โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
เกมส์รักแปลกๆ แปลกยังไงตามมาดู
Mameo
#1
25-11-2012 - 15:50:43

#1 Mameo  [ 25-11-2012 - 15:50:43 ]




ถ้าพูดถึงเกมส์แปลกๆแล้ว มะแมวเหมียวต้องขอยกให้ เกมส์นี้เลย Saya no Uta สงสัยหละสิว่าแปลกยังไง ก็เพราะเนื้อเรื่องของมันเนี่ยสิ ช่างเป็นเรื่องราวความรักที่ชวนอวดจริงๆ

Saya no Uta เป็นเรื่องของโศกนาฏกรรม ความรัก หายนะ ที่บทสรุปของมันช่างเลวร้ายเหลือเกิน เมื่อพระเอกหนุ่มนักศึกษาแพทย์ผู้โชคร้ายที่ต้องสูญเสียครอบครัวทั้งหมดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ความโชคร้ายนี้ถือว่ายังน้อย เมื่อนรกทั้งเป็นยังรอเขาอยู่ เมื่อเขาลืมตาดื่มขึ้นเขาพบว่าประสาทการรับรู้ของเขาเริ่มผิดเพี้ยนชนิดที่การแพทย์ปัจจุบันไม่สามารถรักษาได้ ซึ่งมีผลกระทบคือโลกที่เขาเห็นนั้นเปรียบเสมือนภาพนรกไม่ปาน มันเป็นโลกบิดเบี้ยวที่น่าขยะแขยง เต็มไปด้วยก้อนเนื้อและเลือด อวัยวะชวนแหวะ ผู้คนและเพื่อนสนิทที่เขาพบเห็นกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่พูดภาษาไม่ใช่มนุษย์
อาการของเขาไม่มีใครรับรู้ ฟุมิโนริไม่สามารถหาใครมาปรึกษาได้เลย เพราะคนอื่นไม่เข้าใจในตัวเขา เพราะคนอื่นเห็นฟุมิโนรินอนบนเตียงที่สะอาดในโลกที่แสนจะธรรมดา แต่สำหรับสายตาของเขาแล้วมันเหมือนนรกไม่ปาน แม้จะรู้ว่าสัตว์ประหลาดที่จะพยายามจะพูดคุยกับเขานั้นจะเป็นเพื่อนรัก เพื่อนตาย เพื่อนสนิท แฟน แต่เขาก็ทำใจรับไม่ได้อยู่ดี ทำให้นับวันสภาพจิตของเขาเริ่มแย่ลง กลายเป็นคนเก็บตัว ไม่พูดไม่จา จนถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตายจากโลกนี้ไปเลยทีเดียว
จนกระทั้งวันหนึ่ง ตอนกลางคืน เขาได้ยินเสียงของคน ลอยดังนอกห้อง เขาเดินหาที่มาของเสียง จนกระทั้งพบสาวน้อยคนหนึ่งชื่อซายะ ซึ่งเขารู้สึกแปลกใจว่าทำไมเธอถึงคงสภาพมนุษย์อยู่ได้ทั้งๆ ที่อยู่โลกขยะแขยงและนรกแห่งนี้
ซายะแสดงท่าทางเป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก พูดคุยกับฟุมิโนริอย่างเป็นกันเอง(ย้ำอีกที ว่าพระเอกผู้โชคร้ายของเราสมองกลับมองเห็นสิ่งที่ชาวบ้านว่าสวยเป็นสิ่งน่าขยะแขยง และอีหนูซายะเนี่ยเป็นสิ่งที่สาวสิ่งเดียวที่พระเอกเห็น แล้วในสายตาคนอืนๆที่เห็นซายะหละ จะเป็นยังไง...) และฟุมิโนริเองก็พอใจกับซายะที่พูดคุยกับเขา หลังจากนั้นอาการของเขาก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นตามลำดับ พร้อมกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซายะเริ่มก่อตัวยิ่งกว่าเพื่อนกลายเป็นคนรักหวานหยดไม่ปาน
จนกระทั้งถึงเวลา ฟุมิโนริต้องออกจากโรงพยาบาล ความจริงฟุมิโมริไม่ได้หายขาดแต่เขาแสลงทำเท่านั้น สำหรับเขาแล้วขอให้มีซายะคนเดียวในโลกของเขาเท่านั้น อย่างอื่นเขาไม่สน
โดยหารู้ไหมนี้เป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมในเวลาต่อมา.....
โศกนาฏกรรมที่ว่าเป็นอย่างไร? ซายะเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงโลลิ? ฉากแหวะที่ว่าเป็นอย่างไร? ทำไมซายะกินแมว? กินหมูไม่ได้เหรอ? ก็ติดตามได้ใน Saya no Uta

ก่อนจะอ่านเรื่องเต็ม มาทำความเข้าใจกันซักนิดนึง เรื่องของเรื่องคือเกมส์นี้มะแมวเหมียวเองไม่ได้เล่นหลอกค่ะ มันเป็นเกมส์แนวHจากแดนปลาดิบ ตัวมะแมวเหมียวเองก็ไม่ได้รังเกลียจเกมส์แนวHแบบนี้หลอกนะคะ แต่ว่าถ้าเอามาเล่นที่บ้านมีหวัง... โดนคุณพ่อ คุณแม่ เชือดแน่เลย555มะแมวเหมียวมองพวกนี้เป็นศิลปะนะคะลายเส้น และการวาด ก็ดูดีไปอีกแบบ เราไม่ว่ากันกับคนที่ชอบเกมส์แนวนี้ แล้วอีกอย่างการ์ตูนญี่ปุ่นหลายๆเรื่องส่วนใหญ่ก็ดัดแปลงมาจากเกมส์พวกนี้เหมือนกัน แถมการ์ตูนสมัยนี้ไอ่ฉากแบบนั้นก็เยอะไม่แพ้เกมส์แนวH เลยด้วยแหละค่ะท่านผู้ชม เพราะงั้นเลยอยากให้ทำความเข้าใจแล้วก็ ดูที่สาระของเกมส์กันดีกว่าเนอะ^^
ป.ล. มะแมวเหมียวไม่สนัมสนุนพวกคนที่ตั้งใจเล่นเกมส์H เพื่อความหื่นนะคะ คนที่เค้าเล่นเฉยๆเพราะชอบความน่ารักของตัวละครก็ยังมีอีกมาก อย่าให้ความหื่นส่วนตัวทำให้คนอืนๆที่เค้าชอบเล่นเกมส์มาถูกมองรวมไปว่าเป็นพวกไม่ดีเลยค่ะ มะแมวเหมียวเองก็เคยเล่นบ้างแต่ไม่บ่อยส่วนใหญ่จะดูการ์ตูน ทั้ง แนว H,Y,Yuri ,Yaoi ,SM ดูหมดค่าแต่ที่ชอบมากสุดๆคือสายG (Guro) นอกเรื่องมากไปละ ไปอ่านเรื่องเต็มของSaya no uta กันดีกว่า บอกไว้ก่อนนะคะว่าเกมส์นี่มะแมวเหมียวไม่ได้เล่นเอง ไปอ่านของคนอืนมาอีกที

เมื่อเราเริ่มต้นเกมส์ เราอาจสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อภาพเปิดฉากออกมาเป็นภาพก้อนเนื้อและสัตว์ประหลาดที่พูดภาษาอะไรบางอย่างที่ฟังแล้วสุดแสนจะปวดโสตประสาทมากๆ ก่อนที่จะมารู้อีกครั้งว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นคือมนุษย์ที่พยายามพูดคุยกับฟุมิโนริพระเอกของเรื่องนี้นั้นเอง

นี้คือโลกที่ฟุมิโนริมองเห็น มันเริ่มเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์รถประสบอุบัติเหตุที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา แต่เขารอดมาได้โดยการผ่าตัดสมอง แต่กระนั้นผลกระทบที่ได้จากการผ่าตัดนั้นก็คือเขาสูญเสียสัมผัสทั้งผ้าไปโดยชิ้นเชิง แรกเริ่มลืมตาเขาพบว่าทุกสิ่งรอบตัวของเขาเต็มไปด้วยก้อนเนื้อกระจัดกระจายและเลือดสีแดงข้น อย่างน่าสะอิดสะเอียน ก้อนเนื้อที่ติดบนผนังและพื้น และมีก้อนเนื้อหนึ่งมาพูดกลับเขาซึ่งเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่มันพูดเลย ทั้งๆ ที่จริงๆ สิ่งที่ฟุมิโนริเห็นก็เป็นแค่โลกที่แสนจะธรรมดา โรงพยาบาลที่สะอาดสะอาน ผู้คนที่เป็นมิตร แต่หากตอนนี้ฟุมิโนริกลับเห็นโลกเหล่านี้เป็นนรกก้อนเนื้อ
ไม่เพียงแต่สายตา เขาพบว่าประสาทลิ้มรสและสัมผัสต่างๆ ต่างสูญเสียไปหมด ฟุมิโนริตกใจและแทบเป็นลม เพราะว่าเขาเป็นนักเรียนโรงเรียนแพทย์เขารู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เขาไม่สามารถกลับมาเป็นปกติอีกแล้ว เขาจึงกลายเป็นคนเงียบไม่พูดไม่จา เก็บกด และเก็บตัว จนมีความคิดพยายามที่จะฆ่าตัวตายเพื่อหนีโลกเน่าๆ แห่งนี้หลายครั้ง หากแต่ไม่สำเร็จสักที
จนกระทั้งคืนหนึ่งเขาได้พบหญิงสาวคนหนึ่งที่สุดแสนจะน่ารัก ชื่อซายะ ฟุมิโนริรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเธอยังคงสภาพมนุษย์ในโลกนรกก้อนเนื้อแห่งนี้ได้ ซายะพูดกับฟุมิโมริว่าเขากำลังตามหาพ่อที่โรงพยาบาลแห่งนี้และเธอต้องการอยู่กับฟุมิโมริเพื่อให้เขาช่วยตามหาพ่อ ฟุมิโมริรับปากที่จะช่วยเหลือซายะ สำหรับเขาแล้วซายะคือที่พักใจที่ช่วยเยียวยาในโลกเน่าแห่งนี้ หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็พูดคุยกับซายะอย่างคนปกติทุกคืน อาการของฟุมิโมริก็ดีขึ้นตามลำดับ จนทางโรงพยาบาลเห็นว่าเขาอาการปกติสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ความจริงฟุมิโมริแกล้งทำเป็นหายขาด ทั้งๆ ที่โลกก้อนเนื้อเน่าๆ ยังคงอยู่เขาเพียงแต่ปรับตัวเพื่อเข้ากับมันเท่านั้น สำหรับเขาขอให้มีซายะอยู่เคียงข้างเขาก็พอใจแล้ว และคืนสุดท้ายที่เขาอยู่โรงพยาบาลเขาได้พูดกับซายะว่าอยากให้เธออยู่เคียงข้างเขาตลอดไป แต่ปฏิกริยาของซายะเงียบไปพักใหญ่ เธอไม่ได้ให้คำตอบกับฟุมิโมริ เธอแค่เดินจากไปแล้วหายลับในความมืด
ในวันที่ฟุมิโมริออกจากโรงพยาบาลเขาพบเพื่อนๆ ที่ประกอบไปโดยโคจิ,โอมิ และโย มาแสดงความดีใจที่เขาออกจากโรงพยาบาลและพาเขากลับบ้าน(ในสายตาของฟุมิโมริ เขาเห็นพวกเพื่อนๆ เป็นเพียงก้อนเนื้อที่ส่งกลิ่นแปลกๆ)

ฟุมิโมริเดินทางกลับบ้านเขาพบว่าโลกภายนอกไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลมากนัก โลกสีแดงเต็มไปด้วยก้อนเนื้อขยะแขยงกระจัดกระจายอยู่ทั่ว แม้แต่ที่บ้านก็ไม่เว้น สภาพย่ำแย่แหวะพอๆ กับโลกภายนอกเช่นกัน
ฟุมิโมริกลับมาบ้านเขาก็พบว่าซายะมาอยู่ที่บ้านของเขาก่อนหน้านี้แล้ว
ซายะถามฟุมิโมริ “ได้.......ฉันสามารถอาศัยอยู่ที่นี้ได้เหรอ?”
ฟุมิโมริยินดีให้ซายะอยู่ที่บ้านของเขา ทั้งสองได้เริ่มต้นใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง ทั้งคู่ได้ตกแต่งบ้านใหม่สำหรับเรือนรักของเราสองคน ให้ดูสะอาด และซายะได้ปรุงอาหารที่เธอเรียนรู้จากทีวีให้ฟุมิโมริทาน แต่ดูเหมือนสัมผัสการรับรู้รสของฟุมิโมริจะสูญเสียไปด้วย ทำให้เขาไม่สามารถกลืนหรือกินอาหารที่ซายะทำได้เลย
ซายะกังวลเพราะฟุมิโมริไม่กินอาหารเลย เขาจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีวิตอยู่ ซายะได้ปลอบฟุมิโมริว่า “ไม่มีปัญหา ฉันจะพยายามหาอาหารให้ฟุมิโมริคุงกินให้ได้เลย ต้องมีสักอย่างสิที่ฟุมิโมริคุงกินได้”
ฟุมิโมริพูดกับซายะว่าไม่ต้องกังวล ขอให้ซายะอยู่เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
และแล้วค่ำคืน H ก็มาอีกครั้ง ดังนั้นเราขอข้างฉากดีกว่า.........................

วันต่อมาโยผู้อ่อนโยนที่มีความรู้สึกเป็นห่วงฟุมิโมริจนสุดหัวใจ ได้รวบรวมความกล้าเพื่อพูดคุยกับฟุมิโมริอีกครั้ง เธอสารภาพรักกับเขา แต่กลายเป็นเขากลับรู้สึกอึดอัด ในสายตาของเขา เขาเห็นโยเป็นสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อที่พูดเสียงแสบแก้วหูโสตประสาทที่น่ารังเกียจ เขาด่าเธอแบบเสียๆ หายๆ และทำท่าดูถูกเขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ฉันเกลียดเธอ ฉันไม่อยากเห็นหน้าของเธอ ต่อไปนี้เธอไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” ก่อนที่ฟุมิโมริจะเดินกลับบ้านคนเดียว ทิ้งเหล่าเพื่อนๆ ที่ตะลึงอ้าปากค้างกับการเปลี่ยนแปลงฟุมิโนริไว้ด้านหลัง
โยเกิดอาการช็อกและร้องไห้เพราะคาดไม่ถึงว่าฟุมิโนริจะกลายเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านั้นเขายังเป็นคนสุภาพอ่อนโยนอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงได้ถึงเพียงนี้? ทางด้านโอมิและโคจิที่เห็นเหตุการณ์จึงต้องเข้ามาปลอบโย โอมิรู้สึกโกรธฟุมิโนริ เธอสั่งให้โคจิดูแลโย ส่วนตนเองได้ไปบ้านฟุมิโมริเพื่อพูดกับเขาให้รู้เรื่อง(ฟุมิโมริไม่ได้บอกอาการป่วยของตนเองให้คนอื่นรู้)
สาวมั่นโอมิได้มาบ้านของฟุมิโมริ แต่เธอตกใจเมื่อพบว่าสภาพบ้านของฟุมิโมริ ไม่ต่างอะไรกับบ้านร้างขยะ ที่สวนเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ขึ้นรกอย่างรุงรัง กลิ่นเหม็นของซากสัตว์และขยะโชยไปทั่วบริเวณทั้งในและนอกบ้าน โอมิยืนอยู่หน้าบ้านเธอพบว่าประตูไม่ได้ล็อค เธอจึงเปิดประตูเข้ามาในตัวบ้าน แล้วก็พบว่าในบ้านแย่กว่าภายนอกเสียอีก หน้าต่างถูกปิดทำให้ภายในบ้านมืดและเสื่อมโทรมอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นเหม็นภายในสุดจะทนยิ่งกว่านอกบ้าน ดูเหมือนฟุมิโมริจะไม่อยู่บ้าน ในขณะที่โอมิทำการสำรวจบ้านอยู่นั้น.....ณ มุมหนึ่งของบ้าน ได้มีดวงตาของสิ่งหนึ่งที่จ้องมองเธอ....อย่างหิวกระหาย
“มีใคร.......? มีใครอยู่ไหม” โอมิร้องเสียงดังถาม เนื่องจากเธอได้ยินเสียงประหลาดดังที่ห้องครัว มันไม่ใช่เสียงของคนหรือสัตว์ โอมิเริ่มรู้ว่าบ้านหลังนี้ยังมีสิ่งหนึ่งที่ไม่ใช้มนุษย์อาศัยอยู่ เธอได้ตามหาที่มาของเสียงนั้น
โอมิเข้าไปในตัวบ้านมาที่ห้องครัว แต่เสียงประหลาดนั้นก็ดังที่ห้องรับแขก เธอเลยเดินมาที่ห้องรับแขก และแล้วเธอก็ตระหนักว่าเจ้าของบ้านบ้านหลังเป็นคนวิกลจริต เนื่องจากสภาพภายในห้องรับแขก ผนัง พื้นห้องและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ถูกละเลงสีต่างๆ อย่างบ้าคลั่ง จากนั้นโอมิก็เริ่มรู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งจ้องมองเธออย่างหิวกระหาย โอมิถอยฉากออกจากมาอย่างช้าๆ แต่สิ่งนั้นกลับพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว โอมิเริ่มรู้สึกถึงท้องของเธอฉีดขาดแหวกออกมาและเลือดเธอสาดกระจายเต็มหน้า ดวงตาเธอเปิดโพลงออกอย่างน่าสยดสยอง มือถือของโอมิได้ตกลงมาที่พื้น มันจะมีบทบาทภายหลัง ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลง...........

ในเวลาต่อมา ฟุมิโนริกลับมาบ้าน เขาร้องเรียกทักทายซายะเหมือนคู่ใหม่ปลามัน จากนั้นเขาได้กลิ่นหอมอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นอาหารอร่อยบางอย่าง ลอยมาบริเวณห้องรับแขก ฟุมิโมริได้ตามกลิ่นที่มา จนเขาได้พบซายะกำลังกินอะไรบางอย่างคล้ายเยลลี่สีเหลื่องอยู่(ในเว็บต่างประเทศเขียนว่าซายะกิน Jello = Jell-o เป็นชื่อแบรด์เยลลี่เจลาตินชื่อดังของอเมริกาที่โด่งดังส่งขายไปทั่วโลก บ้านเราก็มีขาย)
“ซายะสิ่งที่เธอกิน?” ฟุมิโมริอุทาน ซายะตกใจและเหลือบมองฟุมิโมริเหมือนว่าตนเองทำอะไรผิด ฟุมิโมริหยิบชิ้นเยลลี่เพื่อมาดม และพบว่ามันมีกลิ่นหอมและเป็นกลิ่นเดียวกับที่เขาได้กลิ่นตอนอยู่หน้าบ้าน เขาลองกินและตกใจเพราะมันมีรสอร่อยมากจนเหลือเชื่อ
“อร่อยจังซายะ เธอทำของแบบนี้ได้ยังไงเหรอ”ฟุมิโมริถามซายะ
“เธอแค่ย่อยมันนิดหน่อยก่อนจะกินเท่านั้นเอง ฟุมิโมริคุง คุณโอเคกับอาหารนี้เหรอ ที่...?”
“แน่นอนไม่มีปัญหา ว่าแต่มันคืออะไรเหรอ?”ฟุมิโมริถามซายะอีกครั้ง
“อืมม.......... ปกติมันเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ น่ะ ฉันเจอในสวน แต่ครั้งนี้ครั้งแรกฉันได้ขนาดใหญ่มาเลยย่อยมันจนมีขนาดเล็กน่ะ”ซายะพูดกำกวน เลี่ยงคำตอบอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้ฟุมิโมริรู้
“นี้ถือว่าเป็นโอกาสดีแล้วล่ะที่เราทั้งสองไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารแล้วน่ะซายะ” ฟุมิโมริพูดกับซายะ ที่จริงเขาสังเกตตลอดเวลาว่า ในตอนที่เขากินอาหาร(ที่ไม่ถูกปาก)ซายะจะไม่กินอาหารร่วมกับเขาด้วย ทำให้เขากังวลตลอดว่าซายะกินอาหารอะไรกันแน่ มาคราวนี้เขาก็ได้รู้ว่าซายะกินอาหารที่เหมือนเยลลีและเขาก็ชอบอาหารที่เธอทานเหมือนกัน ทั้งคู่ร่วมรับประทานและพูดคุยเล็กน้อยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเยลลี่ ก่อนที่ที่จะเก็บเยลลีที่กินไม่หมดในตู้เย็น…………….
ฟุมิโมรินึกจะช่วยซายะตามหาพ่อ เขานึกได้ว่าเรียวโกะหมอประจำตัวที่รักษาฟุโนริน่าจะรู้เรื่องพ่อของซายะ ดูเหมือนเธอมีความลับสำคัญเก็บเอาไว้ ฟุมิโมริพยายามสืบเรื่องนี้ โดยหารู้ไม่ว่าเรียวโกะกำลังจับตาดูเขาและซายะอยู่
จากนั้นฉากของเกมส์ก็ตัดฉาก เกี่ยวกับเรื่องเล่าสยองขวัญในโรงพยาบาลที่ฟุมิโนริรักษาตัวอยู่ เรื่องเล่าบอกว่าทุกยามค่ำคืนมีพยานหลายคนได้เห็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่รูปร่างไม่ใช้มนุษย์หรือสัตว์ใดๆ ในโลกที่รูปร่างคล้ายก้อนเนื้อน่าตาน่ากลัว มันชอบคืบคลานตามทางเดิน และมักทิ้งคราบเมือกๆ ปรากฏตามพื้น มันมักปรากฏบนเตียงคนไข้ หลายคนที่เห็นแทบเสียสติหรือกลายเป็นบ้ากับความสยดสยองของมัน มีข่าวลื่อเกี่ยวกับมันหลายอย่าง เช่น มันชอบกินแมวเป็นอาหาร ส่งผลให้พวกแมวจรจัดรอบๆ บริเวณโรงพยาบาลน้อยลง นอกจากนั้นมันยังเป็นต้นเหตุทำให้เด็กจากแผนกสูตินารีเวชหายไป นอกจากนั้นอวัยวะสำรองที่ใช้ปลูกถ่ายคนป่วยก็หายไปด้วย จนทางโรงพยาบาลประสบปัญหา แต่จู่ๆ เรื่องราวเหล่านี้กลับหยุดลงอย่างเด็ดขาดตอนปลายฤดูร้อน ไม่มีข่าวลื่อการพบตัวของสัตว์ประหลาดหรือการหายตัวไปของเด็กทารกหรือแมวอีกเลย....
ทางด้านโคจิและโยนึกสงสัยว่าหลายวันมานี้ โอมิหายไปไหน พวกเขาติดต่อเธอไม่ได้เลย โคจิรู้ดีในวันที่โอมิยังมีชีวิตเธออาสาจะไปบ้านของฟุมิโมริ จากนั้นก็หายสาปสูญไปเลย โคจิพยายามสืบเรื่องการหายตัวไปของโอมิที่น่าจะสาเหตุมาจากฟุมิโนริ ที่หลังๆ แม้เขาจะเข้าห้องเรียนแต่กระนั้นเขาก็ไม่ค่อยพูดคุยกับคนอื่น เสมือนฟุมิโนริมองพวกเขาเหมือนคนละโลกอย่างไรอย่างนั้น โคจิรอเวลาที่ฟุมิโนริไม่อยู่บ้าน เพื่อที่เขาจะได้แอบเข้าไปสืบข่าว เมื่อโคจิไปถึงก็พบบ้านของฟุมิโมริอยู่สภาพบ้านขยะเหมือนกับโอมิมาครั้งแรก(แต่โทรมกว่าเดิม) เขาพบว่าประตูไม่ได้ล็อกแล้วเขาทำการสำรวจบ้าน เขาก็แปลกใจอีกครั้งนอกจากกินเหม็นสุดจะทนในบ้านเขายังพบเมือกประหลาดที่เต็มบนพื้นและบริเวณบ้าน ห้องน้ำเต็มไปด้วยซากกระดูกขนาดเล็กที่น่าจะเป็นของสัตว์ โคจิกำลังเข้าห้องครัว แต่พอดีฟุมิโมริมาพบเห็นก่อน เขาเห็นโคจิบุกรุกบ้าน เขาเลยจัดการไล่โคจิออกจากบ้าน แล้วบอกโคจิว่าอย่าเข้ามาในบ้านของเขาอีก

วันหนึ่งซายะคิดอะไรสนุกขึ้นมาได้ เธอได้ขโมยข้อมูลประวัติคนป่วยที่ฟุมิโมริออกจากโรงพยาบาล .....เช้าวันต่อมา เธอได้วางแผนในการทดสอบการทดลองของเธอโดยแก้ไขอะไรบางอย่างกับสมองของลุงข้างบ้านของฟุมิโมริ........
ค่ำคืนวันนั้นระหว่างที่ฟุมิโมรินอนกับซายะด้วยกันสองคนบนเตียง(ทั้งคู่เปลือย อิจฉาเว้ย) ซายะบอกฟุมิโมริว่า เธอสามารถแก้ไขอาการป่วยของฟุมิโมริได้ แต่ขอเวลาสักหน่อย เธอต้องการทดลองอะไรบางอย่าง........
ในเวลาต่อมา เมื่อลุงข้างบ้านที่ตกเป็นเหยื่อทดลองของซายะได้ลืมตาตื่นขึ้นมา เขาได้พบว่าเขาอยู่ในโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยก้อนเนื้อขยะแขยง เหมือนฟุมิโมริ ลุงข้างบ้านตกใจและหวาดกลัวจนเสียสติ จากนั้นเขาก็ได้เห็นสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อขนาดเท่าตัวคนปรากฏตัวที่หน้าห้อง มันถามทำนองว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหน ชายคนนั้นตกใจเลยคว้าอาวุธที่อยู่ใกล้ตัว จ้วงแทงสัตว์ประหลาดก้อนเนื้ออย่างบ้าคลั่ง สัตว์ประหลาดกรีดร้องด้วยเสียงทำลายโสตประสาท
“มันตัวอะไรว่ะ.....ทำไมมันอ่อนแอแบบนี้เนี้ย?”ลุงข้างบ้านแปลกใจเมื่อเขาฆ่าสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อตายอย่างง่ายดาย
ลุงข้างบ้านลงมาข้างล่าง เขาพบสัตว์ประหลาดก้อนเนื้ออีกตัว แต่ตัวเล็กกว่าด้านบนที่กำลังเข้ามาในบ้าน เขาตกใจอีกครั้งและก็จ้วงแทงฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนี้อย่างบ้าคลั่งไม่แพ้ตัวแรก สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อตัวเล็กดิ้นรนทุรนทุรายมันพยายามพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “พ่อจ๋า.......”(เฉลยล่ะกัน ลุงข้างบ้านได้ฆ่าภรรยาและลูกสาวของเขา เพราะคิดว่าเป็นสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อ)
“ฮ่า....ฮ่าๆๆๆๆ”ลุงข้างบ้านหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาเสียสติไปแล้ว
ทันใดนั้นซายะก็ปรากฏตัวใกล้ประตูเพื่อดูผลการทดลองของเธอ....
“ฉันน่ารักไหม.....” ซายะถามลุงข้างบ้าน
“น่ารัก...น่ารักสิ...เธอน่ารักมาก”ลุงข้างบ้านตอบด้วยน้ำเสียงหื่น
“จริงเหรอ? งั้นผลการทดลองของฉันก็ประสบผลสำเร็จแล้วสิ ดีใจจัง”ซายะดีใจ แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็นลุงข้างบ้านที่จ้องซายะด้วยท่าทางหื่นกระหาย ราวกับสิงโตกำลังตะครุบเหยื่อ
“สาวน้อยน่ารัก ฉันต้องการเธอ เราจะอยู่ในโลกนี้ด้วยกันสองคน”(เรารู้ดีว่าพวกชอบโลลิคอนนั้นมีเยอะ)ลุงข้างบ้านกระโจมใส่ซายะหมายจะข่มขื่น
“ทำไม ทำไมคุณไม่ดีต่อฉันล่ะ ไหนว่าคุณบอกว่าฉันน่ารักไง”ซายะตกใจกลัว และพยายามต่อสู้
“ใช่เธอน่ารักมากๆ น่ารักจนอยากจะขยี้เธอเลยแหละ”ลุงข้างบ้านหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“อะไร, ไม่น้า ไม่ ช่วยด้วย ช่วยด้วยฟุมิโมริ!!”ลุงข้างบ้านฉีกเสื้อผ้าซายะจนขาดวิ่นด้วยไม่สนใจเขาขอร้องหรือเสียงกรีดร้องใดๆ
ในเวลาเดียวนั้นเอง ฟุมิโมริกลับมาบ้านพอดี เขาได้ยินเสียงซายะร้องเรียกจากข้างบ้าน เขาบุกเข้าไป และเขาได้เห็นสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อ(ลุงข้างบ้าน)กำลังทำร้ายซายะ เขาเลยรีบเข้าไปที่ห้องครัวและคว้ามีดทำครัว(ขนาดดาบ Evil+3) จากนั้นก็ทำการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อ(ลุงข้างบ้าน)อย่างบ้าคลั่ง สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อ(ลุงข้างบ้าน)ถูกมีดแทงไม่ยั้ง มันส่งเสียงร้องทำลายโสตประสาทด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะสิ้นลมแนบนิ่งไป ส่วนซายะที่ตัวเปลือยเปล่าก็เข้ามากอดฟุมิโนริและร้องไห้(ปล. คลิปโดนบัง ไม่ได้เห็นซายะเปลือยเต็มตัว)
“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ”ซายะร้องไห้
“ไม่ต้องพูดอะไร นี่ไม่ใช้ความผิดของเธอ” ฟุมิโนริปลอบซายะ
“ไม่ มันเป็นความผิดของฉันเอง ที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้”
“เธอกำลังพูดถึงอะไร?”ฟุมิโนริถามซายะ
“ฉันทำการเปลี่ยนแปลงสมองของเขาให้เหมือนกับของคุณ ฉันคิดว่าถ้าคนอื่นเป็นแบบฟุมิโนริ พวกเขาจะดีต่อฉันเท่าเธอ แต่กลายเป็นว่าผลกลับตรงข้าม เขากับใช้กำลังกับฉัน......มันเป็นความผิดของฉัน...”ซายะร้องไห้
ฟุมิโนริตอบซายะว่าที่เขาดีต่อเธอนั้นไม่ใช่เพราะความปกติทางสมอง เขารักเธอจากใจจริง ค่ำคืนที่สองเราอยู่ร่วมกันนั้นทำให้เราทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งสำหรับซายะแล้วเธอคือหนึ่งเดียวในใจของเขา
"ซายะ.........ฉัน........" ก่อนที่ฟุมิโนริจะพูดอะไรมากกว่านี้ ซายะได้พูดตัดบท ก่อนที่เธอจะขอเป็นฝ่ายพูด
“ฟุมิโนริอยากกลับเป็นปกติไหม”
และแล้วเกมส์จะขึ้นตัวเลือกขึ้นมา “คุณต้องการกลับมาเป็นปกติ?” เลือกให้ดีๆ เพราะมันส่งผลฉากจบได้

ทางเลือก
1 Yes --- ฉากจบที่ 1
2 No --- ฉากจบที่ 2, ฉากจบที่ 3

ฉากจบที่ 1 หากคุณตอบ Yes
“Yes” ฟุมิโนริตอบทันทีไม่มีลังเล โดยไม่ทันคิดว่าคำตอบนี้ทำให้ซายะเกิดอารมณ์เศร้าเล็กน้อย
“นั้นสินะ มันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว” ซายะพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ฟุมิโนริเกิดความรู้สึกไม่สบาย เขาพยายามพูดกับซายะหากแต่ซายะห้ามไว้ บอกว่าเธอไม่เป็นแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ซายะจูบฟุมิโนริเบาๆ ก่อนที่เขาจะเป็นลม สติกำลังเลือนหายไปช้าๆ......
“ขอบคุณ ฟุมิโมริคุง.........”ซายะเดินจากลา
“เดี๋ยวก่อน ซายะ รอก่อน.....มีอีกอย่างที่ฉันจะพูด..........”ฟุมิโนริร้องเรียกให้ซายะหยุดเพื่อฟังประโยคของเขา หากแต่ก็สายไปเสียแล้ว ซายะเริ่มหายไปจากเขาและสติเขาก็ลืมเลือนหายไป
ฉากตัดมา เมื่อเวลาต่อมา ฟุมิโมริก็ลืมตาตื่นขึ้น เขาพบว่าตอนนี้ประสาทสัมผัสกลับมาเป็นปกติแล้ว โลกนรกก้อนเนื้อได้หายไป หากแต่เขาอยู่สถานที่แปลกไป มันเป็นห้องขาวโล่งๆ แคบๆ มีเตียงเดี่ยว
ตอนนี้เขาอยู่ห้องขังโรงพยาบาลบ้า........
หลังจากฟุมิโนริสลบไป มีคนได้มาพบศพของลุงข้างบ้าน(และศพในตู้เย็นที่บ้านฟุมิโนริด้วย) เขาถูกต้องข้อหาฆาตกรรมผู้อื่นโดยเจตนา หลักฐานมัดตัวหนาแน่น คำให้การของฟุมิโนริเรื่องผู้หญิงที่ชื่อ “ซายะ” นั้นไม่มีใครเชื่อถือ แถมจิตแพทย์หลังความเห็นว่า “เขาคือคนบ้า” ซายะมีจริงที่ไหน มันเป็นตัวตนจินตนาการของคนบ้าเท่านั้น เวลาคนทำผิดน่ะมักสร้างเรื่องราวให้ตนเองพ้นผิดทั้งนั้นแหละ
ฟุมิโนริถูกนำตัวขังในห้องสีขาวโล่งๆ อย่างสิ้นหวัง แต่กระนั้นในใจลึกๆ เขาก็รอใครบางคน คนที่เขาตั้งใจจะพูดประโยคสำคัญก่อนที่เธอจะจากไป.....ซายะตอนนี้เธออยู่ไหนกันน่ะ?
ฟุมิโนรินึกถึงอดีตที่ผ่านมา บางทีวันหนึ่งหากคำตอบ “No” เขาอาจจะอยู่กับซายะตลอดไปก็ได้ เขายอมจะอยู่โลกนรกแห่งก้อนเนื้อจะดีกว่าอยู่โลกแห่งความจริง โลกแห่งความจริงที่แสนจะโหดร้าย บางทีซายะอาจไม่มีตัวตนจริงๆ ก็ได้ ซายะเป็นเพียงจินตนาการของฉันแค่นั้นเอง
ฟิมิโนริยังคงขังอยู่ในห้องสีขาว วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า แต่เขายังคงรอคอยบางคนอยู่เช่นเดิม
กลางดึกคืนหนึ่ง ฟุมิโนริได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่นอกห้องขังนักโทษที่เคลือบคลานและเคลื่อนไหวไปมาอย่างน่าขยะแขยง แต่เขารู้สึกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่เขารอมาแสนนาน
“ซายะ.........นั่นซายะใช่เปล่า?”ฟุมิโนริร้องเรียก หากแต่อีกฝ่ายไม่โต้ตอบแต่อย่างใด
“ทำไมซายะ ทำไมเธอถึงไม่พูดกับฉันล่ะซายะ”
หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ก็มีบางสิ่งบางอย่างส่งผ่านช่องว่างที่ประตู เป็นมือถือของโอมิที่ทำตกไว้หลังจากที่เธอถูกฆ่า บนหน้าเจอปรากฏข้อความที่ถูกพิมพ์ว่า “ตอนนี้ฉันพูดกับฟุมิโนริไม่ได้ เพราะเสียงของเธอไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว”
ฟุมิโนริพูดว่าเขาไม่สนใจว่าตอนนี้เสียงของซายะเป็นอย่างไร ก่อนจะพูดอีกว่า “ซายะ ได้โปรด ฉันอยากเห็นหน้าของเธอ”
จากนั้นฟุมิโนริส่งมือถือกลับไปที่ช่องว่างที่ประตู ก่อนที่มือถือจะถูกส่งกลับมาอีกครั้งมันเขียนไว้ว่า “ไม่!! ฉันไม่ต้องให้คุณเห็นร่างจริงของฉัน ฉันในตอนนี้....”
ฟุมิโนริได้รับข้อความโทรศัพท์บนมือถือโอมิอีกครั้ง
“ขอให้ฉันเป็นซายะคนเดิมในใจของฟุมิโนริคุงเถอะนะ”
ฟุมิโนริรู้เลยว่าตอนนี้ซายะไม่ใช่ซายะที่เขาเคยเห็นอีกต่อไปแล้ว บางที่ตอนนี้รูปร่างของเธออาจเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัว การที่เขาเห็นเธอเป็นสาวน้อยน่ารักเป็นเพราะประสาททางสมองผิดปกติ และเมื่อตอนนี้สมองเขากลับมาเป็นปกติ ซายะเลยไม่อยากให้เขาเห็นร่างจริงของเธอ เธอเลยจำต้องทิ้งเขา เพื่อไม่ให้เขากลัวเธอ
ซายะพิมพ์ข้อความส่งกลับอีกว่า ตอนนี้เธอวางแผนจะตามหาพ่อเพียงคนเดียว เพราะพ่อเป็นคนเดียวที่รู้วิธีส่งตัวเธอกลับไปยังโลกของเธอ
ฟุมิโนริรู้เลยว่าตอนนี้ซายะที่อยู่ข้างนอกกำลังร้องไห้ บางทีนี้อาจเป็นเส้นทางเดินที่อาจเต็มด้วยขวากหนามที่เต็มไปด้วยอันตราย เขาก็อยากจะช่วยเธอตามหาพ่อ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถช่วยซายะได้อีกต่อไปแล้ว เขาเพียงกล่าวคำอวยพรและพยายามปลอบซายะเท่านั้น"ถ้าเธอเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ ก็มาหาฉันในห้องนี้ได้ทุกเมื่อนะซายะ"
ข้อความสุดท้ายของโทรศัพท์มือถือของโอมิคือ “ขอบคุณ ลาก่อนฟุมิโนริ และฉันจะทำดีที่สุด”
ฟุมิโนริรู้ดีว่าถึงเวลาที่ต้องลาจากแล้ว เขาพิมพ์ข้อความโทรศัพท์มือถือสุดท้ายว่า “ลาก่อน ซายะ”
และจากนั้นเป็นต้นมา ฟุมิโนริก็ไม่ได้เห็นหรือได้ยินข่าวจากซายะอีกเลย คำพูดสุดท้ายที่เขาตั้งใจจะบอกซายะก็ทำไม่สำเร็จ บางทีนี้อาจเป็นความฝันเป็นจินตนาการของเขาเพียงผู้เดียว แต่กระนั้นเขาก็จะอยู่ในห้องสีขาวแห่งนี้เพื่อจะรอคอยเธอตลอดไป.........

ทางเลือกที่สอง หากคุณ No --- ฉากจบที่ 2, ฉากจบที่ 3
เรื่องราวต่อไปนี้ชักจะเริ่มบ้าคลั่ง..........
ฟุมิโนริปฏิเสธซายะเขาไม่อยากกลับเป็นปกติ เพราะเขารู้ดีว่าหากเป็นเช่นนั้นซายะจะหายไปจากเขา โดยเขาหารู้ไม่ว่าการปฏิเสธในครั้งนี้นำมาซึ่งหายนะที่น่าสยดสยองในอนาคตข้างหน้า
“ทำไมล่ะ? มันเป็นสิ่งที่ฟุมิโนริต้องการไม่ใช่เหรอ?” ซายะถามอีกครั้ง
“ไม่ มันไม่จำเป็นอีกแล้ว ซายะ!! ฉันไม่อยากเสียเธอไป”ฟุมิโนริตอบอย่างมั่นใจ
“ฉันไม่ต้องการให้ฟุมิโนริคุงนึกเสียใจทีหลัง ดังนั้นฉันจึงได้ถามเธอ แต่เธอ..... ”ซายะร้องไห้
“ตอนเด็กๆ ฉันเคยอ่านการ์ตูนเรื่องหนึ่งนะ”ฟุมิโนริย้อนอดีตให้ซายะฟัง
ก่อนที่จะพูดอะไรต่อ ฟุมิโนริถามซายะว่าสัตว์ประหลาดที่เห็นเป็นใครเหรอ ซายะตอบว่าลุงข้างบ้านพร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฟุมิโนริไม่สนใจนักแม้ลุงข้างบ้านจะเป็นคนใจดีมักห่วงเขาอยู่บ่อยๆ แต่มันดันทำไม่ดีไม่ร้ายกับซายะมันก็สมควรตาย จากนั้นเขาก็เอาร่างสัตว์ประหลาดพ่อ แม่ ลูกทั้งสามไปทำอาหารที่ห้องครัว........ระหว่างทำอาหารนั้นฟุมิโนริก็เล่าการ์ตูนเรื่องนั้นไปด้วย
“การ์ตูนเรื่องนั้นเป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุ ทำให้มนุษย์ทุกคนในสายตาของเขากลายเป็นหุ่นยนต์ และหุ่นยนต์จะเหมือนผู้หญิงสวย มันอาจจะไม่คล้ายสถานการณ์ฉันก็จริง แล้วเขาก็ตกหลุมรักหุ่นยนต์ตัวนั้น ซายะคิดยังไงบ้างล่ะ?” (ประโยคนี่เขียนอังกฤษว่า "The story goes, A man, because of an accident, every human in his eye looks like a robot, and every robot looks like a beautiful woman, isn't that similar to my situation, and then he fell in love with a robot...Saya, who's this?” แน่นอนครับสิ่งที่ฟุมิโนริเล่ามาจากการ์ตูนอมตะเรื่องวิหกเพลิงของโอซามุนั้นเอง)
“แหม...”ซายะตั้งใจเรื่องโรแมนติกฟังฟุมิโนริเล่า อย่างจดใจจดจ่อ
ฟุมิโนริลดมีดลงในขณะที่เขากำลังชำแหละเยลลี่สัตว์ประหลาดที่ส่งกลิ่นหอมหวน ก่อนที่จะพูดว่า “ฉันคิดว่า.....”
“ฟุมิโนริ.......”
“ในที่สุดชายคนนั้นก็ได้เป็นหุ่นยนต์และอยู่อย่างมีความสุขตลอดกาล ซายะฉันรักเธอ”(ประโยคนี้แปลมาจาก "In the end, the main character became a robot, and lived happily ever after, I love you Saya" จะเห็นได้ว่าเรื่องที่ฟุมิโนริเล่าค่อนข้างผิดเพี้ยนพอสมควร ฉากจบการ์ตูนที่ว่ายังมีต่ออีกยาวและไม่ได้แอปปี้เหมือนฟุมิโนริเล่ามา เขาตีความการ์ตูนตอนนี้ไม่กระจ่าง....)
ฟุมิโนริรู้ดีว่าซายะไม่ใช่มนุษย์ เขาจึงตัดสินใจที่จะทิ้งชีวิตคนปกติ ในขณะเดียวกันเขาไม่อยากฆ่าหรือกินมนุษย์ แม้ภายนอกเขาจะเห็นเป็นสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อก็ตาม(แต่เนื้อเยลลีนี้อร่อยเป็นบ้าเลย) โชคดีที่เนื้อของลุงข้างบ้าน, ภรรยาและลูกนั้นมีมีเยอะ จนสามารถเก็บเต็มตู้เย็น หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องกังวลในการหาอาหารไปพักใหญ่เลยทีเดียว
ค่ำคืนวันนั้นระหว่างที่ฟุมิโนริอยู่กับซายะที่ห้องนอน ฟุมิโนริได้บอกเรื่องพ่อของซายะที่เขาไปสืบให้ซายะฟัง ความจริงแล้วพ่อของซายะไม่ใช่พ่อแท้ๆ เป็นพ่อบุญธรรมที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่มีอาชีพเป็นศาสตราจารย์ที่สอนซายะในเรื่องต่างๆ ฟุมิโนริได้ไปสืบที่บ้านของเขา เขาก็ได้พบภาพถ่ายสถานที่แห่งหนึ่ง ที่คาดว่าพ่อของซายะอาจจะอยู่ที่นั่น
ฟุมิโนริบอกซายะว่าพรุ่งนี้เขาจะไปตรวจสอบสถานที่แห่งนี้ แต่ซายะบอกไม่จำเป็น เพราะตอนนี้เธอมีฟุมิโนริอยู่แล้ว แต่ฟุมิโนริบอกว่าถึงอย่างไรก็ต้องไป เพราะเขาคิดว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะจะเป็นรังรักของพวกเรา นอกจากนี้เขายังคิดแผนอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจของเขามาตั้งนานแล้ว
จากนั้นซายะถามฟุมิโนริว่าเขาอยากได้เพื่อนและครอบครัวไหม ฟุมิโนริแปลกใจกับคำถามของซายะแต่เขาก็ตอบว่าอยากสิ เพราะคนยิ่งเยอะก็ยิ่งสนุก แต่ถึงยังไงซายะก็ยังเป็นคนพิเศษสำหรับเขาอยู่ดี
เมื่อซายะได้ยิน ซายะก็หัวเราะ ตอนนี้เธอได้คิดแผนอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ที่เธอจะจัดการวันพรุ่งนี้
 1810265


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-11-28 13:52:11


มะแมวเหมี๊ยว
Mameo
#2
25-11-2012 - 16:07:58

#2 Mameo  [ 25-11-2012 - 16:07:58 ]




วันต่อมา ณ ที่มหาลัยแพทย์ โยกำลังนั่งอยู่คนเดียวที่โรงอาหาร ระหว่างที่เธอกำลังนึกถึงวันเก่าๆ ที่แสนสุขและการหายตัวไปของโอมิอยู่นั้นเธอก็ได้รับข้อความที่โทรศัพท์มือ มันถูกส่งจากโทรศัพท์ของโอมิ แต่เธอแน่ใจว่าคนส่งไม่ใช่โอมิแน่ๆ
“ถ้าอยากรู้เรื่องของฟุมิโนริ จงมาที่บ้านเขาคนเดียว อย่าบอกใครเด็ดขาด”
โยรู้ดีคนส่งไม่ใช้โอมิ แต่กระนั้นเธอก็แกล้งทำเป็นเชื่อ เธอพยายามพิมพ์ข้อความถามเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามบอกอะไรมากกว่านี้ หากแต่ก็ไร้ผลเพราะปลายสายไม่ให้ข้อมูลอะไรทั้งสิ้น ทำให้โยต้องจำเป็นต้องไปบ้านของฟุมิโนริ
บ่ายวันนั้นโยมาถึงบ้านฟุมิโนริ โยตกใจเล็กน้อยที่บ้านของฟุมิโนริกลายเป็นบ้านของขยะ ในระหว่างที่เธอยังไม่ทันหายตกใจ ข้อความโทรศัพท์จากโทรศัพท์ของโอมิก็ถูกส่งตรงมา มันเขียนทำนองให้โยทำตามคำสั่งให้เข้าบ้าน โยเข้าบ้านแบบกล้าๆ กลัวๆ น้ำตาเกือบจะไหล ข้างในบ้านของฟุมิโนริมืดอย่างน่ากลัว กลิ่นเหม็นโชยอย่างน่าสะอิดสะเอียน โยขึ้นไปชั้นสองเนื่องจากได้ยินเสียงโทรศัพท์ของโอมิดังขึ้น โยพยายามคิดว่าโอมิยังไม่ตาย บางที่นี้อาจเป็นการแกล้งของโอมิก็ได้ โอมิกำลังอยู่ข้างบน
โยเข้าไปในห้องของโยเธอช็อกกับภาพที่อยู่เบื้องหน้า สภาพห้องนอนถูกละเลงสีสันหลากหลายราวกับศิลปะของคนบ้า โยพยายามจะถอยฉากหนีจากสถานที่แห่งนี้ หากแต่ทันใดนั้นมีสิ่งที่โยไม่เคยเห็นพุ่งเข้ามาจู่โจมเธอ โยกรีดร้องพยายามต่อสู้ แต่หนวด(หรือระยางค์)ของมันรัดเธอจนแน่น เมือกเหนียวเต็มตัวเธอ พลังของมันนั้นมหาศาลเพราะมันสามารถฉีกเสื้อผ้าของโยอย่างง่ายดาย มันรัดโยแน่นจนโยเริ่มหมดแรงและก่อนที่โยจะหมดสติลง ข้อความมือถือก็ปรากฏข้อความขึ้น มันเป็นข้อความเหมือนเด็กสาวคนหนึ่งที่พิมพ์ข้อความด้วยความริษยาหึ่งหวงเต็มประดา
“ฉันรู้นะว่าคุณพยายามยั่วยวนฟุมิโนริคุง คุณพยายามขโมยเขาจากฉัน นังแมวขโมย แต่ไม่ต้องห่วงฉันไม่ฆ่าคุณหรอก”
สติของโยเริ่มดับวูบลง ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลง..................
ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่โยอยู่โรงอาหาร ณ มหาลัยแพทย์อีกมุมหนึ่ง โคจิกำลังเดินทางไปหาโยที่โรงอาหาร จู่ๆ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จาก "ฟุมิโนริ" ซึ่งตอนนี้เขากลัวอดีตเพื่อนรักคนนี้อย่างจับใจ
โคจิรับโทรศัพท์ ปลายสายเป็นเสียงของฟุมิโนริ เขาบอกมีเรื่องจะคุยด้วย ขอให้เขามาที่ลานจอดรถข้างล่าง
โคจิลงมาที่ลานจอดรถตามที่ฟุมิโนริบอก เขาเห็นฟุมิโนริด้วยสีหน้าเหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่ บรรยากาศรอบตัวของเขาม่น่าไว้วางใจเสียเลย เขาได้ขอร้องให้โคจิช่วยขับรถพาเขาไปส่งสถานที่แห่งหนึ่ง ฟุมิโนริยื่นรูปใบหนึ่งให้โคจิดูมันเป็นรูปบ้านพักตากอากาศที่อยู่ไกลจากโตเกียวอย่างมาก ขนาดเดินทางด้วยรถยนต์ต้องใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง
แต่กระนั้นโคจิก็รับปากเพราะเป็นโอกาสดีที่จะไขปริศนาของฟุมิโนริได้ โคจิให้ฟุมิโนริขึ้นรถส่วนตัวของเขา ระหว่างที่ขับรถโคจิพยายามพูดคุยกับฟุมิโนริต่างๆ นาๆ แต่ฟุมิโนริไม่เล่นเดียว สำหรับตอนนี้ฟุมิโนริไม่ใช้คนเดียวกับเขารู้จักอีกแล้ว เหมือนพวกอยู่คนละโลกมากกว่า
โคจิขับรถยนต์ไปตามทางถนน เส้นทางนี้ได้นำพาพวกเขาไปยังสถานที่ห่างไกลทุกคนไปทุกที จนกระทั้งมาหยุดลงที่บ้านพักตากอากาศบนภูเขาแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยป่าเขา และดูเหมือนที่บ้านจะร้างไม่มีคนอาศัยอยู่
ฟุมิโนริเชิญชวนให้โคจิไปสำรวจตัวบ้านด้วยกัน แต่ก็อย่างภายในบ้านก็อย่างที่คาดไว้เหมือนกับภายนอก ไม่มีร่องรอยของผู้อยู่อาศัย ฝุ่นเกาะและหยากไย่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณบ้าน
ทั้งสองสำรวจทั่วบริเวณก็ไม่พบสิ่งที่น่าสนใจสักอย่าง จนกระทั้งทั้งสองแยกกันค้นหา โคจิค้นหาหลังบ้านเขาดูห้องใต้ดินก็ไม่ได้เจออะไรจากนั้นเขาก็สำรวจไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่บ่อน้ำเก่าๆ บริเวณสวนด้านหลังบ้าน ในระหว่างนั้นโคจิลองโทรศัพท์ไปหาโย เมื่อปลายสายรับโทรศัพท์ โคจิก็รู้สึกแปลกใจเมื่อคนรับโทรศัพท์นั้นคือโย แต่น้ำเสียงของเธอค่อนข้างจะแปลกๆ มันไม่ปะติดประต่อ ขาดช่วง ถามอะไรก็ตะกุกตะกัก มีขอความช่วยเหลือกับเสียงสะอื้นเหมือนกำลังร้องไห้เป็นระยะ สลับกับเสียงที่กำลังเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานสุดแสนสาหัสอย่างน่าสยดสยอง
“หู........มันกำลังกัดกินหูของฉัน...นิ้วนี้.....ไม่นิ้วของฉัน....นิ้วของฉัน....ไม่”
โคจิกำลังช็อกกับสิ่งได้ยิน ตอนนี้โยกำลังอยู่สภาพสิ่งใดกันแน่ โยกำลังถูกสิ่งใดกัดกินตัวเธออยู่เหรอ?
ระหว่างที่โคจิเดือดร้อนใจอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็ถูกจู่โจมโนฟุมิโนริอย่างรวดเร็ว ฟุมิโนริทำร้ายเขาจนเขาตกลงในบ่อน้ำเก่า ตัวของโคจิกระแทกที่ก้นบ่อ เขาได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงตาย แต่เขาตกใจและงงกับการทรยศโดยเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาเสียมากกว่าอาการบาดเจ็บเสียอีก
โคจิถามฟุมิโนริถึงเหตุผลว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ฟุมิโนริหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาตอบว่ามันไม่มีเหตุผล แค่กำจัดตัวอันตรายสำหรับเขาและซายะในวันข้างหน้าแค่นี่เอง ฟุมิโนริพูดคุยกับโคจิเล็กน้อย ก่อนที่จะทิ้งโคจิที่ตกบ่อน้ำไว้ตามลำพัง จากนั้นก็ขับรถจากไป....
ฟุมิโนริกลับมาถึงบ้านของเขาในตอนเช้า ซายะที่กำลังรอฟุมิโนริอยู่แสดงอาการเหมือนเด็กๆ (มีฉากฟุมิโนริอาบน้ำกับซายะด้วยล่ะ โครตอิจฉาเลย) ฟุมิโนริขอโทษซายะว่าเขาตามหาพ่อของเธอไม่สำเร็จ พ่อของเธอไม่ได้อยู่ที่นั่น ซายะบอกว่าไม่เป็นไร อีกทั้งเธอยังเตรียมของขวัญพิเศษจะให้เขา ซายะพาฟุมิโนริไปดูของขวัญที่เตรียมไว้ในมุมห้องหนึ่ง ณ ที่นั้นเขาก็พบกับโย
โยที่ฟุมิโนริเห็นอยู่ในสภาพของมนุษย์ที่ร่างกายเปลือยเปล่า มีเพียงปลอกคอเท่านั้นที่สวนใส่อยู่ เธออยู่ในสภาพเหมือนคนเสียสตินอนขดตัวแน่นด้วยความหวาดกลัว ฟุมิโนริคิดได้เลยว่าตอนนี้ร่างแท้จริงของโยในโลกแห่งความจริงถูกซายะดัดแปลง จนเธอกลายเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดไปเรียบร้อย
ซายะบอกฟุมิโนริว่านี้คือสัตว์เลี้ยงใหม่ของพวกเรา
“ถึงแม้จะดัดแปลงทดลองจนสำเร็จ แต่ดูเหมือนจะใช้เวลากลายสภาพนานเกินไป ทำให้จิตใจของเธอบกพร่องอ่ะนะ” ซายะก็อธิบายการทดลองของเธอเสมือนกับว่าเธอมีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์พอสมควร จากนั้นซายะยิ้มอย่างภาคภูมิใจเสมือนกับเด็กที่ทำทดลองในชั่วโมงวิทยาศาสตร์สำเร็จ
ทางด้านโคจิหลังจากอยู่บ่อน้ำพักใหญ่ๆ เขาก็ถูกช่วยเหลือโดยเรียวโกะที่ตามเบาะแสจนมาถึงที่นี้ โคจิได้ตามเรียวโกะไปที่ทางลับอุโมงค์ที่มืดมิดที่ซ่อนในบ่อน้ำร้างของบ้านพักตากอากาศ ระหว่างนั้นเรียวโกะก็พูดถึงเรื่องเก่าๆ เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ไม่มีอยู่บนโลกที่ทำให้ชีวิตคนที่เธอรู้จักเปลี่ยนไป เธอน่าจะจัดการตั้งแต่วันนั้น ไม่น่าจะปล่อยให้มันหลุดรอดจนถึงบัดนี้เลย ทำให้คนอื่นๆ ต้องมารับเคราะห์เพิ่มไปอีก
โคจิตามเรียวโกะจนมาถึงห้องหนึ่งเหมือนเป็นห้องวิจัยอะไรบางอย่าง มีโต๊ะผ่าตัดอยู่กลางห้อง ชั้นวางหนังสือเก่าๆ ตู้ยาเต็มไปด้วยขวดยาและสารเคมี บ่บอกถึงสถานที่แห่งนี้วิจัยอะไรบางอย่างที่เป็นความลับบอกคนภายนอกรู้ไม่ได้
และแล้วโคจิก็รู้ความลับของเรียวโกะเข้า เมื่อเรียวโกะชี้ไปที่มุมห้องหนึ่ง ณ มุมห้องนั้นมีศพที่แห้งกรังของชายคนหนึ่งที่มีปืนกระบอกสั้นในมือที่เขาใช้ฆ่าตัวตาย.........
ศพคนนี้คือเจ้าของบ้านพักตากอากาศแห่งนี้,คนรู้จักของเรียวโกะ และพ่อของซายะนั่นเอง.....
โคจิตื่นมาอีกครั้ง หลังจากที่เขาสลบจากการตกใจเมื่อเห็นศพ เขาพบว่าตนเองอยู่บ้านพักตากอากาศชั้นบน โดยมีเรียวโกะกำลังนั่งตรวจสอบเอกสารบางอย่างอยู่
เรียวโกะบอกว่าโคจิว่าศาสตราจารย์หรือเจ้าของบ้านพักแห่งนี้กำลังเดินการวิจัยสิ่งมีชีวิตอะไรบางอย่างอยู่ มันเป็นผลงานลับสุดยอดที่โลกไม่ควรจะรู้ ซึ่งเขายอมจบชีวิตตนเองลงเพื่อรักษาความลับนี้เอาไว้ แต่กระนั้นดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตวิจัยตัวนั้นเกิดหลุดออกไป และหนีหายไปไหนสักแห่ง ซึ่งตอนนี้เธอกำลังตามหามันอยู่
โคจิบอกกับเรียวโกะว่า บางทีอาจเกี่ยวข้องกับฟุมิโนริเพราะเขาพยายามสืบหาเรื่องนี้เหมือนกัน
จากนั้นโคจิเสนอว่าให้แจ้งตำรวจ แต่เรียวโกะคัดค้าน เนื่องจากมันไม่มีประโยชน์ โคจิเลยตัดสินใจจะไปช่วยโยและยุติปัญญากับฟุมิโนริตามลำพัง เรียวโกะสั่งห้าม แต่โคจิยังดื้อดึง จนเรียวโกะใจอ่อน เธอเลยให้ปืนสั้นโคจิใช้เพื่อป้องกันตัว โคจิยินดีรับก่อนที่จะขับรถจากไป
ระหว่างที่โคจิขับรถเพื่อกลับโตเกียว เขาได้โทรศัพท์ไปหาฟุมิโนริเพื่อทำสงครามจิตวิทยา
ปลายสายที่รับโคจิรู้ทันทีว่าเป็นเสียงฟุมิโนรริ น้ำเสียงของเขาแสดงอาการตกใจ หวาดกลัว และเคียดแค้นสุดขีด
“โย! นายคงไม่คิดว่าจะได้รับสายจากคนที่ตายไปแล้วน่ะ” โคจิเริ่มพูด
“.....แกรอดมาได้ไง”
โคจิเริ่มพูดเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่เขาเจอทางลับในบ่อน้ำที่เชื่อมไปยังห้องวิจัยใต้ดิน รวมทั้งได้เจอเจ้าของบ้านพักคนที่ฟุมิโนริต้องการหา ก่อนที่เขาจะพูดประโยคโยนหินถามทางว่า
“ฉันรู้เรื่องทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงเรื่องซายะด้วย นายเสร็จแน่ฟุมิโนริ......”
“แก....ไอ้เลว” น้ำเสียงของฟุมิโนริที่โคจิได้ยิน รู้เลยว่าตอนนี้กำลังโมโหจัด จากนั้นฟุมิโนริก็หลุดปากว่าโยยังมีชีวิตอยู่ ฟุมิโนริจึงสั่งฟุมิโนริให้ปล่อยตัวโย แล้วเขาจะไม่ทำอันตรายฟุมิโนริกับซายะ เขาให้เวลาฟุมิโนริตัดสินใจ ก่อนที่เขาจะวางโทรศัพท์ไป
หลังจากโคจิวางสาย เขาเอาหน้าซบกับพวงมาลัยและร้องไห้ โดยไม่สนใจทางข้างหน้า เขาไม่คิดเลยว่าซะตากรรมของเขาจะเป็นเช่นนี้
ทางด้านเรียวโกะยังอยู่ที่บ้านพัก เธอได้เกาะรหัสลับในเอกสารของเจ้าของบ้านพักจนได้ความว่า เขาได้พบสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ไม่สามารถระบุที่มาของมันได้ เขาตั้งชื่อมันว่า “ซายะ” สิ่งมีชีวิตนี้มีสติปัญญาเกินกว่ามนุษย์และกระหายที่จะเรียนรู้ จนสามารถพัฒนาความคิดอย่างรวดเร็ว เช่นการสื่อสารที่มันเรียนรู้ภาษาของมนุษย์ การแตกฉานเรื่องการคำนวณยิ่งกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ทั้งโลกมารวมกัน นอกจากนั้นยังพัฒนาอารมณ์เหมือนมนุษย์แต่การพัฒนานั้นค่อนข้างมากจนน่ากลัว นอกจากนี้สิ่งที่ซายะสนใจที่สุดคือการสืบพันธุ์และการขยายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต การเรียนรู้นี้ทำให้ซายะสามารถดัดแปลงสิ่งมีชีวิตทั้งหลายให้กลายเป็นอะไรก็ได้ตามใจเธอต้องการ

กลับมาที่โคจิเขาได้สูญเสียความเชื่อและความหวังให้เพื่อนรักของเขากับมาเช่นเดิม เขายืนอยู่หน้าบ้านขยะของฟุมินิโนริ แต่เขาไม่คิดจะกดกลิ่นหน้าบ้าน แต่แอบเขาเข้าไปในบ้านและเริ่มต้นสำรวจอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะหยุดที่ห้องครัวที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงและรอยเลือดแห้งที่เต็มพื้นและผนังของห้อง จากนั้นเขาก็เดินไปที่ตู้เย็นที่สังหรณ์ว่ามันมีอะไรบางอย่างที่สำคัญอยู่ในนั้น ในนั้นเขาได้พบ ชิ้นส่วนของมนุษย์ที่แล่ออก ซากศพถูกเก็บอัดแน่นไว้กล่องพลาสติกใสสีขาว เขาไม่แน่ใจว่าซากศพนั้นเป็นของคนรู้จักและคนรักหรือเปล่า หากแต่มือเรียวยาวนี้เขาช่างคุ้นเคยเสียจริง ที่เมื่อก่อนเขาเคยจับและจูบหลายครั้ง มาบัดนี้กลายเป็นมือซีดขาวและสยดสยอง สุดท้ายฟุมิโนริตัดสินใจครั้งสุดท้ายหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อโทรไปหาใครบางคน
และแล้วเกมส์จะขึ้นตัวเลือกขึ้นมา “คนที่โคจิโทรไปหา?” เลือกให้ดีๆ เพราะมันส่งผลต่อฉากจบได้

ทางเลือก
1. ฟุมิโนริ – Ending 2
2. เรียวโกะ– Ending 3

ฉากจบที่ 2 หากคุณตอบ “ฟุมิโนริ”
โคจิทำการสำรวจบ้านก็พบฟุมิโนริไม่อยู่บ้าน เขาเลยโทรไปหาฟุมิโนริ
ฟุมิโนริรับสาย โคจิพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน พร้อมกับพูดให้อีกฝ่ายคืนตัวโยเพื่อแรกเอกสารวิจัยของซายะ
ฟุมิโนริตอบตกลง พร้อมกับนัดให้โคขิไปรอที่บ้านของพ่อของซายะ ตอนทุ่มตรง จากนั้นฟุมิโนริวางสายทันทีที่พูดจบ
ทางด้านฟุมิโนริกับซายะและโย ได้หนีออกมายังข้างนอก เพื่อไปซ่อนตัวที่โรงพยาบาลร้างหลังหนึ่งบนภูเขาตามคำแนะนำของซายะ สภาพบ้านหลังใหม่นี้เละกว่าบ้านของฟุโนริเสียอีก หากแต่ตอนนี้ที่นี้คือสถานที่เหมาะสมสำหรับเขาและซายะ
ฟุมิโนริเริ่มใช้ชีวิตในชั้นใต้ดินกับซายะและโย เขาซื้อของใช้ที่จำเป็นมาได้พอสมควร นอกจากนี้เขายังซื้ออาวุธใหม่เป็นขวาน ระหว่างนั้นเขาและซายะก็เริ่มวางแผนการเพื่อรับมือกับโคจิ
ระหว่างนี้มีบทสนทนาระหว่างฟุมิโนริกับซายะที่ดูเหมือนน่ารักสดใส แต่หากตีความหมายมันแหวะๆ ไงชอบกล ฟุมิโนริเริ่มพูดกับซายะถึงอนาคตของพวกเรา ซายะกล่าวทำนองว่าอีกไม่นานเธอจะมีพลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงโลก แต่เธอไม่รู้ว่าพลังความสามารถที่ว่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
“ฟุมิโนริคุณรู้เรื่องดอกแดนดิไลอ้อนไหม ดอกดิไลอ้อนมันจะปล่อยลูกหลานมากมายของมันปลิวไหวไปในกระแสอากาศ อีกไม่นานโลกนี้จะกลายเป็นสวนของดอกดิไลอัน และเมื่อนั้นฟุมิโนริคุงจะพบคนที่รักในสวนแห่งนั้น” (ดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีภาษาดอกไม้แล้วแต่สี หากแต่ความหมายโดยทั่วไปหมายถึงความรักที่พระเจ้าบันดาลให้)
โคจิเดินทางไปสถานที่นัดหมายตามที่ฟุมิโนริบอก หากแต่เมื่อถึงสถานที่นัดหมายไว้ กลับโดนฟุมิโนริเปลี่ยนใจเปลี่ยนสถานที่ถึงสามครั้ง จนกระทั้งมาหยุดในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไร้แสงไฟและลับตาคนบนยอดเขา
โคจิลงจากรถ(ส่วนเรียวโกะซ่อนตัวที่ท้ายรถ)เขาได้รับโทรศัพท์มือถือจากฟุมิโนริอีกครั้ง บอกให้เขาเข้าไปข้างใน โคจิเตรียมปืนและไฟฉายและเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง
โคจิเดินเข้าไปทางเดินอย่างเงียบๆ สักพักเขาก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดรูปร่างก้อนเนื้อที่เป็นเมือกเหนียวๆ มีกลิ่นเหม็นเคลื่อนที่ไปมาพร้อมส่งเสียงประหลาดเหมือนเสียงสะอื้น และสิ่งนั้นกำลังตรงเข้ามายังที่เขาอยู่
“โคจิคุง.....” สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อส่งเสียง แม้จะเป็นเสียงที่ไม่ชัดเจน แต่โคจิรู้ว่าเสียงนั้นคือโยเพื่อนสาวของเขา
โยในรูปร่างสัตว์ประหลาดส่งเสียงขอร้องให้โคจิฆ่าเธอ โคจิตกใจก่อนที่จะยิงปืนไปที่สิ่งนั้นอย่างรวดเร็ว
“มันเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บมันเจ็บเจ็บเจ็บ” โยในร่างสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อร้องอย่างเจ็บปวดอย่างน่าสยดสยอง โยเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปที่โคจิ
“อ๊ากกกก” โคจิตกใจสุดขีดเขายิงปืนไปที่สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อตัวนั้นจนหมดแม็ก หากแต่สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อยังไม่ตายและเริ่มเข้ามาใกล้เขาที่เท้า โคจิตกใจจนกลายเป็นบ้า เขาใช้ท่อนเหล็กใกล้มือฟาดสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อเข้าไปไม่ยั้ง สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อเริ่มเละเทะ จนกระทั้งเงียบเสียงลง มันตายแล้ว.......
ขณะที่โคจิเผลอฟุมิโนริที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดที่กำลังดูและรอจังหวะพุ่งโจมตีด้วยขวานเล่มใหญ่ข้างหน้า การต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็เริ่มต้นขึ้น หากแต่ตอนนี้โคจิที่กำลังเสียขวัญและท่อนเหล็กมีหรือจะสู้ขวานเล่มใหญ่ของฟุมิโนริได้ บวกกับกำลังเสริมซายะที่แอบซุ่มอยู่ในเงามือที่โคจิเผลอเธอก็เอาหนวดระยางค์พันร่างของเขา จนโคจิหยุดการเคลื่อนไหว หนวดรยางค์เริ่มรัดจนแน่น จนเขาเริ่มขาดอากาศหายใจ
โคจิตาย ฟุมิโนริบาดเจ็บกระดูกหักเล็กน้อย ระหว่างที่ซายะกำลังฉลองชัยชนะด้วยการกินโคจิอยู่นั้น ร่างกายซายะก็ได้วิวัฒนาการไปถึงขั้นสุดท้ายและเป้าหมายสูงสุดของซายะคือ “การสืบพันธุ์”
“ฉันไม่คิดว่า...มันจะมาในตอนนี้”
“ซายะ ซายะ!!” ฟุมิโนริแผดร้องต่อความกลัวที่เขาจะสูญเสียซายะ
ซายะยิ้มและพูดว่า “ฉันเลือกฟุมิโนริเพราะว่าเธอว่าฉันน่ารัก....สวยงาม....ดังนั้นฉันจึงทำให้เธอมีความสุขตลอดไป......แต่นี้เป็นเพียงแค่ความหวังเท่านั้น”
ซายะกลายสภาพ มีกลีบดอกไม้สีขาวเรียวยาว แผ่ออกจากหลังของเธอราวกับปีกของผีเสื้อ แสงเรืองรองจากแต่ละกลีบมาจากละอองเล็กๆนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมอยู่เหมือนอนุภาคแสงสีขาว
“นี้เป็นการลาจากใช่เปล่า.....”ฟุมิโนริเอ่ยถาม
“เปล่า....มันเพิ่มเริ่มต้นต่างหาก”
ซายะตายในขณะที่ปล่อยสเปอร์ สปอร์ได้เข้าในชั้นบรรยากาศทำให้ธรรมชาติเกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างจีโนมที่ได้จากการที่ฟุมิโนริมีเพศสัมพันธ์กับซายะ สปอร์ซายะได้กระจัดกระจายไปทั่วโลกได้เปลี่ยนประชากรมนุษย์ทั้งโลกกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับซายะ อย่างไรก็ตามนี้เป็นโลกที่สวยงามที่สุดที่ฟุมิโนริเห็น โลกก้อนเนื้อกลายเป็นโลกที่สวยงาม(ในขณะที่โลกแห่งความจริงสภาพอย่างกับนรก) นี้คือของขวัญสุดท้ายของซายะที่มีต่อฟุมิโนริ....
“ขอบคุณนะซายะสำหรับของขวัญสุดท้าย”
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ณ ที่แห่งหนึ่งที่ห่างไกลจากความเจริญ เรียวโกะกำลังศึกษาผลงานวิจัยของพ่อของซายะอย่างไม่สนใจโลกภายนอกหรือการงานใดๆ ทั้งสิ้น เพราะงานวิจัยนี้ช่างยิ่งใหญ่สุดลึกล้ำที่อ่านแล้วไม่เสียชาติเกิด
และแล้วเธอก็ได้อ่านบันทึกล่าสุด พ่อของซายะบอกว่าซายะอาจถูกส่งมายังโลกเพื่อมาแทนที่มนุษย์โลกด้วยการผสมพันธุ์และสร้างสปอร์ แต่ตอนแรกเธอนั้นไม่มีความคิดนี้ ซายะไม่อยากมีความรัก ไม่สนใจการผสมพันธุ์ เพราะเธอไม่อยากหายไปจากขั้นตอนที่ว่า หากเธอจะหายเธอก็ต้องการคนที่มีความรักแท้ แต่หากมีคนเช่นนี้จริง ซายะก็จะรักเขา และมนุษยชาติจะพบจุดจบในที่สุด ซึ่งเขาเสียดายมากที่ไม่ได้เห็นวันนั้น เสียดายจริงๆ
ฉากสุดท้ายร่างเรียวโกะรู้ว่าเธอเหลือไม่กี่คนบนโลกที่ยังไม่ได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายซายะ เธอจึงเป็นมนุษย์ที่มีโอกาสจะได้เห็นจุดจบของมนุษยชาติ........


ฉากจบที่2 หากคุณตอบ “เรียวโกะ”
(เนื้อหาไม่แตกต่างจากฉากจบที่ 2 เท่าไหร่ แต่ช่วงท้ายสะใจมากๆ สำหรับผู้ที่ไม่ชอบนางมารน้อยซายะและพระเอกหน้ามืดตามัวอย่างฟุมิโนริ)
โคจิทำการสำรวจบ้านก็พบว่าตอนนี้ฟุมิโนริไม่ได้อยู่บ้านนี้แล้ว โคจิเลยโทรศัพท์ไปหาเรียวโกะ โคจิบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นไม่ว่าจะเป็นซากศพหรืออะไรก็ตาม เรียวโกะเตือนโคจิว่าอย่าวู่วาม ให้เขารอเธอไปสมทบก่อนแล้วค่อยปรึกษาวางแผนใหม่กัน
โคจิตอบตกลง
ทางด้านฟุมิโนริกับซายะและโย ได้หนีออกมายังข้างนอก เพื่อไปซ่อนตัวที่โรงพยาบาลร้างหลังหนึ่งบนภูเขาตามคำแนะนำของซายะ สภาพบ้านหลังใหม่นี้เละกว่าบ้านของฟุโนริเสียอีก หากแต่ตอนนี้ที่นี้คือสถานที่เหมาะสมสำหรับเขาและซายะ
ฟุมิโนริเริ่มใช้ชีวิตในชั้นใต้ดินกับซายะและโย เขาซื้อของใช้ที่จำเป็นมาได้พอสมควร นอกจากนี้เขายังซื้ออาวุธใหม่เป็นขวาน ระหว่างนั้นเขาและซายะก็เริ่มวางแผนการเพื่อรับมือกับโคจิ
ระหว่างนี้มีบทสนทนาระหว่างฟุมิโนริกับซายะที่ดูเหมือนน่ารักสดใส แต่หากตีความหมายมันแหวะๆ ไงชอบกล ฟุ
ทางด้านโคจิเขาได้พบกับเรียวโกะอีกครั้ง เธอได้พูดเกี่ยวกับซายะอย่างหมดเปลือก แต่สำหรับโคจิตอนนี้เขาอยากจะฆ่าฟุมิโนริคนเดียวเท่านั้น เขาตกลงกับเรียวโกะว่าเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะจัดการกับฟุมิโนริส่วนซายะนั้นให้คุณจัดการ จากนั้นเขาก็โทรศัพท์ไปหาฟุมิโนริอีกครั้ง
ฝ่ายตรงข้ามรับเร็วเกินคาด
โคจิพูดให้อีกฝ่ายคืนตัวโอมิมาโดยแลกเอกสารการค้นคว้าของซายะ ฟุมิโนริทำตามข้อตกลงอย่างว่าง่ายและบอกสถานที่นัดหมายให้
โคจิกับเรียวโกะเดินทางไปสถานที่นัดหมายตามที่ฟุมิโนริบอก หากแต่เมื่อถึงสถานที่นัดหมายไว้ กลับโดนฟุมิโนริเปลี่ยนใจเปลี่ยนสถานที่ถึงสามครั้ง จนกระทั้งมาหยุดในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไร้แสงไฟและลับตาคนบนยอดเขา
โคจิลงจากรถ(ส่วนเรียวโกะซ่อนตัวที่ท้ายรถ)เขาได้รับโทรศัพท์มือถือจากฟุมิโนริอีกครั้ง บอกให้เขาเข้าไปข้างใน โคจิเตรียมปืนและไฟฉายและเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง
โคจิเดินเข้าไปทางเดินอย่างเงียบๆ สักพักเขาก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดรูปร่างก้อนเนื้อที่เป็นเมือกเหนียวๆ มีกลิ่นเหม็นเคลื่อนที่ไปมาพร้อมส่งเสียงประหลาดเหมือนเสียงสะอื้น และสิ่งนั้นกำลังตรงเข้ามายังที่เขาอยู่
“โคจิคุง.....” สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อส่งเสียง แม้จะเป็นเสียงที่ไม่ชัดเจน แต่โคจิรู้ว่าเสียงนั้นคือโยเพื่อนสาวของเขา
โยในรูปร่างสัตว์ประหลาดส่งเสียงขอร้องให้โคจิฆ่าเธอ โคจิตกใจก่อนที่จะยิงปืนไปที่สิ่งนั้นอย่างรวดเร็ว
“มันเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บมันเจ็บเจ็บเจ็บ” โยในร่างสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อร้องอย่างเจ็บปวดอย่างน่าสยดสยอง โยเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปที่โคจิ
“อ๊ากกกก” โคจิตกใจสุดขีดเขายิงปืนไปที่สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อตัวนั้นจนหมดแม็ก หากแต่สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อยังไม่ตายและเริ่มเข้ามาใกล้เขาที่เท้า โคจิตกใจจนกลายเป็นบ้า เขาใช้ท่อนเหล็กใกล้มือฟาดสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อเข้าไปไม่ยั้ง สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อเริ่มเละเทะ จนกระทั้งเงียบเสียงลง มันตายแล้ว.......
ขณะที่โคจิเผลอฟุมิโนริที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดที่กำลังดูและรอจังหวะก็พุ่งมาโจมตีด้วยขวานเล่มใหญ่ข้างหน้า การต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็เริ่มต้นขึ้น หากแต่ตอนนี้โคจิที่กำลังเสียขวัญและท่อนเหล็กมีหรือจะสู้ขวานเล่มใหญ่ของฟุมิโนริได้ บวกกับกำลังเสริมซายะที่แอบซุ่มอยู่ในเงามือที่โคจิเผลอเธอก็เอาหนวดระยางค์พันร่างของเขา จนโคจิหยุดการเคลื่อนไหว หนวดรยางค์เริ่มรัดจนแน่น จนเขาเริ่มขาดอากาศหายใจ
ระหว่างนั้นเองเรียวโกะที่เป็นกำลังเสริมก็มาช่วยเหลือ เธอยิงปืนลูกซองใส่ซายะ เรียวโกะโดยกระบอกไนโตรเจนเหลวให้โคจิ โคจิเปิดราดตัวใส่ซายะ
ซายะส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดสุดแสนสาหัส และถูกแช่แข็งไปครึ่งตัว
ฟุมิโนริโกรธจัดเมื่อเห็นเรียวโกะทำร้ายซายะ เขาเงื่อมขวานจามใส่ไหล่ของเรียวโกะจนเลือดสาดกระจาย เรียวโกะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และด้วยแรงเฮือกสุดท้ายเธอยกปืนขึ้นหันไปที่ซายะที่ถูกแช่แข็งไปทั้งตัวแล้วลั่นไก ร่างของซายะแตกกระจายฉีดขาดกองกับพื้นปานขยะไม่ปาน
หลังซายะตาย ฟุมิโนริเกิดอาการช็อก เมื่อซายะตาย เขาก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้วบนโลกใบนี้ เขาจึงตัดสินใจใช้ขวานปลิดชีพด้วยการจามที่หัวของตนเองเพื่อหวังให้เขาอยู่กับซายะในโลกหน้า
แต่ปรากฏว่าซายะยังไม่ตาย เธอยังมีแรงเอือกสุดท้ายที่จะไปหาฟุมิโนริชายคนเดียวที่รักเธอบนโลกใบนี้ แต่โคจินึกว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นจะเข้ามาทำร้ายเขา โคจิเลยกระหน่ำด้วยท่อเหล็กใส่สัตว์ประหลาดอย่างบ้าคลั่ง
“อย่าแตะต้องเขา ไอ้สัตว์ประหลาด ตายซะ ตายซะ”
สุดท้าย สัตว์ประหลาดซายะก็ตายในขณะที่ตัวเธอได้สัมผัสหน้าของฟุมิโนริ แม้เธอจะตายเธอก็ไม่ยอมแยกจากคนรัก
โคจิพยายามดึงสิ่งที่เคยเป็นสัตว์ประหลาดที่ติดกับหน้าของเพื่อนออก แต่มันก็ไม่ออก
นับแต่นั้นเป็นต้นมาโคจิก็ถูกฝันร้ายครอบเงา เขาอยู่บนโลกนี้ด้วยอาการหลอนประสาท ทุกวันเขาเห็นคนรักที่ตายไปแล้วกลับมาหาเขาอีกครั้งในร่างที่สยดสยอง จนกระทั้งวันหนึ่งเขาได้จำคำหนึ่งที่เรียวโกะพูดกับเขาว่า
“ปืนไม่ใช้สิ่งที่ฆ่าสัตว์ได้อย่างเดียว มันยังสามารถทำให้เราหนีโลกแห่งนี้ได้เพียงแค่ใส่ปากและลั่นไก”
โคจิหยิบปืนที่มีกระสุนนัดเดียว แล้วทำตามที่เรียวโกะสอนไว้ ก่อนที่จะตัดสินใจลั่นไกปืนเพื่อหนีออกจากโลกบ้าๆ แห่งนี้.........
จบแล้วคิดยังไงกันบ้างคะใครอ่านไปอวกไปบ้างป่าว ^^
ฉากจบสุกท้ายแอบคิดเหมือนกันนะคะว่าตายๆไปซะก็ดี
ต้องขอบคุณhttp://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=125456&chapter=70 มากๆเลยที่ทำให้มะแมวเหมียวได้อ่านอะไรที่ชวนอวกแบบนี้อิอิ ส่วนตัวคิดว่าชอบมากๆๆ คนแต่งเนื้องเรื่องช่างจินตนาการสูง(เกิน)จริงๆ



มะแมวเหมี๊ยว
earn a princess
#3
25-11-2012 - 17:56:40

#3 earn a princess  [ 25-11-2012 - 17:56:40 ]





ยาวมาก วันเดียวยังอ่านไม่จบเลย



รู้สึกฟิน❤
patzy123
#4
26-11-2012 - 19:41:44

#4 patzy123  [ 26-11-2012 - 19:41:44 ]





ตาลาย



Nebula Eva
#5
27-11-2012 - 11:54:16

#5 Nebula Eva  [ 27-11-2012 - 11:54:16 ]





น่าเล่นแหะ [: //ข้อมูลแน่นมาก



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
Mameo
#6
28-11-2012 - 01:45:34

#6 Mameo  [ 28-11-2012 - 01:45:34 ]




เค้าขอโทษ
เรื่องมันยาว (เกิน) จริงๆแหละ
ไว้งานหน้าจะพยายามแก้ไขข้อบกพร่องนี้นะคะ
แฮ่ะๆกระทู้แรกเลยเผลอจัดหนักเลยอ่า
ขอบคุณมากๆนะคะที่อุสาเข้ามาแวะดู
งานหน้ารับรองว่าจะทำให้ดีกว่านี้นะคะ
สัญญา ชู3นิ้วด้วยเกียติเนตนารี
ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยค่ะ



มะแมวเหมี๊ยว
love sims
#7
28-11-2012 - 15:52:45

#7 love sims  [ 28-11-2012 - 15:52:45 ]





อ่านไปๆมาๆแทบอ้วกแถมมึน
555แต่สนุกเว่อร์อะ


PeAzha
#8
29-11-2012 - 17:30:03

#8 PeAzha  [ 29-11-2012 - 17:30:03 ]






  • 1

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 21st November 2024 05:17

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ