเดียวใช่รึไม่ใช่ ก็ตอบว่า " ไม่ใช่ " จึงถามต่อว่ามากันเท่าไหร่ เค้าก็ตอบว่า " เก้า (ไปเลข 9) " คนเล่นรู้สึกกลัวขึ้นมาจึงเชิญออก แล้วรีบกลับมาที่หอข มีเพื่อนถามว่า " ไปไหนกันมา " ก็บอกว่า " ไปเล่นผีถ้วยแก้วในคณะวิดวะ " เพื่อนก็ว่า " อ๋อ..ที่ยืนมุงกันเยอะๆ ตรงทางเดินน่ะนะ ! " แต่ตอนเล่นนั่งเล่นกัน มีแค่สี่คนเท่านั้นนะง


ม.เกษตร กำแพงแสน
สมัยที่ผมเรียนอยู่ปี 2 ผมเป็นคนไม่ชอบเที่ยวไม่ดูดบุหรี่ หรือกินเหล้า
และค่อนข้างเก็บตัว เพื่อนๆชอบเรียกผมว่า “หลอน” มีอยู่วันหนึ่งด้วยความเบื่อ
ผมจึงออกไปเที่ยวกับเพื่อนด้วยความอยากรู้ว่า ที่ๆเค้าชอบไปกันนักหนาเนี่ยมัน
เป็นยังไง(สถานที่นั้นเป็นคลับข้างๆเป็นคาราโอเกะกับอาบอบนวดคงไม่ต้องบอก
ชื่อสถานที่นะ) หลังจากที่เพื่อนมันกินเหล้ากันจนประมาณตี 2 จึงได้ขับมอไซต์
มากัน3คนโดยมี ผมนั่งตรงกลาง แวะกินโจ๊ก แล้วจึงขับอ้อมตลาดกลับ ม.
ขณะ ที่ผ่านตลาดนั้นผมเห็นมีร้านขายกล้วยเปิดอยู่ งงมากครับขยันจังเลยตั้งร้านกัน ตั้งแต่ตี 2 ครึ่งได้ ผมจึงเรียกเพื่อนที่นั่งมาหันไปดู เขาก็ชะลอรถแล้วก็บอกว่า
ไม่เห็นมีอะไร ผมก็อึ้งๆและพูดออกไป “เฮ้ย! บ้าป่าวนั่นอะเค้ายืนกวักมืออยู่ นั่นไง” ผมหันไปมองเค้าก็ยังยืนกวักมือเรียกจนลิบตา ผมไม่กินเหล้าเลยสักอึก ยังไม่ง่วงด้วย จนทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ลืมเลยว่าขนลุกเป็นอย่างไร



แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-08-27 12:55:12

ploy58
#42
27-08-2011 - 12:48:49

#42 ploy58  [ 27-08-2011 - 12:48:49 ]






เรื่องนี้ เกิดขึ้นกับแม่เราเอง เหตุผลที่เจอ ก็คือว่าแม่เราดันทำงานอยู่ในโรงบาลนะสิ เรื่องมีอยู่ว่า มีวันหนึ่ง ตึกที่แม่เราทำงานอยู่ เขาได้รับคนไข้หญิง มีอายุมากแล้วเพิ่ม 1 คน เป็นคนแขก แก่แล้ว หน้าตาค่อนข้างหน้ากลัว เพราะเขาจมูกโด่ง ตา โหล แล้วก็ผอมด้วย ยายแขกคนนี้ เข้ามีโรคที่ร้ายแรงประจำตัวอยู่แล้ว และมีอาการแทรกซ้อนที่คอประมาณว่าติดเชื้อนั้นแหละ เลยต้องมารักษาที่ ตึกแม่เรา มาวันหนึ่งยายแขกเกิดอาการกำเริบและแก่คงทนไม่ไหวแล้ว แก่ก็เลยเสียชีวิตที่ตึกที่แม่เราทำงานอยู่..หลังจากนั้นพวกแม่เราก็ทำความสะอาดเตียงให้เรียบร้อยเพื่อรอคนไข้คนใหม่เข้ามารักษาตัวอีก........... ..และไม่นานก็มียายอีกคนหนึ่งสมมุติชื่อ....นวล ...มารักษาโรคเกี่ยวกับคออีก แล้วที่นี้ยายนวลก็ได้มานอนเตียงที่ยายแขกเคยตายนั้นเอง... ตกดึกในคืนแรก ยังไม่มีอะไร พอมาคืนที่2 ป้านวลเราให้ฟังว่า ป้านวลเห็นผู้หญิงแก่ 1 คนมานั่งหันหลังอยู่ปลายเตียง แต่เขาไม่ได้ทำอะไร ป้านวลเขาก็เลยแค่สวดมตน์แผ่ส่วนกุศลไปให้ แต่ที่ไหนได้มาคืนที่3เจออีก คราวนี้ ป้าบอกว่าโดนสั้นเตียงที่นอนอยู่ ป้าบอกว่าในตอนแรก เตียงก็สั้นเบาๆ..แต่พอนานเข้า..เตียงสั้นแรงมากยายแทบจะตกจากเตียงเลย..พอหลังจากคืนนั้นยายนวลจะโดนอะไรแบบนี้ประจำจนยายทนไม่ไหวเพราะในคืนสดท้ายยายบอกว่า..ยายเจออีก คราวนี้ยายแก่คนที่เคยมานั่งปลายเตียงแก่มายืนอยู่ข้างๆยายนวลเลย แล้วยายแก่คนนั้นก็ ขเย่าเตียงต่อหน้าแก่เลยพร้อมกับบอกว่า..*ลง ออกไปจากเตียง*เดี๋ยวนี้...*จะเอาเตียงของ*คืน...*มานอนทับที่*ทำไม...*นอนไม่ได้...*ลงไป..*ลงไป...เขย่าอยู่อย่างนั้นจนยายนวลอยู่ไม่ได้..กดอ็อดเรียกพยาบาลเป็นเรื่องเป็นราวกันใหญ่แบะบอกให้เปลี่ยนเตียงเดี๋ยวนั้น..และบอกว่ามีผีมีผี... พอหลังจากนั้นที่ตึกแม่เราเขาก็ทำพิธีเชิญวิญญาณให้ออกจากเตียงซะเพื่อจะได้นำเตียงมาใช้ประโยชน์อีก แต่เชื่อใหม่ยายแขกคนที่ตาย..เขาไม่ยอมไปจากเตียงนั้นทำพิธีเท่าไหร่ก็ไม่ไปซะที..เห็นหลวงพ่อเขาบอกว่า ผีแขกนะตายที่ไหน วิญญาณก็จะสถิตอยู่นั้นไม่ยอมไปไหน.เมื่อเป็นอย่างนั้นทางตึกที่แม่เราทำงานอยู่เลยต้องเปลี่ยนเตียงแล้วแจ้งว่าชำรุดไม่อย่างนั่นเปลี่ยนไมได้..พอจากนั้นมาก็ไม่มีใครเจอป้าแขกอีกเลย.....คำเตือนห้ามซื้อของเก่าจากโรงบาลเด็ดขาด โดยเฉพาะเตียง...ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าไม่เตือนนะ


ploy58
#43
27-08-2011 - 12:59:10

#43 ploy58  [ 27-08-2011 - 12:59:10 ]






สุดยอด13สถานที่เฮี้ยน

1. สุสานโสเภณี จ.กาญจนบุรี
สถานบันเทิงเก่าแก่ของจังหวัด เปิดให้บริการกับผู้ชายที่มีความต้องการทางเพศได้มาใช้บริการ ที่แห่งนี้มีหญิงบริการถูกกักขังหน่วยเหนี่ยว ถูกบังคับให้รับแขกอย่าทารุณ ไม่ได้พักผ่อน บ้างก็ถูกทำร้ายร่างกาย บ้างก็เป็นโรคร้าย จนสุดท้ายหญิงสาวทั้งหมดได้เสียชีวิตลงที่นี้อย่างมากมาย จนถูกเรียกว่าเป็น “สุสานโสเภณี” ซึ่งชาวบ้านบริเวณนั้นมักได้ยินเสียงผู้หญิงและเด็กร้องขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อเข้าไปดูก็ไม่พบใคร



2. บ้านผีมอญ จ.กาญจนบุรี
คู่สามี-ภรรยาเจ้าของบ้านเป็นคนมอญที่มีนิสัยหวงของมาก จะดุด่าคนที่แอบมาขโมยผลไม้ในสวน ด้วยความที่เป็นคนหวงและดุด่าเก่งมาก จึงทำให้ถูกฆ่าตายแล้วนำศพมาทิ้งไว้ที่ท้ายสวน วันหนึ่งมีคนเข้ามาเก็บผลไม้ในสวน แกก็ตามไปทวงถึงบ้าน จนคนที่เก็บไปรีบนำมาคืนแทบไม่ทัน นอกจากนั้นยังมีศพชาวกะเหรี่ยง 9 ศพ ที่ถูกวิสามัญ ฝังอยู่บริเวณบ้านหลังนี้



3. บ้านผมผี จ.กาญจนบุรี
หญิงผู้เป็นเจ้าของบ้านตัดสินใจลาบวชชีด้วยความเสียใจที่คนในบ้านตายไปทีละคนโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ปล่อยบ้านทิ้งไว้จนกลายเป็นสภาพบ้านร้าง ชาวบ้านบริเวณนั้นนึกว่าเจ้าของบ้านเสียชีวิตไปแล้วจึงเข้าไปดูในบ้าน ปรากฎว่ามีเส้นผมเต็มไปหมด บางคนก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ในบ้าน



4. โรงพยาบาลสยอง จ.ระยอง
ด้วยพิษทางเศรษฐกิจเมื่อหลายปีก่อน ทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้ต้องปิดกิจการลงกลายเป็นโรงพยาบาลร้างในที่สุด ในเวลากลางคืนชาวบ้านมักเห็นไฟเปิดสว่างเต็มไปหมด บางคนก็เข้าไปเห็นเตียงนอนคนไข้เข็นเองได้ กลายเป็นเรื่องราวชวนสยองเลื่องลือถึงกิตติศัพท์ความน่ากลัวมาถึงปัจจุบัน



5. สุสานศพไร้ญาติ จ.ชลบุรี
ศพไร้ญาติทั้งหลายเหล่านี้ถูกนำมาขุดหลุมฝัง เป็นสุสานไร้ญาตินับร้อยนับพันขุดเรียงรายกันเป็นทิวแถวยาว หลายๆ คนเล่ากันว่า สถานที่แห่งนี้เป็นฮวงซุ้ยที่เฮี้ยนมาก



6. บ้าน 4 ศพ จ.ชลบุรี
ครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูก 2 คน เดินทางไปท่องเที่ยวด้วยกัน แต่ระหว่างทางได้ประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำเสียชีวิตทั้งหมด บ้านหลังนั้นจึงกลายเป็นบ้านร้าง แต่คนที่ผ่านไปมาจะเห็นเงาคนเหมือนมีคนอยู่ในบ้านอยู่เสมอ และยังเป็นที่พบศพถูกฆาตกรรมอย่างปริศนา และยังมีห่วงเชือกผูกเป็นปมมัดอยู่ในบ้านหลังนั้น



7. บ้านผีนายพล จ.ชลบุรี
เป็นบ้านพักตากอากาศชายทะเลที่ครอบครัวนายทหารมาพักผ่อน และถูกฆาตกรรมทั้งครอบครัว ศพทั้งหมดถูกยัดไว้ในห้องใต้ดินของบ้านพักตากอากาศหลังนี้ มีคนเคยเห็นควันธูปลอยขึ้นมาในบริเวณบ้านหลังนี้ด้วย



8. บ้านผียายสรวง จ.อยุธยา
หญิงชราเจ้าของบ้านผู้ชอบกินหมาก ได้เสียชีวิตลงภายในบ้าน พร้อมกับโลงศพที่ถูกพบภายในบ้าน จนถึงทุกวันนี้ ผู้คนแถวนั้นยังคงได้ยินเสียงคนแก่พูด และเสียงตำหมากอยู่ทุกค่ำคืน



9. บ้านผีท่านขุน จ.อยุธยา
เป็นบ้านไม้สักเก่าสมัย ร.5 หลังจากที่เจ้าของบ้านเสียชีวิต บ้านหลังนี้ก็กลายเป็นบ้านร้าง วันหนึ่งมีชาวบ้านพายเรือผ่านมา เห็นมีผู้หญิงอยู่บนเรือนแต่งชุดโบราณสมัย ร.5 เคยมีคนมาลองของที่บ้านหลังนี้ก็เจอดีกันทุกคน จนต้องมาขอขมากราบไหว้กัน



10. บ้านผีโหด อ.บางเลน จ.นครปฐม
เกิดเหตุทะเลาะวิวาทฆ่ากันตาย พ่อตายิงลูกเขยเสียชีวิตลง แล้วนำศพไปทิ้งไว้ในบ่อหลังบ้าน ปัจจุบันยังคงมีคราบเลือดแห้งติดอยู่ที่ขอบกำแพง



11. บ้านผีตายโหง เขตหนองจอก
เป็นบ้านร้างมาเกือบ 10 ปี มีการเล่ากันว่านอกจากจะมีการฆ่ากันตายในบ้านแล้ว ยังมีผู้หญิงเข้ามาผูกคอตายในบ้านหลังนี้อีก และยังมีการนำเอาศพมาทิ้งไว้ใต้บันไดเพื่ออำพรางคดีอีกกด้วย



12. บ้านตรอมใจ เขตหนองจอก
หญิงสาวเจ้าของบ้าน นับถือศาสนาพุทธ รับการกระทำของสามีที่นับถือศาสนาอิสลามเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงไม่ได้ ทั้งสองจึงทะเลาะวิวาทกัน ฝ่ายชายหนีออกจากบ้านไป ฝ่ายหญิงได้แต่เฝ้ารออยู่ที่บ้านจนกระทั่งล้มป่วยเพราะตรอมใจและเสียชีวิตลงในที่สุด ชาวบ้านแถวนั้นมักได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของผู้หญิงเสมอ



13. บ้านเสาตกน้ำมัน จ.ราชบุรี
บ้านทรงไทยที่มีเสาตกน้ำมันไหลจากข้างบนลงมาข้างล่าง ด้วยความที่เป็นบ้านร้างก็มีเถาตำลึงขึ้นเต็มไปหมด ชาวบ้านที่เข้าไปเก็บก็ปรากฎว่าเจอผู้หญิงใส่ชุดไทยมายืนชี้หน้าอยู่


ploy58
#44
27-08-2011 - 12:59:49

#44 ploy58  [ 27-08-2011 - 12:59:49 ]






เข้า มา เม้น เยอะๆๆน่ะค่ะ


ploy58
#45
27-08-2011 - 13:06:07

#45 ploy58  [ 27-08-2011 - 13:06:07 ]






10 เรื่องเฮี้ยนที่ศาลายา
1.ที่มาของชื่อ "ศาลายา"
เชื่อกันว่าชื่อ "ศาลายา" นี้มาจาก ในสมัยก่อนพื้นที่บริเวณนี้เกิดโรคระบาดหรือโรคห่าลง เด็ก ผู้ใหญ่ ฯลฯ ผู้คนมากมายนอนตายทับถมเป็นกองสูง ศพที่ไม่ได้นำไปเผาก็ถูกทิ้งให้แร้งจิกกินเป็นที่น่าสังเวช เช่นเดียวกับประตูผีที่ วัดสระเกศ บริเวณภูเขาทองในปัจจุบัน ทางการจึงตั้งศาลาแห่งหนึ่งไว้เพื่อส่งมอบยาแก่ชาวบ้าน ต่อมาจึงเรียกพื้นที่ดังกล่าวว่า "ศาลายา"

2.เพลงรักน้อง
"เจ้านกน้อย ล่องลอยโผบิน จากแผ่นดินทะเลสีคราม..."
นั่นคือเนื้อเพลงรักน้อง หรือเจ้านกน้อยอย่างที่ใครหลายๆคนพูดจนชินปาก เพลงอาถรรพ์ของชาวศาลายา มีเรื่องเล่ากันว่านักศึกษาพยาบาลคนหนึ่งถูกผู้เป็นพ่อแม่บังคับให้เรียนในสายที่ไม่เต็มใจ ด้วยความเสียใจกอปรกับคิดว่าไม่มีใครเข้าใจอีกแล้ว นักศึกษาพยาบาลคนนั้นจึงปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าของหอพัก และเขียนข้อความสั้นๆนี้ไว้ จึงทิ้งร่างลงมาสู่พื้นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เพลงรักน้อง จึงเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกความระลึกถึงนักศึกษาพยาบาลคนนั้น ชาวศาลายาจะถือกันว่า เพลงนี้ห้ามร้องในเวลากลางคืน และถ้าใครคนใดคนหนึ่งร้องขึ้นมาแล้ว ต้องร้องต่อจนจบเพลง มิฉะนั้นจะเท่ากับเป็นการเรียกนักศึกษาพยาบาลคนนั้นจากพื้นดินมาสู่เจ้าของเสียง ในบางครั้งก็ปรากฏตัวให้นักศึกษารุ่นน้องที่เข้าใหม่เห็นในลักษณะกระโดดลงจากดาดฟ้าหอพัก เมื่อนักศึกษาคนนั้นตั้งสติได้และเรียกให้คนมาช่วย พอไปถึงจุดเกิดเหตุกลับปรากฏว่า ไม่มีร่องรอยใดๆอยู่เลย

3. SI วันมหิดล เตียง C
อีกหนึ่งความเชื่อเกี่ยวกับวันสำคัญของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งกล่าวถึงวิญญานนักศึกษาคณะแพทย์ศิริราช (ต่อไปจะขอเรียกสั้นๆว่า SI) ที่จะกลับมาเยี่ยมเยียนหอพักในวันนี้ของทุกๆปี แต่งกายด้วยชุดนักศึกษา เสื้อนั้นย้อมด้วยเลือด และร่างเต็มไปด้วยบาดแผล เรื่องนี้จัดเป็นอันดับต้นๆของความเฮี้ยนสุดยอดในวิทยาเขตศาลายา นักศึกษาแพทย์คนนี้ประสบอุบัติเหตุรถชนขณะข้ามถนนมายังมหาวิทยาลัย อาจเป็นเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจึงไม่รู้ตัวว่าได้เสียชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว ห้องพักดังกล่าวที่นักศึกษาแพทย์คนนี้อาศัยอยู่กลายเป็นเรื่องถูกปิดตาย ทราบแต่เพียงว่า เตียง C ของนักศึกษา SI ในคืนวันมหิดลเท่านั้นที่จะพบเห็นเค้าได้ ถ้าอยากทราบว่าความเฮี้ยนนั้นจัดขนาดไหน? ก็ลองสัมผัสได้จากบรรยากาศที่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ในคืนนี้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเป็นที่สนุกปากขนาดไหนก็ตาม

4.เชือกในห้องน้ำ
เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ไม่นานประมาณปีกว่าๆ มีข่าวแพร่สะพัดตามหอพักว่า ช่วงปิดเทอมเดือนตุลาแม่บ้านคนหนึ่งได้ผูกคอตายในห้องน้ำชาย ห้องดังกล่าวได้ถูกปิดตายไปพักใหญ่ เจ้าหน้าที่หอพักแก้ต่างเป็นพัลวันว่า "ห้องน้ำเสีย" นักศึกษาชายที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำนั้น มักได้ยินเสียงร้องไห้ระงมจากประตูเจ้ากรรมเสมอๆ เมื่อมองผ่านจากหอตรงข้าม มีคนสังเกตว่าบริเวณขื่อมีเชือกผูกอยู่จริงแม่บ้านที่ทำความสะอาดประจำชั้นนั้นก็หายหน้าหายตาไป เจ้าหน้าที่หอก็ชี้แจงต่อข่าวลือน้ำขุ่นๆว่า "เค้ากลับต่างจังหวัด" ในปัจจุบันห้องน้ำดังกล่าวได้เปิดใช้งานตามปกติแล้ว ถ้าเข้าไปแล้วเห็นแม่บ้านผิวดำผมหยักศกยิ้มให้ ก็อย่าลืมยิ้มตอบหล่อนด้วย คุณคือผู้โชคดีแล้ว

5.ผีถ้วยแก้ว
เรื่องมีอยู่ว่า... นักศึกษากลุ่มหนึ่งได้เล่นผีถ้วยแก้วในบริเวณหอพัก ทีนี้เมื่อเล่นจบก็ถกเถียงกันว่าใครเป็นคนดันแก้ว เมื่อไม่มีข้อสรุป และด้วยความไม่เชื่อในเรื่องผีสาง ทั้งหมดก็เดินออกไปหน้า ม.เพื่อหาข้าวกิน เพื่อนต่างคณะที่นั่งรถแท็กซี่เข้ามาได้สวนกับนักศึกษากลุ่มนั้นพอดี ภาพที่เห็นก็คือ ชายแก่คนหนึ่งเดินออกมาจากบริเวณศาลใกล้คณะอินเตอร์ และได้ยกมือชี้ ร้องไล่ให้ผู้หญิงคนนึงซึ่งอยู่ในกลุ่มออกไป แต่ทุกคนกลับไม่มีใครใส่ใจ เมื่อมาถึงหอนักศึกษาคนหนึ่งก็เล่าให้เพื่อนที่เพิ่งนั่งแท๊กซี่เข้ามาว่า "นี่ เมื่อกี๊เล่นผีถ้วย มันบอกว่าเป็นผู้หญิงว่ะ อย่าให้กูจับได้นะว่าใครเป็นคนดัน" เพื่อนคนที่เพิ่งนั่งแท๊กซี่เข้ามาก็รีบเล่าเรื่องที่ตนเห็นชายแก่ไล่หญิงสาวในกลุ่มให้ฟัง ทุกคนก็ยืนยันว่าในกลุ่มมีแต่ผู้ชายล้วนๆ ชายแก่คนดังกล่าวอาจเป็นวิญญาณเจ้าที่เจ้าทางที่รู้จักกันในนาม "พ่อปู่จันธูป"หรือ "เจ้าขุนทุ่ง" ส่วนผู้หญิงคนดังกล่าวจะเป็นคนเดียวกับในถ้วยหรือเปล่า...โฮะๆ คิดเอาเอง

6.เรือนไทย
เรือนไทยเป็นเรือนสีแดงสดตั้งอยู่ตรงข้ามตึกวิทย์เก่า เดินเข้ามาไม่ไกลก็จะพบได้อย่างง่ายดาย ด้วยความสวยงามและอากาศเย็นสบาย ทำให้เรือนไทยกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยม นักศึกษาหลายกลุ่มมานั่งติวหนังสือกันที่นี่ และบางกลุ่มก็ใช้เป็นที่พลอดรักกันอย่างน่าอิจฉา เรื่องเล่าเกี่ยวกับเรือนไทยมีมากมาย เพราะความคลุมเครือในที่มาของเรือนไทยโบราณหลังนี้ เมื่อ 2 ปีก่อน นักศึกษาหญิงคนหนึ่งเข้าไปอ่านหนังสือบริเวณเรือนไทย เวลาผ่านไปจนเริ่มเย็น ขณะนักศึกษาคนนั้นเก็บของเตรียมตัวกลับไปหอพัก ก็เหลือบไปเห็นเส้นสีดำๆคล้ายผมของใครบางคน ปลิวไสวอยู่ไม่ไกล เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆก็พบว่า เส้นผมที่ว่านั่น...เป็นเส้นผมของผู้หญิงใส่ชุดไทยโบราณ และกำลังห้อยหัวลงมาจากเสาเรือน ปากยิ้มแสยะเห็นฟันดำขลับ นักศึกษาคนนั้นกรีดร้องและเป็นลมทันที พี่ยามได้ยินเสียงจึงเข้าช่วยเหลือ-ทำการปฐมพยาบาล รุ่นพี่เล่าต่อๆกันมาว่าเสาต้นหนึ่งในเรือนไทยตกน้ำมันได้ ถ้าคุณไม่เชื่อเกี่ยวกับ"ความแรง"ของที่นี่ มีเรื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าที่เรือนไทยนี้อากาศเย็นสะท้านตลอดเวลา ไม่ว่าจะฤดูอะไร และวันนั้นแดดจะแรงขนาดไหนก็ตาม

7.หอชาย
เชื่อหรือไม่? ในสมัยก่อนหอชายของมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เป็นหอหญิงมาก่อน บางคนอยู่มาเป็นปีๆไม่เคยจะรู้ไม่เคยจะใส่ใจกับความเป็นมาตรงนี้เลย หอชายในปัจจุบันนั้นมีสภาพค่อนข้างใหม่กว่าหอหญิง (ยกเว้นแต่หอ10) ก็มีเรื่องเล่ากันว่า นักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตายภายในหอพัก วิญญาณก็ยังวนเวียนไม่ไปไหน คอยปรากฏตัวให้นักศึกษารุ่นหลังได้ประสาทกินเป็นพักๆ และในแต่ละปีจะมีนักศึกษาชายจำนวนมากที่โวยวายกับเจ้าหน้าที่หอพัก เรื่องผู้หญิงชุดขาวที่เดินไปมาในบริเวณหอพัก ส่วนสถานที่หลักๆที่จะพบได้ก็คือ
1.บันไดหนีไฟ
ใครที่ชอบเดินทางนี้บ่อยๆ ระวังให้ดี คุณไม่มีทางหนี นอกจากวิ่งชนหรือลงไปติดแหง็กอยู่ด้านล่าง
2.ทางเชื่อมระหว่างหอ
เมื่อมองจากระเบียง หรือด้านล่างของหอ นี่คือสามแพร่งที่ทุกคนต้องผ่านเข้าออกในแต่ละวัน โถฉี่ในหอพักหญิงเป็นเครื่องยืนยันอย่างดี แต่อย่าหวังคำตอบจากเจ้าหน้าที่หอเกี่ยวกับสาเหตุที่ย้ายมาเพราะต่อให้ตาย "...เค้าก็ไม่ตอบคุณหรอก"

9.คอนโด C ห้อง xxxx
คอนโดบริเวณประตูสาม จะถูกจองตั้งแต่เดือนเมษา แต่จะมีอยู่ห้องหนึ่งในคอนโด C ซึ่งปิดขอบประตูโดยรอบด้วยยันต์ และประไว้ที่หน้าประตูอีกหนึ่งแผ่น ลองนึกภาพดูว่าบรรยากาศของห้องจะหม่นๆ เหมือนมีสายตาเฝ้ามองอยู่ตลอด ใครที่เคยอาศัยอยู่ย่อมรู้ถึงความกดดันได้เป็นอย่างดี ประวัติของห้องนี้ก็มีอยู่ว่าช่วงปิดเทอมเมื่อ 4-5 ปีก่อนมีเด็กอินเตอร์คนหนึ่งกรอกยาฆ่าตัวตาย กว่าเพื่อนจะไปพบศพมันก็อืด เน่า เฟะ เละจนแทบจำไม่ได้ เด็กคนนี้เป็นผู้หญิงอยู่ปี 2 น้อยใจแฟนก็เลยประชดด้วยการลาโลก พองานศพเสร็จ เพื่อนๆทำใจไม่ได้ก็เลยขอย้ายไปพักที่อื่น คนที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆไม่รู้เรื่องรู้ราว ตกกลางคืนมักได้ยินเสียงเปิดก็อกในห้องน้ำ บางครั้งก็ได้ยินเสียงกุกกักทั้งๆที่ไม่มีใคร แต่นั่น...ไม่ร้ายแรงเท่านักศึกษาบางคนที่กำลังนอนหลับ เหลือบไปเห็นผู้หญิงหน้าตาบวมปูดเหมือนศพ จับขาและกระชากลงจากเตียงเพื่อนที่เคยไปอาศัยอยู่ในห้องเจ้าปัญหา การันตีความเฮี้ยนระดับห้าดาว!!! รูมเมทบางคนมองเห็นผู้หญิงเดินไปเดินมาในเวลากลางคืน และมักได้ยินเสียงร้องไห้ ปนโกรธแค้นที่ถูกทอดทิ้ง หลายคนก็ถูกผีอำจนอยู่ไม่ได้ เครื่องใช้ไฟฟ้า-ข้าวของ เปิดปิด เคลื่อนที่ได้เองอย่างน่าสงสัย เป็นอีกเรื่องที่ฮอทสุดๆ และเฮี้ยนสุดๆในรั้วศาลายา

10.ตู้ผี
ฟังชื่อแล้วต้องบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังผีเกาหลีเกรดบี แต่นี่คือเรื่องจริงของนักศึกษาดวงซวยสุดๆในคืนวันมหิดล เมื่อสองปีก่อน ช่วงสอบกลางภาคตรงกับวันมหิดลพอดี นักศึกษาหญิงคนหนึ่งซึ่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่ภายในห้องพัก กำลังจะไขกุญแจตู้เสื้อผ้าไปอาบน้ำ เครียดก็เครียด อ่านก็ไม่ทัน ไหนจะไม่ค่อยรู้เรื่องอีก ความซวยก็เข้าเยือนต่อทันที ขณะเดียวกันเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากข้างใน ขว้าท่อนแขนนักศึกษาโชคร้ายและพยายามดึงเข้าไปในตู้เท่านั้นแหละ... เสียงกรี๊ดดังลั่นมาถึงหอชาย เพื่อนร่วมห้องได้ยินก็กระวีกระวาดมาดู เห็นเจ้าหล่อนเป็นลมนอนฟุบอยู่กับพื้นห้อง จึงโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่หอให้รับตัวไปโรงพยาบาลทันที สอบถามจากเจ้าหน้าที่หอพักก็ตีหน้าซื่อ แก้ตัวกับเหตุการณ์นี้ว่า "สงสัยเค้าจะเครียดมากไป" เป็นอันว่าเรื่องสยองในคืนวันมหิดลก็ยังเป็นปริศนาต่อไป


ploy58
#46
02-10-2011 - 01:36:54

#46 ploy58  [ 02-10-2011 - 01:36:54 ]







ดันๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


lonely_puppy
#47
02-10-2011 - 16:12:14

#47 lonely_puppy  [ 02-10-2011 - 16:12:14 ]





quote : ploy58

หลังจากได้หลงเข้าไปกระทู้ของท่าน Frolice ที่ว่าด้วยแฟลท(สะกดอย่างนี้รึเปล่า)เกมส์ฝีมือคนไทย The Houseภาค 2 ได้คลอดออกมาแล้ว ซึ่งตัวผมเองได้เล่นมาก่อนในภาคแรก สยองพอสมควร และในภาคนี้เป็นภาคใหม่ที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง การทำตัวเกมส์ได้ดีกว่าภาคแรกมาก เนื้อเรื่องประติดประต่อกันดี แถมยังมีปริศนาด้วย ซึ่งที่ผ่าน ๆ มา แค่คลิ๊กก็ผ่านแล้ว แต่คราวนี้ไม่เป็นอย่างนั้น ผู้เล่นต้องศึกษาเนื้อเรื่องจากห้องแรก ๆ และหารหัสเพื่อเปิดตู้นิรภัยในห้องสุดท้าย (ซึ่งถ้าใครได้รับการชี้แนะแล้วก็อาจจะไม่หนุกเท่าไหร่)

เอาหล่ะ ผมไปเล่นมาแล้ว 2 รอบ ไม่อยากบอกว่า ต้องปิดเสียง เพราะสยองเหลือเกิน และได้ทำบทสรุปขึ้นมาแล้วครับ นี่แปลเองเลยนะ ให้พี่กรูเกิ้ลช่วยด้วย เอิ้ก ๆ เอาหล่ะ ไปอ่านกันดีกว่า แต่ขอเตือนว่า บทสรุปนี้ สปอยเนื้อเรื่องสุด ๆ ถ้าอยากได้อรรถรส แนะนำให้เล่นด้วยตัวเองก่อน ไม่ได้ตรงไหนค่อยมาดูบทสรุปละกันนะ

ขอบคุณ ท่าน Frolice ด้วยครับที่แนะนำ

ปล. หากใครนำเอาข้อความนี้ไปโพสต่อกรุณาให้เครดิตด้วยนะครับ


ทางเข้าบ้านครับ
http://www.sinthaistudio.com/thehouse/
วิธีการเล่น

เป็นวิธีง่าย ๆ ครับ ในฉาก ๆ หนึ่ง จะมีเอฟเฟค(เป็นรูปมือ) ให้กด ให้เราทำการสำรวจครับ กดไปเรื่อย ๆ ซึ่งในแต่ละฉากจะมีไม่เกิน 3 ที่นะครับ เว้นบางฉาก โดยในแต่ละจุดที่เราสำรวจ เราต้องสำรวจซ้ำ ๆ ครับ แล้วก็รอเวลา เพราะแต่ละฉากใช้เวลาอยู่พอสมควร แล้วจะมีจุดให้เราสำรวจเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
บทสรุป The House II (ต้องการความตื่นเต้นควรเล่นคนเดียว ปิดไฟและเปิดเสียงให้ดัง)
คำเตือน เกมส์นี้ไม่เหมาะสำหรับผู้เป็นโรคหัวใจหรือความดัน อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีควรได้รับคำแนะนำ


ฉากแรก เป็นห้องนั่งเล่น จุดสำรวจมี 3 จุดคือ
- รูปถ่าย / โน๊ตข้อความ / สวิทช์ไฟ
สำรวจทั้งสามอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ครับ โดยเน้นที่ ข้อความ กับ รูปถ่าย ในข้อความ(แรก) จะบอกถึงคน ๆ หนึ่งที่เข้ามาเป็นผู้หญิงที่เลี้ยงดูเด็กวันแรกในบ้านหลังนี้ เจอกับสิ่งประหลาด เธอกลัวมาก แล้วก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า เธอควรลาออกดีหรือไม่ ให้เราสำรวจไปเรื่อย ๆ ครับ จนเกิดเอ็ฟเฟคบางอย่างขึ้น หลังเอฟเฟคจะเก็บโน๊ตได้อีกหนึ่งชิ้นเป็นเศษกระดาษขาด ๆ ข้างในมีข้อความบอกใบ้เกี่ยวกับ ฉากสุดท้ายครับ (ปีเกิดของลูกสาว)ข้อความในโน๊ตที่โซฟาก็เปลี่ยนไปครับ เธอบอกว่า บางครั้งลูกสาวของบ้านก็พูดคนเดียว หัวเราะตอนดึก ๆ และบางครั้งก็เรียกหาใครบางคน? สำรวจที่สวิทไฟ และรูปภาพ (รูปภาพจะเปลี่ยนไป) ข้อความบนโซฟาก็ไปเปลี่ยนไปครับ แปลได้ว่า เธอไม่ใช่..........(ลอยเลือด)


ฉากที่ 2 ห้องน้ำ มีจุดสำรวจ ทั้งหมด 4 จุด
-ก๊อกน้ำ(ยังใช้การได้) / ชักโครก (ชำรุด) / ไบเบิลศักดิ์สิทธิ์ / ม่านในอ่างอาบน้ำ

สำรวจทุกอย่างไปเรื่อย ๆ ครับ สลับไปมา จนเกิดเงาของใครบางคนที่หน้าต่างครับ ให้สำรวจต่อ โดยเน้นที่ก๊อกน้ำครับ แล้วก็จะเกิดเอฟเฟคขึ้น (ซะเต็มอ่างเชียว) แล้วจะพบเศษกระดาษในอ่างล้างหน้านะครับ ข้อความแปลได้ว่า “ฉันเสียใจจริง ๆ กับสิ่งที่ฉันทำลงไปกับลูกของเรา โปรดให้อภัยฉันด้วย” สำรวจที่ไบเบิล ข้อความซ้ำไปมา แล้วไปสำรวจที่ม่านกั้นในอ่างน้ำจะเจอกับเงาบางอย่าง เปิดดูจะเห็นเป็นศพที่แขวนคอ สำรวจสิ่งของด้านนอกจนกว่าจะเห็นเงาที่ม่านอีกครั้ง แล้วค่อยสำรวจที่ม่านจะพบว่าศพหายไป สำรวจซ้ำไปซ้ำมาหลาย ๆ ครั้ง จนในห้องน้ำปรากฏข้อความ “ให้อภัยฉันด้วย.....”


ฉากที่ 3 ห้องนอน มีจุดสำรวจทั้งหมด 3 จุด
- บเพลง / ตุ๊กตา / กรอบใบรับรองการยอมรับ

สำรวจที่บเพลง จะเป็นการไขลานให้มันดังนะครับ สำรวจสลับไปมาจนมีเงาวิ่งผ่าน แล้วจะมีเอกสาร(โน้ต) ติดอยู่อยู่ผนังห้อง สามชิ้น “เธอเก่งมาในการซ่อนตัว ฉันไม่มีทางหาเฮอพบ” “เธอชอบเล่นซ่อนหา” “เธอมาหาทุกคืน” สำรวจตุ๊กตา และบเพลง ที่ผนังห้องจะปรากฏข้อความว่า “Play with me” (เล่นกันฉัน) แล้วจะพบเอกสารที่ตู้ด้านขวามือ สำรวจมันจะพบรูปภาพของครอบครัวนิโคล สำรวจซ้ำไปซ้ำมาที่ตุ๊กตาและบเพลง แล้วคุณจะพบ............



ฉากที่ 4 ห้องทำงาน มีจุดสำรวจทั้งหมด 3 จุด
- สวิทช์ไฟ / ขวดยา / เชือก / สูติบัตร

เริ่มมาห้องจะมืด จะไม่สามารถมองเห็นหรือสำรวจสิ่งใด ๆ ได้เลย ให้เราเปิดสวิทช์ไฟทางซ้ายมือก่อนครับ แล้วก็สำรวจ เชือก ขวดยา สูติบัตร ซึ่งในสูติบัตรจะระบุวันเดือน ปี เกิด ของแอลรีน่า(ถ้าอ่านไม่ผิดนะครับ) และนี่คือรหัสลับที่เราได้รับจากพี่เลี้ยงเด็กที่ห้องแรกที่บอกใบ้ในเศษกระดาษเกี่ยวกับปีเกิดของลูกสาว นะครับ (จำปีเกิดไว้ให้ดี) เมื่อสำรวจจนครบแล้วให้ปิดไฟ กดที่เชือก ยา และสูติบัตร(ซึ่งจะไม่สามารถสำรวจได้) ก่อนจะเปิดไฟอีกครั้ง สำรวจซ้ำ ๆ ที่เชือกครับ แล้วศพจะพุ่งมาจากพื้นห้อง ปิดไฟอีกครั้ง จะเห็นแสงวับ ๆ ที่มือศพ สำรวจจะพบกับกุญแจห้องนิรภัย ครับ ให้เปิดไฟ แล้วสำรวจที่สูติบัตร สลับกับ ขวดยา แล้วศพจะหายไป พบกระดาษข้อความที่ใต้เตียง สำรวจดู เนื้อหาภายแปลได้คร่าว ๆ ว่า “ฉันไม่สามารถทนเห็นคุณทุกข์ทรมานได้อีกต่อไป รอฉันนะ เด็กดีของฉัน” หลังจากนั้นสำรวจสลับกันระหว่าง ขวดยา กับสูติบัตร และสวิทช์ไฟ แล้วกระดาษข้อความใต้เตียงจะเปลี่ยนไปเป็นรูปภาพเด็กทารก แล้วก็............

ฉากสุดท้าย ห้องนิรภัย มีจุดสำรวจเพียงจุดเดียวคือ ตู้นิรภัย

หลังจากได้กุญแจห้องนิรภัยในฉากที่ผ่านมาแล้ว สำรวจที่ตู้นิรภัยใส่รหัสที่ได้จากห้องที่แล้ว ปีเกิดของลูกสาว (1947) แล้วตู้เซฟจะเปิดออก พบกับเอกสารข้อความระบุตัดพ้อผู้เป็นมารดาว่า “ทำไม ทำไม หนูต้องตายด้วยแม่ หนูต้องการมีชีวิตอยู่ไม่ว่าอะไรก็ตาม” อ่านจบก็ตัดเข้าฉาก แล้วจะมีจุดสำรวจเพิ่มคือ รอยมือเลือดที่ผนัง ให้เราสำรวจที่รอยมือ(จุดนี้จะสำรวจหรือไม่ก็ได้) แล้วก็สำรวจที่ตู้นิรภัย ตู้นิรภัยจะปิดลงและจะพบกับฉากจบครับ

สุดท้ายเราจะได้รับ กุญแจห้องลับ ซึ่งจะไขข้อมูลทั้งหมดที่มา เรื่องราว ครับ

เรื่องราวกล่าวถึง

บ้านหลังหนึ่งมีเหตุการณ์ฆ่าตัวตายกลุ่ม เกิดขึ้น ซึ่งการฆ่าตัวตายกลุ่มนี้เป็นสาเหตุให้บ้านนี้ร้างมานานเป็นศตวรรษบ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของครอบครัวเล็ก ๆ ที่ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูกสาว และพี่เลี้ยง

มีบางอย่างที่ไม่ปรกติเกิดขึ้นที่บ้านหลังนี้ครับ พี่เลี้ยงที่มารับจ้างเธอรู้สึกได้เมื่อเข้ามาทำงาน และเธอได้พบกับบางสิ่งที่ไม่สมควรรู้เกี่ยวกับลูกสาวของบ้านหลังนี้ ลูกสาวของบ้านหลังนี้ไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของคนทั้งคู่ แต่เธอเป็นเด็กกำพร้าที่คนทั้งคู่รับไว้เป็นบุตรบุญธรรม พี่เลี้ยงรู้ว่าคนทั้งคู่เคยมีลูกมาก่อน เธอชื่อ แอลรีน่า แต่ก่อนที่พี่เลี้ยงจะรู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวนี้ เธอก็ถูกฆ่าซะก่อน.....

ลูกสาวบุญธรรมก็ไม่รู้มาก่อนว่า คนทั้งคู่(พ่อและแม่ที่เธออยู่ด้วย) จะเคยมีลูกมาก่อนและบ่อยครั้งที่เธอเห็นเด็กผู้หญิงผมยาวในช่วงเวลากลางคืน และ ที่ของแอลรีน่า ที่ของลูกสาวที่แท้จริงของพ่อแม่บุญธรรมของเธอ

แอลลีน่าเกิดในปี ค.ศ. 1947 และพิการอย่างรุนแรง พ่อแม่ของเธอเลี้ยงดูเธอบางเวลา และรู้ดีว่า แอลลีน่า นั้นทรมานและไม่มีทางที่จะมีอนาคตที่ดี พ่อแม่ของแอลน่าตัดสินใจวางยาพิษเธอและเก็บร่างอันไร้วิญญาณของแอลรีน่าไว้ในตู้นิรภัยล๊อคและตั้งรหัสซึ่งมีปีเกิดของเธอ นับตั้งแต่นั้น ห้องนั้นก็ถูกปิดตายและไม่มีใครได้ย่างกรายเข้าไปอีกเลย

เวลาผ่านเลยไป และเมื่อคนทั้งคู่ได้รับบุตรบุญธรรมเข้า แต่พวกเขาก็ไม่เคยลืมว่าเคยทำอะไรไว้ในอดีต และในบางครั้งที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับ.............แอลลีน่า ท้ายที่สุดทุกคนใน ครอบครัวก็ตัดสินใจฆ่าตัวตาย

แต่วิญญาณของแอลลีน่าก็ยังคงวนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้ ....เธอเติบโตขึ้น เธอไม่ได้ตาย ...เธอต้องการที่จะอยู่

อยากบอกว่าเคยแอลลีน่า เธอน่ารักมาก


I love sims3
#48
03-10-2011 - 14:55:41

#48 I love sims3  [ 03-10-2011 - 14:55:41 ]




เล่นบ่อยมากเลย the house เล่นตอนแรกๆ ก็กลัวแต่เล่นบ่อยๆ ก็หายกลัวแล้วคะ ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้เล่นเพราะติดซิมส์อยู่
ขอบคุณคะสำหรับเร่องสยองขวัญน่ากลัวๆ เราก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่าน(แม้จะจิตตกไปบ้างก็ตาม)


B3_BELL
#49
03-10-2011 - 15:06:42

#49 B3_BELL  [ 03-10-2011 - 15:06:42 ]




The House เล่นหมดแล้ว ทั้ง 1 - 2 แล้วก็ Special ด้วย

ลูกสาวน่ารักมากจริงๆ


hollywoodmoviesgood
#50
03-10-2011 - 15:13:20

#50 hollywoodmoviesgood  [ 03-10-2011 - 15:13:20 ]




อ่าาาา หลอน


base
#51
26-12-2011 - 08:39:26

#51 base  [ 26-12-2011 - 08:39:26 ]




น่านุกอ่ะพี่พลอย



HNY น้าาาาาาาา

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 21st November 2024 07:01

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ