โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
นอกเรื่องน่ารู้ 1 (ตำนานความเชื่อของ เทพ ซาตาน สวรรค์ นรก)
paotingtong
#1
31-10-2012 - 14:32:48

#1 paotingtong  [ 31-10-2012 - 14:32:48 ]






สวัสดีค่ะทุกคน ปามนำสาระดีๆมาให้เพื่อนอ่านกัน
เผื่อจะเป็นแรงบรรดาลใจให้ใครหลายๆคน
ได้สร้างผลงานดีๆออกมาให้พวกเราได้ชมกันน๊ะค่ะ

ถ้าหากเป็นกระทู้ตาลายก็อ่านเฉพาะที่ตัวเองสนใจน๊ะค่ะ


กองทัพเทพและมารในวันสงครามขั้นแตกหัก


คณะอัครเทวดา (หัวหน้าเทพ : Archangels)
เทวัญ (สิ่งมีชีวิตของพระเจ้าจากคีมภีร์เก่า) เหล่านี้ถ้าแปลตามตำแหน่งแปลได้ว่าหัวหน้า เทวดาแต่หน้าที่จริงๆนั้นไม่มีใครทราบได้และชื่อของอัครเทวดาเหล่านี้ว่ามี เทพคาเอล (ปราบเทพกบฏอื่นๆ) เทพราฟาเอล (ในหนังสือโทบิต) เทพกาเบรียล (ช่วยดาเนียลเข้าใจนิมิตที่เห็นและเป็นผู้นำสาส์นมาแจ้งแก่พระนางมารีย์ถึงการรับเอา กายของพระบุตร) หนังสือเอโน๊คบทที่ 1 กล่าวว่าเทวัญคณะนี้มี

เจ็ดอัครเทวดา
คือ มิคาเอล กาเบรียล ราฟาเอล รูริเอล ชามูเอล โยฟิเอล และ แซดดิเอล



1. มิคาเอล (Michael) เทพองค์นี้มีน้อยคนนักที่รู้ตัวตนที่แท้จริงในจิตใจของท่านประวัติความจริงทั้งหมดที่ได้บอกความจริงให้รู้ท่านเป็นผู้ที่อิจฉาและริษยาในตัวของ ลูซิเฟอร์ ได้ถูกลบออกไปจากประวัติศาสตร์โดยกลุ่มผู้พิทักษ์ความเชื่อในศาสนาคริสต์และผู้เขียนคัมภีร์หมดแล้ว ซึ่ง ลูซิเฟอร์ นั้นถือได้ว่าเป็นอัครเทวดาองค์หนึ่งเป็นอัครเทวดาองค์แรกที่พระเจ้าได้สร้างขึ้นมาให้มีรูปงามมากที่สุดเหนือเทวดาทั้งหมด เพื่อต้องการให้เป็นผู้ช่วยงานส่วนใหญ่ของพระองค์อย่างใกล้ชิด และได้รับความรักจากพระองค์มากที่สุด (ถึงแม้ถือว่าเป็นอัครเทวดาองค์หนึ่งแต่ก็ไม่ได้จัดให้อยู่ใน 1 ใน 7 อัครเทวดาเพราะบทบาทส่วนใหญ่จะทำงานใกล้ชิดพระเจ้ามากกว่า) และเพราะสาเหตุนี้เองที่ทำให้มิคาเอลเกิดความริษยาและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดของการใส่ร้าย ลูซิเฟอร์ และทำให้เกิดเหตุการณ์ The fallen Angel ครั้งแรกในสงครามสวรรค์ที่ ลูซิเฟอร์ กับเทวดาทั้งหลายที่เชื่อในความดีของ ลูซิเฟอร์ ได้ร่วมกันต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและความจริงในสิ่งที่ไม่ได้ทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหาและใส่ร้ายโดยมิคาเอล จนในที่สุดก็ได้เกิดความผิดพลาดครั้งแรกขึ้นบนสวรรค์ และการตัดสินใจผิดด้วยอารมณ์โทสะของพระผู้เป็นเจ้าจึงทำให้เกิด ซาตาน ลูซิเฟอร์ และเทวดาต้องคำสาปทั้งหมดอยู่ข้าง ลูซิเฟอร์ ให้มีสภาพเป็น Demons และต้องตกสวรรค์ในที่สุด


2. ราฟาเอล (Raphael) หนึ่งใน 7 อัครเทวดาผู้ยิ่งใหญ่บนสวรรค์ ผู้เฝ้าประตูสวรรค์และดูแลดวงวิญญาณผู้ตายบนสวงสวรรค์ ผู้นำของกองทัพสวรรค์และเป็น 1 ใน 7 อัครเทพที่ยิ่งใหญ่บนสวรรค์ ท่านและกาบรีเอลเป็นอัครเทวดา ที่มีบทบาทเป็นอย่างมากในพระคัมภีร์ ส่วนในคัมภีร์ Aggadaah ได้กล่าวเอาไว้ว่าท่านเป็นผู้ปกป้องชาวอิสราเอล บางคนนับถือท่านในฐานะเทพแห่งการ "ปกป้อง" ปรากฏในพระคัมภีร์ไม่กี่เล่ม ท่านเป็นเทพแห่งการ "รักษา" เพราะมีปรากฏในพระคัมภีร์ว่าท่านได้รักษาที่บอดของชายชื่อ โทบิด มาแล้วและยังเป็น 1 ใน 3 เทวฑูตที่มาส่งข่าวให้อับราฮัมอีกด้วย



3. กาบรีเอล (Fabriel) หนึ่งใน 7 เทวดาผู้ยิ่งใหญ่บนสวรรค์เป็นเทพแห่ง "ข่าวสารจากพระเป็นเจ้า" รวมทั้งยังเป็นเทพแห่งความเมตตา การเกิดใหม่ และเป็นเทพผู้ปกป้องผู้ตายร่วมมิคาเอลอีกด้วยในภาษาฮิบรูจะอ่านชื่อของท่านว่า กาบรี-เอล ท่านเป็นอัครเทวฑูตที่ส่งข่าวการเกิดของพระเยซูคริสตกับพระนางมาเรียและเป็นคนเป่าแตะแห่งการชำระบาปในวัน Judgment Day


4. อูรีเอล (Uriel) อัครเทวดาที่ผู้คนส่วนมากไม่ให้ความสนใจในแท้จริงแล้วท่านเป็นเทพแห่งการปกป้องพระคัมภีร์และคำสอนและยังเป็นเทพแห่ง "แสงสว่าง" ส่วนมากท่านจะปรากฏตัวในฐานะผู้ชี้แจงและผู้ที่สั่งสอนสาวกพระเป็นเจ้า ท่านเป็นหนึ่งใน "watchers" ซึ่งคือ "ผู้เฝ้ามอง" ท่านเป็นเทวฑูคที่อธิบายชะตากรรมของ "เทวฑูตปีหักหรือ The fallen angel" ทั้งหลายในพระคัมภีร์ท่านมักจะผู้นำทางสาวกที่หลดผิด ในพระคัมภีร์สู่ทางสว่าง และยังเป็น 1 ใน 4 เทพผู้ปกป้องบัลลังค์ของพระเป็นเจ้า คนส่วนมากนับถือท่านเป็น "เทพแห่งความรู้"

5. ซารีเอล (Sariel) มีไม่มากที่รู้จักท่าน ซึ่งท่านเป็น 1 ใน 7 เทวฑูตที่ยิ่งใหญ่บนสวรรค์เหมือนกัน ส่วนมากจะปรากฏในคัมภีร์ของอิสลามและยิวมมากว่าเป็นเทพแห่งการปกป้อง และความสันติสุข ในพระคัมภีร์บอกไว้ว่า ในมหาสงครามบนสวรรค์ เทวฑูตถึงกับเขียนชื่อของท่านไว้บนโล่ของตัวเอง ในพระคัมภีร์บอกไว้ว่าเป็นเทพผู้ปกป้องสรวงสวรรค์และโลกมนุษย์เป็นเทพแห่ง "ความกล้า" และ "การควบคุม" ขณะที่ในพระคัมภีร์เก่าแก่ของชาวยิวและสุเมเรียนบ่งบอกว่าท่านเป็น "กาเดี้ยน" หรือผู้ปกป้องในพระคัมภีร์ Talmud นั้นบอกไว้ว่าท่านเป็นเทพแห่ง "ความตาย" บ้างก็ว่าท่านเป็นราศี Aries (เมษ) หนึ่งในจักรราศีนั้นเอง

6. รามีเอล (Remiel) มีความใกล้เคียวกับซารีเอลเป็นเทวฑูตที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักและส่วนมากปรากฏในคัมภีร์ของอิสลามและยิวมากกว่าในพระคัมภีร์ บอกไว้ว่าท่านเป็นผู้เผย "ความจริง" สู่มวลมนุษย์และเป็นผู้ควบคุมการมาของวันสิ้นโลกปรากฏในพระคัมภีร์ "The Apocalypse" (ระหว่างช่าง 200 ปีก่อนคริสตศักราชถึงปี คริสตศักราชที่ 300) ถ้าจะเรียกว่าเป็นเทพแห่งความ "แท้จริง" ก็คงไม่แปลกเพราะงานของท่านที่ปรากฏในพระคัมภีร์ส่วนมากจะเป็นการบอก "ความจริง" แก่ผู้คนและยังเป็นผู้ที่คอยกำจัดปีศาจด้วย

7. ราเกล (Raguel) บ้างก็เรียก ลูฟาเอล ท่านนี้จะปรากฏในคัมภีร์อิสลามและยิวมากกว่าเป็น 1 ใน 7 อัครฑูตบนสวรรค์ชื่อของท่านต่างไป (Raguil, Rasuil, Rufael, Suryan, Akrasiel) ซึ่งความหมายที่แท้จริงของท่านคือ "เพื่อนแห่งพระเจ้า" เป็นเทพแห่ง "ความยุติธรรม" "ความถูกต้อง" และ "ความเท่าเทียม" พลังของท่านคือพลังแห่งความสมดุล ท่านเป็นเทพผู้ปกป้องโลกหรือเทพแห่งโลก ผู้พิทักษ์องค์ที่ 2 และ/หรือ องค์ที่ 4 บนสวรรค์ท่านเป็นคนดู และควบคุมความประพฤติของเหล่าเทวฑูตองค์อื่นๆและเป็นคนสังการท่านเป็นปรากฏในความเชื่อของชาว บาบิโลเนียนในชื่อของ "Rag" (บ้างก็ว่า Ragumu) และในความเชื่อขอวชาวสุเมเรียในนามของ "Rig" ซึ่งแปลว่า "คำพูด" ซึ่งในความเชื่อเหล่านั้นต่างก็ยกให้ท่านเป็นเทพเจ้า ความสมดุล เช่นกัน

คณะเทวดา (เทวฑูต: Angels)

----------------------------------------------------------------

กองทัพของลูซิเฟอร์
Abdiel, Abbadon, Abigor, Abraxas, Adramelech, Af, Agaliarept, Agiel, Alocer, Ahriman, Amaymyon, Ammi, Amon, Amy, Andras, Androalphus, Antichirst, Ariel, Arioch, Asmodeus, Astaroth, Azazel, Ball, Balam, Baphomet, Barbatos, Beelzebub, Behemoth, Belial, Belphegor, Berith, Botis, Bifron, Buer, Byleth, Camio, Cassiel, Dagon, Eurynome, Flauros, Forcas, Furfur, Gaap, Gamygyn, Glasyalabolas, Gremory, Gusoyn, Ipes, Leviathan, Leonard, Lilith, Lucifuges, Malphas, Mammon, Marbas, Marchocias, Mastema, Mephistopheles, Moloch, Morax, Naberus, Orias, Oze, Paimon, Pazuzu, Phoenix, Pursan, Ronwe, Sabnac, Sallos, Sammael, Satanachia, Scox, Stolas, Sytri, Tephros, Urobach, Uval, Vepar, Volac, Zagan, Zepar

และเหล่าภูติผีที่เป็นลูกสมุน (Gargoyles) อีกนับแสนนับล้านตัว

ปีศาจผู้เป็นตัวแทนแห่งบาป 7 ประการ (7 deadly sins)

บาป 7 ประการ (Seven deadly sins) เป็นหลักคำสอนของศาสนาคริสต์ในอดีตกาล ให้มนุษย์ไม่มทำตามสัญชาตญาณของตนมากเกินไป ทางศาสนาคริสต์ได้แบ่งบาปออกเป็น 2 ประเภทคือ แบบที่สามารถยกโทษให้ได้และแบบรุนแรงในต้นศตวรรษ 14 หลักคำสอนนี้เป็นที่นิยมในหมู่ศิลปิน (หรือแม้กระทั่งในปัจจุบัน) ผลงานศิลปะมากมากที่สื่อถึงบาป 7 ประการแพร่ไปทั่ววัฒนธรรมต่างๆทั่วโลก

เรียงลำดับจากความรุนแรงน้อยไปหามาก ตามคำสอนของสันตะปาปา เกรโกรี คริสตศักราชที่ 6

ราคะ (ภาษาลาติน : Luxuris ลุกซูเรีย; ภาษาอังกฤษ: lust)
การคิดในทางเสื่อม ความต้องการเป็นที่สนใจจากผู้อื่น ความต้องการความเร้าใจ หมกมุ่นทางเพศมากเกินไป หรือที่ผิดมนุษย์ปรกติ ความใคร่ที่เกิดขึ้นในทางทุจริต เช่น การมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์กับพ่อแม่หรือลูกหลานตัวเอง การข่มขืน การมีชู้ แอสโมดิวส์ ปีศาจที่หลงรักมนุษย์หญิงสาวคนอื่นและฆ่าชายที่จะแต่งงานกับนางทุกคน เป็นปีศาจประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์แห่งราคะคืองูหรือวัว สีศีลธรรมที่ช่วยกำจัดราคะคือ ความบริสุทธิ์ ความหวงแหนในพรหมจรรย์

ตะกละ (ภาษาลาติน : Gula กูลา; ภาษาอังกฤษ: gluttony)
การสนองความต้องการโดยไม่ยั้งคิด มุ่งร้ายเอาของคนอื่น บริโภคในสิ่งต่างๆจนขาดการไตร่ตรอง บริโภคจนมากเกินไป มากจนเกินความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหาร รวมถึงการบริโภคสิ่งๆต่างๆโดยไม่คำนึงสนใจหรือเห็นใจคนอ่ืน บีลเซบับ เจ้าชายแห่งนรกหรือเจ้าแห่งหมู่แมลงวันเป็นปีศาจประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์ของตะกละคือหมู สีประจำบาปคือสีส้ม บทลงโทษของผู้ที่ตะกละในนรกคือการที่ถูกกินทั้งเป็นโดยหนู คางคก และงู ศีลธรรมที่ช่วยกัดกำจัดตะกละคือ ความพอดี ความยับยั้งชั่งใจ

โลภะ (ภาษาลาติน : Avaritia อวาริเทีย; ภาษาอังกฤษ: greed/avarice)
ความทะเยอะทะยานอันแรงกล้าในการให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินและอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงแนวทางหรือคุณธรรมในการได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการขโมย การขู่กรรโชกทรัพย์ ยักยอก การกักเก็บ ทรัพย์สินต่างๆ โดยไม่แบ่งปันหรือช่วยเหลือผู้อื่น ต่อมาโลภะรวมถึง การหาทรัพย์อย่างทุจริตมาใช้เพื่อประโยชน์ทางศาสนาด้วย ถือเป็นการมุ่งร้ายต่อศาสนา และเป็นการหักหลังต่อผู้นับถือคริสต์ศาสนาอีกด้วย แมมมอน ปีศาจแห่งความมั่งคั่งที่ไม่เป็นธรรม เป็นปีศาจประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์ของโลภะคือ กบ สีประจำบาปคือสีเหลือง บทลงโทษของผู้ที่โลภมากคือการถูกแช่ในน้ำมันเดือดศีลธรรมที่ช่วยกำจัดโลภะคือ ความเมตตา การแบ่งปัน

เกียจคร้าน (ภาษาลาติน : Acedia อาซีเดีย; ภาษาอังกฤษ : sloth/laziness)
ความไม่สนใจใยดีต่อการเปลี่ยนแปลง ต่อสิ่งรอบข้าง ใช้เวลาอย่างไร้ค่า ความไม่ต้องการที่จะทำอะไร โดยปล่อยให้ผู้อื่นเป็นผู้ทำงานหนักเพื่อตนเองเท่านั้น การปล่อยปะละเลยต่อหน้าที่ของตนโดยเฉาะอย่างยิ่งการละเลยที่จะทำดีรวมถึงการละเลยที่จะเคารพต่อพระเจ้าด้วย ผู้ที่เกียจคร้านจะอยู่เฉยๆรักษาสภาพความเป็นอยู่ของตนเองในภาวะเดิมตลอดเวลา ไม่ทำอะไรมาก แต่ก็ไม่ใช้อะไรมากเช่นกัน เบลฟีเกอร์ ปีศาจผู้ไม่ยอมทำอะไรเพียงแต่บอกให้มนุษย์คอยทำสิ่งเหล่านั้นให้เป็นปีศาจประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์ของเกียจคร้านคือแพะ สีประจำบาปคือสีคราม บทลงโทษของผู้เกียจคร้านคือการถูกโยนลงไปในบ่องูพิษ ศีลธรรมท่ช่วยกำจัดเกียจคร้านคือ ความกระตือรือร้น ความทะเยอทะยาน

โทสะ (ภาษาลาติน : Ira ไอรา; ภาษาอังกฤษ : wrath)
ความโกรธเคืองและพยาบาทที่ขาดความเหมาะสมการทนรับสภาพในบางสิ่งบางอย่างไม่ได้ การแสวงหาหนทางผิดกฏหมายบ้านเมือง ในศีลธรรมในการล้างแค้น การมุ่งร้ายที่จะทำสิ่งต่างๆแก่บุคคลที่ตนไม่ชอบ รวมถึงการไม่ชอบบุคคลอื่นโดยไร้เหตุผล เช่น สีผิว เชื้อชาติ ศาสนา นำไปสู่การฆ่าและฆาตกรรมผู้อื่น โมหะคือการโกรธที่ไม่ต้องการที่จะยกโทษ ซาตาน ปีศาจแห่งความมืดเป็นตัวแทนประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์ของโมหะคือหมี สีประจำบาปคือสีแดง บทลงโทษของผู้ที่มีบาปโมหะคือ การถูกฉีกร่างทั้งเป็น (ซ้ำแล้วซ้ำเล่า) ศีลธรรมที่ช่วยกำจัดโมหะคือ ความนอบน้อม การให้อภัย

อิจฉา (ภาษาลาติน : Invidia อินวีเดีย; ภาษาอังกฤษ: envy)
ความปรารถนาให้ผู้อื่นรับเคราะห์ การไม่ยอมรับผู้อื่นที่มีสิ่งต่างๆ ดีกว่าตนเอง ทั้งด้านทรัพย์สมบัคิ ลักษณะรูปร่างนิสัย และ การประสบความสำเร็จ ความอิจฉานำไปสู่การรังเกียจตัวเอง ด้วยการอยากเป็นผู้อื่น นำไปสู่การขโมยและทำลายผู้อื่น ความอิจฉาเป็นการพัฒนาต่อจากตะกละและโลภะที่สุดขั้ว เลวีอาธาน ปีศาจอสรพิษทะเลแห่งนรก ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านพระเจ้าถือเป็นปีศาจประจำบาปนี้ สัญลักษณ์ของอิจฉาคือสุนัข สีประจำบาปคือสีเขียว บทลงโทษผู้ที่มีความอิจฉาคือถูกแช่แข็งในน้ำเย็นจัด ศีลธรรมที่ช่วยกำจัดอิจฉาคือ ความกรุณา ความเผื่อแผ่

โอหัง (ภาษาลาติน : Superbia ซูเปอร์เบีย; ภาษาอังกฤษ : pride/hubris)
ยะโสเป็นยอดแห่งบาปทั้งปวง ความหยิ่งยะโสคือต้องการเป็นผู้ที่มีความสำคัญและอำนาจเหนือผู้อื่น การที่รักตนเองมากจนเกินไป หลงในอำนาจและรูปลักษณ์ของตัวเอง (โดนเฉพาะอย่างยิ่งการเปรียบตนเองเทียบเท่ากับพระเจ้า) ซึ่งบาปประการนี้ทำให้ลูซิเฟอร์ (ปีศาจประจำบาปนี้) ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์ เนื่องจากลูซิเฟอร์เห็นว่าตนมีอำนาจเท่ากับพระเจ้าและสามารถสร้างพรรคพวกของตัวเองเพื่อต่อต้านและไม่เคารพพระเจ้า คนที่มีความหยิ่งยะโสจะสนใจเฉพาะตนเองเท่านั้น ไม่สนใจว่าผู้อื่นจะเป็นเช่นไร สัญลักษณ์ของโอหังคือม้า สิงโต หรือ นกยูง สีประจำบาปคือสีม่วง บทศีลธรรมที่ช่วยกำจัดโอหังคือ ความถ่อมตน การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

(ขอบคุณเครดิตจาก : wikipedia)



ลูซิเฟอร์ (Lucifer) จอมมารแห่งความหยิ่งผยอง มหาบาปข้อที่ 1 จอมมารแห่งนรกพวกเราคุ้นเคยกับชื่อนี้มาก อาจจะเพราะว่าเค้ามีบทบานเยอะในพระคัมภีร์ คำว่าลูซิเฟอร์นั้นเป็นคำละตินมาจากสองคำ คำว่า Lux ซึ่งแปลว่าแสงสว่างและ Ferrer แปลว่าผู้นำมา หรือ ผู้ถือ ซึ่งถ้าเอามารวมกันก็จะแปลว่า "ผู้นำมาซึ่งแสงสว่าง" หรือถ้าจะแปลตามภาษาชาวบ้านอีกทีก็คงแปลว่ารุ่งอรุณ หรือ ดาวแห่งความแสงสว่าง

อดีตอัคระเทวฑูตองค์นี้ พระเป็นเจ้าเป็นผู้สร้างขึ้นมาจากแสงสว่างและให้ความเอ็นดูเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นใหญ่รองมาจากพระเป็นเจ้า ถือได้ว่าเป็นอัคระเทวฑูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ ทว่าด้วยความที่นึกว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือใคร ทำให้ก่อกบฏหักหลังพระเป็นเจ้า และในที่สุดก็ตกจากสวรรค์กลายเป็น "ปีศาจ"

ตามตำนานของชาวฮิบรู ลูซิเฟอร์ ได้ถูกยุยงโดยซาตานอีกทีนึง (เห็นได้ว่าตำนานฮิบรู ลูซิเฟอร์ และซาตานเป็นคนละคนกัน) ซึ่งในพระคัมภีร์ของฮิบรูนั้น ซาตานเป็นหนึ่งในอัคระเทวฑูตด้วยชื่อว่า Satan-Sataniel ว่ากันว่าซาตานต้องการที่จะเป็นที่สุดในจักรวาลเลยได้ยุยง (บางก็บอกว่าสิงสู่) เทพบางองค์ ทำให้เป็นมารร้าย

ตามตำนานของชาวคริสต์ ในคัมภีร์ The Old Testament ได้แปลคำว่า Helel เป็นลูซิเฟอร์ และได้โยงกับปีศาจร้ายที่มีร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลายที่ลอบเข้ามาในสวนอีเดนและหลอกลวงอดัมและอีฟ

ในยุคกลางนักบุญเจอโรม (St.Jerome) หลวงพ่อในศาสนะจักรคิดว่าลูซิเฟอร์ไม่ใช่ชื่อที่ดีสำหรับปีศาจและได้เปลี่ยนมาเป็น "ซาตาน" จนในที่สุดทั้งสองก็ได้รวมมาเป็นคนเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าในพระคัมภีร์บางทีก็ชื่อลูซิเฟอร์ บางทีก็ชื่อ ซาตาน

ในตำนานกรีกบางทีคำว่า ลูซิเฟอร์ เปรียบได้กับดาววีนัส (ซึ่งลูซิเฟอร์เป็นชื่อเดิมของดาววีนัส)

ในบางตำนานของชาวเพแก้คือวิคคา บอกไว้ว่าเมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาก็ได้ให้ความดูแลสนใจในตัว มนุษย์มากกว่าผู้อื่นใด ซึ่งมากกว่าตัวลูซิเฟอร์เองด้วย ทำให้เกิดความรู้สึกน้อยใจและประชดเป็นพระเป็นเจ้าโดยการนำพรรคพวกมาก่อนกบฏ ในบางความเชื่อของชาวเพแก้น เชื่อกันว่า ลูซิเฟอร์นั้นอยู่ที่ยุโรปและเอเชีย

ทุกวันนี้มีลัทธิเกิดขึ้นมาใหม่ที่มีลูซิเฟอร์เป็นเทพของพวกเค้าและเรียกตัวเองว่า ลูซิเฟอเรี่ยน (Luciferains) ตามชื่อศาลดาของพวกเขา Lucifer Calaritanus บิชอปของลูซิเฟอเรี่ยน ซึ่งเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือกและเป็นเทพ แต่คือลูซิเฟอร์นั้นเอง (เข้าข่ายพวกลัทธิบูชาซาตาน หรือ บูชาปีศาจ) ในคัมภีร์ของพวกเค้า ได้บอกเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ "ก่อนจะร่วงหล่น" หรือ Before the fall ซึ่งเล่าเรื่องราวไว้ว่า เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ ลูซิเฟอร์นั้นเอ็นดูมนุษย์เป็นอย่างมากและหลงไหลกับความใสซื่อบริสุทธิ์ของมนุษย์ แต่เป็นเพราะว่าการที่มนุษย์นั้น ใสซื่อของมนุษย์นั้นเอง ทำให้มนุษย์ไม่รู้สึกถึงตัวตนของพระเป็นเจ้า ในคัมภีร์เลยบอกไว้ว่า พระเจ้าได้เสกให้งูมาล้อลวงมนุษย์ ให้กินผลไม้แห่งปัญญา พอมนุษย์ได้กินเข้าไป ก็ได้รู้สึกถึงพระเป็นเจ้า และ ได้ขับออกจากสวนอีเดนไป พอลูซิเฟอร์รู้เรื่องเข้าก็ได้โกรธและก่อกบฏขึ้น นี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำมาเพื่อโน้มน้าวจิตใจของสาวกลัทธิลูซิเฟอเรี่ยน ซึ่งต่อมาได้เป็นลัทธินอกรีต และ มีกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ บางกลุ่มก็ได้ใช้ยาเสพติด หรือ เสียงเพลงเพื่อนกล่อมประสาท

ทำไมลูซิเฟอร์ถึงได้เป็นตัวแทนของบาปแห่งความหยิ่งพยองทุกๆท่านก็คงรู้แล้วสินะครับ เป็นเพราะลูซิเฟอร์นึกว่าตนเองเก่งกว่าใครและมีพลังมากกว่าคนอื่น ทำให้หลงผิดและก่อกบฏขึ้น ทำให้ก่อสงครามสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยลูซิเฟอร์ได้ชักจูงเทพ 2 ใน 3 (บางก็ว่า 3/5) ของเทพบนสวรรค์ มาต่อสู้กับกองทัพสวรรค์ นำทับโดยอัคระเทวฑูต มิคาเอล และได้พ้ายแพ้ไปในที่สุด



- Mammon จอมมารแห่งความโลภในเงินตรา มหาบาปข้อที่ 2 เป็นบาปที่มีอำนาจมากในสมัยนี้ เพราะบางคนสมัยนี้ยังคือว่าเงินคือพระเจ้า เพราะงั้นจึงไม่แปลกถ้า แมมม่อน ตัวแทนแห่งความโลภเงิน จะมีอำนาจมากในนรก เพราะความโลภเงิน ก่อกำเนิดการคตโกง การขโมย หรือแม้แห่งฆาตกรรม ซึ้งแมมมอม สิงผู้คนทำให้เกิดความกระหายในเงินทอง

แมมมอน มีความหมายว่า "ทรัพย์สมบัติ" "ทรัพย์ศฤงคาร" "เจ้าแห่งเงินตรา" หรือ "ผู้ร่ำรวยที่สุด" แต่คำแปลนั้นยังไม่แน่ชัด บางกลุ่มก็บอกว่ามันแปลว่า "ผู้คตโกง" หรือแม้แต่ ชาวฮิบรู คำว่า matmon แปลว้าเงินทอง แต่มีกล่าวไว้ว่าคำๆนี้มาจากชาว Syrian เพระพวกเค้าเรียกผู้ร่ำรวยด้วยชื้อของปีศาจ

แมมมอนเป็นหนึ่งในเจ้าชายแห่งนรก ซึ้งเคยเป็น Archangel มาก่อนเหมือนลูซิเฟอร์ บางคนก็กล่าวไว้ว่า แมมม่อนเป็นตนเดียวกันกับ Beelzebub มีคำกล่าวไว้มากมายเกี่ยวกับปีศาจตนนี้ บางคนว่า มันได้ครองบันลังแห่งโลกนี้ไว้ เพราะว่าโลกสมัยนี้เป็นโลกแห่งเงินทอง

ในแมนธิว 6:24 และ ลุกค์ 16:13 กล่าวถึงพลังอำนาจที่ต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า เป็นปีศาจที่สามารถอ่านความคิดมนุษย์ได้ และจะกำจัดได้มีแต่ความศัทรา ตามพระคัมภีร์กล่าวถึงแมมม่อนน้อยมาก มีเพียงแค่ท่องคำบางคำที่พูดถึงมันเช่น "Mammon est nomen daemonis" (Mammon is the name of a demon). หรือ แมมมอนคือชื้อของปีศาจ และ กล่าวถึงมันที่แปลว่า ความร่ำรวยเพียงเท่านั้น

St Matthew กล่าวเอาใว้ว่า
No one can serve two masters. He will either hate one and love the other, or be devoted to one and despise the other. You cannot serve God and mammon. Matthew 6:24

แปลได้ว่า
"ไม่มีใครสามารถรับใช้ได้สองเจ้า เขาจะรังเกียจอีกคน และรักอีกคน หรือ ซื่อสัตย์ อีกคนและเหยียดหยาม อีกคน คุณไม่สามารถรับใช้พระเป็นเจ้า และ แมมม่อนได้"

Milton กล่าวเอาไว้เกี่ยวกับแมมม่อนไว้อีกมากมาย (ซึ้งยาวมากจนแปลไม่ไหว) แต่ใจความรวมๆคือ แมมม่อนเป็นปีศาจที่สามารถเข้าสิงใครก็ได้ที่มีความกระหาย มันจะ แทรกเข้าไปในจิตใจตามความโลภที่ผู้นั้นมี มันจะบังคับให้ครนผู้น้ำทำทุกอย่างเพื่อได้เงินทองมาเป็นของตน และไม่ยอมที่จะให้มันไปกับใคร ถ้าจะให้คนๆนี้บริจากเงิน ละก็ ฝันไปเถอะ สำหรับคนที่ถือว่า เงินคือพระเจ้า เงินบันดาลเสกสรรค์ได้ทุกอย่าง นั่นแหละ พวกสาวกของMAMMON มันจะทำให้คนๆนั้นรักเงินยิ้งกว่าอะในโลก ในที่สุดทำให้เสียทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมด แม้กระทั้งลูกเมีย ไม่มีร่องรอยอื่นว่ามันมากที่ได แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีเทพเจ้าที่มีชื้อว่า แมมม่อนถึงศาสณาได แต่ว่าความหมายของชื้อนั้งไปตรงกับเทพบางองค์ชองชาว Syriac

จบแล้วล่ะคับ ผมคิดว่ามันน้อยไปนี๊ดนะคับ แต่เพราะข้อมูลของแมมม่อมมีน้อยมากเลยได้มาแค่นี้ ตัวผมเองคิดว่าความโลภ ความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ นี้น่ากลัวมากๆ การที่ พี่ฆ่าน้อง ลูกฆ่าพ่อ ผัวฆ่าเมีย ที่เป็นข่าวดังๆกันมานักต่อนัก เบื้องหลังอาจเป็นฝีมือของ MAMMON ดลใจก็ได้ แท้จริงแล้ว อำนาจที่ร้ายแรงที่สุดของ MAMMON อาจไม่สำแดงฤทธิ์เดชออกมาได้ ถ้ามนุษย์ รู้จักคำว่า "พอ"



-ASMODEUS จอมปีศาจแห่งราคะ มหาบาปข้อที่ 3 ปีศาจตนนี้มีชื่ออื่นที่เค้าเรียกกันเพียบ... Ashmeday, Asmodius, Asmodee, Asmoday, Hasmoday, Sydoney, Chammaday, Ashmedai, Sidonay, Asmodai, Asmadai, Chashmodai, ?shma

คาดว่า ชื้อน่าจะมาจาก ashma daeva ปีศาจตนนี้เป็นปีศาจที่มาจากแถบเปือร์เซีย แทนที่จะมาจากฮิบรู แบบปีศาจส่วนใหญ่ แต่ว่ามันเป็นปีศาจที่มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อของชาวฮิบรูเป็นอย่างมาก และถูกจัดว่าเป็น"ปีศาจแห่งความชั่วร้าย"

ใน Encyclopedia of Religions บอกไว้ว่า เป็นปีศาจเก่าแก่ มีอีกนามว่า Ashmedai เป็นปีศาจผู้มาจาก Zend Aeshmadeva ดินแดนแห่งราคะ (The Book of Tobit 3:8)

ในตำนานบอกไว้ว่า เป็นความผิดของเจ้าปีศาจ Ashmedai นี้แหละที่มอมเหล้าโนอา และเป็นเจ้าตัวนี้แหละ ที่เป็นคนสิงสาวน้อยซาราห์ และถูกมหาเทพราฟาเอล ขับไล้ และถูกขับไล้ไปยังดินแดนทางเหนือของอียิปต์

ในตำรา Demonology บางเล่มบอกไว้ว่ามันเป็นตัวควบคุมบ่อนพนันทั้งหลาย ผู้ที่จะสามารถเรียก จอมปีศาจตนนี้ได้ ต้องเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจมาก และต้องใส่หมวกอาคม เพื่อป้องกันการสะกดจิตของมัน ไม่งั้นจะโดนมันหลอกเอาได้

Barrett แห่ง The Magus II ได้อถิบายแอสโมดีอุส เป็น ภาชนะแห่งความโกรธเกรียว ในตำราบางเล่มกล่าวเอาไว้ว่า มันเป็นลูกคนแรกของ อดัม และ ลิลิธ ซึ้งก็คือ เป็นพี่ชายต่างบิดาของเหล่า ซักคิวบัส และ อินคิวบัส นั้นเอง ทว่าในตำรา The Book of the Sacred Magic of Abra-Merlin the Mage กล่าวเอาไว้ว่า มันเป็นทายาทของเผ่า Tubal ที่เก่าแก และมีน้องสาวชื้อว่า Naamah

ในตำนานของโซโลม่อน แอมโมดีอุส เป็นตัวแทนของ "ซาตาน" แต่ว่า มันมีเครดิด ในการริเริมการสร้าง ม้าหมุน ดนตรี การเต่นรำ การละคร และพวกแฟชั่น นำสมัย

Asmodeus เป็นปีศาจแห่งราคะ และตันหาทางเพศ มันจะพยายามทุกวิธีทางที่จะให้มนุษย์ลุ้มหลงในประเวณี และ ย่ำยีผู้อื่น แต่ทว่าจะขัดขวางทุกวิธีทาง กับคนที่ต้องการมีลูก เมื่อมันปรากฏต่อมวลมนุษย์ มันจะมีรูปร่างเป็นสัตว์ประหลาดสามหัว ขี่มังกร พร้อมอาวุทหอก หัวทั้งสามของมันเป็น วัว แพะ และคน เพราะว่า สัวต์พวกนี้ถือว่าเป็นสัตว์ที่ที่ลุ่มหลงในตัณหา เท้าของมัน ถ้าคนจะสังเกตุ จะเป็นของไก่

ลองมาดูชื้ออื่นของมันบ้างดีกว่า

Ashmedai ในคัมภีร์กฏหมายของยิว บอกว่ามันเป็น ผู้ส่งสารแห่งพระเป็นเจ้า ซึ้งก็คือเทวดา นั้นเอง ทว่า มันเป็นคู่ปรับของโซโลม่อน และ ผู้ปกครองทางใต้ ด้วยปีศาจ 66 กองทัพ เป็นของมัน เลยถูกจัดให้เป็นปีศาจ และบางตำราไปไกลถึงจัดให้มันเป็นงูที่หลอกลวงอีฟ จะดีหรือร้าย เทวดาหรือปีศาจ ก็แล้วแต่ Ashmedai ถูกจัดไว้ว่าเป็นปีศาจที่ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และถูกจัดให้เป็นนักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่

Asmadai ในบางคัมภีร์บอกไว้ว่า Asmadai ถูก Uriel และ Raphael กำจัดไปพร้อมกันปีศาจอีกตนชื้อว่า Adramalec

Asmoday เป็นเทวฑูตตกสวรรค์ที่มีปีกและบินไปมาได้ พร้อมทั้งยังรู้อนาคต อ้างอิงจาก Budge, Amulets และ Talismans Asmoday เป็นผู้สอน คณิตศาสตร์ ให้แก่มนุษย์ และสามารถทำให้หายตัวได้ ปกครองปีศาจ ทั้72 กองทัพ และ เมื่อถูกเรียกมาจากขุมนรก มันจะมีรูปร่างเป็นสัตว์ประหลาด สามหัว (วัว แพะ คน)

Aeshma รากศัพย์ของ Asmodeus ในตำนานของชาวเปอร์เซีย เค้าเป็น หนึ่งใน 7 เทวฑูต



- Leviathan จอมมารแห่งความอิจฉาริษยา มหาบาปข้อที่ 4

ชื้ออื่นที่ปรากฏ : Lothan, Leviatan ความหมายของชื้อ : ผู้ที่ขัดขวางความศรัทธา

Leviathan เป็นปีศาจที่คุ้นหูของหลายๆคน นั้นอาจจะเป็นเพราะมันได้มีบทบาทหลายอย่างในพระคัมภีร์ของชาวคริสต์ และชาวยิว
ปรากฏในบทแห่ง Isaiah 27

1 In that day,
the LORD will punish with his sword,
his fierce, great and powerful sword,
Leviathan the gliding serpent,
Leviathan the coiling serpent;
he will slay the monster of the sea.

เห็นได้ชัดว่า ลิเวียธาณ คือปีศาจ ที่มีรูปร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลาน รูปร่างคล้ายมังกร ผู้อาศัยในทะเลลึก ปรกติจะจัดให้มันเป็นเพศเมีย บางตำรากล่าวไว้ว่า มันก็คือ Rahab อดีดเทวฑูตองค์หนึ่งในสวรรค์ เทวฑูตแห่งยุคกำเนิดโลก ร่วมกับ เบเฮมอธ กล่าวไว้ว่า ลีเวียธาณ และ เบเฮมอธ ถือกำเนิดในวันที่ 5 ของการสร้างโลก

ในบางตำรา กล่าวเอาไว้ว่า ทั้งสองจัดได้ว่าเป็น "เทวฑูตเลว" (Bad Angel)


นักศึกษาไบเบิลบางคน ที่ศึกษาเกี่ยวกับปีศาจ คิดว่าลีเวียธาณ ก็คือ Tiamat ของชาวบาบิโลเนียนนั้นเอง แต่ทว่า ในไบเบิลนั้น จัดให้ลีเวียธาณเป็นสัตว์ดุร้าย(หรือที่คน ยุคก่อนคิดว่าเป็นปีศาจ)ทั้งมวลที่อาศัยอยู่ในน้ำ ภาพบน ลีเวียธาณ และ เบเฮมอธ

ในบท Biblical lore (Job 41:1) จัดให้มันเป็นปลาวาฬยักษ์
ในบท Psalm 71:14 จัดให้มันเป็นฮิปโปโปเตมัส หรือจระเข้
หรือในบท Isaiah 27:1 กล่าวเอาไว้ว่า "เจ้างูพิษผู้โป้ปด"
และใน Revelation 12;9 ซาตานยังบอกว่ามันเป็น "งูเฒ่า"

ในบทของ Mandean กล่าวเอาไว้ว่า เมื่อถึงวันแห่ง hammagedon วิญญาณที่ไม่บริสุทธิ์ จะถูกกลืนกินเป็นอาหารของลีเวียธาณ แม้ว่ารูปร่างของมันจะไม่ค่อยเหมือนกันซะเท่าไร แต่ว่ายังไงมันก็ถูกจัดว่าเป็น ปีศาจที่ร้ายกาจที่สุดและนากลัวที่สุดเท่าที่มนุษย์จะจินตนาการออก

ในหนังสือ Book of Job ที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์และฮิบรู ลีเวียธาณถูกบรรยาย ไว้ว่าเป็นเป็นปีศาจที่ไม่มีทางที่มนุษย์จะเอาชนะได้ ในหนังสือกล่าวเอาไว้ว่า มันเป็นปีศาจร้ายที่มีลมหายใจเป็นไฟ เมื่อมนุษย์ได้เห็นมัน จะต้องกรีดร้องด้วยความกลัวอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่ทหารกล้าผู้ชณะมาหลาย สงครามยังต้องกรีดร้องเหมือนผู้หญิง และยืนร้องไห้เหมือนเด็ก

ความหวาดกลัวในปีศาจตนนี้ได้มีมานานมาก ซึ้งถึงขนาดปรากฏใน DEAD SEA SCROLLS แต่ที่น่าสนใจคือ ในบันทึกนี้ บอกไว้ว่า ซักวันหนึ่งบุตรแห่งแสง จะทำลาย บุตรแห่งความมืด และนำมาซึ้งหายณะขิงลีเวียธาณ

ทำไมมันถึงได้เป็นตัวแทนของบาปแห่งความอิฉฉาน่ะเหรอ? มีทฤษฏีต่างกันออกไป บางก็ว่ามันอิฉฉามนุษย์ที่อยู่ได้ทั้งบนเขา พื้นดิน และท้องทะเล และมีอิสระเสรี แต่มันต้องถูกกักขังอยู่แต่ในท้องทะเล บางก็ว่า มันอิฉฉาในพลังอำนาจของพระเป็นเจ้า แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นตัวแทนของความหวาดกลัวตั้งแต่สมัยดึกดำบรรณ์ของมนุษย์



- เบลเซบับ (Beelzebub) จอมปีศาจแห่งความตะกละ มหาบาปข้อที่ 5 หนึ่งในเทวทูตผู้ถูกขับจากสรวงสวรรค์ อดีตมหาเทพชั้นเซราฟิม, และกลับกลายเป็นจอมปิศาจผู้ยิ่งใหญ่อีกตนหนึ่งแห่งขุมนรก ผู้เป็นรองแค่ซาตานเท่านั้น. ตามที่ John Milton, ผู้ประพันธ์ Paradise Lost (ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 1667), กล่าวไว้ว่า "than whom, Satan except, none higher sat." หรือ "ยกเว้นแต่ซาตานเท่านั้น, ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกว่าเบลเซบัฟ"

เซบาสเตียน ไมเคิลลิส (Sebastian Michaelis), ผู้ชำนาญในการขับไล่ผีร้ายแห่งศตวรรษที่ 17, ได้จัดเบลเซบัฟ เป็น 1 ใน 3 ของเทวทูตผู้ทรงอำนาจ (อีก 2 คือ ลูซิเฟอร์และลิเวียธัน). ต่อมามีงานเขียนสองชิ้นในศตวรรษที่ 18 กำหนดว่า "Unholy Trinity" ประกอบไปด้วย ลูซิเฟอร์, เบลเซบัฟ, และแอสตารอส. (จะเห็นว่าลูซิเฟอร์กับเบลเซบัฟมีความยิ่งใหญ่แทบไม่ต่างกัน)

ชื่อเบลเซบัฟเป็นที่รู้จักกันดี ไม่ได้น้อยไปกว่าลูซิเฟอร์เนื่องจากในภาพยนตร์, การ์ตูน, โดยเฉพาะเกมส์ต่างๆ มักจะมีพูดถึงอยู่บ่อยๆ. มีชื่อเรียกมากมาย แต่มักจะคล้ายๆ กัน เช่น Belzebud, Belzaboul, Beelzeboul, Baalsebul, Beelzebus, และ Beelzebuth.

เกม/การ์ตูนที่มีการกล่าวถึงเบลเซบัฟ เช่น Final Fantasy, โจ มาไคมูระ (เบลเซบัฟเป็น Boss เฝ้าหน้าประตูเข้าไปหาลูซิเฟอร์), เซนต์เซย่า (เบลเซบัฟเป็นบริวารมือขวาของลูซิเฟอร์), Summoner, Devil Summoner, Godcyder (เบลเซบัฟเป็นรองจากลูซิเฟอร์และมีบทบาทถึง 1 ใน 4 ของเรื่อง), หรือภาพยนตร์ Bedazzled, Lord of the flies, etc ....

ชื่อ "เบลเซบัฟ" ว่ากันว่าเพี้ยนมาจากคำว่า Baalzebul ซึ่งแปลว่า "จ้าวแห่งสวรรค์ - Lord of Heaven" กลายเป็น เบลเซบัฟ (Beelzebub) หรือ "จ้าวแห่งแมลงวัน - Lord of Flies".

แต่เดิมนั้นเบลเซบัฟ เป็นเทพเจ้าของซีเรียน (Syrian God), เป็นเทพเจ้าแห่งเอครอน (Ekron) แห่ง ฟิริสเทีย (Philistia). เมื่อกษัตริย์ Ahaziah หารือกับเหล่านักปราชญ์ว่า หายนะที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง เป็นเพราะเหตุอันใด. นักบวชได้กล่าวว่า "เมื่อใดที่ Ank (Beelzebub) มาเยือน, เมืองนี้จะมีโรคร้ายระบาดไปทั่ว ผู้คนจะล้มตาย ซากศพจะกองสูงเหนือหลังคาบ้าน" และนับแต่นั้นเป็นต้นมา เบลเซบัฟก็กลายเป็นปิศาจแห่งความตาย.



แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-11-21 21:09:29
jobsu1
-Figure-
amammamme
Isuperkang
boss55

paotingtong
#2
31-10-2012 - 15:17:28

#2 paotingtong  [ 31-10-2012 - 15:17:28 ]





ปรากฎใน The New Testament ว่าเป็นผู้ปกครองเหล่าปิศาจ เจ้าชายแห่งเหล่าปิศาจ (Matthew 12:24). ทว่าเบลเซบัฟนั้นต่างจากซาตาน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งของพลังเวทย์ การกระทำ หรืออะไรทั้งหมด ไม่ได้ใช้หรือขอยืมพลังจากซาตานเลย. ใน Gospel of Nicodemus, พระเยซูคริสต์เดินทางเยือนนรก 3 วัน และให้เบลเซบัฟ มีอำนาจในการปกครองนรก (อย่างเป็นทางการ) และให้มีอำนาจเหนือซาตาน (กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ได้รับเลือกให้คุมนรกอย่างถูกต้องโดยพระคริสต์) แลกกับการยอมรับในพระองค์ เพราะว่าซาตานนั้นไม่ยอมรับในตัวพระเยซูคริสต์. (นี่เป็นความเชื่อของฝ่ายที่ว่าเบลเซบัฟอยู่เหนือกว่าซาตาน)



BELPHEGOR จอมปีศาจแห่งความเกียจคร้าน มหาบาปข้อที่ 6

ชื้ออื่นที่ปรากฏ: Baal Davar, Baal-Peor, Baalam, Baalberith, Baalphegor, Baalsebul, Baalzephon, Bael, Baell, Balam, Balan, Balberith, Beal, Belberith, Beleth, Belfagor, Belial, Beliar, Belphegor, Berith, Bileth, Bilet, Byleth, Elberith, BA'AL

ความหมายของชื้อ: จ้าวแห่งการเปิดโปง , Baal แห่งเขา Phegor

Belphegor หรือชื้อที่คุ้นหูกันดี Baal (บาร์ล หรือ บา-อัล) ซึ้งปรากฏในนวนิยาย หรือ กวี หลายๆเรื่อง เกมส์หลายๆเกมส์ และวงค์ร๊อกบูชาซาตาน ซึ้นเป็นชื้อเดียวกัน กับเทพ Baal เทพแห่งสายฟ้าแห่งอียิปต์ ซึ้งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยงข้องกันรึป่าว โดยเบลเฟกอร์ ตามพระคัมภีร์ เป็นตัวแทนของความขี้เกียจ ไม่ทำการทำงาน ไม่ทำหน้าที่รับผิดชอบ สัปเพร่า ทำงานขาดตกบกพร่อง บาปนี้ ปรากฏต่อมนุษย์ทุกคน ไม่สิ..... ต้องบอกว่าปรากฏต่อสิ่งมีชีวิตที่มีสติทุกอย่าง ปรกติแล้วจะเกิดกับคนที่หลับในเวลา ทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ้ง ถ้าเป็นงานของพระ ซึ้งพอโดนมันครอบงำเข้าละก็ ไม่มีทางที่จะทำงานหรอก

เบลเฟกอร์ จ้าวแห่งความไร้ศีลธรรม ซึ้งอดีดเคยเป็นเทวฑูต มีหน้าที่ในการจัดตำแหน่ง (อาจจะเกี่ยวข้องกับการจัดตำแหน่งอย่างไร้ศิลธรรมในสมัยก่อนก็ได้ อย่างน้อยผมก็คิดว่างั้นนะ) ในนรก เบลเฟกอร์ เป็นปีศาจนักประดิษฐ์ที่ชาญฉลาด และการค้นพบสิ่งของแปลกๆ มักจะปราฏกตัวให้คนที่ชอบโกง และชั่วร้าย ซึ้งมันจะให้สิ่งประดิษฐ์ที่พิศดารแก่คนผู้นั้น เมื่อปรากฏร่าง มันมักจะออกมาในรูปของหญิงสาว หรือไม่ก็ปรากฏในร่างของปีศาจเครายาวปากกว้างมีเขาและเล็บยาว มันชอบที่ยั่วยวน ผู้ชายให้หลงไหลในกามรส

อีกชื้อหนึ่งของมันคือ จอมเปิดโปง ซึ้งก็คือ ถ้าที่ใหนมีความลับ มันจะไปเปิดโปงให้คนเค้ารู้กันทั่ว ซึ้งส่วนมากจะไม่ค่อยดีนัก และอาจจะเพราะเหตุนี้ เมื่อมันปรากฏตัว มันจึงมักจะไม่ใส่เสื้อผ้า ประวัติความเป็นมาของปีศาจตนนี้ ตามชื้อจองมัน Belphegor ซึ้งก็คือ Baal จากภูเขา Phogor หรือ ภูเขาPeor ภูเขาในแถบอนาจักร Moab ซึ้ง Baal น่าจะเป็นผู้ครอบครองภูเขา Phegor แห่งอนาจักร Moabite บางคนก็บอกว่ามันคือเทพ Chamos (Chemosh) เทพ ประจำประเทศ Moab ซึ้งก็แน่นอนว่ามันพิสูจน์ไม่ได้ว่ามันมีรากฐานจริงๆที่ใหน ซึ้งนักโบราณคดีก็ต้องเดากันไปต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็นคน หรือ เทพ แต่ที่รู้แน่ๆคือเป็นผู้ที่ได้ปกครองภูเขา Phogor และได้รับการบูชา ชาวบ้านจะต้องนำเครื่องเซ่นจากผลผลิตมาถว่าย ซึ้งมีปรากฏในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล

Baalมักจะมีการค้า ผู้หญิงของ Moab แลกกับเงินทองและผลผลิต และคนที่ขัดขืนจะโดนประหาร และก็เลนเกิดเป็นลัทธิบูชา Baal ความเลวทรามของ Baal กระฉ่อนไปทั่วหล่า แล้วจะมีจอมยุทคนใหนจะมาจัดการละนี้? .....ใช่แล้ว ในที่สุดก็มีจอมยุท ซึ้งเป็นทะหารชาวอาหรับ และก็ได้ เป็นสงคราขึ้นในอิสราเอล ซึ้งได้ปรากฏขึ้นหลายต่อหลายครั้งในไบเบิล.....และนักบุญพอลเลยหยิบเอามาอ้างอิงในคำสอนของท่านหลายบท และก็เลยกลายเป็น Belphegor ทุกวันนี้





- ซาตาน (SATAN) เจ้าแห่งความชั่วร้าย ราชาแห่งนรก มหาบาปข้อที่ 7 เมื่อพูดถึงซาตาน คนทั่วไปมักจะนึกถึงตัวประหลาดที่มีเขา 2 เขา หรือผีที่มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วพระคัมภีร์บอกว่าซาตานนั้นเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูง มีรูปร่างงดงาม ฉลาด เป็นทูตสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ และพระเจ้าได้ทรงตั้งให้อยู่ท่ามกลางเครูบ มีชื่อเรียกว่าลูซิเฟอร์ ดังที่ปรากฏในพระธรรมเอเสเคียล 28:12 - 15

"บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงเปล่งเสียงบทคร่ำครวญเพื่อกษัตริย์เมืองไทระ และจงกล่าวแก่ท่านว่าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าเป็นตราแห่งความสมบูรณ์แบบเต็มด้วยสติปัญญาและมีความงามอย่างพร้อมสรรพ เจ้าอยู่ในเอเดนพระอุทยานของพระเจ้า เพชรพลอยทุกอย่างเป็นเสื้อของเจ้า คือทับทิม บุษราคัมน้ำอ่อน เพชร เพทาย โกเมน และมณีโชติ ไพฑูรย์ มรกต และเบริล เพชรพลอยเหล่านี้ฝังในทองคำและลวดลายแกะสลักก็เป็นทองคำ สิ่งเหล่านั้นจัดเตรียมไว้ในวันที่สร้างเจ้าขึ้นมา เราตั้งเจ้าให้อยู่กับเครูบ ผู้พิทักษ์ที่ได้เจิมตั้งไว้ เจ้าอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้า และเจ้าเดินอยู่ท่ามกลางศิลาเพลิง"

พระเจ้าไม่ได้สร้างซาตาน พระองค์สร้างแต่ทูตสวรรค์ ซาตานเกิดขึ้นจากความหยิ่งผยองของทูตสวรรค์ตนหนึ่งที่สมบูรณ์แบบ ที่คิดว่าตนเองรูปร่างงดงาม มีตำแหน่งสูงกว่าบรรดาทูตสวรรค์องค์อื่นๆ และฉลาดที่สุด ดังนั้นตนจึงสมควรที่จะได้รับการยกย่อง ได้รับการนมัสการแทนพระเจ้า

"จิตใจของเจ้าผยองขึ้นเพราะความงามของเจ้า เจ้ากระทำให้สติปัญญาของเจ้าเสื่อมทรามลงเพราะเห็นแก่ความงามของเจ้า เราเหวี่ยงเจ้าลงที่ดินแล้ว เราตีแผ่เจ้าต่อหน้ากษัตริย์ทั้งหลาย เพื่อตาของท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะเพลินอยู่ที่เจ้า" เอเสเคียล 28:17

ความหยิ่งยโสนี้เป็นหนึ่งในความบาปที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง เหมือนกับที่บอกไว้ในพระธรรมสุภาษิต 6:16 - 19 ดังนี้

"มีหกสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงเกลียด มีเจ็ดซึ่งเป็นที่น่าเกลียดน่าชังสำหรับพระองค์ ตายโส ลิ้นมุสา และมือที่ทำโลหิตไร้ผิดให้ตก จิตใจที่คิดแผนงานโหดร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว พยานเท็จซึ่งหายใจออกเป็นคำมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง" เพราะความหยิ่งผยองนี้เอง ซาตานจึงถูกพระเจ้าขับไล่จากสวรรค์ และถูกผลักให้ตกลงมายังโลกมนุษย์ ตกลงมายังปากแดนของคนตาย

"โอดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังที่ลึกของปากแดน" อิสยาห์ 14:12-15

รูปลักษณ์ของซาตานไม่อาจอธิบายได้ชัดเพราะมีหลายแบบตามท้องถิ่น(อาจเป็นปางต่างๆเหมือนเทพเจ้า)รูปลักษณ์ที่เราคุ้นเคยกันจะเป็นปิศาจมีเขาแพะบนหัว ผิวหนังหยาบ ตาสีแดง ฟันแหลมมีทรวงอกเป็นของผู้หญิงและท่อนล่างเป็นแพะถือตรีศูล(สามง่าม)เป็นอาวุธ นอกจากนี้แล้วยังมีรูปลักษณ์อื่นๆอีกมากตามแต่จิตนาการของผู้คน(เคยมีการใช้รูปงูเป็นเครื่องหมายของซาตาน เนื่องจากซาตานเคยจำแลงการเป็นงูในตอนล่อลวงเอวา(อีฟ)ให้กินผลไม้ต้องห้าม)

เวโดร่า(Vedora) ชื่อเฉพาะไม่มีความหมาย เกิดจากการเล่นคำ Voice of darkness และ original lord of gaia แตกต่างจากซาตาน เพราะเป็นซาตานในรูปลักษณ์เทพมีลักษณะเป็นบุรุษรูปงามร่างสูงใหญ่กำยำสวมเกราะนักรบสีดำน่าเกรงขามและผมยาวสลวยสีแพลตินั่ม (ทองคำขาว) มีเสียงร้องที่ไพเราะ และรูปลักษณ์แบบนี้ที่ทำให้ซาตานยั่วยวนเหล่าเทพเทพีให้แตกพ่ายได้แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อพระเจ้า

ถ้าคุณชอบ
ถ้าคิดว่ามีประโยชน์
ถ้าชอบและคิดว่ามีสาระประโยชน์จริงๆ


bank42n
#3
31-10-2012 - 16:14:37

#3 bank42n  [ 31-10-2012 - 16:14:37 ]








มีสาระดี(ยาวไปนิด)



#กอดกับบุญ
-Figure-
#4
31-10-2012 - 20:45:13

#4 -Figure-  [ 31-10-2012 - 20:45:13 ]





ชอบๆๆๆๆๆ + ดาวให้ดวงนึง



なんでもいいよ
newmind003
#5
31-10-2012 - 21:47:29

#5 newmind003  [ 31-10-2012 - 21:47:29 ]





ขอบคุณนะค่ะ

ความรู้เพิ่มเติม ^-^


โอ๋ โบนัส
#6
โอ๋ โบนัส
02-11-2012 - 17:07:13

#6 โอ๋ โบนัส  [ 02-11-2012 - 17:07:13 ]




โลกิของชั้นอยู่หนายยย(ขออนุญาตใช้คำวิบัติเพื่ออัถรสน่ะค่ะ)



กลับมาเล่นในรอบเกือบ 5 ปี ;-;
paotingtong
#7
02-11-2012 - 18:30:18

#7 paotingtong  [ 02-11-2012 - 18:30:18 ]





quote : โอ๋ โบนัส

โลกิของชั้นอยู่หนายยย(ขออนุญาตใช้คำวิบัติเพื่ออัถรสน่ะค่ะ)


อยู่สงคราม Ragnarok (แรคนาร็อค) ค่ะ แหะๆ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-11-02 18:31:30

paotingtong
#8
14-11-2012 - 23:35:47

#8 paotingtong  [ 14-11-2012 - 23:35:47 ]





เพิ่มเติมเฉยๆจ้า


Ragnarok มหาสงครามวันสิ้นโลก

ตาลายล่ะค่ะเพราะอันนี้ไม่มีรูป เดี๋ยวเพิ่มทีหลัง (Edit เพิ่มรูปแล้วจ้า)


หลักคำสอนในศาสนาเชื่อดั้งเดิมของชาวไวกิ้ง เชื่อว่า ทุกสรรพสิ่งไม่มีความเป็นจีรังยังยืน ไม่ว่าจะเป็น สรวงสวรรค์หรือโลกพิภพ ซึ่งในที่สุดแล้ว ทั้งหมดก็จะต้องจะพบกับจุดจบ โดยชาวไวกิ้งเชื่อว่า สรรพสิ่งทั้งปวงจะพบกับอวสานในมหาสงครามแห่งวันสิ้นโลก ซึ่งพวกเขาได้เรียกมหาสงครามนี้ว่า แรคนาร็อค (Ragnarok)
ตามตำนานไวกิ้ง เค้าลางของความหายนะแห่งทุกสรรพสิ่งได้เริ่มขึ้น เมื่อจอมเทพโอดินทรงรับเทพอสูรตนหนึ่งนามว่า โลคิ เข้ามาในคณะเทพ เนื่องจากเห็นว่า อีกฝ่ายเป็นผู้มีสติปัญญาสูง ทว่าโลคินั้นไม่มีความรับผิดชอบและขาดความกล้าหาญ ดังนั้นจึงมักจะก่อเรื่องวุ่นวายอยู่เสมอ



จุดพลิกผันสำคัญ เกิดจากการที่โลคิลักลอบไปสมสู่กับนางยักษ์สาวตนหนึ่ง นามว่า อังเกอร์โบดา ที่มีคำทำนายว่า บรรดาบุตรที่เกิดจากนางจะนำมาซึ่งวันสิ้นโลก ทั้งสองได้มีบุตรด้วยกันสามตน คือ พญางูยักษ์โยมุงกันด์ พญาสุนัขป่าเฟนรี และนางพญาเฮลลาที่มีร่างครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์อีกครึ่งหนึ่งเป็นซากศพ



เพื่อป้องกันมิให้คำทำนายเป็นจริง จอมเทพโอดินจึงทรงมีพระบัญชาให้จัดการกับบุตรทั้งสามของอังเกอร์โบดา โดยพระองค์ทรงโยนโยมุงกันด์ลงไปในมหาสมุทร ส่งเฮลลาไปเป็นนางพญาในขุมนรกใต้โลก และให้เหล่าคนแคระพันธนาการเฟนรีไว้ด้วยโซ่วิเศษ



โลคิ เคียดแค้นกับเรื่องนี้มาก จึงหาทางล้างแค้นโดยวางแผนสังหารเทพบาลเดอร์ โอรสของจอมเทพโอดินและเป็นเทพเจ้าแห่งความดี ซึ่งเทพบาลเดอร์นี้ ได้รับคำมั่นสัญญาจากทุกสรรพสิ่งในโลกว่า จะไม่มีสิ่งใดทำอันตรายพระองค์ได้ ทำให้เทพบาลเดอร์มักจะทรงชอบกระทำการที่เสียงอันตรายเสมอ ทั้งยังชอบให้เทพองค์อื่นๆ ใช้พระองค์เป็นเป้าซ้อมอาวุธอยู่บ่อยๆ



อย่างไรก็ตาม ในบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลาย ยังมี ต้นมิสเซิลโท ที่มิได้ให้สัญญาเอาไว้ ทำให้โลคิแอบไปถากกิ่งของต้นไม้นี้มาทำเป็นลูกศรและหลอกล่อให้เทพโฮลเดอร์ซึ่งมีพระเนตรบอด ยิงลูกศรนี้ใส่เทพบาลเดอร์ซึ่งลูกศรที่ทำจากกิ่งมิสเซิลโทก็ได้สังหารเทพบาลเดอร์สิ้นพระชนม์ไปในทันที



แม้ความเศร้าโศกจะปกคลุมทั่วสรวงสวรรค์ ทว่าเหล่าเทพก็ยังคงมีหวัง เนื่องจาก นางพญานรก เฮลลา ได้กล่าวว่า จะยอมคืนดวงวิญญาณของเทพบาลเดอร์มาให้ หากว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกยอมหลั่งน้ำตาให้กับการตายของพระองค์ ทว่าเมื่อโลคิทราบเรื่อง ก็ได้แอบแปลงร่างเป็นหญิงชราและปฏิเสธที่จะร้องไห้ให้เทพบาลเดอร์ ทำให้เหล่าเทพต้องสูญเสียพระองค์ไป



จอมเทพโอดินได้ลงโทษความผิดร้ายแรงของโลคิ ด้วยการนำเขาไปพันธนาการไว้กับก้อนศิลาและให้งูพิษที่อยู่เหนือศีรษะค่อยหยดพิษใส่ใบหน้าของเขาอยู่ตลอดเวลา ทำให้โลคิต้องดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน



เมื่อสิ้นเทพบาลเดอร์ ซึ่งเป็นเทพแห่งความดีงามมิดการ์ดก็เข้าสู่ความชั่วร้าย มวลมนุษย์ต่างกระทำความผิดบาปต่ำช้านาๆ ประการ จนสังคมเข้าสู่กลียุค ไม่นานโลกก็เข้าสู่ความหนาวเหน็บและมืดมิด ขาดแคลนอาหาร ทุกสิ่งปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ จากนั้นสังคมมนุษย์ก็สูญสิ้นอารยธรรมโดยสิ้นเชิง ในที่สุดมหาสงครามแรคนาร็อคก็กำลังจะอุบัติขึ้นแล้ว….



ท่ามกลางกลียุคที่เข้าปกคลุมดินแดนของมวลมนุษย์ นางยักษ์อังเกอร์โบดาได้ส่งสุนัขป่ายักษ์สองตัวที่นางเลี้ยงมาแต่เล็ก นามว่า สกอล และฮาตีร์ ออกไปไล่ตามราชรถสุริยันและราชรถจันทรา ก่อนจะกลืนกินราชรถทั้งสองรวมทั้งสุริยเทวีและจันทราเทพลงไป ทำให้โลกเข้าสู่ความมืดมิดและในความมืดมิดนั้นเอง มนตราที่พันธนาการเหล่าอสูรก็เสื่อมลง โลคิ หลุดออกจากพันธนาการ เช่นเดียวกับ เฟนรี ที่หลุดจากโซ่วิเศษ



พญามังกรนิดฮูกก์เข้าไปกัดกินรากแก้วของมหาพฤกษาโลกอิกก์ดราซิลจนสั่นสะเทือนถึงปลายยอด ขณะที่บนยอดของท้องพระโรงวัลฮัลลา ไก่กัลลังคัมบี ก็ส่งเสียงร้องดังไปทั่วแดนสวรรค์



กองทัพมหึมาของเหล่ายักษ์ได้เคลื่อนพลออกจากโจทุนไฮม์ ในขณะเดียวกัน บนสรวงสวรรค์ จอมเทพโอดินก็ทรงให้เทพเฮมดอลล์เป่าแตรกีออล์เสียงดังกึกก้อง เพื่อระดมกองทัพสู้ศึก เหล่าเทพเจ้าและดวงวิญญาณนักรบผู้กล้าทั้งปวงได้รวมพลก่อนจะเคลื่อนทัพข้ามสะพานสายรุ้งเข้าสู่ทุ่งวีกรีต เพื่อเข้าสู่มหาสงครามครั้งสุดท้ายที่มีชื่อว่า แรคนาร็อก



พญางูยักษ์โยมุงกันด์ได้บิดตัวอย่างรุนแรงจนเกิดคลื่นยักษ์เข้ากวาดเกาะและชายฝั่งทั้งมวลพินาศ ขณะที่พญาสุนัขป่าเฟนรีก็กลืนกินทุกสรรพสิ่งที่พบ ทั้งสองรวมทั้งเทพอสูรโลคิได้เข้ามาเป็นผู้นำของกองทัพจากโจทุนโฮม์ส่วน นางพญาเฮลลา และการ์ม สุนัขแห่งนรกก็ผุดขึ้นจากรอยแยกบนผืนแผ่นดินพร้อมด้วยรี้พลจำนวนมหาศาลของดวงวิญญาณชั่วร้ายทั้งปวงและได้เข้าร่วมกับกองทัพจากโจทุนโฮม์



กองทัพของเทพเจ้าและเหล่ายักษ์เข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดและต่างก็ล้มตายลงเป็นอันมาก ท่ามกลางสงครามอำมหิต จอมเทพโอดินทรงต่อสู้กับพญาสุนัขป่าเฟนรี จนกระทั่งทรงเพลี่ยงพล้ำและถูกมันกลืนกินเข้าไป เทพวีดาร์โอรสของพระองค์ได้เข้าต่อสู้กับเฟนรีและสังหารมันลงได้ ส่วนพญางุโยมุงกันด์นั้นได้ต่อสู้กับ ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า ก่อนจะถูกธอร์สังหารด้วยฆ้อนวิเศษ ทว่าเทพเจ้าธอร์ก็ถูกพิษของโยมุงกันด์จนสิ้นพระชนม์เช่นกัน



ในช่วงท้ายของสงคราม พญายักษ์เซิร์ตได้แกว่งดาบอัคคีจนเกิดไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญโลกทั้งมวล และแผ่นดินก็จมลงสู่มหาสมุทร…

…มหาสงครามแรคนาร็อกได้ทำลายสรรพสิ่งทั้งมวลจนพินาศย่อยยับ ทว่าหลังสงครามสิ้นสุดลง แผ่นดินก็ผุดขึ้นมาใหม่และพฤกษาโลกต้นใหม่ก็แตกยอดอ่อนแทงทะลุพื้นดินก่อนจะแผ่กิ่งก้านสาขาออกไป ขณะที่ธิดาแห่งสุริยเทวีองค์เดิมก็ขับราชรถสุริยันขึ้นสู่ฟากฟ้า นำแสงสว่างกลับคืนมาสู่โลกอีกครั้ง



บรรดาเทพเจ้าที่รอดชีวิตจากมหาสงครามได้ช่วยกันสร้างโลกและสวรรค์ขึ้นมาใหม่ เทพบางองค์ที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ได้กลับฟื้นคืนชีพมา และหนึ่งนั้นคือ เทพบาลเดอร์ ที่กลายมาเป็นประมุขของเหล่าเทพเจ้าทั้งหลาย



ส่วนมนุษย์ที่รอดชีวิตจากมหาสงครามแรคนาร็อก ได้แก่ ลิฟต์ และลิฟต์ทราเซียร์ซึ่งหลบซ่อนอยู่ในโพรงของมหาพฤกษาโลก อิกก์ดราซิล ทั้งคู่กลายได้สร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาใหม่ ในโลกซึ่งมีพลังอำนาจแห่งความดีอันยิ่งใหญ่ของจอมเทพบาลเดอร์คอยปกป้องคุ้มครอง



ทั้งนี้ ชาวนอร์สเชื่อว่า หลังจากมหาสงครามแรคนาร็อคสิ้นสุดลงแล้ว โลกที่อุบัติขึ้นใหม่จะเป็นโลกแห่งความสงบสุขที่ปราศจากความชั่วร้ายทั้งปวง..


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-11-17 19:29:37

รีบอร์นzaใบเฟิร์นza
#9
รีบอร์นzaใบเฟิร์นza
15-11-2012 - 21:36:52

#9 รีบอร์นzaใบเฟิร์นza  [ 15-11-2012 - 21:36:52 ]





แมมม่อนเอย เซบาสเตียน ไมเคิลลิสเอย เบลเซบับเอย เบลเฟกอลเอย

ทำให้ผมนึกถึงอนิเมดังๆ อย่างแบล็กบัตเลอร์ รีบอร์น และเบลเซบับ จริงๆนะ



ไปคอนมาจ้าาาาา
paotingtong
#10
21-11-2012 - 22:08:48

#10 paotingtong  [ 21-11-2012 - 22:08:48 ]





ขออนุญาติดันน่ะค่ะ พอดีทำอันที่ 2 ต่อเป็นเรื่องของยักษ์ ขออนุญาติจริงๆค่ะ


NeuySBS
#11
27-11-2012 - 20:58:37

#11 NeuySBS  [ 27-11-2012 - 20:58:37 ]





ชอบบบ


dreamlovely97
#12
27-11-2012 - 21:27:16

#12 dreamlovely97  [ 27-11-2012 - 21:27:16 ]








Do you miss me ? ( ._.)
  • 1

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 18th November 2024 02:35

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ