เมื่อตอนที่เรายังเป็นเด็กตัวเล็กๆ (น้องๆ บางคนตอนนี้ก็ยังเด็กอยู่) เวลาเราทำอะไรผิดๆ เปิ่นๆ หรืออยากรู้อยากเห็น พ่อแม่ก็จะสอนเรา บางทีก็ไม่ได้กลับไปหาคำตอบหรอกว่าสิ่งที่ท่านแนะนำมาถูกหรือผิด ก็เลยเชื่อมาจนโต หรือบางครั้งเราก็มีความเชื่อขึ้นมาเองจากการสังเกตและคิดเองเล่นๆ แต่กว่าจะรู้ตัวว่าเข้าใจผิดก็ต้องปล่อยมาจนโตเหมือนกัน ฮ่าๆ ที่เกริ่นมานี้ก็เพื่อจะบอกว่า ความเชื่อต่างๆ ในวัยเด็ก พี่มิ้นท์ได้รวบรวมมาแล้ว ลองมาเช็คกันว่าความเชื่อตรงกับที่เราคิดเมื่อตอนเด็กๆ บ้าง
1) ฟันผุเพราะแมงกินฟัน
ในวัยเด็กเราจะชอบกินขนม ลูกอม ของหวาน แล้วไม่ยอมแปรงฟันจนฟันผุหมดปากก็ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร จนวันนึงที่พ่อแม่มาบอกเรานั่นแหละว่าฟันผุเพราะในปากมีแมงคอยกัดฟันอยู่ เชื่อว่าน้องๆ หลายๆ บ้านต้องเคยได้ยินคำขู่นี้แน่นอน ซึ่งมันได้ผลมากค่ะ เพราะหลังแปรงฟันทีไรเรามักจะอ้าปากดูฟันซี่ที่ผุเพื่อเช็คว่าแมงมันออกไปรึยัง ฮ่าๆ
โตมาวิทยาศาสตร์ก็ได้บอกเราว่า จริงๆ แล้วฟันผุไม่ได้มาจากแมงกินฟันค่ะ และในปากเราก็ไม่มีแมงหรือแมลงอะไรทั้งนั้น มีแต่แบคทีเรียล้วนๆ ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงของฟันผุ คือ เมื่อเรากินอาหารหวานหรืออาหารพวกคาร์โบไฮเดรตเข้าไป พวกเชื้อแบคทีเรียก็จะใช้เศษอาหารพวกนี้สร้างกรดขึ้นมาทำลายฟันนั่นเอง รู้อย่างนี้แล้วควรแปรงฟันทุกวันอย่าให้ขาด ถ้าเป็นไปได้หมั่นแปรงหลังกินข้าวทุกมื้อจะดีมาก
2) ผมคนเรายาวมาจากปลาย
อีกหนึ่งความเชื่อผิดๆ สมัยเด็ก คือ คิดว่าผมของคนเราจะงอกมาจากปลายผมเรื่อยๆ ส่วนโคนผมก็คงที่อยู่ตรงนั้นตลอด แต่พอโตมาเริ่มได้เห็นคนทำสีผม สักระยะก็เริ่มงงว่าทำไมข้างบนเป็นสีดำ แล้วข้างล่างเป็นสีแดง -*-
เส้นผมของคนเราเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งค่ะ โดยจะงอกออกจากเซลล์บริเวณศีรษะของเรานั่นเอง เส้นผมของเราสามารถงอกใหม่และร่วงได้ตลอดเวลา ดังนั้นถ้ามันร่วงก็ปล่อยให้มันร่วงไปเพราะเดี๋ยวซักพักก็จะงอกขึ้นมาใหม่ แต่ถ้าร่วงหนักแบบผิดปกติลองหาหมอดูก็ดีนะคะ
3) มองเห็นคนโป๊ แล้วจะตากุ้งยิง
ตากุ้งยิง คือ อาการอักเสบบริเวณฐานของขนตา จะปวดๆ บวมๆ แดงๆ เห็นได้ชัด ในสมัยก่อนถ้าหากใครเป็นจะถูกล้อว่า "แกไปแอบดูใครอาบน้ำมาใช่ไหม" เพราะมันเป็นความเชื่อที่พูดกันปากต่อปากว่าถ้ามองเห็นคนโป๊แล้วจะตากุ้งยิง (ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีความเชื่อนี้อยู่มั้ย)
ในข้อนี้ผู้ใหญ่ก็คงกลัวว่าเด็กจะโตขึ้นมาแล้วเป็นพวกโรคจิตวิตถารก็เลยปรามๆ ไว้ก่อนตั้งแต่เด็ก ฮ่าๆ >< แต่ในความจริงตากุ้งยิง กับการแอบดูคนอาบน้ำไม่ได้เกี่ยวกันเท่าไหร่ แต่สันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ในอดีต เพราะการแอบดูคนอาบน้ำมักจะเอาตาไปชิดกับกำแพง ประตู หรือฝาบ้าน ที่อาจจะมีพวกฝุ่น เชื้อโรค เชื้อรา มันจะเข้าตาและอักเสบได้ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงก็เกิดจากการติดเชื้อ แบคทีเรีย เปลือกตาไม่สะอาดแล้วไปขยี้ตาบ่อยๆ หรือการล้างเครื่องสำอางไม่สะอาดก็เป็นสาเหตุได้ด้วยเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าการแอบส่องจะไม่ได้ทำให้ตากุ้งยิง แต่ก็ไม่ควรทำนะเด็กๆ
4) ห้ามเล่นซ่อนแอบตอนกลางคืน เพราะเดี๋ยวผีจะพาไปปป กุ๊กกุ๊กกู๋
ไม่รู้ว่าน้องๆ ตอนนี้ยังเล่นซ่อนแอบกันอยู่หรือเปล่า แต่สมัยก่อนเป็นกิจกรรมที่ฮิตมาก เล่นกันทั้งวันทั้งคืนเลยค่ะ จนผู้ใหญ่มักจะเตือนๆ กันว่าตอนกลางคืนห้ามเล่นซ่อนแอบกันเด็ดขาด จะหากันไม่เจอ เพราะผีมาพาตัวไป จากความสนุกก็กลายเป็นเรื่องหลอนทันที สรุปว่าพอพระอาทิตย์ตกดินเมื่อไหร่ ไม่มีเด็กคนไหนออกมาเล่นซ่อนแอบกันนอกบ้านเลยค่ะ
ความเชื่อในข้อนี้เป็นอุบายของผู้ใหญ่ที่มองเรื่องความปลอดภัยมากกว่าเรื่องผี เพราะความมืดในตอนกลางทำให้เรามองไม่เห็น น้องๆ อาจจะหกล้ม หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ และที่สำคัญป้องกันปัญหาการลักพาตัวด้วยค่ะ เพียงแต่ว่าถ้ามัวแต่อธิบายด้วยเหตุผล พวกเราจะไม่เข้าใจนั่นเอง ก็เลยเอาผีมาเป็นตัวละครลับซะเลยยย
5) กลืนเมล็ดผลไม้เข้าไปแล้วมันจะไปงอกในท้อง
น้องๆ บางคนอาจจะเป็นโรคขี้เกียจ ถึงขนาดว่ากินผลไม้เข้าไปแล้วขี้เกียจคายเมล็ดออก เลยกลืนๆ เข้าไปให้หมดเรื่อง แต่บางคนก็เผลอกลืนเข้าไปไม่รู้ตัว ก็เลยเกิดคำ(ขู่)สอนขึ้นมาว่า ถ้ากินเมล็ดผลไม้เข้าไป เมล็ดนั้นจะผลิดอกออกผล โตเป็นต้นในท้องของเรา ถ้าครั้งไหนเผลอกลืนมันลงไปรับรองว่าจิตตกเป็นอาทิตย์เลยค่ะ เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะมีกิ่งไม้ออกปาก ออกหู
ความเชื่อนี้ก็ผิดเช่นกันค่ะ เมล็ดผลไม้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในท้องของเราค่ะ พอลงไปในท้องแล้วอาจจะโดนย่อย แต่ถึงไม่ย่อยยังไงก็โดนกำจัดออกมาเป็นอึก่อนอยู่ดี แต่ที่ผู้ใหญ่เค้าห้ามก็เนื่องจากว่า ถ้าเผลอกลืนเมล็ดผลไม้ลงไป ไม่ว่าจะเป็นผลไม้อะไรก็ตาม กลัวว่าจะติดคอ สำลัก หรืออาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ เป็นอุบายเหมือนเดิมค่ะ^^
6) กินเยอะแล้วท้องแตก (เหมือนชูชก)
ท้องของเรามีความยืดหยุ่นดีเยี่ยม เวลากินเยอะๆ จะรู้สึกเลยว่าท้องมีขนาดใหญ่ขึ้น พองขึ้น ตอนเด็กๆ เรายังไม่มีความรู้เรื่องร่างกายของเราเท่าไหร่นัก พอมีคนพูดว่า กินเยอะๆ ระวังท้องแตกก็เชื่อสนิทใจ ยิ่งได้เห็นว่ากินเยอะแล้วท้องป่องจริงด้วย ก็ยิ่งระแวงว่ามันจะแตกจริงๆ ดังนั้นถ้ากินจนพุงกางเมื่อไหร่ก็จะหยุดกินทันที
กระเพาะอาหารที่ดูว่าเล็กๆ นั้น ถ้ามีอาหารลงไปสามารถขยายได้ถึง 10-40 เท่าเลยทีเดียวค่ะ ที่สำคัญหากเรากินอิ่มจัดๆ ก็ไม่มีทางที่มันจะแตกได้ เพราะเมื่อถึงจุดจุดนึงกลไกในร่างกายจะขับออกว่าก่อน ทั้งอ้วกทางปากหรือออกทางจมูก -*- เหมือนที่เราเห็นเค้าแข่งกินจนอาเจียนออกมาค่ะ แต่ความเชื่อนี้ก็มีประโยชน์มากๆ นะคะ ถึงแม้ว่าท้องจะไม่แตก แต่การกินเยอะไปจะทำให้ท้องอืด อึดอัด ก็เป็นอาการที่ทรมานเหมือนกัน ดังนั้นปลูกฝังให้เด็กๆ กินอิ่มแต่พอดีจึงเป็นเรื่องที่ดีค่ะ
7) กินยาสีฟันก็เหมือนแปรงฟัน
สารภาพมาซะดีๆ ว่าตอนเด็กๆ ใครเคยกินยาสีฟันบ้าง ฮ่าๆ พี่มิ้นท์เป็นคนนึงค่ะที่เคยกิน เพราะมันอร่อย หอมๆ เย็นๆ แต่บางคนถึงขั้นมีความเชื่อว่าแค่กินยาสีฟันก็เหมือนได้แปรงฟันแล้ว ไหนๆ มันก็เข้าปากไปแล้ว ความคิดนี้ผิดเต็มๆ ค่ะ การแปรงฟันเพื่อให้ปากสะอาดจำเป็นต้องใช้แปรงสีฟันเพื่อขัดสิ่งสกปรกออกด้วยนะคะ ถึงแม้ว่ายาสีฟันจะมีฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุขนาดไหน แต่ถ้าใช้กินแล้วไม่ได้แตะโดนฟันก็ไร้ประโยชน์ค่ะ
น้องๆ หนูๆ ที่ยังเรียนประถมแล้วอ่านบทความนี้ อย่าลืมแปรงฟันทุกวัน(ด้วยการบีบยาสีฟันลงแปรง แล้วค่อยนำมาสีฟัน)นะคะ
8) ห้ามนั่งเก้าอี้ครู เดี๋ยวก้นจะเป็นฝี
ระหว่างรอคุณครูเข้าห้องเรียน น้องๆ อาจจะซุกซนเล่นอะไรแปลกๆ เช่น แย่งกันนั่งเก้าอี้ครู โดยให้เพื่อนไปเฝ้าต้นทาง แต่ก็จะน้องๆ หลายคนที่ไม่กล้านั่งเก้าอี้คุณครู เพราะกลัวก้นจะเป็นฝี ซึ่งเป็นความเชื่อที่หลายบ้านสั่งสอนลูกมา นอกจากนี้ก็มีความเชื่อที่คล้ายๆ กันเช่น อย่านั่งทับหมอน เดี๋ยวก้นจะเป็นฝี ทุกข้อไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ มายืนยันเลยค่ะ
ฝี เป็นอีกหนึ่งอาการทีเกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ผิวหนังที่แตกหรือเป็นแผล จะเกิดที่ส่วนใดก็ได้ ทำให้เกิดอาการบวมและเป็นหนอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของความสะอาดและการดูแลตัวเอง ส่วนความเชื่อคาดว่าเป็นการปลูกฝังให้เด็กๆ รู้จักแยกแยะความเหมาะสมระหว่างคุณครู-นักเรียน ส่วนการห้ามนั่งทับหมอนก็เพราะว่าหมอนเป็นที่ที่เราใช้นอนทุกวัน ถือเป็นของสูงนั่นเอง
9) ฟันหลุดให้โยนขึ้นหลังคา
เชื่อว่าเป็นความเชื่อที่ผ่านมาหลายรุ่นและน้องๆ ก็ยังเคยได้ยินแน่นอน น้องๆ คนไหนที่ฟันน้ำนมหลุดเองตามธรรมชาติ พ่อแม่ของเราก็จะบอกว่าให้เอาฟันนั้นโยนขึ้นหลังคาไป และการโยนธรรมดาซะที่ไหน ต้องยืนหันหลังโยนขึ้นด้านบน บางบ้านแยกฟันบน-ล่างด้วย ฟันบนให้ทิ้งที่พื้น ส่วนฟันล่างให้โยนขึ้นข้างบน ถ้าทำตามนี้ฟันแท้จะขึ้นมา และฟันจะสวย
ความจริงแล้วฟันของมนุษย์แบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ฟันน้ำนมและฟันแท้ เมื่อฟันน้ำนมหลุด ฟันแท้ก็ย่อมขึ้นมาเป็นธรรมดา การโยนฟันขึ้นบนหลังคาไม่ได้ช่วยอะไรให้ฟันขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ที่ผู้ใหญ่ให้โยนขึ้นนั้น คาดว่าเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กเองไม่อยากให้ยึดติดตกใจว่าฟันหลุด โดยพยายามปลูกฝังให้เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา ของเก่าไปเดี๋ยวของใหม่ก็มา
เป็นบทความที่พี่มิ้นท์เขียนแล้วรู้สึกอินมาก 555 เพราะหลายข้อในนี้เป็นความเชื่อที่เคยเชื่อมาแล้วทั้งนั้น บางอย่างพอได้กลับไปมองแล้วก็รู้สึกตลกดี แต่ก็ต้องชื่นชมคนโบราณที่มีวิธีการสอนเด็กที่แยบยล สอนให้เด็กโตขึ้นมาเป็นคนดี เข้าใจธรรมชาติของสรรพสิ่งรอบกายได้เป็นอย่างดี เห็นแบบนี้แล้ว ถ้าน้องๆ โตขึ้นมาก็อย่าลืมเป็นคนดีของสังคมเหมือนที่คุณพ่อคุณแม่เราหวังไว้ด้วยนะคะ สุขสันต์วันเด็กค่ะ :)
ปล. พี่ๆน้องๆ มีความเชื่ออื่นๆ นอกเหนือจากนี้อีกรึเปล่าครับ ลองมาแชร์ความเชื่อตลกๆ กันนะครับ
9อยากที่เคยถูกหลอกตอนเด็กๆ
tiger_za | #1 12-01-2013 - 16:01:04 | ||||
|
|
monajung1827 | #2 12-01-2013 - 16:10:42 | ||||
|
senmeemee | #3 12-01-2013 - 16:15:04 | ||
|
bank42n | #4 12-01-2013 - 18:34:55 | ||
|
แตงโมสีชมพู | #5 12-01-2013 - 20:30:19 | ||||
Taemin_simsLUX | #6 12-01-2013 - 22:15:26 | ||
|
tiger_za | #7 13-01-2013 - 09:25:47 | ||||
|
|
Leonie CluB GiRl ZaA | #8 13-01-2013 - 11:28:28 | ||
|
-Botazz- | #9 13-01-2013 - 11:51:57 | ||
|
เข้าให้ได้ | #10 13-01-2013 - 11:52:19 | ||||
|
tiger_za | #11 13-01-2013 - 18:29:59 | ||||
|
|
riccarda_meesuk | #12 09-04-2013 - 15:21:16 | ||||
|
yokyok12345 | #13 09-04-2013 - 16:38:52 | ||||
|
- PRINCESS - | #14 14-04-2013 - 01:24:49 | ||
|
|
- 1
ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้ |
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล] |