โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
มาเล่าเรื่องสยองๆกัน หุ หุ หุ(มาตอนนี้+ดาวเร็วๆน่ะ)
ponza1144
#1
10-09-2010 - 18:41:06

#1 ponza1144  [ 10-09-2010 - 18:41:06 ]





ครับเรื่องนี้เกิดเมื่อ ปีที่แล้ว ผมได้ลางานไปเที่ยวบ้านแฟนที่บ้านนอก ซึ่งแม่แฟนเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่น เนื่องด้วยแม่แฟนไปดูแลนายที่ญี่ปุ่น ซึ่งได้กลับมาเพราะนายเค้าเสียแล้ว และกำลังทำเรื่องส่งศพกลับมา แม่จึงได้กลับมาก่อน เราเลยหาโอกาสหยุดและไปพักผ่อนกันที่ต่างจังหวัด ดูเหมือนทุกอย่างจะราบลื่นดีคับ แต่แล้ว วันกลับ เราก็ออกจากต่างจังหวัดมาช่วงสาย มาถึงบ้านพัก บ้านที่แม่อยู่ที่ที่กรุงเทพ ( นวนคร ) ก็คือบ้านหลังที่เจ้่านายใช้อาศัยก่อนไป ญี่ปุ่นนั่นเอง กลับมาถึง บ้านหลังนี้ก็เที่ยงคืนกว่าเกือบ ตี1 ผมก้ไม่ได้เอะใจอะไร ไหว้พระสวดมนต์นอนตามปกติ ปกติแล้วผมเป็นคนที่ชอบนอนคว่ำ หันหน้าไปด้านซ้ายหรือขวา และเอามือสอดใต้หมอนไว้นู้สึกอุ่นดีอย่างบอกไม่ถูก แต่คืนนี้เอง ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มจะหลับ ผมนอนหันหน้าไปทางประตู รู้สึกเหมือนมีอะไรดลใจให้ลืมตาดูเท่านั้นแหละคับ ผมเห็นผู้ชาย สูงขาว แต่งตัวดูดี เดินผ่านประตูเข้ามาโดยที่ไม่ได้เปิดประตู คือเดินทะลุเข้ามาเลย แล้วล้มตัวลงมานอนทับที่ตัวผม ผมรู้สึกอึดอัดและหายใจลำบากมาก พยายามสวดนะโม 3 จบ อย่าหวังเลยคับว่ามันจะ ออกอันนี้ของจิงไม่เชื่อลองเลยคับ ผมเลยเปลี่ยนไปท่องบทวดแผ่เมตตราท่องได้ซักพักนึง ออกครับ ผมรีบลุกมาดูรอบห้อง ปรากฏว่าเจอรูปถ่ายผู้ชายและผู้หญิงคู่กัน ผู้ชายขาวสูง แต่งตัวดูดี ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากเพราะง่วง อีกอย่างผมไม่เคยเจอเจ้านายของแม่แฟนที่ไปเสียที่ญี่ปุ่นด้วยเลยไม่ได้คิดอะไรมาก พอเช้ามา จึงได้บอกแม่และถามแม่ว่ารูปนี้คือใคร แม่ตอบกลับมาว่า อ๋อ เจ้าของบ้านจ๊ะ ที่เค้าเสียที่ญี่ปุ่น เท่านั้นเองผมขนลุกซู่เลย นี่ขนาดศพกำลังดำเนินการส่งกลับมาแท้ๆ ยังไม่ทันมาถึงเลยก็มาให้เห็นซะแล้ว บรื๋อๆๆๆๆๆๆ

อย่าเพิ่งรีบเบื่อกันนะจ๊ะ เดียวจะพยายามลงมาให้อ่านเป็นระยะๆ จ้าาา



แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-03 12:44:38


นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#2
10-09-2010 - 18:41:48

#2 ponza1144  [ 10-09-2010 - 18:41:48 ]





เรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อน

พัทยาครับ เมืองสวรรค์ เมืองของคนกลางคืน เมื่อ 6 ปีก่อน ผมเพิ่งเคยมาพัทยาเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นมากจากเด็กบ้านนอกแล้วมาเห็นแสงสี

เสียง โอ้สวรรค์จิง ด้วยความว่าเป็นวัยรุ่น คึกคะนอง วัยรุ่นกับตำรวจ แน่ๆคับ ไม่ถูกกันแน่นอน เพื่อนผมเป็นเด็กพัทยคับ มีเพื่อนเยอะ และรถ

แต่งๆหลายคัน ก็ปกติครับ พอ 3 ทุ่มก็ออกแข่งรถ บ้างก็ขับคนเดียว บ้างก็ขับ 2 คน ผมไปกับเพื่อนชื่อเดช เพื่อนที่มีบ้านที่นี่แหละครับ ก็ขับไป

แข่งไปมีหาลยคัน ก็สนุกครับบอกตรง จนเริ่มดึก ตำรวจ สายตรวจ ก็ไล่กวดรถซิ่ง ซึ่งพวกผมก็แตกกระเจิงไป ต่างคนต่างหนีไปคนละทิศละทาง

ผมกับเจ้าเดชหนีไปทางวัดซึ่งก็จำไม่ได้ว่าวัดอะไร เพื่อนผมบอกที่นี่แหละปลอดภัย แน่สิครับเปลี่ยวมาก มืดมาก แต่ผมกไม่ได้กลัวหรือคิด

อะไร คิดแต่ว่าสนุกมากหนีตำรวจ พอช่วงลงเนิน จากวัดลงมาเป็นทางลาดยาว ขณะที่เรากำลังขับรถมานั้น เพื่อนผมก็แว๊บไปมองกระจกรถ

เห้ย 'มืงหัดไปดูซิครัยวิ่งตามมาวะ' ผมก็นึกว่าเพื่อนแกล้ง เลยหันไปดูและตอบมันว่า ' อย่ามาอำไม่เห็นมีไรเลย ' มันหน้าเสียแบบเห็นได้ชัด

มันบอกว่ากูเห็นจิงๆ วิ่งตามหลังรถเรามาเป็นผู้หญิง ผมถามว่าตอนนี้ยังเห็นไหม เดชเร่งเครื่องหนีแบบสุดชีวิต(แต่เหมือนช้ามากๆ) ผมหันไปดูก็

ยังไม่เห็น ผมจึงบิดกระจกข้างเพื่อดูบ้าง โอ้วพระเจ้า ชัดเลยคับ เห็นเหมือนที่มันเห็น ผู้หญิงชุดสีขาวหม่นๆ ผมยาวปิดหน้า วิ่งตามมา ทำท่า

เหมือนจะเอื้อมจับเสียให้ได้ ใกล้มากครับประมาณ 100 เมตร ผมร้องตะโกนบอกว่า เห้ยไวหน่อยมันจะถึงตัวกุอยุ่แล้วเว้ยยยยยย พอหลุดจาก

เขตวัดไป ภาพที่เราเจอก็หายไปและผมพยายามคิดว่าตาเราฝาดหรือป่าว หรือ อาจจะมีคนแกล้ง แต่ถ้ามีคนแกล้ง จะสามารถวิ่งตามรถได้

หรอ อีกอย่างผู้หญิงจะมาทำไรคนเดียวในเวลา ขนาดนั้น ....โอย คิดไปต่างๆนา นา ทุกวันนี้ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

แต่ที่แน่ๆ ผมและเพื่อนไม่ได้ตาฝาดแน่นอนคับ แล้วคุณหละถ้าเจอแบบผม คุณจะทำอย่างไรคับ.....


อาย


นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#3
10-09-2010 - 18:43:55

#3 ponza1144  [ 10-09-2010 - 18:43:55 ]





เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยตรง กับน้องสาวผมนะคับ บ้านเราอยู่ที่จังหวัดตราด ก่อนอื่น ขอถามก่อนว่า คุณเชื่อเรื่องหมอดูหรือคนทรงเจ้าไหมคับ ผมคนนึงแหละที่ ไม่เชื่อ จนกระทั่งวันนึง พ่อและแม่ได้ไปดูฤกษ์ ออกรถใหม่ โดยไปตำหนักในเมืองตราด (จำชื่อไม่ได้นะ รู้ว่าไกลมาก) เค้าก็พูดเกี่ยวดวงแม่ไป จนก่อนกลับ คนทรงก็ทักน้องผมว่า ' ใกล้วันที่องค์จะลงแล้วนะ เห็นอะไรก็อย่าตกใจหละ' น้องผมทำหน้า งง แต่ก็ไม่สนอะไรเพราะ เค้าไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ จนเจอกับตัวเอง

คืนวันนั้น น้องสาวผมก็ไป กะน้องชาย ไปเล่นเกมที่ร้านในตัวอำเภอ ไกลจากบ้านประมาณ 3 กิโลเห็นจะได้ ไปเล่นเกมกันกว่าจะกลับ ก็เกือบ ตี 1 น้องสาวก็ขับรถอยู่ ระหว่างทางกลับบ้านจะผ่าน โรงพยาบาล และ วัด ก่อนถึงบ้าน ตอนนี้แหละครับที่น้องผมเห็น คือ หน้าโรงพยาบาลจะมีศาลาที่เป็นคิว รถ 3 ล้อ อยู่ แสงไฟค่อนข้างสลัวๆ น้องผมก็เหลือบตาไป เห็น คนยืนในศาลา เป็น 10 คน ด้วยความที่ ว่าไม่มั่นใจ เลยถามน้องชายที่ไปด้วยว่า เห็นอะไรไหมที่ศาลา น้องชายตอบกลับมาว่า อย่ามาทำให้หลอนสิ กุไม่เห็นไรเลยมืงรีบขับกลับๆไวๆ เลยดึกแล้วเดี๋ยวโดนพ่อว่า น้องสาวผมงง + สงสัยว่า ภาพหลอนหรือป่าว แต่ก็รีบขับไม่ได้ใส่ใจอะไร จนไปเล่าความจิงให้พ่อและแม่ฟัง เค้า ก็บอกว่า คงเล่นเกมแล้วจินตนาการเองมั้ง

ผ่านไป 2 วัน คราวนี้น้องผมต้องไปทำรายงานเพื่อส่งอาจารย์ ( แต่ครวานี้ไปแค่คนเดียว) ก็ต้องไปใช้อินเตอร์เน็ท กลับมาเวลา ประมาณเดิมๆ แต่ก็ลืมและไม่ได้สนใจอะไร พอขากลับ ก็ขี่รถมาเอื่อยๆ จนมาถึงหน้าโรงพยาบาล ขับเลยไปซักพักนึง เริ่มไม่ค่อยมีแสงไฟ น้องผมขี่ผ่าน เด็กผู้หญิงชุดขาว อายุราว 5-6 ขวบ ยืนอุ้มตุ๊กตาอยู่ น้องเลยจอดและหันไปถามว่า อ้าวหนูไปไหนเนี่ย ดึกแล้ว ป่ะเดี๋ยวพี่ส่งกลับบ้าน ระหว่างที่ขยับรถถอยหลังเพื่อที่จะไปรับ หันกลับไปกลับไม่เจอเด็กผู้หญิง คนดังกล่าว น้องผมเริ่มเย็นวูบๆ บริเวณหลัง จึง รีบขับรถกลับบ้าน พอกลับไปถึงบ้านก็ไหว้พระ สวดมนต์ กำลังเคลิ้มๆ จะกลับ ก็เหลือบไปเห็น เด็กผู้หญิงคนนั้นแหละที่เจอ แต่มีแต่คอกับมือที่กำลังจับผ้าห่มน้องผมอยู่ และน้องผมก็ขยับไม่ได้เลย ท่องบทแผ่เมตรา อยู่พักหนึ่งจึงออก วันรุ่งขึ้นน้องเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็พาไปหาหมอดูที่เคยไป เค้าก็บอกว่า ก็บอกแล้วไงหละ ว่าช่วงนี้ องค์จะผ่านร่าง อาจจะเจออะไรที่ไม่อยากเจอ ก็ต้อง รออีก 4-5 วัน กว่าจะหมด เพราะจะมาแบบนี้เป็นช่วงๆ ทำใจซะม่านแค่มาขอผ่านเฉยๆไม่มีไรหรอก ถือว่าเรามีบุญแล้วกัน แล้วก็หัวเราะ...พร้อมบอกว่า เดี่ยวก็ชินเอง

เชื่อไหมครับน้องผมเห็น จนเป็นเรื่องปกติในชีวิตไปแล้วทุกวันนี้...ก่อนผมบวชน้องผมก็เห็นว่ามีคนมา ขอส่วนบุญนะ ติชมได้นะครับผมมีอีกเยอะเลยที่เกิดกะผมและน้องผม ยังไงฝากด้วยนะคับ



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
kattykit05
#4
10-09-2010 - 18:47:13

#4 kattykit05  [ 10-09-2010 - 18:47:13 ]




-*-

ลายตา




แต่ก็น่าสนใจดี



ponza1144
#5
10-09-2010 - 18:49:12

#5 ponza1144  [ 10-09-2010 - 18:49:12 ]





เพื่อนๆๆก็เล่าเรื่องผีกันได้น่ะคับ



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#6
10-09-2010 - 18:52:46

#6 ponza1144  [ 10-09-2010 - 18:52:46 ]





ผีที่, ห้องน้ำ บ้าน สะพาน
อะไรในบ้าน
เรื่องที่ผมส่งมาเล่าให้พี่ป๋องฟังเป็นเรื่องสั้นๆนะครับ เกิดเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมานี้เอง คือเรื่องก็มีอยู่ว่า ผมเป็นคนๆนึง ที่ชอบเล่น Internet ครับ บางวันจะเล่น ถึงประมาณ เกือบๆเช้าเลย วันนี้ก็เหมือนวันก่อนๆครับ บ้านของผมอยุ่ในอ.สามพราน จ.นครปฐม (แถวๆตลาดดอนหวายน่ะครับ) ผมได้เล่น Internet จนถึง เวลา ประมาณ ตีสองได้ ผมเริ่มรู้สึกเพลียผม จึงไปปิด ไฟ แล้วหน้าจอ เพื่อไปนอนครับ เตียงผมจะเป็นเตียงเดี่ยวฅและผมเป็นคนชอบนอน กลับหัวจากเตียงครับ คือ จะหันเท้าให้หัวเตียง คือ ว่านอนๆหลับไปดีๆ ผมก็เปิดเพลงไว้แหละครับ แล้วเพลงก้ดับไป ผมก็ผลอยหลับไป ไม่นานผมก็ได้ยินเสียง กรีดร้องโหยหวน ของผู้ ญ ผมก้ไม่ได้ คิดไรมากครับ ผมคิดว่า เป็นเสียง ของ ลำโพง ผมจึง พลิกตัวหันไปอีกข้างของเก้าอี้ซึ่งอยุ่ด้านซ้าย ผมก็ได้ยินอีกผมก็ ไม่รู้สึกยังไงนะครับ เหมือน จะตื่นแต่มันโงหัว ไม่ขึ้น ผมเลยพลิกหันไปดูว่ามีอะไร

ปรากฏว่ามี ผู้ หญิง ปากกว้างมานั่งที่เก้าอี้ของผมครับ แล้วก็กรี๊ดร้องใส่ผม ผมไม่รู้จะทำยังไงครับ ผมจึงใช้เทคนิคเก่าๆที่ เคยโดนผีอำมาคือเอามือผลัก พื้นเพื่อดันศรีษะขึ้น แล้วผมก็ สามารถลุกขึ้นมาได้ครับ จากนั้นผมก็ หันไปดู ปรากฏว่าไม่มีอะไรแล้ว ผมไม่นอนแล้วครับ เลยนั่งเปิดเพลงแล้ว เล่น MSN จนถึงประมาณ 6 โมงเช้าเลยครับ ถึงนอน

จากคุณ เมฆินทร์ วงเจริญพรรณ

เรื่อง ใครอยู่ในห้องน้ำที่เปิดอยู่
เรื่องมีอยู่ว่า ผมเคยทำงานในโรงงานปลากระป๋องแห่งหนึ่งในเขตบางขุนเทียน และมีลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นผู้หญิงทำงานแผนกเดียวกับผม วันนั้น ประมาณ2ปีที่แล้ว เธอวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกคนในแผนกหลังจากเข้าห้องน้ำว่า ขณะที่เธอกำลังเดินออกจากห้องน้ำ เธอต้องเดินผ่านห้องน้ำ5ห้อง เพราะเธอเข้าห้องในสุด พอผ่านมาห้องที่3 เธอชำเลืองเห็นมีคนผมยาวประบ่า ชุดขาวแต่งตัวแบบพนักงานยืนก้มหน้าอยู่ในห้องน้ำ เธอเดินผ่านไป พลันให้นึกสงสัยทันทีว่า ใครหว่าอยู่ในห้องน้ำนั่น เพราะเมื่อกี้เราเข้าไป ไม่มีคนนี่หว่า เสียงเดินและปิดประตูก็ไม่มี เธอจึงย้อนกลับไปดู ก็พบว่าประตูห้องน้ำยังเปิดอยู่ แต่ปรากฏว่า ห้องว่างเปล่าไม่มีใคร เธอจึงรีบรุดออกมาจากห้องน้ำ และถามพนักงานเฝ้าหน้าห้องน้ำว่า เมื่อกี้มีคนเข้าไปในห้องน้ำหรือเปล่า เขาบอกไม่มี เธอตกใจมากจึงรีบวิ่งมาบอกพวกผม ผมก็ตวาดไปว่า ตาฝาดล่ะมั้ง โรงงานนี้มีประวัติเยอะ ที่ผมจำได้ก็มีรายหนึ่งนานมาแล้ว เป็นช่วงปีใหม่หยุดหลายวัน มีคนติดอยู่ในห้องเย็น อุณหภูมิติดลบเท่าไหร่ไม่รู้ พนักงานเช็คไม่รอบคอบว่ายังมีคนอยู่ด้านในหรือเปล่าเพราะรีบกลับบ้านตอนปีใหม่ เมื่อถึงวันเริ่มทำงานพอเปิดประตูเข้าไปก็พบศพสภาพแข็งทื่อนอนกอดเข่าตัวเองหน้าประต




สะพานสยอง
ผมมีเรื่องสยองเรื่องนึง คือมีอยู่ว่า ผมเป็นคนชอบไปเที่ยวกลางคืนตามต่างจังหวัดคับ อืม ผมเป็นคนที่จังหวัดมหาสารคามครับ เวลาผมไปเที่ยวส่วนมาก ผมจะไปเที่ยวที่ขอนแก่น ซึ่งที่จังหวัดที่ผมอยู่กับจังหวัดขอนแก่นมันห่างกันประมาณ 70 กิโล ผมก็ได้ไปเที่ยวที่ขอนแก่น วันที่ผมไปเที่ยววันนี้ผมไปคนเดียวซึ่งผมไปหาแฟนของผมนะครับ เวลากลับจึงต้องกลับคนเดียว ตอนก่อนออกจากบ้านผม ก็มียายที่อยู่แถวบ้านผมซึ่งยายคนนี้จะไม่ค่อยถูกกันกับผม แต่วันนั้นไม่รู้ว่าทำไมแกถึงมาทักผม แกทักผมว่าไปไหนก็ให้ชวน เพื่อนไปด้วย ผมก็งงเพราะปรกติแกจะด่าผมจะว่าผมตลอด แต่ผมก็ไม่ได้สนใจแกมากนัก พอผมไปหาแฟนผมเสร็จก็ประมาณตี 2 ผมก็ขับรถกลับ รถที่ผมขับมันเป็นรถBMW 520 i อ่ะคับ ซึ่งผมก็ขับกลับมาคนเดียว พอมาถึงสะพานบ้านแพงคับ ผมก็หันไปมองกระจกข้างซ้ายตามประสาคนขับรถ แต่ก็ได้ไปเจอ สิ่งที่ไม่คาดฝัน ผมเห็นผู้หญิงคนนึงนั่งข้างผมตอนแรกคิดว่าผมตาฝาดแต่ผมก็หันกลับมามองอีกที ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เท่าที่ผมรู้คือ ผู้หญิงคนนั้นเค้าไม่มีท่อนล่างคับ เค้าใส่ชุดนักศึกษาผมยาวมากยาวประมาณกลางหลังคับ เค้าก็นั่งข้างผมมานานมากนั่งข้างมาประมาณ 10-15 นาทีผมคิดว่าเค้าน่าจะไปแล้วแต่พอหันไปมอง เค้าก็ยังอยู่ พอผมเห็นยังงั้นน้ำตาผมก็ไหลออกมาเยอะมากๆอ่ะคับพี่ แล้วเค้าก็หันหน้ามาทางผม พอเจอแบบนี้ผมก็ไม่ได้หันไปมองทางซ้าย จนถึงหน้าบ้านผมแม้กระทั่งถึงหน้าบ้านผมก็ลงรถโดยที่ไม่ได้ล็อครถคับ พอเช้าผมก็ได้ไปหาเพื่อนผมซึ่งเพื่อนผมคนนี้ เค้ามาบ้านอยู่แถวสะพานที่ผมเล่าไป จากที่ผมถามเพื่อนก็ได้ความว่า ที่สะพานนี้เมื่อประมาณ1 อาทิตย์ก่อนที่ผมเจอ มันมีรถบัส ชนนักศึกษาตัวขาดครึ่ง เป็นผู้หญิงผมยาว ซึ่งตอนชน ท่อนล่างของผู้หญิงคนนี้ได้ตกน้ำแล้วก็ใช้เวลา3วัน ถึงจะเจอท่อนล่าง พอผมได้ยินเพื่อนพูดแบนี้ผมทรุดลงตรงนั้นเลยคับ (ตอนที่ผมไปถามเพื่อนผมไม่ได้เล่าว่าผมเจออะไรยังไง) เรื่องของผมก็มีแค่นี้คับ อืมเรื่องที่ผมเจอมานี้ผมเจอเมื่อประมาณ ปีก่อนเกือบสองปี และข่าวเรื่องนี้ทาง บางหน่วยงาน ได้ปิดเรื่องนี้ไว้คับ



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#7
10-09-2010 - 18:54:46

#7 ponza1144  [ 10-09-2010 - 18:54:46 ]





วิญญาณเด็กทารก

วิญญาณเด็กทารก
“ธรรมให้เกิดอดทนไว้ ทำแท้งเด็กที่ไม่ผิดเวรกรรมติดตัว”
องค์ชายสามนาจาแห่งฟ้าทักษิณ เสด็จลงประทับทรง กลอนว่า
ทำแท้งฆ่าเด็กไร้เดียงสากรรมบานปลาย
ฟ้าให้เกิดบุญคุณหลายลืมได้ไฉน
พระคุณพ่อแม่ดั่งทะเลอันกว้างใหญ่
ผิดธรรมไซร้ผืนฟ้าทำลายกัน
อาจารย์ : ที่เมืองผีตายโหง แดนขัง 4 มีอยู่ห้องหนึ่ง ที่รับวิญญาณผีพวกเด็กทารก ส่วนใหญ่เป็นพวกที่พ่อแม่เป็นเหตุทำให้ต้องถูกจองจำในเมืองตายโหง
หยงปี่ : อย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมซิครับ เด็กเล็กพวกนั้นและเด็กทารกตลอดจนพวกที่ยังไม่ทันได้ออกมาดูโลกเลย เพราะพ่อแม่ก่อเวรกรรมเอาไว้ เผอเรอจนทำให้ถึงแก่ชีวิ ตแล้วทำไมขังพวกเขาในเมืองตายโหงเล่า
อาจารย์ : ยุติธรรมมากทีเดียว พวกเด็กทารกกับเด็กที่อายุสั้นแม้จะพูดว่าเป็นบาปของพ่อแม่ แต่พวกเขาเองก็ได้สร้างเวรกรรมหนักเอาไว้ตั้งแต่ชาติก่อนด้วย นอกจากจะได้รับกรรมตามกฏแห่งยมโลกแล้ว ยังได้รับโทษในโลกมนุษย์ด้วย ดังนั้นการจองจำในเมืองตายโหงก็คือผลตอบสนองกรรมในชาติก่อน แน่นอนผู้ที่เป็นพ่อแม่จะเผอเรอหรือก่อเวรกรรมจนทำให้มีคดีในเมืองตายโหง มันก็อีกเหตุผลหนึ่งที่ก่อให้เกิดขึ้น ก็ต้องส่งเรื่องให้ทางยมโลกเขาสอบสวนต่อ
หยงปี่ : ตามความหมายของอาจารย์ก็แบ่งเป็นสองประเภท ประเภทหนึ่งก็คือลดอายุขัยให้ตายโหง อีกประเภทหนึ่งพ่อแม่ก่อขึ้น เหตุและผลก็ให้ยมโลกตัดสิน ยี้ ! ไม่ถูกครับ เมื่อคราวก่อนมีหนังสือตอบจากเมืองตายโหง ในนั้นมีเด็กเล็กคนหนึ่งถูกไฟครอกตาย ก็เพราะพ่อแม่เผอเรอจนเกิดเรื่องขึ้นแต่ก็ไม่ได้ถูกขังในเมืองตายโหง
อาจารย์ : อย่างนี้มี 3 สภาพ 1. อาศัยครรภ์เพื่อพ้นเคราะห์(ใช้กรรม) พ่อแม่หรือบรรพบุรุษต้องมีบุญคุ้มครอง 2. อาศัยแรงเคียดแค้นมาเกิด สมมติว่า นาย ก เป็นหนี้นาย ข คิดตามกฏยมโลกมีกำหนด 5 ปี หากแต่นาย ข กลับไปเกิดเป็นบุตรของนาย ก พออายุได้ 5 ขวบก็ตาย ขอถามหน่อยว่าพ่อแม่ดูแลเด็กเล็กยากลำบากแค่ไหน พอตายลงความเจ็บปวดในการสูญเสียน่าจะรู้ได้ นี่คือความเคียดแค้น 3. ก็ดังที่กล่าวมาแล้ว เป็นการสร้างเหตุและผลอันใหม่
หยงปี่ : อธิบายแบบนี้ก็เข้าใจดีครับ
อาจารย์ : เอาละ ! ประทานแพรฟ้าป้องกันตัว หลับตาลงเสีย.....ลืมตาได้แล้ว
หยงปี่ : เอ๊ะ ! อาจารย์ว่าจะไปเที่ยวเมืองตายโหงไม่ใช่หรือทำไมจึงพามาที่สถานเลี้ยงเด็กล่ะ อ้าว ไม่ใช่ ๆ เด็กเล็กที่นี่ทำไมดำเหมือนตอไม้ ตามตัวที่บวมจนหนังแตกเห็นเนื้องข้างใน มีเลือดเลอะไปทั้งตัว หงิกงอเหมือนก้อนเนื้อ เป็นปุ่มที่สามารถแยกเป็นแขนขาได้
อาจารย์ : ที่นี่คือเมืองตายโหง ชั้นที่ 4 แดนขัง 4 ห้องที่ 4 เป็นที่จองจำเด็กเล็กโดยเฉพาะ เจ้าดูซิ เหมือนท่อนไม้ที่ถูกไฟเผา ที่บวมเพราะจมน้ำตาย ที่เห็นเลือดเต็มตัวนั้นเพราะถูกรถชนตายก็มี ยังไม่ทันคลอดตายก็มี เห็นสภาพเช่นนี้แล้วทำให้สลดหดหู่ใจ เด็กที่น่ารักน่าเอ็นดู ก็เพราะผู้ใหญ่พลั้งเผลอแล้วทำแท้งฆ่าชีวิตพวกเขาทั้งนั้น ขอให้ชาวโลกเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว โปรดดูแลลูกหลานให้ดีหน่อย พวกชายหญิงที่เห็นแก่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว แล้วเอาชีวิตที่ไร้ความผิดเหล่านั้น ผลักเข้าไปจองจำในเมืองตายโหง ผลสุดท้ายก็ก่อเวรขึ้นเช่นนี้ มิใช่เป็นเพราะไม่สามารถหักห้ามความอยากในกามตัณหาหรือ เบื้องบนมีธรรมให้มาเกิด คนจะไม่มีใจเมตตากรุณาหรอกหรือ ชีวิตเป็นรูปลักษณ์ที่มีคุณค่า ทำแท้งฆ่าเขาคือมหันตโทษ ที่กล่าวมาแล้ว 3 ประการ คือผลแห่งกรรมนอกจากการอาศัยครรภ์เพื่อพ้นเคราะห์เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเลือกที่เหลืออีก 2 ประการ ขึ้นอยู่กับพ่อแม่มีใจรักเมตตาก็สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ชาวโลกอดทนเข้าไว้เถอะ พอแล้วการแต่งหนังสือหยุดแค่นี้
หยงปี่ : กราบส่งอาจารย์กลับสวรรค์


จากบันทึกเที่ยงเมืองตายโหง



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#8
10-09-2010 - 19:18:58

#8 ponza1144  [ 10-09-2010 - 19:18:58 ]





มะมีใครมาเรยๆๆๆ



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
napat_3580
#9
10-09-2010 - 20:01:57

#9 napat_3580  [ 10-09-2010 - 20:01:57 ]





ผมก็มีอยู่เรื่องหนึ่งครับ เป็นเรื่องของญาติของผมที่เป็นน้องคนที่ 3 ของปู่ของผม ผมจะเรียกว่าย่าก็แล้วกันนะครับ...เรื่องมีอยู่ว่า.....

วันหนึ่ง ย่าของผมคนนี้นั่งรถสองแถวไปไหนไม่รู้พอขึ้นรถสองแถวแล้วพอจะลง คนเก็บตังค์ก็ถามว่า "อ้าว แล้วผู้ชายอีกคนที่มาด้วยกันล่ะ ไม่ลงด้วยเหรอ? " ย่าผมก็ตอบว่า "ใครที่ไหนกัน ป้ามาคนเดียวต่างหาก" แต่คนเก็บตังค์ก็บอกว่าเห็นจริงๆ มารู้ทีหลังว่า น่าจะเป็นสามีของย่าของผม ที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากอุบัติเหตุ เขาคงจะมีห่วงอยู่น่ะครับ

เรื่องของผมก็จบแค่นี้ล่ะครับ...(สั้นนิดเดียวเองง่ะ)
ขอบคุณที่อ่านจนจบคับ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2010-09-10 20:03:06

koneippo
#10
10-09-2010 - 20:25:17

#10 koneippo  [ 10-09-2010 - 20:25:17 ]




น่ากลัวจัง

งั้นน้องของพี่ก้อมีเซนที่6ใช่ป่ะ


ponza1144
#11
11-09-2010 - 11:02:32

#11 ponza1144  [ 11-09-2010 - 11:02:32 ]





ผีทวงสมอง



เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่พี่ทำงานอยู่ในโรงแรมชั้นนำแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำที่มีอาคารด้านหนึ่งติดกับทางด่วน มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ขอสมมติว่าชื่อชัยก็แล้วกัน เจ้าชัยเป็นพนักงานต้อนรับส่วนหน้าที่ชอบหนีมานั่งคุยกับพนักงานในฝ่ายบุคคลที่พี่ทำงานอยู่เสมอ



เจ้าชัยนี่มีนิสัยแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือชอบประพฤติตัวเป็นไทยมุง ที่ไหนมีอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์อะไรจะต้องมีเจ้าชัยไปยืนชะเง้อมุงดูกับเขาด้วยเกือบทุกครั้ง เคยเตือนไปหลายครั้งแล้วว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่ดีนัก เพราะหากเหตุการณ์นั้นเกิดร้ายแรงขึ้นมาจะพลอยเดือดร้อนไปด้วยแต่เจ้าชัยไม่เคยฟัง เขายังคงปฏิบัติตนเป็นไทยมุงตามปรกติจนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นมาจนได้



เจ้าชัยเล่าให้ฟังว่า เช้าวันหนึ่งขณะที่กำลังแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปขึ้นรถไปทำงาน เขาได้ยินเสียงรถเบรคดังสนั่นตามมาด้วยเสียงดังโครมใหญ่และเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของผู้คน โดยไม่รอช้า เจ้าชัยรีบออกจาบ้านและเดินตรงไปยังต้นเสียงซึ่งอยู่ปากซอยไม่ห่างจากบ้านของเขาเท่าใดทันที เขาเห็นผู้คนกลุ่มใหญ่กำลังยืนรุมดูอะไรบางอย่างพร้อมเสียงวิพากษ์วิจารณ์ สันชาตญาณไทยมุงทำงานขึ้นมาในทันที ชัยเดินไปแหวกฝูงชนและชะโงกหน้าเข้าไปมองด้วยความอยากรู้ ภาพที่เห็นทำให้เขาต้องผงะเล็กน้อยพร้อมกับเบ้หน้าด้วยความสยอง ตรงหน้าของเขานั้นเป็นร่างของเด็กหนุ่มซึ่งเป็นคนขับรถมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างภายในซอยของเขานั่นเอง ร่างของเขานอนหงายตาเหลือกค้างแขนขาบิดไปจนผิดรูปเหมือนรถคู่ชีพที่กองเป็นซากอยู่ไม่ไกล ที่น่าขนลุกที่สุดก็คือส่วนหัวของเด็กหนุ่มผู้นั้นซึ่งถูกแรงกระแทกจากการชนอย่างรุนแรงจะกะโหลกเปิดคล้ายกะลามะพร้าว มันสมองสีขุ่นหลุดกระเด็นออกมากองเละอยู่ท่ามกลางกองเลือดส่งกลิ่นเหม็นคาวจนแทบจะสำลัก ชัยพยายามถอยออกแต่คนที่อยู่ด้านหลังผลักเขาจนเซไปข้างหน้า เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนกองเลือด เขารีบดึงกลับและก้าวออกมาจากที่เกิดเหตุทันทีจากนั้นจึงขึ้นรถประจำทางตรงไปยังที่ทำงาน



ชัยปฏิบัติหน้าที่การงานตามปรกติแม้เขาจะรู้สึกแปลกๆไปบ้าง เช่นเหมือนขาข้างหนึ่งหนักจนก้าวแทบไม่ออกหรือได้กลิ่นคาวจัดของอะไรบางอย่างลอยมาตามลม แต่ด้วยความที่เป็นคนร่าเริงจึงไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งเลิกงานกลับบ้าน เขาแวะซื้อกับข้าวปากซอยและฟังแม่ค้าเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนเช้าด้วยท่าทางตื่นเต้นอีกครั้ง และออกปากด่าพวกไทยมุงว่านอกจากไม่ช่วยแล้วยังไปเหยียบสมองของผู้เคราะห์ร้ายจนแทบเละอีกด้วย ชัยฟังแล้วรู้สึกขนลุก เขารีบจ่ายเงินและเดินกลับบ้านทันที หลังจากอาบน้ำกินข้าวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วชัยจึงนั่งดูโทรทัศน์ต่อ ในตอนที่ขยับตัวเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถนั้นเขารู้สึกเหมือนขาข้างหนึ่งเป็นเหน็บจนแทบจะยกไม่ขึ้น หลังจากนวดเฟ้นอยุ่พักใหญ่ชัยจึงตัดสินใจขึ้นนอน



หลังจากหลับสนิทไปครู่ใหญ่ชัยก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนดึกเมื่อได้ยินเสียงคล้ายมีรถพุ่งเข้าชนกับอะไรบางอย่างเสียงดังสนั่น เขารีบขยับตัวเตรียมจะลุกขึ้นไปดูแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อทั่วทั้งร่างแข็งเกร็งคล้ายถูกอะไรบางอย่างมัดเอาไว้ ในตอนที่กำลังตกใจอยู่นั้นหูของชัยก็ได้ยินเสียงประตูบ้านเปิดออกพร้อมเสียงตึงตังขึ้นมายังชั้นบน ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรประตูห้องก็ถูกกระแทกให้เปิดออก ชัยเหลือบตาไปมองและต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างโชกเลือดของเด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายกำลังใช้แขนทั้งสองข้างดันร่างของตัวเองให้คืบคลานเข้ามาหา ส่วนหัวของเขาถูกเปิดออกภายในว่างเปล่ามีเพียงลิ่มเลือดเท่านั้น ชัยบอกว่าเขาพยายามจะหลับตาแต่ก็ทำไม่ได้ จะส่งเสียงร้องแต่ดูเหมือนจะติดค้างอยู่แค่ลำคอ เขาได้แต่มองเด็กหนุ่มผู้นั้นเงยหน้าขึ้นและอ้าปากกว้างพร้อมกับร้อง



“พี่เอาสมองผมมาทำไม”



ทันทีที่เสียงสยองนั้นจบลงชัยรู้สึกเหมือนหลุดออกจากภวังค์ เขาลุกพรวดขึ้นและส่งเสียงร้องดังลั่น เขาจ้องร่างโชกเลือดที่กำลังจางหายไปและหลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย



เช้าวันรุ่งขึ้นชัยพบว่าเขากลับขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้งโดยมีเพื่อนบ้านสองสามคนนั่งมองด้วยสายตาเป็นห่วง พวกเขาบอกว่าหลังจากได้ยินเสียงชัยก็คิดว่าคงถูกขโมยทำร้ายจึงรีบพากันมาดูและพบว่าเขานอนสิ้นสติอยู่ที่ปลายเตียงจึงช่วยกันนปฐมพยาบาลจนกระทั่งเช้า ชัยจึงเล่าเหตุการณ์ที่ตัวเองประสบมาจนหมด เพื่อนบ้านคนหนึ่งทำท่าคิดและย้อมถามว่าเมื่อวานชัยสวมรองเท้าคู่ไหนไปทำงาน ชัยตอบว่ารองเท้าผ้าใบที่ถอดไว้หน้าประตู หลังจากที่ได้ฟังคำตอบเพื่อนบ้านคนนั้นได้ลงไปชั้นล่างและกลับขึ้นมาพร้อมกับรองเท้าข้างหนึ่ง เขายื่นส่งให้กับชัยและชี้ไปยังก้อนไขมันสีขาวขุ่นซึ่งติดอูย่ในร่องบนพื้นรองเท้า ชัยมองด้วยความรู้สึกสยอง เพื่อนบ้านคนนั้นจึงพูดขึ้น



“ชัยไปเหยียบสมองของเขาทำให้ร่างกายคนตายไม่ครบ เอารองเท้าคู่นี้ไปวัดแล้วให้พระทำพิธีซะ ไม่อย่างนั้นคืนนี้เด็กคนนั้นกลับมาหาอีกแน่”



ไม่ต้องบอกซ้ำสอง ชัยรีบแต่งตัวและตรงไปยังวัดพร้อมกับทำบุญถวายสังฆทานให้กับเด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายจนเสร็จเรียบร้อยจึงกลับไปที่ทำงาน พี่นั่งฟังเรื่องของเขาจนจบและย้อนถาม



“ยังอยากจะดูอะไรเด็ดๆอีกไหม”



“ไม่แล้วพี่” ชัยตอบเสียงแห้ง “ผมไม่ขอเป็นไทยมุงอีกไปจนวันตาย”



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#12
11-09-2010 - 11:04:28

#12 ponza1144  [ 11-09-2010 - 11:04:28 ]





ถึงจะเก่าแล้วแต่ขนลุกดีครับ

.
.
.

อันนี้เป็นเรื่องจากเพื่อนคนนึงที่เล่นการ์ด อาจจะเพี้ยนจากที่เล่าไปบ้าง แต่ใจความยังเหมือนเดิม เรื่องมีอยู่ว่า

เพื่อนของคนนี้ สมมติชื่อว่าไก่ก็แล้วกัน ไก่ทราบมาว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งนึงศักดิ์สิทธิ์มาก
บนขออะไร ได้ทุกอย่าง สมพรปรารถนา ไก่จึงไปบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว โดยไก่บนไว้ว่า
"ถ้าได้ในสิ่งที่ขอ ไก่จะเอาพวงมาลัยที่ทำด้วยมือมาถวาย"

หลังจากนั้นไม่นาน ไก่ก็สมพรปรารถนา และไม่ลืมที่แก้บนตามที่บอกกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ ด้วยการนำพวงมาลัยที่ร้อยอย่างประณีตไปถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น

คืนนั้นเอง ไก่ได้ฝันเห็นนางรำใส่ชุดไทยสวยมากถือพวงมาลัยของตัวเองที่ถวายให้ในตอนเช้า
นางรำได้บอกกับไก่ว่า

"ขอบใจนะ พวงมาลัยสวยมากเลย แต่...

.
.
.

ยังไม่ได้พวกมาลัยที่ทำด้วยมือ"




นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
airririne
#13
11-09-2010 - 11:25:33

#13 airririne  [ 11-09-2010 - 11:25:33 ]




เรามีเรื่องนึง
น้องเราเล่าให้ฟัง

ก็ตอนที่น้องเรานอนอยู่กับพ่อแม่ก็นอนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่
วันนั้นไฟดับ
แล้วพอน้องตื่นไปเข้าห้องน้ำก็ได้ยินเสียงรองเท้าหรือเท้าคนลากพื้นมานี่หละ
น้องเราก็ไม่คิดอะไรก็เดินเข้าห้องนอนไป
คราวนี้ตื่นมาตี1กว่าๆ
ขยับตัวไม่ได้เลย
จะเรียกพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ ไม่มีเสียง
พอน้องกระพริบตาครั้งนึง
เจอผู้หญิงผมปิดหน้า
คลานมาบนเตียง
แต่คลานมาเท่าไหร่ก็ไม่ถึง
น้องจะเรียกพ่อกับแม่แต่เรียกไม่ได้
คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นก็หายไป
น้องโล่งอกได้ไม่นาน
ผีตุ๊กตาเด็กผู้หญิงถือมีดเดินมา
เป็นตุ๊กตาผู้หญิงที่พ่อซื้อให้
น้องหลับตานานๆท่อง นะโม 3 จบ
หายไปแล้ว










ponza1144
#14
11-09-2010 - 11:30:25

#14 ponza1144  [ 11-09-2010 - 11:30:25 ]





quote :
เรามีเรื่องนึง
น้องเราเล่าให้ฟัง

ก็ตอนที่น้องเรานอนอยู่กับพ่อแม่ก็นอนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่
วันนั้นไฟดับ
แล้วพอน้องตื่นไปเข้าห้องน้ำก็ได้ยินเสียงรองเท้าหรือเท้าคนลากพื้นมานี่หละ
น้องเราก็ไม่คิดอะไรก็เดินเข้าห้องนอนไป
คราวนี้ตื่นมาตี1กว่าๆ
ขยับตัวไม่ได้เลย
จะเรียกพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ ไม่มีเสียง
พอน้องกระพริบตาครั้งนึง
เจอผู้หญิงผมปิดหน้า
คลานมาบนเตียง
แต่คลานมาเท่าไหร่ก็ไม่ถึง
น้องจะเรียกพ่อกับแม่แต่เรียกไม่ได้
คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นก็หายไป
น้องโล่งอกได้ไม่นาน
ผีตุ๊กตาเด็กผู้หญิงถือมีดเดินมา
เป็นตุ๊กตาผู้หญิงที่พ่อซื้อให้
น้องหลับตานานๆท่อง นะโม 3 จบ
หายไปแล้ว


สยองดีคับให้+1ไปเรย



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
OHMoo
#15
11-09-2010 - 11:45:00

#15 OHMoo  [ 11-09-2010 - 11:45:00 ]




กระทู้นี้น่าสนใจมากๆ
ตื่นเต้นดี
แต่ขอโทษน่ะครับ
คุณ จขกท พี่ไปเอาเรื่องแบบนี้มาจากใหนเยอะแยะ

แต่ก็สุดยอดครับจะพยามอ่านให้ครบ


อาย
#16
11-09-2010 - 11:53:04

#16 อาย  [ 11-09-2010 - 11:53:04 ]





นี่คือเรื่องจริงนะคะ

ก็คือย่าของหนูไปพัก
ที่บ้านน้องของท่าน
ก็นอนตามปกติ
แล้วย่าของหนูก็
ตื่นขึ้นมาตอนดึก
ที่หน้าต่างมุ้งลวด
มีอะไรก็ไม่รู้เกาะอยู่
แมวก็ไม่ใช่
แต่ย่าก็ไม่พูดอะไรแล้วนอนต่อ
คราวนี้ป้าหนูก็เห็นเหมือนย่า
แล้วก็ไม่พูดอะไรนอนต่อ
แล้วตอนเช้าก็รู้ว่าตึกแถวนั้น
เคยเป็นรพ.ที่ทำคลอด
แต่ตอนนั้นเครื่องมือไม่ดีเด็กตายเยอะ
แล้วจึงนำไปฝังไว้ที่ข้างหลังรพ.


บรื้ออออออ

Pornpun


Moonlight..
ponza1144
#17
11-09-2010 - 12:23:42

#17 ponza1144  [ 11-09-2010 - 12:23:42 ]





quote : อาย
นี่คือเรื่องจริงนะคะ

ก็คือย่าของหนูไปพัก
ที่บ้านน้องของท่าน
ก็นอนตามปกติ
แล้วย่าของหนูก็
ตื่นขึ้นมาตอนดึก
ที่หน้าต่างมุ้งลวด
มีอะไรก็ไม่รู้เกาะอยู่
แมวก็ไม่ใช่
แต่ย่าก็ไม่พูดอะไรแล้วนอนต่อ
คราวนี้ป้าหนูก็เห็นเหมือนย่า
แล้วก็ไม่พูดอะไรนอนต่อ
แล้วตอนเช้าก็รู้ว่าตึกแถวนั้น
เคยเป็นรพ.ที่ทำคลอด
แต่ตอนนั้นเครื่องมือไม่ดีเด็กตายเยอะ
แล้วจึงนำไปฝังไว้ที่ข้างหลังรพ.


บรื้ออออออ




อืมๆๆๆๆน่ากลัวชัยได้เรยนี่น้องอาย+1ไปเรย



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#18
11-09-2010 - 12:30:51

#18 ponza1144  [ 11-09-2010 - 12:30:51 ]





วิญญาณในตึกคณะพยาบาลศาสตร์
เจอกันอีกครั้ง กับเรื่อง ผี ผี หรือ วิญญาณอันลี้ลับ ที่มิอาจพิสูจน์หาความจริงได้ เป็นปํญญหาโลกแตกคู่กับสังคมโลกมนุษย์มาช้านาน เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานาน โดยหาข้อยุติไม่ได้ ว่า ผี มีจริงหรือไม่ ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ไม่เป็นไร มาฟัง เรื่องเล่า ต่อไปนี้ กันเถอะ มาในครั้งนี้ตามคำเรียกร้อง เป็นการเล่าเรื่อง ผี และวิญญาณจากประสบการณ์จริง..

ก่อนที่ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน จะได้พบกับประสบการณ์จริง อันน่าสะพรึงกลัว ผู้เขียนขอเล่าเรื่องส่วนตัวสักนิดหนึ่งก่อนนะคะ ในคราวก่อนที่ผู้เขียน เขียนเรื่องเกี่ยวกับ ผี ผี ของไทยนั้น
ขณะที่เขียนไปได้สักพักหนึ่ง อยู่ๆ ไฟเจ้ากรรมก็ดับ พรึ่บ!ลง ซึ่งในวันนั้นผู้เขียนอยู่บ้านคนเดียวด้วยสิ ผู้เขียนรู้สึกกลัว และตกใจ มองซ้ายมองขวา มองไม่เห็นอะไร มันมืดสนิท มืดมาก เพราะสายตาเรายังไม่ชินกับความมืด ผู้เขียนคิดในใจว่า เอาแล้วสิ! เขียนเรื่องผี ผี และวิญญาณ เราจะเจอผีเล่นงานซะแล้วสิ ผู้เขียนชะงักไปครู่หนึ่ง พอตั้งสติได้ กำลังจะลุกจากโต๊ะคอมพิวเตอร์ เพื่อไปหาเทียนซักเล่มหนึ่งจุดให้ความสว่าง ทันใดไฟก็ สว่างขึ้น เฮ้อ! โล่งอกไปที เมื่อไฟสว่างขึ้นความกลัวก็หายเป็นปิดทิ้ง ทั้งๆที่อยู่บริเวณเดียวกัน ถ้าตกอยู่ในความมืด มันช่างน่าสะพรึงกลัวซะเหลือเกิน ผู้เขียนจึงพอสรุปได้ว่า เหตุการณ์ที่ทำให้คนเรากลัว ผี และวิญญาณ มันจะมีความมืดเข้ามาประกอบอยู่ในเหตุการนั้นด้วย
แต่ก็ไม่เสมอไป

อารัมภบทมาซะยืดยาว มาเข้าเรื่อง เล่าเรื่องผีจากประสบการณ์จริงของเราดีกว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากประสบการณ์จริงของผู้เขียน แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์จริง ของคนใกล้ตัว
ผู้เขียน ซึ่งเป็นน้องสาวของผู้เขียนนั่นเอง เขาได้นำเรื่องมาเล่าให้ผู้เขียนฟังอีกทีหนึ่งมาฟังเรื่องของเขากันเถอะ

ไม่มีใครอธิบายได้ว่า เสียงที่เกิดขึ้น ในห้องเรียนบนตึกของคณะพยาบาลในคืนวันนั้น เป็นเสียงของใคร และมาทำอะไรในห้องที่มืดสนิท ในยามวิกาล เช่นนั้น สิ่งนี้ ยังเป็นคำถามคาใจ ของผู้คนที่ได้รับฟังเรี่องราวที่เกิดขึ้น จากปากน้องสาวของผู้เขียนและเพื่อนของเขา ซึ่งเขาทั้งสอง มิอาจจะลืมเหตุการณ์ในคืนวันนั้นได้

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น เมื่อคืนวันอาทิตย์ พ.ศ. 2529 น้องสาวของผู้เขียนศึกษาอยู่ในรั้วของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งในขณะนั้นอยู่ชั้นปีที่ 3ของคณะทันตแพทย์ศาสตร์
ใครจะรู้ว่าในคืนวันที่เกิดเหตุ อันน่าขนลุกคืนนั้น จะกลายเป็นคืนที่ทำให้น้องสาวของผู้เขียนซึ่งเรียนทางด้านการแพทย์ หันมาเชื่อเรื่อง ภูติผี วิญญาณ อย่างจริงๆ จังๆ
คืนวันนั้น เป็นช่วงใกล้สอบปลายปี นักศึกษาส่วนมากจะหาจับจองที่ ที่สงบเงียบ
ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เป็นที่อ่านหนังสือ เพื่อจะได้มีสมาธิในการอ่านหนังสือ ในคืนวันที่เกิดเหตุ
ประมาณ 2 ทุ่มเศษๆ น้องสาวของผู้เขียนเขาได้ตระเตรียมหนังสือใส่กระเป๋า แล้วเดินออกมารอเพื่อน (เพื่อนที่รู้ใจ) ที่นัดกันไว้ เพื่อที่จะไปหาที่อ่านหนังสือด้วยกัน เมื่อถึงเวลานัดหมาย เพื่อนของเขา ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพ ซึ่งอยู่ในสภาพไม่ค่อยจะดีนัก มารับเขาที่หน้าหอหญิง (สมัยนั้นนักศึกษายังไม่ค่อยมีรถคันสวยๆรุ่นใหม่ๆใช้เหมือนสมัยปัจจุบันนี้) จากนั้นทั้งคู่ก็ขับรถตระเวนหาที่อ่านหนังสือ จะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของทั้งคู่ก็ไม่รู้ ทั้งคู่ก็มาเจอที่เหมาะๆ ที่จะอ่านหนังสือได้อย่างมีสมาธิ โดยไม่มีใครรบกวน มันเป็นศาลาไม้หลัง เล็กๆ ยกพื้นสูงจากระดับพื้นดินนิดหน่อย มีที่นั่งสำหรับอ่านหนังสือ มีแสงไฟเปิดสว่างไว้ อยู่ติดกับข้างๆตึกของคณะพยาบาลนั่นเอง บรรยากาศรอบๆ ถูกขนาบข้างด้วยต้นไม้ร่มครึ้ม ซึ่งเขาเล่าว่าปกติแล้วศาลาแห่งนี้จะไม่ค่อยว่างเลย ในวันอื่นๆที่ผ่านมาเขาเคยขับรถแวะเวียนมาหลายครั้งไม่เคยได้นั่งสักที จะมีคนนั่งอยู่ก่อนเสมอเพราะบรรยากาศดี สงบเงียบ เหมาะแก่การอ่านหนังสือเป็นอย่างดี เมื่อทั้งคู่มาถึงศาลา ก็จอดรถไว้ใต้ต้นหูกวางข้างถนนแล้วก็เดินขึ้นไปบนศาลา พร้อมกับพูดคุยกันว่า " วันนี้โชคดีจังไม่มีใครมานั่งที่ศาลาก่อนเรา" เมื่อหาที่นั่งเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ ต่างก็นั่งอ่านหนังสือของแต่และคน โดยไม่พูดคุยกัน จะมีนานๆครั้งที่พูดคุยกัน ซักถามกันในเนื้อหาบทเรียนของหนังสือที่อ่าน บางครั้งเขาก็ละสายตาจากหนังสือมองไปรอบๆ เขาก็เห็นนักศึกษาอีกคู่หนึ่ง นั่งอ่านหนังสือ อยู่อีกมุมหนึ่งข้างๆ ตึกคณะพยาบาล ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากพวกเขานัก เขาก็ใจชื้นขึ้นมาว่า ยังพอมีเพื่อนอยู่บ้าง
ทั้งคู่นั่งอ่านหนังสือจนเวลาผ่านไปนานพอสมควร ขณะนั้นเขามองดูนาฬิกาในข้อมือ
เป็นเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษๆ ทั้งคู่ไม่นึกเฉลียวใจเลยว่า จะเกิดเหตุการณ์ อันน่า ขวัญผวาขึ้นกับพวกเขา ทันใดนั่นเอง ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าคน ทีใส่รองเท้าส้นสูง เดินดัง ก๊อก! ก๊อก!ไปมาหลายครั้งในห้องเรียนที่มืดสนิท บนตึกคณะพยาบาลซึ่งอยู่ข้างๆ ศาลาที่เขานั่งนั่นเอง ทั้งคู่มองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย แล้วต่างคนต่างก็ก้มหน้าฝืนอ่านหนังสือต่อไป ซึ่งเริ่มจะไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือแล้ว เสียงจากบนตึกไม่หยุดเพียงเท่านั้น จากเสียงคนเดิน เริ่มมีเสียง ลากเก้าอี้ ดังแกรก กราก ครืดคราด
ไปมา ดังขึ้น! ดังขึ้น! และดังขึ้น! ทั้งคู่มองหน้ากันอีกครั้ง แต่มิกล้าแม้จะเอ่ยปากพูดคุยกัน บรรยากาศตอนนั้น น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก มันเย็นยะเยือก หนาวสั่นสะท้านจับขั้วหัวใจ ขึ้นมาทันที
ทำให้ทั้งคู่ ขนลุก ซู่! ขึ้นมาพร้อมๆกัน ต่างคนต่างเก็บหนังสือของตัวใส่กระเป๋า โดยไม่มีการพูดคุยกัน
และขณะที่ทั้งคู่เก็บหนังสืออยู่นั้น เสียงลากเก้าอี้ยังไม่หายไปเลย ทันใด! นั้นก็มีเสียงเพลงดังแว่วมาจากห้องเดียวกันนั่นเอง ทั้งคู่ได้ยินเหมือนกัน เป็นเสียงเพลง ของใหม่ เจริญปุระ ร้องออกมาด้วยเสียงอันโหยหวน เยือกเย็น และลากเสียงยาวๆ ผิดจากเสียงของคนธรรมดา ว่า "บอกว่า...ฉานนน...
เสียจาย.....ด้าย....ยีน.....หมายยยย..."ชวนให้ขนลุก ขนพองยิ่งนัก ทั้งคู่ทวีความกลัวขึ้นอย่างสุดขีด โดยไม่มีการรอช้าอีกต่อไปแล้ว ทั้งคู่หยิบกระเป๋าหนังสือได้ แทบจะกระโดดลงจากศาลา
ทั้งคู่ยังวางฟอร์ม ไม่กล้าวิ่ง แต่ในใจอยากจะวิ่งเต็มทนแล้ว ขณะที่ทั้งคู่เดินโกยแนบมาที่จอดรถ เสียงเพลงนั้นยังดังไล่หลังอยู่เรื่อยๆ และก็ร้องอยู่แต่ วรรคเดิมวรรคเดียวกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้นตลอด
ทั้งคู่กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาที่รถ ในใจก็ภวันนาให้รถสตาร์ทติดง่ายๆด้วยเถิด..ปกติแล้วรถเขาจะสตาร์ทติดยาก ดังที่ผู้เขียนได้บอกแต่แรกแล้วว่า รถเขาอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยจะดีนัก ทั้งคู่คิดในใจว่าถ้ารถไม่ติดก็จะทิ้งรถไว้ตรงนั้น และก็จะออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเลย แต่ด้วยเดชะบุญ รถคู่ชีพมันช่วยชีวิตเขาในยามคับขัน หรือจะเป็นด้วยความกลัวทำให้เขารวบรวมพลัง สตาร์ทรถ เพียงครั้งเดียว เครื่องก็ติดขึ้นมาทันที
ทั้งคู่กระโดดขึ้นรถ และบิดคันเร่งอย่างสุด สุด เพื่อออกจากที่ตรงนั้นอย่างขวัญหนี ดีฝ่อ
โดยไม่หันกลับมามองข้างหลังเลย..

เรื่องยังไม่จบแค่นี้นะคะ วันรุ่งขึ้น ของคืนวันนั้น ตอนเวลาประมาณ 3 โมงเช้า เขาก็ได้รับข่าวร้ายจากทางมหาวิทยาลัยว่า มีนักศึกษารุ่นน้องชั้นปีที่ 2 ของคณะพยาบาลได้เกิดอุบัติเหตุ รถมอเตอร์
ไซค์ชนวัว ระหว่างทางจากบ้านมามหาวิทยาลัย และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน คือคนขับ
ส่วนคนซ้อนท้าย บาดเจ็บสาหัส รักษาตัวที่โรงพยาบาล

ทราบเรื่องภายหลังว่าน้องนักศึกษาพยาบาลปีที่ 2 พร้อมกับเพื่อน 1 คน ซึ่งพักอยู่ในหอของทางมหาวิทยาลัยได้เดินทางกลับบ้าน ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ในวันที่เกิดเเหตุ คือวันอาทิตย์
ผู้เป็นพ่อและแม่ ได้พาลูกสาวไปซื้อรถมอเตอร์ไซค์ใหม่เอี่ยม เพื่อจะให้ลูกสาวนำไปใช้ในมหาวิทยาลัย
กว่าจะทำเรื่องซื้อ-ขายกันเสร็จ ก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว พ่อได้บอกกับลูกสาวว่า พรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันจันทร์
พ่อจะเอารถมอเตอร์ไซค์ ใส่รถกระบะ แล้วขับไปส่งลูกที่มหาวิทยาลัย แต่ลูกสาวกำลังเห่อรถคันใหม่
ประกอบกับไม่อยากกลับในวันจันทร์ เพราะจะไม่ทันเข้าเรียน จึงไม่เชื่อฟังพ่อ และขอพ่อกับแม่ว่าจะกลับในวันอาทิตย์ให้ได้ โดยจะขับมอเตอร์ไซค์คันใหม่ พร้อมกับเพื่อนไปมหาวิทยาลัยเอง ผู้เป็นพ่อกับแม่ก็มิอาจจะทนคำขอ ของลูกสาวได้ จึงปล่อยให้ลูกสาว ขับรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ออกจากบ้านพร้อมกับเพื่อน เดินทางกลับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว หรือเราเรียกว่า เวลาโพล้เพล้ นั่นเอง
ในระหว่างทาง ก็ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น เมื่อมีวัววิ่งตัดหน้ารถอย่างกระชั้นชิด และรถได้พุ่งชนวัวเข้าอย่างจัง ทำให้รถเสียหลัก น้องนักศึกษาซึ่งเป็นคนขับกระเด็นตกข้างทาง คอหักและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนเพื่อนก็บาดเจ็บสาหัสดังที่กล่าวมาแล้ว เมื่อผู้เป็นพ่อกับแม่ ได้รับข่าวร้ายที่เกิดขึ้น หัวใจแทบแตกสลาย เป็นลมล้มพับไปตามกัน
ท่านผู้อ่านที่เคารพคะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของผู้เขียน และเพื่อนของเขาในคืนวันนั้น มันจะเกี่ยวโยงกันกับน้องนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 2ที่ได้รับอุบัติเหตุ ในวันเดียวกันนี้หรือไม่ ก็มิอาจจะพิสูจน์ได้แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้ทั้งสอง ขวัญผวา และไม่กล้าที่จะไปอ่านหนังสือตรงศาลาข้างตึกนั้นอีกเลย..
หลายวันผ่านไป ทั้งคู่ก็ มักจะนำเรื่องเหตุการณ์ในคืนวันนั้นไปเล่าให้เพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัยฟัง วันหนึ่งขณะที่เขากำลังเล่าอยู่นั้น ก็มีเพื่อนอีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นว่า เขาก็เจอ
เหตุการณ์นั้นเหมือนกัน เหมือนกันไม่มีผิดเลย มีเสียงคนเดินบนตึก มีเสียงลากเก้าอี้ มีเสียงร้องเพลง
และก็เป็นเพลงเดียวกัน ในคืนวันเดียวกันด้วย
สรุปแล้วในคืนวันนั้น เจอเหตุการณ์ ขวัญผวา ไป สองคู่ สี่ คน ท่านผู้อ่านจำสองคน ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ห่างจากคู่ของน้องสาวผู้เขียนได้ไหมคะ คู่นั้นแหล่ค่ะ ก็โดนเหมือนกัน ทั้งคู่ก็วิ่งหนีอย่าง ขวัญหนี ดีฝ่อ ในเวลาไล่เลี่ยกัน

เขาทั้ง สี่ คน คิดว่า เสียงต่างๆ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้น มันกี่ยวโยงกันกับน้องนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 2 ที่เสียชิวิตจากอุบัติเหตุคนนั้น คงเป็นวิญญาณของน้องมาวนเวียนอยู่บนตึกที่เคยเรียน และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะไม่เชื่อฟังพ่อกับแม่ แต่ก็ไม่สามารถพิสูจได้
แล้วท่านผู้อ่านล่ะคะ คิดว่าเสียงบนตึกคณะพยาบาลนั้นเป็น เสียง..ของใคร?



แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2010-09-11 12:32:03


นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#19
11-09-2010 - 12:33:31

#19 ponza1144  [ 11-09-2010 - 12:33:31 ]





คืนวิปลาส
วัยรุ่นชายสองคนปรากฏตัวที่ดงกล้วยอีกครั้ง หลังจากสัปดาห์ก่อนพวกมันลักลอบมาขโมยกล้วยที่นี่ไปขายได้เงินจำนวนหนึ่ง แม้ไม่มากนัก แต่เพียงพอปลดเปลื้องอาการเสี้ยนยาของพวกมัน เพราะทั้งสองตกเหวยาบ้าจนโงหัวไม่ขึ้น คืนนี้อันธพาลทั้งสองอาศัยแสงจันทร์ข้างขึ้น เดินลัดเลาะแปลงสถานีทดลองพืชและพรรณไม้ของมหาวิทยาลัย จนเข้ามาถึงดงกล้วยแห่งนี้ “มึงรู้มั้ย คนเรียนที่นี่มีแต่คนโง่ๆ” คนรูปร่างผอมสูงกระซิบ ท่ามกลางความมืดและเงียบผิดปกติ ไม่ได้ยินแม้เสียงหรีดหริ่งเรไร แต่ทั้งสองก็ไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบข้าง “กูได้ยินว่ามหา-ลัยที่ไหนก็สอนให้คนฉลาดทั้งนั้นแหละ” คนเตี้ยล่ำแย้ง “มึงดูนี่ซีวะ กล้วยเต็มสวนยังไม่มีปัญญาตัดไปขาย” คนผอมสูงวาดมือไปรอบดงกล้วย “งั้นมึงกับกูสอนพวกมันหน่อย คนฉลาดทำกันยังไง” คนเตี้ยล่ำพูดจบก็หัวเราะเอิกอาก จนคนผอมสูงต้องสะกิดให้รู้ว่า กำลังอยู่ในฐานะขโมย แล้วกล่าวเตือนสติคู่หู “เบาๆหน่อยซีวะ เดี๋ยวไอ้ยามแก่นั่นได้ยิน ก็เป็นเรื่องหรอกมึง” แม้เวลานี้บริเวณดงกล้วยไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยผ่านมาตรวจการ แต่ความเคลื่อนไหวของขี้ยาทั้งสองถูกเฝ้ามองจากสายตาคู่หนึ่ง ท่ามกลางแสงจันทร์สลัวรางและลมโกรกไปทั่วบริเวณ ทำให้ใบกล้วยกวัดแกว่งเกิดเงาพร่ามัวแต้มพื้นดิน คล้ายทุกสิ่งอย่างในดงกล้วยมีชีวิตลุกเดินพล่าน หากเวลานี้มีคนขวัญอ่อนพลัดหลงเข้ามาคงขวัญกระเจิงได้ง่ายๆ แต่ทาสยาทั้งสองกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ต่างล้มต้นกล้วยด้วยพร้าที่ติดมือเข้ามาพร้อม ทั้งสองคัดเฉพาะลูกใหญ่ๆหวีโตๆ ตามคนรับซื้อกำซับมา จนได้จำนวนตามใบสั่ง จึงใช้เชือกที่เตรียมมาด้วยมัดรวบเครือกล้วยห้อยเป็นพ่วง สอดไม้คานเตรียมยกขึ้นบ่า พลันนั้นสายตาของคนเตี้ยล่ำก็

คืนฝนตก

ภายในบ้านสองชั้นบนที่ดินจัดสรรย่านจังหวัดนนทบุรี แม้เวลาเดินข้ามเที่ยงคืนมาแล้วสิบห้านาที แต่‘วันวิษาข์’ยังนั่งที่โต๊ะหนังสือ เพ่งสมาธิทั้งหมดอ่านตำราเบื้องหน้า ช่วงนี้สถานศึกษาหยุดให้นักเรียนทบทวนความรู้ก่อนสอบปลายภาค บวกกับครูหลายท่านตำหนิเรื่องคะแนนเก็บของเธออยู่ต่ำกว่ามาตรฐาน เลยทำให้วันวิษาข์อยากเร่งคะแนนก่อนจบมัธยมปลาย และตลอดสัปดาห์มาแล้วที่เธอนั่งอ่านหนังสือข้ามวัน หากเวลานี้ฝนไม่ตก วันวิษาข์จะเปิดหน้าต่างออกสู่สวนดอกไม้ริมบึงกว้างของหมู่บ้าน บางคืนเธอโชคดี ได้ยินเสียงร้องหมอลำจากปากยามที่ปั่นจักรยานไปตามถนน พอทำให้คลายง่วงได้บ้าง ตอนหัวค่ำแม่กับพ่อเลี้ยงได้รับโทรศัพท์ด่วน ว่าญาติทางพ่อเลี้ยงเข้าโรงพยาบาลฉุกเฉินในกรุงเทพฯ ทั้งสองจึงขับรถไปเยี่ยมเยียนกระทั่งบัดนี้ยังไม่กลับ ทำให้บ้านหลังใหญ่มีเพียงวันวิษาข์อยู่คนเดียว ก่อนไปแม่กะจะโทรศัพท์เรียกคนใช้หญิงมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ลูกสาววัย 18 ปีก็ปฏิเสธความหวังดีของแม่ เนื่องเพราะไม่อยากให้คนใช้ต้องลำบากกับเรื่องแค่นี้ อีกอย่างแกอายุ 45 ปีทำงานแบบเช้าไป-เย็นกลับ และอยู่ต่างอำเภออีกต่างหาก เวลานี้วันวิษาข์นั่งอ่านหนังสือคลอเสียงฝนหล่นจากหลังคา อดไม่ได้ที่จะประหวัดถึงพ่อแท้ๆ เนื่องเพราะท่านเสียชีวิตในคืนฝนตกเช่นนี้ พ่อขับรถฝ่าฝนเพื่อมาฉลองวันเกิดครบ 15 ปีของวันวิษาข์ แต่ยังไม่ถึงบ้านก็เกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ถัดจากนั้น 1 ปีแม่ก็พาพ่อเลี้ยงเข้ามาในบ้าน เขาอายุ 40 ปี อายุน้อยกว่าแม่ 3 ปี แม่ให้เหตุผลกับวันวิษาข์ว่า เขาเป็นคนดี และแม่ก็เหงาเลยอยากมีเพื่อนที่รู้ใจเอาไว้คุยเล่น ก่อนตายพ่อได้ทิ้งกิจการบริษัทสำนักพิมพ์เอาไว้ให้ แต่ทันทีพ่อเสียชีวิตแม่ก็ขาย แม่บอกว่าไม่มีเวลาดูแล เพราะต้องทำงานตำแหน่งรองผู้จัดการสาขาธนาคารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ส่วนพ่อเลี้ยงเป็นเซลล์ขายสินค้าป้อนโรงงานอุตสาหกรรม แม้อายุ 40 ปี แต่ยังดูหนุ่มและพูดจามีมนุษย



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#20
11-09-2010 - 12:33:56

#20 ponza1144  [ 11-09-2010 - 12:33:56 ]





เหตุเกิดในป่าช้า
ผมเหลียวหลังมองขอบฟ้าเบื้องตะวันตก เห็นดวงอาทิตย์สีหมากสุกลอยเรี่ยยอดไม้ บ่งบอกเวลาใกล้สนธยาเต็มแก่ ผมชั่งใจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนตัดสินใจเดินหายเข้าไปในดงไม้เบื้องหน้า โดยมีจอบเล่มหนึ่งและถุงปุ๋ยเปล่าหนึ่งใบติดตัวไปด้วย ผมเข้ามาปรากฏตัวในป่าช้าผีตายโหงประจำหมู่บ้าน สถานที่นี้แยกอยู่ต่างหากจากป่าช้าของคนป่วยตาย เพราะประเพณีของคนลุ่มแม่โขงเชื่อว่า คนตายปัจจุบันทันด่วนจะนำความหายนะมาสู่หมู่บ้าน ต้องฝังไว้ไม่น้อยกว่าหนึ่งปี จากนั้นค่อยขุดขึ้นมาเผาตามประเพณี ดงไม้แห่งนี้ยามกลางวันยังไม่ค่อยมีใครกล้าเสียดเข้าใกล้ แต่เวลานี้ช่วงใกล้ค่ำผมกลับไม่มีท่าทีขลาดกลัว อาศัยได้บวชหนึ่งพรรษาจึงพอทำให้จิตใจหนักแน่นไม่วอกแวก ผมได้ยินชาวบ้านลือกันว่า เห็นปลาไหลขนาดปล้องแขนแถวป่าช้าผีตายโหง อีกอย่างผมเคยมาช่วยชาวบ้านขุดหลุมฝังศพบ่อยๆ บางครั้งฟันจอบลงไปพบปลาไหล แต่ไม่มีใครกล้านำกลับบ้านไปทำอาหาร เพราะมีคนบอกว่าสัตว์ประเภทนี้ชอบกินเนื้อเปื่อยเน่าทุกชนิดไม่เว้นศพ แต่เวลานี้ผมเข้ามาในป่าช้าเพื่อต้องการปลาไหล เป็นเพราะความจนบีบบังคับให้ผมทำทุกอย่าง เพื่อประทังความหิว อีกอย่างช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมของลูกวัยประถม หากผมโชคดีพบรังปลาไหล จะนำไปขายตลาดที่อยู่ห่างไกลหมู่บ้าน เหตุผลนี้เองผมต้องแอบเข้ามาบริเวณป่าช้าตอนกลางคืน เพราะไม่อยากให้ใครเห็นพฤติกรรมอุบาทว์ของผม และผมต้องทำทุกขั้นตอนให้เสร็จภายในคืนนี้ ผมนึกถึงลูกสาวทั้งสองคนที่ออดอ้อน อยากได้เครื่องแบบ



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ