quote :
เมื่อวานเราเอาเรื่องของแม่มดมาลงแล้ว คราวนี้มาพูดถึงราชาและราชินีแห่งความมืดดีกว่าค่ะ ซึ่งหลายคยอาจจะรู้จักชื่อของพวกเขาแล้ว แต่มันจะเป็นเพียงเรื่องเล่า ตำนาน นิทาน หรือมันมีอยู่จริงๆกันนะ^^
ราชาและราชินีแห่งความมืด
ตอน ลูซิเฟอร์
ลูซิเฟอร์......จากเทพสวรรค์ ดำดิ่งขุมนรก...คอบงำใจมนุษย์ จากทูตสวรรค์รูปงามดำดิ่งสู่หุบเหวในนรก ที่สุดแห่งความชั่วร้ายทั้งหมดทั้งปวง มันพร้อมจะนำพาความมืดดำ
ครอบงำใจมนุษย์ หันหลัง ให้พระเจ้า แผดเผาโลกทั้งใบให้มอดไหม้ด้วยไฟบาปแห่งนรก
หากเอ่ยนามของ “ลูซิเฟอร์” แล้วคงไม่มีใครไม่รู้จักความน่าสะพรึงกลัว เจ้าแห่งความชั่วร้ายตนนี้ได้ อำนาจที่ไม่ธรรมดาของมันสามารถเข้าครอบงำใจมนุษย์
ด้วยบาปนานัปการ หากจิตใจคนผู้นั้นไม่บริสุทธิ์และเข้มแข็งพอแล้วล่ะก็ คงแพ้พ่ายให้แก่อำนาจแห่งความมืดของมันอย่างไม่รู้ตัว
เดิมทีปีศาจร้ายตนนี้ หาได้มีความน่ากลัวและชั่วร้ายเช่นนี้ไม่ เมื่อนานมาแล้ว “ลูซิเฟอร์” เป็นทูตสวรรค์รูปงามร่างกายกำยำหน้าตาหมดจดสดใสดวงตากลมโต
ริมฝีปากสีชมพู มีผมสีทองคำขาว มีปีกสีขาวคล้ายนกขนาดใหญ่อยู่ที่หลัง พร้อมกับน้ำเสียงที่ไพเราะจับใจ เรียกได้ว่าเป็นกายที่สมบูรณ์แบบหาที่ติไม่ได้
พระเจ้าเสกสรรปั้นแต่งทูตสวรรค์ผู้นี้ขึ้นมาด้วยความประณีตและตั้งใจเพื่อดูแลสวน เอเดนของพระองค์ และด้วยน้ำเสียงและวาจาอันไพเราะของเขา
ทำให้“ลูซิเฟอร์”ได้เป็นผู้นำร้องเพลงสวดบนสวรรค์อีกด้วย
“ลูซิเฟอร์” มีจิตใจอ่อนโยนดีงามเป็นอย่างมาก ทำให้เขา เป็นที่รักใคร่ ของพระองค์และบรรดาเหล่าทวยเทพใหญ่น้อยที่อยู่บนสรวงสวรรค์ นับตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นมาเลยทีเดียว
แต่แล้วจุดเปลี่ยนแปลงชีวิตของทูตสวรรค์รูปงามตนนี้ก็มาถึง เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกมนุษย์ขึ้นมา โดยเอารูปกายที่สมบูรณ์แบบทุกๆส่วนของ“ลูซิเฟอร์”มาสร้างเป็นมนุษย์
โดยให้เหตุผลว่าร่างกายและหน้าตาอันหมดจดของเขาเหมาะสำหรับการนำมาปั้นแต่งให้มนุษย์เพื่อจะทำให้พวกเขาใช้ชีวิตในโลกได้อย่าง มีความสุขและสวยงามสมกับเป็นสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้น
“ลูซิเฟอร์”รับรู้และปลื้มใจเป็นอย่างมากจนกระทั่งเขาได้รับรู้ว่า มนุษย์ที่พระองค์สร้างขึ้นบนโลกนั้น กราบไหว้ บูชา และศรัทราในพระเจ้ามากกว่าสิ่งใด
เมื่อเป็นเช่นนั้น“ลูซิเฟอร์”ก็ไปทักท้วงพระองค์ว่า ตัวเขาเองก็ควรค่าที่มนุษย์จะกราบไหว้บูชาเช่นกัน เหตุไฉนเสียพระองค์จึงไม่ให้มนุษย์ทำเช่นนั้น…….
พระองค์ทรงตอบกลับมาว่า มนุษย์เชื่อว่าท่านเป็นคนสร้างพวกเขาขึ้นมา อีกทั้งพวกเขาทั้งหลายต้องการนำพระองค์ไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจด้วยศัทราอันแรงกล้า
และพระองค์เป็นผู้ปกปักรักษามนุษย์โลก เมื่อได้ยินดังนี้ ความเดือดดาลภายในใจของ “ลูซิเฟอร์” ก็ประทุขึ้นพร้อมกับ ตะโกนบอกพระองค์กลับไปว่า
“ดีแล้วที่เป็นเช่นนั้นถ้างั้นข้าพระองค์นี่แหละ จะเป็นผู้ทำลายล้างเหล่ามนุษย์ชาติให้ย่อยยับเอง” “ลูซิเฟอร์”ได้เเผยความชิงชัง และความยโสโอหังอันเป็นทาสแท้ของตนออกมาโดยไม่รู้ตัว
และเมื่อพระองค์ทรงได้รู้เช่นเห็นชาติถึงจิตใจอำมหิตของเขา พระองค์จึงตัดสินใจขับไล่“ลูซิเฟอร์” ลงไปยังนรกภูมิ ใต้พื้นพิภพ ซึ่งมีแต่เปลวไฟแห่งบาป แผดเผาอยู่ชั่วกักชั่วกัลล์
เมื่อลงมาในนรก รูปโฉม ที่งดงามสง่าผ่าเผยในร่างของชายหนุ่มรูปงาม ก็ได้แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงบัดนี้ เขากลายร่างเป็นจอมปีศาจที่น่ากลัว มีเขาแพะขนาดใหญ่อยู่บนหัว
ผิวหนังหยาบกระด้าง นัยย์ตาสีแดงก่ำปีกที่เคยสยายได้สวยงามเช่นนกในตอนนี้มันกลายเป็นปีกค้างคาวขนาดใหญ่มาแทนที่ มีสามง่ามเป็นอาวุธคู่กาย และด้วยอิทธิฤทธิ์และอำนาจ
ของความชั่วร้ายที่ติดตัวมาก็เพียงพอที่“ลูซิเฟอร์”ตั้งตนเป็นหัวหน้าปีศาจในนรกได้ไม่ยาก
“ลูซิเฟอร์”เริ่มประกาศศักดิ์ดาความผยองของตนในทันทีโดยนำกองทัพปีศาจในนรก บุกขึ้นไปทำสงครามกับพระเจ้าหมายจะทลายสรวงสวรรค์ให้ย่อยยับเป็นจุล
แต่แล้วกองทัพชั่วร้ายของเขาก็ไม่อาจต้านทานกองทัพแห่งพระเจ้าได้ กลับแตกพ่ายและถอยทัพกลับขุมนรกอย่างยับเยินไม่มีชิ้นดี เหตุการณ์ครั้งนั้นถูกกล่าวขานว่าเป็น สงครามวันอวสานโลก
หรือวันโลกาวินาศ Amagedon ตามที่คัมภีร์ไบเบิลได้บันทึกเอาไว้
เมื่อ“ลูซิเฟอร์”ไม่สามารถทำลายพระองค์และสรวงสวรรค์ก็ได้หันมา ทำตามประสงค์ของตนเองอีกครั้งนั่นคือการทำลายล้างโลกมนุษย์ให้สิ้นซาก เขาไม่ได้เสกอุกาบาตยักษ์ให้พุ่งชนโลก
ไม่ได้เสกน้ำทะเลให้ทะเลเข้าท่วมหมู่มวลมนุษย์ ไม่ได้เสกมหาพายุคลั่งพักพาโลกให้สิ้นซาก หากแต่การทำลายครั้งนี้เป็นการเข้าไปครอบงำจิตใจของมนุษย์ อย่างช้าๆ
จนในที่สุดเขาก็เปลี่ยนคนๆนั้นให้ทำในสิ่งชั่วร้ายแบบไม่คาดคิด ด้วยกิเลส ตัณหา ความอิจฉา ความโลภ ที่มีอยู่ในบุคคลนั้นเอง นั่นคืออำนาจอันแยบยล ของ“ลูซิเฟอร์”
ว่ากันว่าคนเรามีทั้งจิตใจที่ขาวสะอาดเหมือนผ้าขาวที่ไร้ตำหนิ และอีกด้านของจิตใจที่เป็นสีดำสนิท หามีสิ่งใดมาเจือปนไม่ นั่นคือด้านด้านที่ดี และเลวของมนุษย์เอง
บ่อยครั้งที่เรามีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันคอยช่วยเหลือต่างๆนานา และอีกนับครั้งไม่ถ้วน ที่เราคอยแก่งแย่งชิงดี และชิงชังกันบนโลกที่ต้องดิ้นรน เมื่อใดก็ตามที่จิตใจมืดดำในตัวเรามีมากกว่าครึ่ง เมื่อนั้น มันจะมา
กลิ่นความเกลียดชังอันชั่วร้าย ซึ่งหอมและเย้ายวน ชวนให้“ลูซิเฟอร์”และอำนาจชั่วร้ายของมัน เข้าครอบงำอย่าไม่ยากเย็นนัก เมื่อถึงเวลานั้น อีกด้านหนึ่งของจิตใจที่ขาวสะอาดของมนุษย์จะหายไปโดยสิ้นเชิง
มันถูกเข้ามาแทนด้วยความอำมหิตอยากหลีกเลี่ยงไม่ได้ บ่อยครั้งที่“ลูซิเฟอร์” ปรากฎกายบนโลกเพื่อตามหามนุษย์ที่มีความเครียดแค้นและชิงชัง มากพอที่จะทำให้เขาครอบงำได้
แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ ที่นำมาซึ่งความสูญเสีย เศร้าสลด แบบประเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น สงคราม การทำลายล้างต่างๆการสังหารหมู่ นักเรียนคลั่งที่เคยกราด
ปืนใส่เพื่อนมาแล้วหลายศพอย่างที่หลายๆคนเคยได้เห็นมาแล้วในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆ ปลีกย่อยลงไปจนถึง การฆาตกรรม การชิงทรัพย์ลักขโมย ที่เราเห็นมาบ่อยแล้วเช่นกัน
เป็นไปได้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของสิ่งไม่คาดฝันเช่นนี้“ลูซิเฟอร์”เป็นคนบงการทั้งหมดด้วยตัวเองอย่างแท้จริง
“ลูซิเฟอร์”ถูกขนานนามอีกชื่อนั่นก็คือ ซาตาน มีความหมายเจ้าชายแห่งความมืดมิด ในปัจจุบันมีลัทธิบูชาซาตานอยู่ไม่น้อย คนกลุ่มนี้จะมีสัญญาลักษณ์เป็นรูปไม้กางเขนกลับหัว
นอกจากพวกเขาจะไม่เชื่อในพระเจ้าแล้วยังเย้ยหยันกับคำสอนและการมีอยู่จริงของพระองค์ เช่นเดียวกับ คนอีกหลายล้านคน ที่แสวงหาการมีอยู่จริงของพระเจ้าและนับถือในตัวพระองค์
แต่เมื่อมีผู้ศรัทรามากเท่าใด ผู้ต่อต้านก็มีมากเช่นกัน ซ้ำยังคิดว่า การบูชาซาตานนั้นเป็นการสักการะสิ่งที่มีอยู่จริง สามารถแสวงหาได้ทุกเมื่อ เมื่อลงมือทำสิ่งใดก็ตามที่นำมาซึ่งบาป ไม่ใช่สิ่งลมๆแล้งๆ เช่นการบูชาพระเจ้า
อย่างไรก็ตามเจ้าชายแห่งความมืดและความชั่วร้าย เป็นไปได้ว่าอาจเป็นแค่เรื่องเล่าและไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อยกตัวอย่างประกอบคำสอนของคริสต์ศาสนา
เพื่อให้มนุษย์ทั้งหลายแยกแยะระหว่าง บาปบุญ เท่านั้น หรือบางที มันอาจเป็นเรื่องที่ไม่ได้เป็นเพียงคำบอกกล่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์การมีอยู่จริงของเรื่องนี้ ได้อยากชัดเจน มีเพียงจิตใต้สำนึกของมนุษย์อย่างเราๆเท่านั้น ที่จะสามารถ บอกได้ ว่า แท้จริงแล้ว
ซาตานมันแอบเข้ามาซุกซ่อน ในจิตใจเราได้อย่างไร ในยามที่เราถูกปกคลุมด้วยความชั่วร้ายอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน
เครดิต :
http://www.oknation.net/blog/sulfa/2010/11/30/entry-3 quote :
อันนี้บริการเสริมค่ะ^^
เรื่องจริงซาตานและ ลูซิเฟอร์มันคนละตัวกัน
เรื่องจริงน่ะครับที่จริงแล้วซาตานและ ลูซิเฟอร์มันคนละตัวกัน
หลักฐานก็คือในเรื่อง 7 บาปที่ไม่อภัยได้ มีตัวแทนของเทวทูตประจำแต่ละบาป ซึ่งซาตานและ ลูซิเฟอร์แยกประจำคนละบาปเลย
ซาตานเป็นตัวแทนของความโกรธ ส่วน ลูซิฟอร์เป็นตัวแทนของความหย่อหยิ่ง
ส่วนสาเหตุว่าทำไมซาตานและลูซิเฟอร์ถึงกลายเป็นตัวเดียวกันก็เกิดขึ้นจากความไม่รู้ของคนนำเสนอ และประวัติทั้งสองคล้ายกันมาก
ประวัติซาตาน
ว่ากันว่าซาตานคือเทพแพนหรือบาโพเมท
บาโพเมท เป็นเทพแห่งความอุมสมบูรณ์ของสัทธิเพเกินเป็นมนุษย์ประหลาดมีหัวเป็นแพะมีเขายาว และมีปีกนั่งอยู่บนแท่ง
ความจริงแต่เดิมซาตานเป็นเทพ ชื่อแพน เป็นเทพหน้าแพะ The goat-god ให้พลังอำนาจแห่งความปราถนา อนยากที่จะหยุดยั้งหรือควบคุม โดยเฉพาะความต้องการทางเพศอันรุนแรง ชาวกรีกแต่โบราณก็บูชาเทพองค์นี้ เพื่อขอให้ได้กำเนิดบุตร (เหมือนกับชาวอินเดียบางกลุ่มที่บูชาศิวลึงค์) อำนาจแห่งความลุ่มหลงในอารมณ์ใคร่ รสสัมผัสอันเย้ายวนของอิสตรี เป็นพลังมืดที่ซ่อนเร้นในจิตใจมนุษย์ และเทพบุตรแพนชอบที่จะดลจิตใจใฝ่ราคะนี้เข้าสู่มวลมนุษย์มากจนเกิดความวุ่นวายขึ้นในโลก จึงโดนลงโทษขับไล่ลงจากสวรรค์มาสร้างอาณาจักรใต้พื้นภิภพ อาณานิคมแห่งใหม่ ถูกขานนามว่า นรกนิเวศ์ เป็นที่อยู่อาศัยของวิญญาณอันชั่วร้าย สะสมไว้ด้วยกองกิเลส บุคคลที่เต็มไปด้วย โลภะ โมหะ โทสะ จึงมักจะเดินทางไปสู่ปรโลกเสียส่วนมาก
ประวัติลูซิเฟอร์
คำว่าลูซิเฟอร์นั้น เป็นคำละติน มาจากสองคำ คำว่า Lux ซึ่งแปลว่าแสงสว่าง และ Ferrer แปลว่าผู้นำมา หรือ ผู้ถือ ซึ่งถ้าเอามารวมกันก็จะแปลว่า "ผู้นำมาซึ่งแสงส่วง อดีตอัคระเทวฑูตองค์นี้ พระเป็นเจ้าเป็นผู้สร้างขึ้นมาจากแสงสว่างและให้ความเอ็นดูเป็นอย่างมากถือได้ว่า เป็นใหญ่รองมาจากพระเป็นเจ้า ถือได้ว่าเป็นอัคระเทวทูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ทว่าด้วยความที่นึกว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือใคร ทำให้ก่อกบฏหักหลังพระเป็นเจ้า และในที่สุดก็ตกจากสวรรค์ กลายมาเป็น"ปีศาจ"
Isaiah 14 "How art thou fallen from heaven, O Lucifer, son of the morning,"ตามตำนานของชาวฮิบรูลูซิเฟอร์ ได้ถูกยุยงโดยซาตานอีกทีนึง (เห็นได้ว่าตำนานฮิบรู ลูซิเฟอร์ และ ซาตานเป็นคนละคนกัน)
ตามตำนานของชาวคริสต์ ในคัมภีร์The Old Testamentได้แปลคำว่า Helel เป็น ลูซิเฟอร์ และได้โยงกับ ปีศาจร้ายที่มีร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ที่ลอบเข้ามาในสวนอีเดนและหลอกลวงอดัมและอีฟ
จนกระทั้ง..................
ในยุคกลาง นักบุญเจโรม (St.Jerome)หลวงพ่อในศาสณะจักร์ คิดว่า ลูซิเฟอร์ ไม่ใช่ชื่อที่ดีสำหรับ "ปีศาจ" และได้เปลี่ยนมาเป็น "ซาตาน"
จนในที่สุด ทั้งสองก็ได้รวมมาเป็นคนเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าในพระคัมภีร์บางทีก็ชื่อลูซิเฟอร์ บางทีก็ชื่อ ซาตาน
เดรดิต : http://my.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=219485&chapter=2
quote :
แถมอีกนิด ให้สับสนเล่นๆ^^ 1. Bible หรือพระคัมภีร์ ภาษาอังกฤษที่ท่านใช้ในการอ่างอิงมีด้วยกัน หลายเวอชั่น และที่ใช้มากสุดคือแบบ King James (ภาษาเดิม) และ N.I.V (ภาษาปรับปรุงให้ง่ายต่อการอ่าน) ซึ่งพระคัมภีร์ฉบับภาษาไทยจะแปลจากฉบัล N.I.V เป็นหลัก
ในที่นี้ ข้อความพระคัมภีร์ที่ท่านใช้มากจาก King James นะครับ
2. ซาตานตามพระคัมภีร์สื่อถึงทูตสวรรค์องค์หนึ่งที่อยู่ในต่ำแหน่งที่สูงสุดรองจากพระเจ้า (มีความสง่างามและความสมบูญพร้อม) แต่มันเกิดความหยิ่งยะโสและหลงตัวเองจนมีความต้องการที่จะขึ้นเป็นพระเจ้าซะเอง จนพระเจ้าไล่มันออกจากสวรรค์และส่งมายังพื้นโลก หน้าที่หลักๆของซาตานคือ ล่อลวง มนุษย์ให้ไม่เชื่อหรือออกห่างจากพระเจ้าเท่านั้น ไม่ได้มีสิทธ์ในการทำร้ายมนุษย์ ยกเว้นแต่ว่า พระเจ้าอนุญาติ (เช่นโยบ) หรือว่ามนุษย์ยกตัวเองให้กับซาตานแล้วเท่านั้น (เช่นการบูชาซาตานหรือภูติผีที่เป็นลูกน้องของทูตสวรรค์องค์นี้)
3. การกล่าวถึงชื่อ Lucifer ในพระคัมภีร์ มีแค่ 1 ครั้งใน King James และไม่มีเขียนเลยใน N.I.V และในฉบับภาษาไทย
ซึ่งในบทนี้พระคัมภีร์กำลังพูดถึงว่า ยาโคบ(หรืออิสราเอล)จะหลุดพ้นและเยาะเย้ยพระราชาบาบิโลน
และคำกล่าวถึง Lucifer ในบทนี้แปลความได้น่าจะหมายถึง
3.1 ชื่อของพระราชาของบาบิโลนเองที่ต้องการขึ้นเป็นใหญ่เทียบเคียงพระเจ้า โดยการสร้างหอคอยบาบิโลนให้สูงเหนือเมฆและเป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่เหนือพระราชาอื่นๆในโลก แต่ในท้ายที่สุดพระเจ้าไม่ทรงอนุญาติในการก่อสร้างนี้และพระราชาองค์นี้จะต้องตกลงมาสู้ความตกต่ำ (อ่านได้ในพระคัมภีร์)
3.2 ชื่อ ในบทนี้ Lucifer อาจจะเป็นการพูดเปรียบเทียบให้พระราชาผู้หยิ่งยะโสฟังโดยการใช้ชื่อเปรียบเทียบกับทูตสวรรค์ที่ชื่อ Lucifer
4. อย่างไรก็ดี "พระคัมภีร์ไม่เคยบอกว่าซาตานและ Lucifer เป็นทูตสวรรค์องเดียวกัน" ชื่อ Lucifer ไปถูกใจผู้เขียนนิยายคนหนื่งในอดีตและได้ทำหนังสืออกมาเล่นหนึ่งโดยโยงเข้าไปว่า Lucifer คือซาตาน
พระคัมภีร์ภาษาฮีบรูซึ่งเป็นภาษาแรกๆของพระคัมภีร์ที่จริงไม่มีคนว่า "Lucifer" อยู่เลยแม้แต่คำเดียว
แล้ว Lucifer มาได้ไง"
เพราะเมื่อมีการแปลพระคัมภีร์ต่อมาในภาษาต่างๆกว่าจะมาเป็นภาษาอังกฤษ เขาได้มีการแปลต่อๆกันมาจาก
1. ฮีบรู --> 2. กรีก และโรมัน --> 3.ลาติน -->4. อังกฤษ (เอากว้างๆจะครับ)
ซึ้งระหว่างการแปลที่นี้เองที่เกิดความผิดพลาดขึ้น! เพราะว่า! ที่จริงแล้วชื่อ Lucifer เป็นชื่อของ "ดวงดาว" ซึ่งแปลว่า "Morning Star" หรือ Son of The Morning ซื่งเขียนในพระคัมภีร์ฮีบรูเดิม แต่ในระหว่างการแปลมีการใส่คำว่า Lucifer หรือชื่อดวงดาวลงไป ...... เพราะอะไร? อาจจะ
1.เพื่อทับศัพย์เพราะว่าภาษากรีกหรือโรมันอาจจะไม่มีคำว่า Morning Star
2. อาจจะเพื่อเพิ่มความสละสลวยให้กับภาษาเพราะในบทนี้พระคัมภีร์สมัยก่อนเขียนเป็นกลอน
(ข้อมูลเพิ่มเติม ดาว Lucifer คือภาษาลาตินแปลว่าดาว Venus)
แต่พอมาเป็นภาษาอังกฤษ versoin King James (เท่านั้น) ก็เลยใส่ทั้ง Lucifer และ Morning Star ลงไปในพระคัมภีร์ (ซึ่งอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า พระคัมภีร์บทนี้ไม่ได้ซื่อถึง ซาตาน เลยแม้แต่น้อย แต่สื่อถึงพระราชาของบาบิโลนที่ทำตัวเทียบพระเจ้า พระราชาชื่อว่า Helal ต้องขอโทษกับความผิดพลาดในกระทุ้ก่อนหน้าด้วยครับ)
ความหมายของ Lucifer ในที่นี้ต้องการจะเปรียบเทียบกับพระราชาบาบิโลนที่จะล้มลงและโดนดูถูก
แล้วทำไม Lucifer ถึงกลายมาเป็นชื่อ ซาตาน?
มีหลายทิศทางมาก แต่มาคำอธิบายที่น่าจะมีเหตุผลที่สุดก็คือ
1. เพราะว่าในช่วงยุคกลางที่พระคัมภีร์กำลังแพร่หลาย มีโบทหลายที่ที่ต้องการจะสื่อภาพให้สมาชิกเห็นว่าซาตานจะถูกพระเจ้าทำลายลงยังไง โดยการนำข้อพระคัมภีร์ที่กว่างถึงการล้มลงหรือผ่านแพ้ของพระราชาบาบิโลนมาเปรียบเทียบแต่ด้วยความที่คนสมัยนั้นอ่านหนังสือได้น้อยและไม่รู้ประหวัตของคำว่า Lucifer ในภาษาลาตินทำให้คนมากมายคิดไปเองว่า พระคัมภีร์สื่อถึง Lucifer ว่าคือซาตาน
2. มีความเป็นไปได้สูงของการเปรียบเทียบข้อพระคัมภีร์ข้ามเล่ม คือในการกล่าวถึงทูตสวรรค์ที่โดนไล่ลงมาสู่โลกและคนมากมายที่ไม่ได้พระคัมภีร์อย่างละเอียด ก็เชื่อและคิดไปว่า นี้เป็นชื่อของซาตาน
และมันได่กลายเป็นเรื่องระดับโลก เมื่อเหล่าผู้ที่เข้าใจผิดไปนำชื่อนี้ไปขยายความต่อว่า Lucifer = Satan ในนิยาย หนัง ละคน และอีกมากมายทั่วโลกจนคนเข้าใจผิดว่า Lucifer = Satan
ปล. อีกนิด...... พระคัมภีร์ไม่มี บาโฟฯ นะครับ ไม่มีเทพหน้าแพะนะ
เครดิต :
http://www.lds-mormon.com/lucifer.shtml http://www.kjvonly.org/doug/kutilek_notes_on_lucifer.htm และพระคัมภีร์ King James , NIV และ อมตะธรรม