โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
ภาษาวิบัติ(ไม่ได้จะว่านะเเต่ไปเห็นเลยเอามาให้ดู)
beamzer
#1
17-10-2010 - 09:30:22

#1 beamzer  [ 17-10-2010 - 09:30:22 ]




ไม่ได้จะว่านะเเค่เอามาให้ดู
ตัวอย่างที่1

D-SEVEN พูดว่า:

มา เม้ล หั้ย เยอะ แล้ว

แล้ว บอกว่า มั่ย หยิ่ง งัย

อ้า ๆ ๆ มั่ย ดั้ย ว่า นร๊

แต่ แค่ เตือน ความ จาม

ตอบไปว่า :

พอดี อ่านภาษาวิบัติไม่ออกน่ะค่ะ
เลยไม่ได้เม้นกลับ

D-SEVEN พูดว่า:

แล้ว มัน วิบัติ ตรง หน๋าย

ถาม จริง ๆ เหอะ อ่าน มั่ย ออก

หรือ เชย กะโหล่ง กัล แน่


ตัวอย่างที่2

เค้าทักว่า : ^^; ทั๊ ค
เราตอบว่า:จ่ะๆยินดีที่ได้รู้จักคะ ^^;
เค้าตอบว่า:อ๊ะยิ น ดี ทิ๊ ดั๊ย!รุ จั กจ๊ะมั๊ มๆๆ ด๋ วย น๊ ห๊ว งห่วง
เราตอบว่า:จ่ะๆใจน่ะจ๊ะ ^^
เค้าตอบว่า:โนพรอมแพม!!!!~จ๊ (นอกเรื่อง พรอมแพมแปลว่าไรอ่ะ)
เราตอบว่า: ??
เราเม้นท์อีก:ตกภาษาไทยป่าวค่ะ ??คำว่า จ๊ะ อ่ะคะต้องมีสระ "อะ" ด้วยน่ะค่ะ ^^;


ตัวอย่างที3

หวาดดดีจ๊.คุนพ่.
thx 4 add นร้า จ๊ ~*
อ่เค เด่วยังงัยกุทอหา *)
เหลืองานเด่วอ้ะ กุวลืม *))
กุวยุ้บ้านไอ่ป่าน มาทัมงานกัล *))
กุอย่ กุงเทบแร้ววุ้ย....
กุวยุ้บ้าน *
**อ่ะยุ้ไน๋ ??
คิดถึงเหมือนกัลค๊ะทิรั๊ก ก
เดะเราปัยด๋วกัล เน๊อะ

ตัวอย่างที่4

เดะหั้ยอมยิ้ม เค๊น๊ะ - ไม่โอเคก็ตรงคำว่า เดะ นี่แหละ - -;

ยุเปงเพิ่ลกันก่องน๊า เหงาๆ ยุคนเดียวฟังเพลงแล้วมันประสาทจะกิง เพลงมันกิงจัย - เพลงมันกินมากไปเปล่าค่ะ - -;

คิดถุงน่ะค่ะคุลน้องคนจวย ๆๆๆ - จะชมหรือจะด่า

เปงงัยบางคับ - จะดีมากถ้าไม่มีคนวิบัติแบบคุณ

ทั๊คทายณ๊ - จะพิมพ์ให้มันยากเพื่ออะไร ?

สอบเสดยังอ่าคุนณ๊อง~//* - เยี่ยมมม !

กิงแล้วจร้าาาา - กิงไรของมัน**

วานนี้กลับคนเด๊วด้วยอ่ะ - ใครอยากจะกลับกับเจ๊** วิบัติซะ

มั่มๆดั่ว - โอ้ !

ฝัน ว๋าน - หวานแบบนี้ไม่ได้หรอ** ไม่เข้าใจ


จขกท.ก็ไม่ได้จะอะไรกับคนพวกนี้หรอกนะ

เวลาเจอพยามยามคิดว่าคีย์บอร์ดบ้านเขาคงพังนั้นแหละ - -* << โคตรจะแง่ดี

แต่ถ้าอยากวิบัติเพื่อเสียง เพื่ออรรถรส โทรคุยกันเลยดีกว่าไหม ???


เด็กไทย - -

นี่หรออนาคตชาติ? .

แค่ภาษายังไม่รอดเลย !

อนาคตจะเอาอะไรกิน ?!

นี่หรือประเทศไทย -*-

นี่แค่เรื่องภาษาเท่านั้น ยังไม่รวมถึงเรื่องอื่นๆนะเนี่ย

ไปกันใหญ่แล้วทุกวันนี้

ภาษาไทยเป็นภาษาของเรา บรรพบุรุษของเราเก่งนะ
คิดภาษาเป็นของเราเองได้แต่ทำไมเยาวชนบางคน
ถึงไม่ภูมิใจที่จะใช้ และ รักษาให้อยู่สืบไป


อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1654979#ixzz12ZwJAMDQ


beamzer
#2
17-10-2010 - 09:32:25

#2 beamzer  [ 17-10-2010 - 09:32:25 ]




 336165


beamzer
#3
17-10-2010 - 09:33:41

#3 beamzer  [ 17-10-2010 - 09:33:41 ]




ทบทวนความเป็นไทย

imageหลัง จากที่ผมตัดช่องน้อยไปพักผ่อนที่เมืองไทย ไม่ได้เขียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันลงเวบไซท์เป็นเวลาหนึ่งเดือน เมื่อมาถึงห้องทำงานก็เลยใช้เวลาอู้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการนั่งเขียนบล็อกเรื่องที่กำลังเป็นกระแส ในหลายวงสนทนาขณะนี้ โดยที่ผู้สนทนาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เรื่องที่ว่าคือ ชาตินิยม ด้วยความที่พึ่งไปสัมผัสความเป็นไทยมาเต็ม ๆ เลยเป็นช่วงเวลาที่ลงตัว ที่ผมจะเขียนความเป็นชาติไม่นิยมของผมให้ลองอ่าน

อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ว่าความเป็นชาติไม่นิยมของผมจะหมายถึง ผมไม่รักประเทศไทย คนไทย และวัฒนธรรมไทย หรือตีความเลยเถิดไปว่า ผมพร้อมทุกเมื่อที่จะขายประเทศไทย และทรัพยากรในขอบเขตของประเทศ ให้กับนายทุนต่างชาติเพื่อสังเวยลัทธิทุนนิยม ตรงกันข้าม ผมก็เป็นคนไทยอีกคนหนึ่ง ที่ก็อยากเห็นประชากรผู้ร่วมสัญชาติ และเชื้อชาติกินดีอยู่ดี (อาจเลยไปถึงความกินดีอยู่ดีของคนทั้งโลกด้วย..แต่ดูจะเกินจริงไปหน่อย) เพราะผมคิดว่าเราต้องคิดแยกกันระหว่าง ลัทธิชาตินิยม และองค์ประกอบอื่น ๆ ของรัฐชาติไทย

หากจะอธิบายชาติไม่นิยม โดยไม่อธิบายชาตินิยมคงกระไรอยู่ แต่เนื่องจากผมรู้และเจียมตัวว่าเป็นวิศวกร ไม่ใช่นักมานุษยวิทยา หรือนักสังคมศาสตร์ จึงขอออกตัวก่อนว่า คำอธิบายต่อไปนี้น่าจะมีส่วนผิดอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ถือซะว่าเป็นมุมมองหนึ่งของคนนอกวงการอีกคนหนึ่งแล้วกันครับ ชาตินิยมในความรู้สึกของผม หมายถึง ...


เหตุบ้าน และ การเมือง เหตุบ้าน และ การเมือง

bow_der_kleine bow_der_kleine

ความรู้สึกร่วมของคนในรัฐชาติ ที่ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยชนชั้นผู้นำ (พวกเจ้าลัทธิ) เพื่อให้คนรัฐชาติภูมิใจในอัตลักษณ์ของตน ส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ในลัทธิชาตินิยม คือ จุดมุ่งหมายร่วมที่คนในรัฐชาติควรร่วมมือ ร่วมใจกันกระทำการบางอย่าง เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายดังกล่าว ซึ่งจุดมุ่งหมายร่วมนี้มักถูกชี้นำโดยชนชั้นนำ (นิยามลัทธิชาตินิยมของ อ. ธงชัย สามารถอ่านได้ที่ ประวัติศาสตร์ชาตินิยมไทย อันตรายของลัทธิชาตินิยมไทย)

สิ่งที่น่าเศร้าใจที่สุดในลัทธิชาตินิยมคือ จุดมุ่งหมายร่วมที่ว่านั้น มักเป็นภัยคุกคามคนนอกลัทธิ หรือคนที่มีอัตลักษณ์ที่แปลกแยกออกไปจากพวกของตน ตัวอย่างภัยคุกคามของลัทธิชาตินิยม ที่เห็นได้ชัดที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เห็นจะเป็นภัยคุกคามจากลัทธิชาตินิยมนาซี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ทำลายชีวิตคนทั่วยุโรปไปกว่าหกล้านคน

ผมไม่แน่ใจว่าลัทธิชาตินิยมเข้ามาในสยามประเทศเมื่อใด หรือ อาจไม่มีลัทธิชาตินิยมอยู่ในสยามประเทศเลยก็เป็นได้ จนกระทั่งยุคที่เราเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น ประเทศไทย หรือในสมัยที่ จอมพล แปลก เป็นนายกรัฐมนตรีนั่นเอง ลัทธิชาตินิยมก็เริ่มเข้ามามีบทบาทกับคนในประเทศไทยในทุก ๆ ด้าน และลัทธิชาตินิยมที่เข้ามานั้น ก็มีหน้าตาละม้ายกับชาตินิยมนาซีอย่างน่าตกใจ ที่น่าตกใจกว่าคือ ลัทธิชาตินิยมที่ว่า ยังสืบเชื้อสายมาได้จนถึงปัจจุบัน และที่น่าตกใจที่สุดคือ มีคนน้อยคนนักที่รู้ตัวว่าตนเองถูกลัทธิชาตินิยมครอบงำimage

โดยปกติแล้วผู้นำลัทธิชาตินิยมมักนำอัตลักษณ์ของคนในรัฐชาติ มาเป็นเครื่องมือในการปลุกระดม และ/หรือ ในการหาความชอบธรรมให้ตนเองในการเบียดเบียนคุกคามผู้อื่น แต่เนื่องจากอัตลักษณ์ของชาติไทยไม่มีอะไรชัดเจน ทั้งในเรื่องของเชื้อชาติ ศาสนา วิถีชีวิต และวัฒนธรรม สาเหตุมีอยู่ว่า รัฐไทยถูกก่อตั้งขึ้นตามภูมิศาสตร์ มีการขีดเส้นแบ่งประเทศ ตามการครอบครองของราชอาณาจักร แล้วตู่เอาว่า ประชากรที่อยู่ในขอบเขตที่กำหนดนั้น เป็นคนสัญชาติเดียวกัน มีเชื้อชาติ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมที่คล้ายกัน ผิดจากรัฐชาติในยุโรปสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ถูกก่อตั้งขึ้น ตามเชื้อชาติ และวัฒนธรรม ส่วนภูมิศาสตร์นั้นยึดเอาตามพื้นที่ที่คนของตนเองครอบครอง หรืออยู่อาศัย

ดังนั้น โดยตัวโครงสร้างของประเทศไทยมันก็ผิดรูปผิดร่าง ขาดความเหมาะสมที่จะใช้ลัทธิชาตินิยม ในการครอบงำคนในประเทศ อาจจะทำได้ก็เพียงแถ ๆ แบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ความลักลั่นทางวัฒนธรรม จึงเกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบัน

แม้ว่าผมไม่ชอบ และไม่เห็นด้วยกับลัทธิชาตินิยม แต่ผมก็เห็นข้อดีบางประการของลัทธิชาตินิยม (ที่มักเป็นข้อดีที่ไม่ยั่งยืน) เช่น การจัดระเบียบทางสังคม การสร้างจิตสำนึก และจิตสาธารณะให้กับคนในสังคม การกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยการรณรงค์ให้คนในประเทศซื้อหาสินค้าที่คนชาติเดียวกันผลิต เป็นต้น แต่ชาตินิยมแบบแถ ๆ ในประเทศไทย กลับถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของ "พวกจารีตนิยม" เสียเป็นส่วนมาก และผมก็ไม่มองค่อยเห็นผลดีที่เกิดขึ้นสักเท่าไร

ตัวอย่างชาตินิยมแถ ๆ ที่เรามักเห็นกันได้ทั่วไป ได้แก่ การรณรงค์ให้คนใช้ภาษาไทยแบบอนุรักษ์นิยม โดยไม่คำนึงว่าภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่มีพัฒนาการตลอดเวลา การใช้ภาษาแบบอนุรักษ์นิยมนั้น เท่ากับเรายอมรับว่าภาษาไทยตายแล้ว ผมไม่เห็นประโยชน์อันใดจากการรณรงค์นี้ แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ คนไทยจำนวนไม่น้อยยังเขียนหนังสือไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม (ผมอาจเป็นหนึ่งในนั้น)

image

ที่มาของรูป : บล๊อคใหม่ของ แกนนำเด็กชอบประวัติศาสตร์

นอกจากนี้ ก็ที่กำลัง "นิยม" จนออกนอกหน้า(มืด) ถึงขนาดต้องเสียงบประมาณชาติ และภาษีประชาชน ตัดให้รัฐมนตรีทุกคน รวมทั้งผู้ประกาศข่าวฟรี ๆ ตัวละไม่ต่ำกว่าสองสามพัน คือ นโยบายการแต่งชุดไทยของกระทรวงวัฒธรรม ...นี่ก็สื่อได้ถึง ชาตินิยมแถ ๆ เพราะนโยบายดังกล่าว นอกจากจะสื่อถึงความเข้าใจถึงคำว่าวัฒนธรรมอย่างผิวเผินของผู้ออกนโยบายแล้ว ชุดไทยที่กำหนดให้สวมใส่นั้น ก็หาได้สื่อถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยอะไรได้มากนัก เพราะเป็นชุดที่คนในรั้วในวังเขาสวมใส่กัน ผมนึกภาพ ชาวบ้านชาวช่อง เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ หรือภาพแม่ค้าในตลาดสมัยก่อน (หรือสมัยต้นรัตนโกสินทร์ อย่างที่ในบล็อกแกนนำเด็ก ฯ เขาเขียนไว้) ใส่ชุดไทยที่ว่าไปขายของในตลาด หรือแม้แต่ไปงานบุญที่วัดไม่ออกเลยจริง ๆ ...น่าจะมีใครออกตังค์ (น้อยกว่ามาก) ตัดผ้านุ่งโจงกระเบน กับเสื้อคอกระเช้าใส่สบาย ๆ กับผ้าขาวม้าพาดไหล่ ให้รัฐมตรีบ้าง...เอ..หรือว่า จะรณรงค์ให้คนไทยชาตินิยมกันทั้งที ก็ต้องบวกเอา "ชนชั้น(เจ้านาย)นิยม" เข้าไปด้วยอีกโสดหนึ่ง ?

ผมเข้าใจว่าประเทศญี่ปุ่นมีอิทธิพลสูงมากต่อนโยบายดังกล่าว หลาย ๆ ท่านที่พยายามชี้ข้อดีของนโยบายดังกล่าว มักยกประเทศญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง โดยที่ลืมคิดไปว่า วัฒนธรรมไทย ไม่เหมือนวัฒนธรรมญี่ปุ่น และการสวมใส่ชุดประจำชาติจนเป็นเรื่องปกติของคนญี่ปุ่น ไม่ได้เกิดขึ้นลอย ๆ (อย่างที่พยายามทำให้เกิดในบ้านเรา) แต่เป็นผลผลิตทางวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีที่มาที่ไปซับซ้อนกว่าความภูมิใจแบบลม ๆ แล้ง ๆ

สิ่งที่บ่งชี้ถึงชาตินิยมแถ ๆ ได้ดีที่สุด (ในความคิดของผม) คือ ในขณะที่คนไทยจำนวนไม่น้อย บอกใครต่อใครว่าตัวรักชาติซะเหลือหลาย แต่ตัวเอง คนในครอบครัว และลูกหลานกลับนิยม บริโภคแบรนด์นอก (ผมไม่ใช้คำว่า "ของ" เพราะจากประสบการณ์ที่พบเจอมาบ้าง คนมักซื้อแบรนด์มากกว่าซื้อของ) รวมไปถึงการเทิดทูนคนต่างชาติดังพระเจ้า

โดยส่วนตัวแล้วผมไม่เคยสนใจตรา หรือที่มาของสินค้า ผมบริโภคสินค้าตามความพอใจ เพราะคิดว่าเรื่องของสินค้าควรเป็นไปตามกลไกตลาด คุณภาพ ประสิทธิภาพ และความเหมาะสมที่สุดต่อการใช้งานตามวัตถุประสงค์ของผู้ตัดสินใจจ่ายสตางค์ ซื้อ แต่ชาตินิยมแบบแถ ๆ ของไทยเรา ทำให้กลไกตลาดของสินค้าเปลี่ยน โดยสินค้าที่ถูกประทับตราว่า ผลิตขึ้นในประเทศไทย จะมีคะแนนพิเศษจากผู้บริโภคชาวไทย ...อ๊ะ...แต่เปล่าเลย แทนที่จะเป็น คะแนนบวก จากพวกที่ชอบอวดอ้างความเป็นชาตินิยม กลับเป็นคะแนนติดลบ ไปเสียเฉย ๆ ...แน่ล่ะครับ ส่วนหนึ่งคงต้องยอมรับด้วยว่า สาเหตุอาจมาจากความด้อยคุณภาพของตัวสินค้าเอง ที่มักได้เจออยู่บ่อย ๆ หรือได้เจอเมื่อเทียบกับสินค้าจากที่อื่น จนเกิดมายาว่า ถ้าทำในไทยล่ะก็คงยากที่จะเจอของดี แต่อคติในการบริโภคก็ทำให้สินค้าหลาย ๆ ตัวของไทยที่ดี ๆ จำนวนไม่น้อยไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดไปเหมือนกัน

มาถึงตรงนี้ผมคิดว่า หลายคนคงเริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากลของชาตินิยมแบบไทย ๆ บ้างแล้ว เราภูมิใจในความเป็นไทย เราเป็นชาติที่ไม่เหมือนใคร เรามีรัฐประหารที่ไม่เหมือนใคร เรามีการปกครองที่ไม่เหมือนใคร เราต้านกระแสโลกาภิวัฒน์อย่างสุดแรงเกิด แต่เราไม่สามารถนิยามความเป็นไทยได้ เราใช้ภาษาไทยชนิดที่สื่อสารกับคนพูดภาษาเดียวกันไม่รู้เรื่อง เราชอบดูละครเกาหลี ดาราส่วนมากเป็นลูกครึ่งหน้าตาออกฝรั่ง เราพร้อมที่จะบริโภคแบรนด์ต่างชาติด้วยความเต็มใจและภูมิใจ คนอื่นผมไม่รู้ แต่ผมคนนึงล่ะ ที่งงงวยกับ "ชาตินิยมแบบไทย ๆ"

หลายคนอาจถามว่า หากไม่เป็นชาตินิยม ไม่นิยมไทย แล้วให้ไปนิยมฝรั่งนั้นหรือ ? คำถามนี้เป็นคำถามที่สื่อออกมาว่า ผู้ตั้งคำถามยังไม่หลุดออกจากกรอบคิดชาตินิยมแม้แต่น้อย เพียงแต่เปลี่ยนอัตลักษณ์จากความเป็นไทย ไปเป็นความเป็นฝรั่ง ญี่ปุ่น หรือเกาหลีแทน ชาติไม่นิยม ที่ผมเขียนถึงนั้น ผมหมายถึงการดึงตัวเองออกจากอัตลักษณ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอัตลักษณ์ใด ๆ

การนิยามความเป็นไทยนั้น หมายถึงเราพยายามนิยามวิถีชีวิตของคนในสังคม และเราพยายามแยกสังคมของคนไทยออกจากสังคมอื่น ๆ โดยมีรูปแบบความเป็นไทยต่าง ๆ มากมาย (ไม่เฉพาะแต่เส้นแบ่งเขตแดนที่ก็ถูกมนุษย์อุปโลกน์เหมือนกัน)เป็นเครื่องมือ ในการแบ่งแยก วิถีชีวิตของคนไทยในยุคชาตินิยม จารีตนิยม จึงบิดเบี้ยว

สิ่งที่เราควรทำในความคิดของผม คือ เราควรปล่อยให้วิถีชีวิของคนในสังคมเป็นไปอย่างที่มันควรเป็น โดยไม่มีอัตลักษณ์เป็นตัวกำหนด ซึ่งแน่นอนวิถีชีวิตจะได้รับการพัฒนาปรับเปลี่ยนจากคนในสังคมเอง ตามองค์ประกอบปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ ทรัพยากร ต้นทุนทางเศรษฐกิจ และอื่น ๆ สิ่งที่คนในสังคมเลือกจะรับ และไม่รับขึ้นอยู่กับว่าสิ่งนั้นเหมาะสมกับคนในสังคม และวิถีชีวิตของคนในสังคมมากน้อยเพียงใด ไม่ใช่ตรงตาม "อัตลักษณ์ที่ถูกกำหนด" เพียงใด

ผมขอยกตัวอย่างในเรื่องของ ภาษา การแต่งกาย และการศึกษา

ในเรื่องภาษาหากคิดแบบชาตินิยม อีกร้อยปีข้างหน้าภาษาไทยต้องมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกับภาษาไทยเมื่อห้าสิบปี ที่แล้ว โดยเราไม่ต้องสนใจว่าภาษามันจะทำหน้าที่ของมันได้ดีเพียงใด ในขณะที่หากเราแยกภาษาออกจากการกำหนดอัตลักษณ์ เราจะมองภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ที่ต้องมีวิวัฒนาการ และขึ้นอยู่กับข้อตกลงของสังคมผู้ใช้ภาษา การใช้ภาษาที่ผิดจึงไม่ใช่การใช้ภาษาไม่ตรงกับที่ใครไม่รู้เป็นคนกำหนด แต่เป็นการใช้ภาษาที่ไม่สามารถสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจได้ หรือเกิดอุปสรรคในการสื่อสาร

การแต่งกาย ก็เช่นกัน โดยสภาพภูมิอากาศ วิถีชีวิต ความเหมาะสมแห่งยุคสมัย และรายได้ของคนในสังคม จะเป็นตัวกำหนดรูปแบบการแต่งกายของคนในสังคมอยู่แล้ว ดังนั้นการรณรงค์ให้แต่งชุดไทย (ในรั้วในวัง) ซึ่งไม่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตในสังคมเมือง มีราคาแพง บางชุดก็ใส่แล้วร้อนตับแตก สำหรับผมแล้ว มันก็ไม่ต่างจากนักร้องวัยรุ่น ที่ใส่เสื้อคอเต่า แจ็กเกตหนัง ขึ้นเวทีคอนเสิร์ต ไพเราะซะจนเหงื่อไหลเปรอะรักแร้ ...เพราะมันขัดกับสภาวะรอบตัว การแต่งกายของคนในสังคมที่มีให้เห็นทั่วไปตามท้องถนนเสียอีก ที่เป็นการแต่งกายที่เหมาะสม เพราะเป็นการแต่งกายที่ผ่านกระบวนการเลือกจากคนในสังคมแล้วว่า เหมาะกับสภาพภูมิอากาศ วิถีชีวิต และรายได้ของตน

image

การศึกษาในบ้านเรา เป็นทั้งเครื่องมือ และผลผลิตของลัทธิชาตินิยมอยู่ในตัวเอง การวางพื้นฐานทางความคิดของคนในสังคม จากรัฐชาติโดยผ่านการศึกษา การศึกษาของเราไม่เคยก้าวข้ามการยึดติดอัตลักษณ์ไปได้เลย ตั้งแต่สมัยเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นต้นมา ผลผลิตที่ได้จึงเป็นบุคคลากรที่คิดในกรอบที่ระบบการศึกษาได้วางไว้ ไม่สามารถคิดอะไรเป็นระบบได้ด้วยตัวเอง จะดีกว่าไหม หากระบบการศึกษาสอนให้คนตั้งคำถาม คิดเป็นระบบ และนอกกรอบ ผมเชื่อเสมอครับว่าความรู้ที่แท้จริง มักเกิดจากคนที่คิดต่างจากคนอื่น

อันที่จริงยังมีเรื่องราว ประเด็น และแนวคิดอีกมากมายในสังคมไทย ที่มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับชาตินิยม แต่ผมคงไม่สามารถยกตัวอย่างและอธิบายได้ทั้งหมด คุณลักษณะสำคัญของแนวคิดที่มีชาตินิยมเป็นวัตถุดิบทางความคิดคือ จะยืนอยู่บนความเชื่อ และความยึดติด มากกว่าจะใช้เหตุผลในการคิดพิจารณา เช่น เรื่องของศาสนา, สถาบัน, พรรคการเมือง, การดูหนัง, ฟังเพลง, การสมัครงาน, การกินอาหาร เรื่องเหล่านี้ล้วนมีอนูของชาตินิยมเข้ามาเกี่ยวข้อง ขึ้นอยู่กับผู้มอง ว่าจะใช้ความเชื่อ (ตามอัตลักษณ์) หรือเหตุผล

ผมไม่รู้ว่ามีใครคิดเหมือนผมบ้าง ว่าชาตินิยมของไทยขณะนี้ กำลังกัดกร่อนบ่อนทำลายตัวรัฐชาติไทยเองไปทีละน้อย เพราะนอกจากชาตินิยมจะทำให้คนไทยใช้เหตุผลน้อยลงแล้ว ยังไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า การทำเพื่อชาติ หมายถึง การทำเพื่อสิ่งใด ทำเพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ ? ทำเพื่ออาณาเขตของประเทศ ? ทำเพื่อบรรพบุรุษที่ตายไปแล้ว ? ทำเพื่อรัฐบาล ? ทำเพื่อคณะรัฐประหาร ? ทำเพื่อ "ใคร" บางคน ? ในเมื่อจุดมุ่งหมายไม่ชัดเจน นโยบายย่อมไม่ชัดเจน การวางแผนไม่ ชัดเจน น่าสงสัยจริง ๆ ว่า การพัฒนาที่ชัดเจนมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร

สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างคือ ผมไม่เคยเห็นประชาธิปไตยสำนักไหน บอกว่าชาติเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย จะมีก็แต่ผู้นำเผด็จการเท่านั้นที่พล่ามบ่นถึง "ชาติ และการรักชาติ" จนเลยเถิดไปถึงขนาด "ตัวตายดีกว่าชาติตาย"
 336170


SimsMook
#4
17-10-2010 - 09:35:54

#4 SimsMook  [ 17-10-2010 - 09:35:54 ]




เอ่อ.. ยอมรับเลยว่าเราอ่านไม่ค่อยออกอะ ไม่รู้เรื่องเลย Y.Y
แต่ไม่รู้สิ ตอนนี้เราว่าง ๆ 555 จะพยายามแปลให้นะคะ ถ้าแปลผิดตรงไหนก็ขอโทษด้วยนะคะ ( . . )



แปลทั้งหมดจ้า ( แปลไป งง ไป 5555 )
D-SEVEN พูดว่า:
มา เม้ล หั้ย เยอะ แล้ว
แล้ว บอกว่า มั่ย หยิ่ง งัย
อ้า ๆ ๆ มั่ย ดั้ย ว่า นร๊
แต่ แค่ เตือน ความ จาม
แปล
มาเม้นท์ให้เยอะแล้ว
แล้วบอกว่าไม่หยิ่งไง
อ่าๆๆ ไม่ได้ว่านะ
แต่แค่เตือนความจำ


D-SEVEN พูดว่า:
แล้ว มัน วิบัติ ตรง หน๋าย
ถาม จริง ๆ เหอะ อ่าน มั่ย ออก
หรือ เชย กะโหล่ง กัล แน่
แปล
แล้วมันวิบัติตรงไหน
ถามจริงๆ เหอะ อ่านไม่ออก
หรือเชยกะโหล่ง (?) กันแน่



ตัวอย่างที่2 ( แปลในวงเล็บจ้า )
เค้าทักว่า : ^^; ทั๊ ค ( ทัก คะ (รึเปล่า ?) )
เค้าตอบว่า:อ๊ะยิ น ดี ทิ๊ ดั๊ย!รุ จั กจ๊ะมั๊ มๆๆ ด๋ วย น๊ ห๊ว งห่วง ( อ๊ะ ! ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ หม่ำๆด้วยนะ ห๊วงห่วง )
เค้าตอบว่า:โนพรอมแพม!!!!~จ๊ ( โนพรอมแพมจ้า ! ) โนพรอมแพรม ในที่นี้คิดว่าประมาณว่า ไม่มีปัญหาจ้ะ ! อะไรอย่างนี้ เพราะจากที่รู้มา
มันมาจากคำว่า Problem ค่ะ ( ถ้าข้อมูลผิดขอโทษด้วยนะคะ )


ตัวอย่างที3
หวาดดดีจ๊.คุนพ่.
thx 4 add นร้า จ๊ ~*
อ่เค เด่วยังงัยกุทอหา *)
เหลืองานเด่วอ้ะ กุวลืม *))
กุวยุ้บ้านไอ่ป่าน มาทัมงานกัล *))
กุอย่ กุงเทบแร้ววุ้ย....
กุวยุ้บ้าน *
**อ่ะยุ้ไน๋ ??
คิดถึงเหมือนกัลค๊ะทิรั๊ก ก
เดะเราปัยด๋วกัล เน๊อะ
แปล
สวัสดีจ้ะคุณพี่ ( หรือคุณเพื่อนอะ พ. มาตัวเดียวตูจะรู้ไหม - -! )
แต้งค์ฟอแอดนะจ๊ะ
โอเค เดี๋ยวยังไงกูโทรหา
เหลืองานเดียวอะ กูลืม
กูอยู่บ้านไอ้ป่าน มาทำงานกัน
กูอยู่ กรุงเทพแล้ววุ้ย
กูอยู่บ้าน
มึงอะอยู่ไหน ??
คิดถึงเหมือนกันค่ะ ที่รัก
เดี๋ยวเราไปด้วยกัน เนอะ


ตัวอย่างที่4
เดะหั้ยอมยิ้ม เค๊น๊ะ - ไม่โอเคก็ตรงคำว่า เดะ นี่แหละ - -;
ยุเปงเพิ่ลกันก่องน๊า เหงาๆ ยุคนเดียวฟังเพลงแล้วมันประสาทจะกิง เพลงมันกิงจัย - เพลงมันกินมากไปเปล่าค่ะ - -;
คิดถุงน่ะค่ะคุลน้องคนจวย ๆๆๆ - จะชมหรือจะด่า
เปงงัยบางคับ - จะดีมากถ้าไม่มีคนวิบัติแบบคุณ
ทั๊คทายณ๊ - จะพิมพ์ให้มันยากเพื่ออะไร ?
สอบเสดยังอ่าคุนณ๊อง~//* - เยี่ยมมม !
กิงแล้วจร้าาาา - กิงไรของมัน**
วานนี้กลับคนเด๊วด้วยอ่ะ - ใครอยากจะกลับกับเจ๊** วิบัติซะ
มั่มๆดั่ว - โอ้ !
ฝัน ว๋าน - หวานแบบนี้ไม่ได้หรอ** ไม่เข้าใจ
แปล
เดี๋ยวให้อมยม เคนะ
อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนนะ เหงาๆ อยู่คนเดียวฟังเพลงแล้วมันประสาทจะกิน เพลงมันกินใจ
คิดถึงนะคะ คุณนน้องคนสวย (นั่นสิ จะชมหรือจะด่า = = !)
เป็นยังไงบ้างครับ
ทักทายนะ
สอบเสร็จยังอ่าคุณนน้อง
กินแล้วจ้า
วันนี้กลับคนเดียวด้วยอะ
หม่ำ ๆ ด้วย
ฝันหวาน


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2010-10-17 09:50:50

beamzer
#5
17-10-2010 - 09:45:40

#5 beamzer  [ 17-10-2010 - 09:45:40 ]




เช่นกันค่ะ


beamzer
#6
17-10-2010 - 09:46:24

#6 beamzer  [ 17-10-2010 - 09:46:24 ]




แต่เราก็น่าจะภูมิใจนะที่มีภาษาเป็นของตัวเองหนะ


jodykiss1
#7
17-10-2010 - 09:51:24

#7 jodykiss1  [ 17-10-2010 - 09:51:24 ]






มันไม่ใช่โนพรอมแพมนี่ โนพรอเบ็ม นี่นา อิอิ


SimsMook
#8
17-10-2010 - 09:51:32

#8 SimsMook  [ 17-10-2010 - 09:51:32 ]




ใช่แล้วค่ะ !
เราแปลทั้งหมดไว้ตรงเรปแรกนะคะ แหะ ๆ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2010-10-17 09:52:02

jodykiss1
#9
17-10-2010 - 09:51:52

#9 jodykiss1  [ 17-10-2010 - 09:51:52 ]






แทกับทิฟช่วยกันๆ


beamzer
#10
17-10-2010 - 09:53:29

#10 beamzer  [ 17-10-2010 - 09:53:29 ]




ชอบทิฟเหรอ


beamzer
#11
17-10-2010 - 09:53:41

#11 beamzer  [ 17-10-2010 - 09:53:41 ]




เราชอบมากเลยทิฟ


SimsMook
#12
17-10-2010 - 09:54:32

#12 SimsMook  [ 17-10-2010 - 09:54:32 ]




เรารักโซนยอชิแดค่ะ

beamzer

beamzer
#13
17-10-2010 - 09:58:10

#13 beamzer  [ 17-10-2010 - 09:58:10 ]




เช่นกันมากๆๆ
 336217


jodykiss1
#14
17-10-2010 - 10:17:39

#14 jodykiss1  [ 17-10-2010 - 10:17:39 ]






จำเราไม่ได้หรอ

แพรรักแทแทจ้า
 336237


beamzer
#15
17-10-2010 - 17:13:33

#15 beamzer  [ 17-10-2010 - 17:13:33 ]




แตกประเด็นจากกระทู้ กระทู้ว่าด้วยเรื่อง “ภาษาวิบัติ” และการครอบงำอย่างเป็นกระบวนการในบอร์ดนักเขียน!
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1108365

27/19 ถนน สุขุมวิท 96

พระโขนง วัฒนา กรุงเทพฯ 10110



15 พฤษภาคม 2544



เรื่อง ขอมักงาน

เรียน ฝ่ายบุคคล JOBBEES (Thailand) Co., Ltd.

สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. ปาหวัดย่อ

2. สำเนาปริญญาบัตร

3. รูปถ่าย



ผมได้ทราบจากเว็ปไซท์ WWW.JOBBEES.COM ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2544 นี้ว่าทั่นกำลังรับสมัครงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายและการตลาด ผมจึงมีความประสงค์ที่จะมักงานในตำแหน่งดังก่าวผมชื่อ นาย *** ***จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ จากวิทยาลัย*** ในเดือนมีนาคม 2544 วิชาเอกคือ การตลาด



ระหว่างที่ศึกษาอยู่ในหาลัย ผมได้ใช้เวลาหั้ยเป็นประโยชน์ที่สุด ทั้งในด้านการเรียนและกิจกำต่างๆ ผมเคยเข้าชมรมษากิด และเป็นประธานของชมรม ทั้งนี้พวกเราได้ร่วมกันสอนภาษาญี่ปุ่นแก่มาชิกชมรมที่ต้องการพัฒนาทักษะของตนเอง ผมยังเป็นมาชิก ของชมรมเทควันโด และเปงตัวแทนในการเข้าแข่งขันกีฬาของทางมหาลัยด้วย นอกจากนี้ผมยังมีกิจกรรมและงานดิเรกอื่น ๆ เช่น บาสเกตบอล, ว่ายน้ำ และอื่นๆ



ผมผ่านการทดสอบพิมดีด ซึ่งความเร็วในการพิมดีดภาษาอังกฤษเท่ากับ 40 คำต่อนาที และ 50 คำต่อนาทีสำหรับภาษาไทย ผมจึงมีความมั่นจัยว่าคุณสมบัติเพิ่มเติมที่ว่ามานี้จะเป็นประโยชน์ต่อผมในการพิม และจัดทำรายงานที่เกี่ยวกับการขายได้อย่างดี



หากทั่นได้ อ่านประวัติย่อที่ผมได้แนบมาด้วยและติดต่อสอบถามกับอาจารย์ของผมแล้ว ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการติดต่อสัมภาษณ์และนัดเวลาจากท่าน เบอร์โท ที่สามารถติดต่อได้ คือ 712-7047 และผมขอขอบพระคุณเปงอย่างยิ่งต่อความรุนาของทั่นมา ณ ที่นี้



ขอแสดงความนับถืออย่างสูง





(นาย *** ***)

สิ่งที่แนบมาด้วย : ปาหวัดย่อ

************************************************************************************
ไม่มีใครหนีพ้นหรอกครับ จะยังไงก็แล้วแต่ เมื่อถึงเวลาทำงานหากใครใช้ภาษา
วิบัติก็คงจะไม่สามารถอยู่ในสังคมของการทำงานได้ หากคิดจะใช้ภาษาวิบัติ
ก็ไม่เป็นไรยังไงซะ เมื่อโตขึ้นซักวันหนึ่งคุณก็ไม่มีทางเลี่ยงอยู่ดี

อยากจะบอกว่าฟรั่งเขาก็ไม่ใช้คำว่า
have เป็น hv, something เป็น sth, thanks เป็น thax, think เป็น thk, what เป็น wot
ในโลกของธุรกิจเหมือนกัน





อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1108411#ixzz12bpUmIfY


beamzer
#16
18-10-2010 - 06:52:59

#16 beamzer  [ 18-10-2010 - 06:52:59 ]




เห้อ...


beamzer
#17
21-10-2010 - 16:18:42

#17 beamzer  [ 21-10-2010 - 16:18:42 ]




เอ่อ.. ยอมรับเลยว่าเราอ่านไม่ค่อยออกอะ ไม่รู้เรื่องเลย Y.Y
แต่ไม่รู้สิ ตอนนี้เราว่าง ๆ 555 จะพยายามแปลให้นะคะ ถ้าแปลผิดตรงไหนก็ขอโทษด้วยนะคะ ( . . )



แปลทั้งหมดจ้า ( แปลไป งง ไป 5555 )
D-SEVEN พูดว่า:
มา เม้ล หั้ย เยอะ แล้ว
แล้ว บอกว่า มั่ย หยิ่ง งัย
อ้า ๆ ๆ มั่ย ดั้ย ว่า นร๊
แต่ แค่ เตือน ความ จาม
แปล
มาเม้นท์ให้เยอะแล้ว
แล้วบอกว่าไม่หยิ่งไง
อ่าๆๆ ไม่ได้ว่านะ
แต่แค่เตือนความจำ


D-SEVEN พูดว่า:
แล้ว มัน วิบัติ ตรง หน๋าย
ถาม จริง ๆ เหอะ อ่าน มั่ย ออก
หรือ เชย กะโหล่ง กัล แน่
แปล
แล้วมันวิบัติตรงไหน
ถามจริงๆ เหอะ อ่านไม่ออก
หรือเชยกะโหล่ง (?) กันแน่



ตัวอย่างที่2 ( แปลในวงเล็บจ้า )
เค้าทักว่า : ^^; ทั๊ ค ( ทัก คะ (รึเปล่า ?) )
เค้าตอบว่า:อ๊ะยิ น ดี ทิ๊ ดั๊ย!รุ จั กจ๊ะมั๊ มๆๆ ด๋ วย น๊ ห๊ว งห่วง ( อ๊ะ ! ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ หม่ำๆด้วยนะ ห๊วงห่วง )
เค้าตอบว่า:โนพรอมแพม!!!!~จ๊ ( โนพรอมแพมจ้า ! ) โนพรอมแพรม ในที่นี้คิดว่าประมาณว่า ไม่มีปัญหาจ้ะ ! อะไรอย่างนี้ เพราะจากที่รู้มา
มันมาจากคำว่า Problem ค่ะ ( ถ้าข้อมูลผิดขอโทษด้วยนะคะ )


ตัวอย่างที3
หวาดดดีจ๊.คุนพ่.
thx 4 add นร้า จ๊ ~*
อ่เค เด่วยังงัยกุทอหา *)
เหลืองานเด่วอ้ะ กุวลืม *))
กุวยุ้บ้านไอ่ป่าน มาทัมงานกัล *))
กุอย่ กุงเทบแร้ววุ้ย....
กุวยุ้บ้าน *
**อ่ะยุ้ไน๋ ??
คิดถึงเหมือนกัลค๊ะทิรั๊ก ก
เดะเราปัยด๋วกัล เน๊อะ
แปล
สวัสดีจ้ะคุณพี่ ( หรือคุณเพื่อนอะ พ. มาตัวเดียวตูจะรู้ไหม - -! )
แต้งค์ฟอแอดนะจ๊ะ
โอเค เดี๋ยวยังไงกูโทรหา
เหลืองานเดียวอะ กูลืม
กูอยู่บ้านไอ้ป่าน มาทำงานกัน
กูอยู่ กรุงเทพแล้ววุ้ย
กูอยู่บ้าน
มึงอะอยู่ไหน ??
คิดถึงเหมือนกันค่ะ ที่รัก
เดี๋ยวเราไปด้วยกัน เนอะ


ตัวอย่างที่4
เดะหั้ยอมยิ้ม เค๊น๊ะ - ไม่โอเคก็ตรงคำว่า เดะ นี่แหละ - -;
ยุเปงเพิ่ลกันก่องน๊า เหงาๆ ยุคนเดียวฟังเพลงแล้วมันประสาทจะกิง เพลงมันกิงจัย - เพลงมันกินมากไปเปล่าค่ะ - -;
คิดถุงน่ะค่ะคุลน้องคนจวย ๆๆๆ - จะชมหรือจะด่า
เปงงัยบางคับ - จะดีมากถ้าไม่มีคนวิบัติแบบคุณ
ทั๊คทายณ๊ - จะพิมพ์ให้มันยากเพื่ออะไร ?
สอบเสดยังอ่าคุนณ๊อง~//* - เยี่ยมมม !
กิงแล้วจร้าาาา - กิงไรของมัน**
วานนี้กลับคนเด๊วด้วยอ่ะ - ใครอยากจะกลับกับเจ๊** วิบัติซะ
มั่มๆดั่ว - โอ้ !
ฝัน ว๋าน - หวานแบบนี้ไม่ได้หรอ** ไม่เข้าใจ
แปล
เดี๋ยวให้อมยม เคนะ
อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนนะ เหงาๆ อยู่คนเดียวฟังเพลงแล้วมันประสาทจะกิน เพลงมันกินใจ
คิดถึงนะคะ คุณนน้องคนสวย (นั่นสิ จะชมหรือจะด่า = = !)
เป็นยังไงบ้างครับ
ทักทายนะ
สอบเสร็จยังอ่าคุณนน้อง
กินแล้วจ้า
วันนี้กลับคนเดียวด้วยอะ
หม่ำ ๆ ด้วย
ฝันหวาน

[/quoteเก่งจัง


meenoil
#18
21-10-2010 - 16:24:34

#18 meenoil  [ 21-10-2010 - 16:24:34 ]






เราชอบยุนอาน่ะ
 344562


ggee
#19
21-10-2010 - 16:29:07

#19 ggee  [ 21-10-2010 - 16:29:07 ]






พรอมแพรม มาจาก problem แปลว่าปัญหา

โนพรอมแพรม คือ ไม่มีัปัญหาค่ะ ถูกแล้ว

ว่าแต่ อ่านไปอ่านมาคันลูกกะตาเหมือนกันนะนิ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2010-10-21 16:29:43


Will comeback soon :)
beamzer
#20
21-10-2010 - 16:29:53

#20 beamzer  [ 21-10-2010 - 16:29:53 ]




ขอบคุณค่ะ


  • 1
  • 2

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 13th November 2024 05:25

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ