คาคุ เซย์กะ ฝึกฝนด้วยวิชาเต๋าจนได้เป็นเซียน แต่ไม่ตั้งอยู่ในพฤติกรรมอันดี จึงถูกขนานนามว่า เซียนมาร
เธออยากเผยแพร่ลัทธิเต๋าในประเทศญี่ปุ่น จึงพูดจาหลอกล่อให้ มกุฎราชกุมารี โทโยซาโตะมิมิ โนะ มิโกะ ยอมรับคำสอนแห่งเต๋า
โดยเสนอแผนว่าให้ใช้ศาสนาพุทธกล่อมเกลาประชาชนให้อยู่ในความสงบ ส่วนพวกเธอจะใช้พลังเซียนเหนือมนุษย์ในการปกครองประเทศ
มิโกะเห็นว่าแผนการนี้น่าจะนำความสงบสุขมาแก่ประเทศได้ จึงตกลงยอมรับ
มิโกะได้นำแผนการนี้ไปปรึกษากับ โมโนโนเบะ โนะ ฟุโตะ ซึ่งนับถือลัทธิเต๋าเช่นเดียวกัน
ฟุโตะ หลงใหลในพลังวิเศษของลัทธิเต๋า และเธอเป็นพันธมิตรกับเครือโซะกะ จึงหลอกให้เครือโซะกะนับถือพุทธอย่างเต็มที่
ยังผลให้เกิดสงครามศาสนาระหว่างสองเครือตระกูลใหญ่ คือโซะกะที่นับถือพุทธ กับโมโนโนเบะที่ต้านพุทธ
ซึ่งความผิดพลาดในแผนทางการเมือง ทำให้เครือโมโนโนเบะล่มสลายลงในที่สุด
จากนั้นมิโกะได้เผยแผ่ศาสนาพุทธไปทั่ว และเป็นที่ยอมรับของประชาชน ผู้คนรักความสงบ ไม่แสวงหาพลัง เป็นไปตามแผนที่คิดเอาไว้
มิโกะและฟุโตะจึงดำเนินการตามแผนขั้นต่อไป นั่นคือการทำให้ตนเองกลายเป็นเซียน
พวกเธอพยายามใช้วิชาเหลียนตัน (วิชาเล่นแร่แปรธาตุแบบจีน) ในการทำให้ตนเองเป็นเซียน
แต่มิโกะทำพลาดจนตัวเองอยู่ในสภาพที่มีชีวิตได้อีกไม่นาน เธอจึงตัดสินใจใช้วิชาเซียนถอดวิญญาณ
วิชาที่จะต้องตายก่อนหนึ่งครั้ง เพื่อคืนชีพขึ้นมาในฐานะเซียน
แต่เธอไม่กล้าทำคนเดียว จึงขอให้ฟุโตะทดลองวิชานี้ก่อน ฟุโตะเชื่อมั่นในตัวมิโกะ จึงยอมเป็นหนูทดลอง
เมื่อพบว่าฟุโตะหลับใหลโดยไม่เน่าเปื่อย ก็แสดงว่าวิชานี้น่าจะสำเร็จด้วยดี
มิโกะจึงใช้วิชานี้จนหลับใหลตามไปอีกคน และรอวันที่จะได้คืนชีพมาในฐานะเซียน
หากแต่แผนการดังกล่าวได้รั่วไหลออกไป
นักบวชพุทธจึงช่วยกันผนึกฮวงซุ้ยของเธอเรื่อยมา จนเวลาผ่านไปนานถึง 1,400 ปี
ผู้คนเริ่มลืมเลือนและเชื่อว่าตำนานของเธอเป็นเพียงเรื่องลวงโลก
ทำให้เรื่องราวของพวกเธอกลายเป็นมายา และไหลเข้ามาสู่เกนโซวเคียว ซึ่งไม่มีศาสนาพุทธ
ในสภาพนี้เท่ากับว่าเธอสามารถคืนชีพขึ้นมาเมื่อไรก็ได้
1,400 ปีผ่านไป ณ. ตำหนักหยกขาว โลกวิญญาณ
ซึระ : ดอกซากุระพวกนี้ดูกี่รอบก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ
ยูยูโกะ : นั้นสินะ ฉันเองก็ชอบดูซากุระมาตั้งนานแล้วล่ะนะ
ซึระ : แล้วเธอนี้ชอบซากุระมานานแค่ไหนแล้วล่ะ...?
ยูยูโกะ : นานมากแล้วล่ะนะ
ซึระ : งั้นเหรอ แต่ทำไมฉันเห็นอย่างอื่นนอกจากซากุระด้วยล่ะ
ยูยูโกะ : หมายถึง ชินเรย์ พวกนั้นใช่มั้ยล่ะ
ซึระ : ประมาณนั้นแหละ....
ยูยูโกะ : มันคงใกล้จะเริ่มแล้วสินะ....
ซึระ : น่าสนุกดีเหมือนกัน การคืนชีพที่รอมาใกล้จะเริ่มสินะ
ณ. คฤหาสน์มารแดง ใกล้ๆกับทะเลสาบสายหมอก
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างของหอสมุดที่อยู่ใต้คฤหาสน์มารแดง จนทำให้จอมเวทย์เจ้าของหอสมุดตื่นขึ้นมาจาก
โต๊ะที่นั้งอ่านหนังสือนานจนหลับไปทั้งๆที่อ่านหนังสืออยู่
ซาคุยะ : จะรับชาญี่ปุ่นหรือชาดำดีค่ะ...?
แพชูรี่ : นี่กี่โมงแล้วเนี้ย....?
ซาคุยะ : ตอนนี้ก็ประมาณ 10 โมงเช้าค่ะ มีอะไรรึเปล่าค่ะ
แพชูรี่ : เปล่าหรอก แค่ช่วงนี้รู้สึกไม่ค่อยดี
ซาคุยะ : ไม่สบายรึเปล่าค่ะ
แพชูรี่ : ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก ช่วงนี้รู้สึกเหมือนว่าจะเห็นพวกชินเรย์เยอะมากเลยนะ
ซาคุยะ : จะให้ฉันจัดการพวกนี้ทิ้งเลยดีมั้ยค่ะ
แพชูรี่ : ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันจะลองสำรวจชินเรย์พวกนี้ดูก่อน
ณ. ป่าเวทย์มนต์ ใกล้ๆกับคฤหาสน์มารแดง
จอมเวทย์หนุ่มคนหนึ่งกำลังนั้งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะทำงานที่ติดตกับกระจกที่สามารถมองเห็นหน้าบ้านของเขาจากชั้นที่ 2
แต่จอมเวทย์คนนี้เหมือนจะรู้ว่ามีอะไรกำลังมองเขาอยู่
Element : ไม่คิดจะเคาะประตูเลยรึไง แล้ววันนี้มาทำอะไร
อิโนะอูเอะ : วันนี้ฉันยอมมาหานายเลยนะ หัดต้อนรับดีๆหน่อยสิ
Element : แล้วเธอมีเรื่องอะไรถึงต้องมาหาฉัน
อิโนะอูเอะ : นายไม่รู้สึกตัวเลยงั้นเหรอ...?
Element : ฉันไม่ได้มีความรู้พิเศษแบบพวกโยวเซย์หรอกนะ
อิโนะอูเอะ : ตอนนี้มีพวกชินเรย์อยู่เยอะไปหมดเลย มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ
Element : นั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องสนใจ ไปบอกยัยมิโกะขาวแดงนั้นสิ
อิโนะอูเอะ : ช่วยไม่ได้สินะ นายเองก็คงไม่สนใจงั้นฉันไปก่อนนะ
Element : วิญญาณของเทพสินะ น่าสนุกจริงๆ
หลังจากที่โยวเซย์สาวตนนั้นอกจากบ้านของจอมเวทย์ไป Element เริ่มที่จะเก็บข้าวของที่จำเป็นและเตรียมตัวออกจากบ้าน
เพื่อไปสำรวจสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในเกนโซเคียว ก่อนที่จอมเวทย์คนนั้นจะรู้ว่ามีคนอีกคนแอบฟังเขา
???? : หึหึหึ... เป็นไปตามที่ท่านผู้นั้นคิดไว้เลย
ณ. ภูเขาโยวไค บริเวณบึงน้ำขนาดใหญ่ติดกับป่าเวทย์มนต์
บรรยากาศของน้ำที้สงบนิ่งของบึงน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นที่อาศัยของกัปปะในยามฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม แต่ตอนนี้บึงน้ำแหล่งนี้กลับเต็ม
ไปด้วยชินเรย์มากมายที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป
นิโทริ : นี่คิดว่าช่วงนี้มันแปลกๆบ้างมั้ย...?
อายะ : แปลกยังไงเหรอค่ะ...
นิโทริ : ปกติแล้วที่บึงน้ำแห่งนี้ไม่ค่อยมีพวกวิญญาณไม่ใช่รึไง
อายะ : มันก็แปลกอยู่นะค่ะ แต่ยังไงฉันก็ขอจดไปทำข่าวก่อนแล้วกัน
ฮานะ : ว่าไงยัยเทนกุ อ่าวนิโทริก็อยู่ด้วยเหรอ...
นิโทริ : แล้วฮานะเธอพอรู้เรื่องอะไรบ้างมั้ย
ฮานะ : ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนะ แต่ฉันว่าเรื่องนี้ต้องมีที่มาที่ไป
อายะ : นี่ๆ ชินเรย์พวกนั้นกำลังตรงไปที่หมู่บ้านของพวกมนุษย์ด้วยล่ะ
นิโทริ : งั้นถ้ามีอะไรก็มาบอกฉันด้วยนะ
ฮานะ : นิโทริ เธอพอจะรู้ตำแหน่งที่ชินเรย์พวกนั้นไปบ้างมั้ย...?
นิโทริ : ฉันรู้แค่ว่ามีประตูทางเข้าโลกวิญญาณอยู่เหนือหมู่บ้านแค่นั้นแหละ
อายะ : โลกวิญญาณ... น่าสนุกจังเลย แบบนี้เป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ๆ
ณ. ป่าไผ่หลงทาง ใกล้ๆกับเรือนนิรันดร์
มิคากะ : แย่จริงๆเลย ทางไหนก็เหมือนๆกันหมด คงหลงทางแล้วสินะ
คางุยะ : หลงทางอยู่งั้นเหรอ...?
มิคากะ : ก็ประมาณนั้นแหละ แล้วเธอเป็นใครงั้นเหรอ
คางุยะ : ข้าคือ โฮวไรซัน คางุยะ ยินดีที่ได้รูจัก
มิคากะ : ข้าก็เช่นกัน แล้วมีอะไรงั้นเหรอ
คางุยะ : พอดีว่าช่วงนี้มีชินเรย์มากกว่าปกติน่ะสิ พอจะรู้อะไรบ้างมั้ย
มิคากะ : ไม่เลย ฉันเองก็กำลังคิดอยู่ว่ามันเกิดอะไรชึ้นกันแน่
ณ. ศาลเจ้าฮาคุเรย์ เขตตะวันออกของเกนโซเคียว
ซุยกะ : นี่เรย์มุ ช่วงนี้มีชินเรย์เยอะจังเลยนะ
เรย์มุ : อืม... แล้วมันทำไมงั้นเหรอ
ซุยกะ : ปกติแล้วเธอจะจัดการเรื่องพวกนี้ไม่ใช่รึไง
เรย์มุ : โทษทีนะ นี่เป็นวันอาทิตย์ฉันเองก็อยากหลับสบายๆเหมือนกันน่ะ
ซุยกะ : เธอจะขี้เกียจไปถึงไหนกันนะ ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย
เรย์มุ : ช่วยไม่ได้สินะ ถ้าเธอไปทำงานนี้ให้ฉันล่ะก็ ฉันจะซื้อสาเกให้เธอก็แล้วกัน
ซุยกะ : จริงเหรอ...?! ได้เลยงานแค่นี้ฉันจัดการได้
เรย์มุ : วันหยุดของฉันมาถึงแล้วสินะ