โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
มาคับอ่านเเล้วหนุกดี โหวตให้ด้วย
ThEZeNRi
#1
23-10-2010 - 15:20:48

#1 ThEZeNRi  [ 23-10-2010 - 15:20:48 ]




10 สัตว์ลึกลับที่โลกไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่

สาเหตุที่ตอนที่แล้วออกมาช้าเหลือเกินก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ คือว่าอีก 5 วันผมจะต้องเขียนฆาตกรโหดสะท้านโลกให้เสร็จนะครับ ดังนั้นผมเลยทุ่มเวลาเขียนเรื่องฆาตกรให้หมด ตอนนี้เหลืออีก 3 เรื่อง (จะทันไหมเนี้ย)



cryptids มีความหมายว่า สัตว์ลึกลับวิทยา สัตว์ลึกลับในที่นี้ไม่ได้หมายถึงสัตว์ในตำนานนะครับ อยากให้เข้าใจกันใหม่ พวกไฮดรา กรีฟฟิน มังกร คิไมร่า ฯลฯ นี้ตัดไปเลย เพราะคำว่าสัตว์ลึกลับคือสัตว์ที่วงการวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้จัก หมายถึงเป็นสัตว์พื้นเมืองที่คนในท้องถิ่นรู้จักกันดี และพูดถึง แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้จักตัวตนจริงๆ เข้าใจกันว่ามันอาจเป็นแค่ตำนานในท้องถิ่น ทั้งๆ ที่มีหลักฐาน เช่น รอยเท้า เหยื่อที่มันฆ่า เส้นขน เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวมไปถึง สัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว แต่กลับปรากฏตัวอีกครั้ง หรือพบเห็นสัตว์ที่ไม่น่าเชื่อว่าในท้องถิ่นจะมีการพบเห็นสัตว์ชนิดนั้น เป็นต้นตัวอย่างเจ้าตัวที่ดังๆ ก็เช่น เยติ, บิ๊กฟุต, เนสซี ฯลฯ

โลกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอีกนับไม่ถ้วนสปีชี่ส์ที่รอให้เราค้นพบอยู่ และนี้คือ 10 อันดบ สัตว์ลึกลับที่หลายคนไม่ค่อยสนใจนัก แต่กระนั้นก็มีรายงานการปรากฏตัวของมันเรื่อยๆ จนเหลือเชื่อว่ามันมีตัวตนอยู่จริงเหรอ??



10. Champ



แชมป์ถือได้ว่าเป็นญาติของเนสซีที่ถูกขนานนามว่า “เนสซีอเมริกัน” มีคนรายงานการพบเห็นสัตว์เหล่านี้ในทะเลสาบแชมเปลน(Champlain) ประเทศอเมริกา มันเป็นทะเลสาบที่ลึกมากแต่แคบและยาวอยู่ระหว่างรัฐเวอร์มอนต์และรัฐนิวยอร์ก จากรายงานการพบบ่บอกว่ามันมีลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ที่เป็นพวกอาศัยอยู่ในน้ำในยุคดึกดำบรรพ์ ยาวประมาณ 4.5-9 เมตร ลำตัวคล้ายถังเหล้า มีตัวสีดำหรือเทา หัวคล้ายงูหรือม้า มีเขาหรือหงอนสองอัน สัตว์ลึกลับตัวนี้มีการพบเห็นมายาวนานกว่าสามร้อยปีมาแล้ว และปัจจุบันมีผู้พบเห็นตัวมันมากมายโดยเฉพาในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว และมีรูปถ่ายของมันด้วย จนหลายคนเชื่อว่ามันมีจริง ถึงขนาดสภาผู้แทนรัฐเวอร์มอนด์ได้ออกกฎหมายคุ้มครองแชมป์ “ห้ามกระทำการใดโดยเจตนาเพื่อจะฆ่าหรือทำให้บาดเจ็บหรือไปรบกวนมัน” กฎหมายที่ว่าออกในเดือนเมษายน 1986 ต่อมารัฐนิวยอร์กก็ออกกฎหมายเดียวกัน

มีหลายคนสันนิษฐานว่าสัตว์ลึกลับนี้ตัวตนที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ บางคนบอกว่ามันน่าจะเป็นซูโกลดอน(Zeuglodon) ปลาวาฬที่คาดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อสิบล้านปีก่อน บางคนบอกว่าเป็นคลื่นใต้น้ำเนื้องด้วยโครงสร้างของทะเลสาปที่ทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำขนาดใหญ่



9. Chupacabra



ชูปราคาบรา เป็นคำในภาษาสเปนแปลว่า ตัวดูดเลือดแพะ...แต่มิได้หมายความว่าเหยื่อของมันจะเป็นแพะเท่านั้น สัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ไม่ว่า เป็ด ไก่ ห่าน หมา แมว กระต่าย หรือวัวก็ยังโดนมันดูดเลือดด้วย ซึ่งมันเป็นสัตว์ที่สร้างความหวาดกลัวต่อชาวบ้านในเปอร์โตริโก ในช่วงราวปี ค.ศ.1994-1995 เป็นอย่างมาก จากคำบอกเล่าของพยานผู้รู้เห็น จากซากสัตว์ที่โดยทำร้าย และจากซากของชูปาคาบรา พบว่าชูปราคาบรานั้นมีรูปร่างหลายแบบ แตกต่างกัน บ้างก็เหมือนมนุษย์ต่างดาว เหมือนหนูตัวใหญ่ บ้างก็เหมือนลิง บางตัวก็มีปีก บางตัวมีกลิ่นเหม็นคล้ายกำมะถัน บางก็มีเสียงเห่าหอน โดยในอเมริกาพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นสุนัขอีกสายพันธุ์ไหนที่เป็นโรคเรื้อนทำให้มีลักษณะเหมือนสัตว์ประหลาด แต่กระนั้นก็ยังมีการพบตัวมันจนถึงปัจจุบัน ในอมเริกาใต้และอเมริกาเหนืออยู่ดี จนหลายคนไม่เชื้อว่ามันคือหมาขี้เรื้อน บ้างก็บอกว่า ฐบาลสหรัฐเคยมาสร้างสถานีวิจัยทางทหารลับๆ ไว้แห่งหนึ่ง ครั้งเมื่อปี 1989 เกิดพายุเฮอร์ริเคนพัดกระหน่ำ ลิงกลายพันธุ์ที่ทดลองทางพันธุ์วิศวกรรม หรืออาจเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่เหลือรอดจากยุคดึกดำบรรพ์ก็เป็นได้




8.Ebu Gogo



มีหลายคนพบสัตว์ลึกลับชนิดหนึ่งเป็นกลุ่มคนตัวเล็กๆ มีใกล้เคียงกับมนุษย์มากมีแขนยาว เดินเหมือนมนุษย์ สูงประมาณหนึ่งเมตร ขนดก มักจะพึมพำคุยกันด้วยภาษาที่พวกเขาไม่เข้าใจ พวกเขาอาศัยในเกาะ Flores เกาะป่าร้อนชื้นของอินโดนีเซียที่ยังไม่เคยมีใครสำรวจก็เป็นได้ ตั้งแต่สมัยโบราณไปจนถึงศตวรรษที่ 19 มีตำนานเล่าว่าพวกเขาถูกเรียกว่า "อีบู โกโก" เป็นมนุษย์ตัวเล็กที่ชอบทำลายพืชและสัตว์ของมนุษย์เพื่อกินเป็นอาหาร ทำให้พวกมนุษย์โกรธแค้นและสืบหาร่องรอยจนฆ่าพวกเขาจนสูญพันธุ์ในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งในปี 2003 นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบกระดูกพวกเขาในถ้ำหินปูนชื่อ Liang Bua และเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก เพราะถือว่ากระดูกที่ค้นพบเป็นของมนุษย์พันธุ์ใหม่ และตั้งชื่อเล่นว่าฮอบบิต

แต่ทว่ามีหลายคนออกมาถกเถียงข้อสันนิษฐานนี้โดยบอกว่าซากมนุษย์จิ๋วที่ค้นพบคือโฮโม ซาเปียนส์ทั่วไป แต่มีร่างกายแคระแกร็น หยุดการเจริญเติบโต อันเนื่องจากภาวะขาดสารไอโอดีนระหว่างครรภ์มารดา อันเนื่องจากเกาะแห่งนี้มีอาหารอยู่น้อยนี้เอง



7.Springheel Jack



เรื่องราวของชายส้นเท้าสปริงเกิดขึ้นในสมัยที่อเล็กซานดรีนา วิกเตอเรีย( โดยชายส้นเท้าสปริงเริ่มออกมาอาละวาดในช่วง 1836-1986 โดยสัตว์ประหลาด(อาจเป็นคนปลอมตัว) นั้นมันมีความสามารถพิเศษคือ สามารถกระโดดสูงอย่างที่มนุษย์คนไหนสามารถกระโดดได้เหมือนกับว่าร้องเท้าของมันติดสปริงด้วย(และนี้คือที่มาของชายส้นเท้าสปริง) นอกจากนั้นรูปร่างของมันก็ไม่เหมือนกับคน ซึ่งพยานคนหนึ่งได้เคยเผชิญหน้ากับมันและบรรยายอย่างน่าขนลุกว่า “รูปร่างของมันสูงและผอม หน้าของมันเหมือนภูตผีปีศาจ ที่มือของมันมีอุ้มเล็บยาว ตาเหมือนลูกบอลสีแดงที่ลุกเป็นไฟ ใส่หมวก กางเกงมีสีขาว สวมเสื้อคลุมสีดำชอบปรากฏตัวจะกางผ้าคลุมทำให้เวลาดูราวมันเป็นมนุษย์ค้างคาวยังไงอย่างงั้น”นอกจากนั้นยังมีรายงานเวอร์ๆ ออกมาเป็นระลอกที่ส่งเสริมให้ชายส้นเท้าสปริงกลายเป็นสัตว์ประหลาดเข้าไปใหญ่ เช่น ลมหายใจออกสีน้ำเงินมีฟันแหลมคล้ายแวมไพร์ หูและจมูกแหลม สามารถพ่นเปลวไฟสีขาวออกจากปากได้

มีทฤษฎี,ข้อสันนิษฐานจำนวนมากที่นำอธิบายฆาตกรเหนือธรรมชาติรายนี้ เช่นมันอาจเป็นลิงที่หลุดจากละครสัตว์ นักแสดงชายชราโรคจิต นักมายากล หรือสัตว์ลึกลับ นอกจากนี้บางคดีก็มีคนมาลอกเลียนแบบชายส้นเท้าสปริงอีก แต่สุดท้ายคดีนี้ก็เป็นปริศนาตลอดกาล และกลายเป็นตำนานในเวลาต่อมา โดยชื่อของมันปรากฏอยู่ในนิทาน, นวนิยาย หนัง ชายส้นเท้าสปริงปรากฏในฐานะฮีโร่ปราบปรามผู้ร้าย




6.Shadow People




น่าจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับมากกว่าสัตว์ลึกลับครับ สำหรับ “คนเงา” ที่คนทั่วโลกได้พบเห็นตัวมันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รูปร่างลักษณะคือจะเห็นเงาที่มีรูปร่างคนและเคลื่อนไหวได้อิสระทั้งๆ ที่พื้นที่โดยรอบไม่มีคนเป็นๆ อยู่เลย บางคนก็เห็นในรูปเงามืดกึ่งโปร่งใส ไม่มีหน้าไม่มีจมูก และพวกเขาจะหายไปทันทีที่มีคนเห็นตัวมัน นอกจากนี้ยังมีรายงานการถูกทำร้ายและล่าโดยสิ่งที่เป็นเงารูปร่างคนด้วย ซึ่งบางครั้งขนาดของมันก็ใหญ่กว่าคนปกติ แน่นอนครับสำหรับคนไม่เชื่อก็ค้านว่ามันเป็นภาพลวงตาของแสง หรืออาการประสาทหลอนที่เห็นเงากลายเป็นรูปร่างคนขึ้นมา หรือจะเป็นอาหารหลับตื่น(Hypnagogoia) ที่บุคคลอยู่สภาพระหว่างนอนและตื่น ทำให้สภาพแวดล้อมมีจิตนาการเหมือนฝัน เห็นเงาเคลื่อนที่อิสระได้ ส่วนคลิปนี้ถ่ายในปี 1997 โดยอิเมอร์สัน



5.Beast of Bray Road




“สัตว์แห่งถนนเป่าแตร” เป็นสัตว์ลึกลับที่พบในรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 1936(แต่รายงานจริงๆ จัง ในปี 1980) รูปร่างมันเหมือนมนุษย์หมาป่าแหละครับ คือสุนัขเดินสองขาแบบมนุษย์ สูงประมาณหกฟุต ผมกระเซิง ใบหน้าคล้ายสุนัขป่าตาสีเหลืองเรืองแสง บางคนก็บอกว่าคล้ายกับบิ๊กฟุต และมันสามารถแปลงร่างเป็นสุนัขป่าได้ มันมีกลิ่นเหม็นสุดจะทน สาเหตุที่ผมถูกเรียกชื่ออย่างนี้ก็เพราะว่ามันมักปรากฏบนถนน แน่นอนคนที่ค้านก็บอกว่ามันเป็นแค่หมาป่าธรรมดา ที่คนพบเห็นเข้าใจผิดแล้วเกิดอุปทานหมู่



4. Mothman



ม็อทแมน เป็นสิ่งมีชีวิตปริศนา ที่พบกันที่ รัฐเวสท์เวอร์จิเนียมีลักษณะคล้ายๆค้างคาวปนตัวมอธ ลักษณะท่าทางการเคลื่อนไหวเหมือนค้างคาวบวกผีเสื้อกลางคืน พบเห็นเป็นครั้งแรกเมื่อ 12 พ.ย. ค.ศ. 1966 และก็พบเห็นกันเรื่อยมา

อาจกล่าวได้ว่าทศวรรษที่ 70-80 นั้น ม็อทแมน ถือเป็นตัวประหลาดแห่งปี เพราะมีข่าวของการพบมันกันหนาหูมากๆ แรกทีเดียวนั้น ตำรวจและเจ้าหน้าที่ คิดว่าเป็นแค่การเล่นพิเรนทร์ของวัยรุ่นหรือพวกจิตป่วนที่คิดจะแต่งตัวเลียนแบบ แบล็คแมน ซึ่งเป็นทีวีซีรี่ย์ที่ดังมากๆในสมัยนั้น เอาไปเอามาชักไม่ใช่แล้วสิครับ เพราะ ม็อทแมน ไปเกี่ยวพันกับปรากฏการณ์แปลกๆ น่ากลัวหลายๆครั้ง เช่น การถล่มของสะพาน Silver Bridge ตึกถล่ม หรือแม้แต่การปรากฏของ UFO ในหลายๆครั้ง แบบว่าไปที่ไหนซวยถึงนั้น โดยลักษณะคร่าวๆ เกี่ยวกับเจ้าม็อทแมนนี้ก็จากคำบอกเล่า สรุปได้มันสูงประมาณเจ็ดฟิท ไม่มีหัว ตาอยู่แถวๆ อก ปีกกว้างประมาณ 10 ฟิท สีปีกสีเทา ผิวมีเกล็ดมาก ตาสีแดง เปร่งแสงได้ และมีอำนาจสะกดจิต บินได้ สามารถบินไกล ความเร็วประมาณ 100 ไมล์ชั่วโมง มีเสียงกรี๊ดร้องเหมือนสุนัข บางครั้งเสียงร้องแหลมเหมือนเกี่ยวกับสัตว์ที่ใช้ฟันแทะ หรือเครื่องยนต์ไฟฟ้า สามารถก่อกวนเคลื่อนวิทยุ โทรทัศน์ได้ มีพลังจิตรู้อนาคต

ไม่มีใครรู้ว่า ม็อทแมนแท้ที่จริงคือตัวอะไรกันแน่ แต่ข่าวที่เชื่อได้ก็คือ ในช่วงที่ ม็อทแมนปรากฏตัว จะมีชายแปลกหน้าใส่ชุดสีดำ หรือ น้ำตาลป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณใกล้เคียงเสมอๆ (ยังกะ MIB เลยแฮะ)



3.Rods



ร็อดซ์เป็นที่รู้จักเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1994 ที่มิดเวย์ในรัฐนิวเม็กซิโก โดยช่างตัดต่อฟิลม์ชื่อโฮเซ่ เอสคามิลล่า (Jose Escamilla) ได้พบบางอย่างที่ปรากฏขึ้นในฟิลม์เมื่อทำการฉายด้วยสโลโมชั่นของนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่ได้ไปถ่ายรูปเมื่อตอนไปกระโดดร่มเล่นที่หน้าผาที่ทะเลทราย ในรัฐนิวเม็กซิโก บางอย่างที่ว่ามีลักษณะเป็นแท่งยาว ด้านข้างมีแผ่นครีบบางๆซึ่งโบกพัดไปมาด้วยความเร็วสูง โจเซ่จึงคิดว่ามันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต เขาได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมันจนสามารถถ่ายภาพที่เกี่ยวข้องเก็บไว้ได้ถึง 500 ชั่วโมงและเรียกสิ่งมีชีวิตปริศนานี้ว่า Rods หรือFlying Rods ที่แปลว่าแท่งไม้บินนั่นเอง (แต่โดยทั่วไปแล้ว สิ่งมีชีวิตนี้ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ แต่ละที่จึงเรียกชื่อไปต่างๆกัน) จากนั้นเป็นต้นมาก็มีข่าวเรื่องพบเห็นรอดซ์ตามมาอีกอีกมายมาย ทั่วทุกมุมโลก อย่างไม่เคยมีมาก่อน....มีทั้งอเมริกา แคนาดา อังกฤษ หรือกระทั่งล่าสุดก็มีการพบร็อดซ์ที่แบกแดดด้วย

โดยรอดซ์ส่วนมากนั้นมีมีรูปร่าง เป็นแท่งยาว มีปีกหรือครีบอยู่รอบลำตัว ขนาดเล็ก เฉลี่ยประมาณ 4 นิ้ว สีผิวค่อนข้างที่จะขาวหรือขาวใส โดยรูปร่างของร็อดซ์ก็มีการแบ่งแยกย่อยออกไปอีกครับ มีความสามารถบินได้ด้วยความเร็วสูงถึง 270-300 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถเคลื่อนไหวได้ทั้งบนฟ้าและในน้ำ นอกจากนี้ยังมีปริศนาเกี่ยวกับตัวมันมากมาย เช่นทำไมเราไม่เคยมีการค้นพบซากของร็อดซ์เมื่อเวลามันตายแล้ว ?, เวลาที่ร็อดซ์บินนั้นมันไม่ชนถูกอะไรเลยหรือ ?, มันควบคุมทิศทางยังไง ? , มันจะสืบพันธุ์กันยังไงหว่า ในเมื่อบินซะเร็วขนาดนั้น นอกจากนี้ยังมีการตั้งทฤษฎีเกี่ยวกับร็อดส์มากมาย ว่ามันเป็นแมลงชนิดใหม่ เป็นยูเอฟโอ, สัตว์ตระกูลนก, ภาพลวงตา แต่ถึงอย่างไร การที่ยังไม่มีผู้สามารถจับร็อดซ์ที่มีตัวตนอยู่จริงได้ จึงเป็นที่โต้เถียงกันจนทุกวันนี้ว่าร็อดซ์มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่








(ยังมีต่อ)







2.Goatman



โกทแมนเป็นสัตว์ลึกลับที่ออกจากเว่อร์ๆ พบเห็นในเมือง ปรินซ์จอร์จรัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 1970 มีรายงานว่าผมเห็นสัตว์มีชีวิตประหลาดเหมือนลูกผสมระหว่างมนุษย์กับแพะลึกลับ บรรยาย ท่อนล่างของร่างกายขาและเท้ามีกีบเหมือนแพะ ท่อนบนของร่างกายเป็นมนุษย์ ศีรษะมีเขาแพะ ผิวหนังบนร่างกายปกคลุมไปด้วยขน สูงประมาณสองเมตร หนักกว่า 130 กิโลกรัม ฟังดูคล้ายกับสิ่งมีชีวิตในเทพนิยายตัวหนึ่งมีเสียงร้องแหลม มีผู้พบเห็นศพของสัตว์ที่ตายอย่างโหดเหี้ยมบ่อยครั้งในเขตพื้นที่ที่พบเห็นโกทแมน ครึ่งหนึ่งของศพสัตว์ที่ตายถูกนำไป คาดว่าโกทแมนน่าจะฆ่าสัตว์เหล่านี้เพื่อนำไปเป็นอาหาร มีเหตุการณ์หนึ่งในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริการายงานว่า มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งถูกเจ้าโกทแมนวิ่งไล่และเขวี้ยงซากยางรถยนต์เข้าใส่ และมีเหตุการณ์การใช้อาวุธที่เกิดขึ้นในรัฐแมรีแลนด์ที่เจ้าโกทแมนไปอาละวาดเอาขวานจามรถยนต์หลายคันในเวลาไร่เรี่ยกันและมักทำร้ายสัตว์เลี้ยงของผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น หลายคนเชื่อว่าโกทแมนน่าจะเป็นญาติห่างๆกับบิ๊กฟุต หรือมีความได้โกทแมนเกิดขึ้นจากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในการตัดต่อพันธุกรรมของคนและแพะเข้าด้วยกันโดยศูนย์ค้นคว้าและวิจัย beltsville แห่งเมืองปรินซ์จอร์จ อันเป็นแหล่งกำเนิดของตำนานโกทแมน แต่อย่างไรก็ตาม ตามแบบฉบับสิ่งมีชีวิตลึกลับมักจะไม่ค่อยให้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือซึ่งแสดงถึงการมีตัวตนอยู่จริงของมัน



1.Pongo



เป็นตำนานสัตว์ลึกลับของแอฟริกา ที่เล่ากันว่าในดินแดนแห่งนี้มีสัตว์ครึ่งคนครึ่งลิงแอบอาศัยหลบซ่อนอยู่ มีนมีพลังวิเศษและชอบรสชาติของเนื้อมนุษย์ และสัตว์ตัวนี้สามารถกลายเป็นหญิงสวยเพื่อล่อผู้ชายและสามารถมีเพศสัมพันธ์กับมนุษย์ได้และกำเนิดเป็นเหมือนพวกมัน ในปี 1847 มีการพบสัตว์ลึกลับตัวนี้ แต่กระนั้นดูยังไงก็เหมือนลิงอุรังอุตังเสียมากกว่า



ThEZeNRi
#2
23-10-2010 - 15:21:23

#2 ThEZeNRi  [ 23-10-2010 - 15:21:23 ]




อยากดูรูปเว็บนี้ครับhttp://forum.mthai.com/view_topic.php?table_id=1&cate_id=34&post_id=52854


ThEZeNRi
#3
23-10-2010 - 15:25:08

#3 ThEZeNRi  [ 23-10-2010 - 15:25:08 ]




. ปลาซีลาคานธ์




ปลา ซีลาแคนธ์เคยมีอยู่อย่างมากกมาย และหลากหลายสายพันธุ์ แต่พวกมันไม่ได้มีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบันได้ทั้งหมด โดยสูญพันธุ์ไปตั้งแต่เมื่อ สิ้นยุค Cretaceous เมื่อ 65 ล้านปีก่อน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่ออย่างนั้น

แต่แล้วการค้นพบมันในปี พ.ศ. 2481 ถือได้ว่าเป็นการฉีกหน้านักวิทยาศาสตร์เต็มๆ

ซีลาแคนธ์มีรายงานการค้นพบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2481 ครั้งนั้นถูกจับได้ที่ปากแม่น้ำ Chalumna ทางชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกาใต้ โดยกลาสีเรือชาวสก็อตแลนด์โดย กัปตันเฮนดริค ผมเซ่น (Capt. Hendric Goosen) และลูกเรือ พวกเขาคิดว่าปลาที่จับได้นี้แปลกประหลาดมาก และได้นำปลาที่จับได้ มายังท่าเรือของเมือง East London ในประเทศแอฟริกาใต้ แล้วแจ้งไปยังพิพิธพันธ์ท้องถิ่นในเมืองเล็กๆในแอฟริกาใต้ และเมื่อ ลาติเมอร์ Courtney-Latimer นักอารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ที่นั่นได้เห็นปลารูปร่างประหลาด ได้แจ้งไปยังศาสตราจารย์ จี.แอล.บี สมิธ J.L.B Smith ผู้เชี่ยวชาญ เรื่องปลาแห่งมหาวิทยาลัยโรเดส ในประเทศแอฟริกาใต้ แล้วแจ้งไปยัง Courtney ให้ เก็บรักษาตัวอย่างปลานี้ไว้ แต่ว่าข้อความนั้นมาช้าไปทำให้อวัยวะภายในของปลาซีลาแคนธ์นั้นเริ่มเน่าเสีย เสียก่อน และแล้วสมิทก็ได้ออกแถลงการให้โลกรู้ว่า ปลาสีน้ำเงิน ความยาวเกือบสองเมตร นั่นคือปลาปลาซีลาแคนธ์ ที่มันเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน สมิธจึงได้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของ ปลาบรรพบุรุษของมัน ตัวนี้ว่า Latimeria chalumlae เพื่อเป็นเกียรติแด่ นางลาติเมอร์ และตำแหน่งที่ค้นพบ คือบริเวณปากแม่น้ำ Chalumnae

ปัจจุบัน ซีลาแคนธ์ถูกจัดอยู่ในสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะถิ่นที่อยู่อาศัยในบริเวณนั้นถูกคุกคามจากการจับทั้งโดยตั้งใจและ ไม่ตั้งใจซึ่งเมื่อถูกจับขึ้นมา จะถูกทิ้งไว้ทิ้งบริเวณผิวน้ำซึ่งปลาไม่สามารถกลับลงไปในระดับเดิมได้และตาย ลงในที่สุด อีกทั้งเชื่อว่าของเหลวในแกนสันหลังของปลาทำยาอายุวัฒนะได้ จึงถูกสั่งซื้อโดยประเทศจีน ไต้หวัน ปลามีราคาสูงถึง 500-2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในตลาดจีน และ ไต้หวัน

6. แมงกะพรุนยักษ์ Giant Jellyfish



แมงกะพรุน (Jellyfish) จัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไฟลัมไนดาเรีย ลักษณะลำตัวใสและนิ่มคล้ายวุ้น เมื่อโตเต็มวัย ส่วนประกอบหลักในลำตัวเป็นน้ำ 94-98% ด้านบนเป็นวงโค้งคล้ายร่ม ด้านล่างตอนกลางเป็นอวัยวะทำหน้าที่กินและย่อยอาหาร พบได้ในทะเลทุกแห่งทั่วโลก แต่ที่จะพาไปดูกันคือแมงกะพรุนยักษ์ใหญ่ เห็นแล้วน่ากลัวมากตัวใหญ่กว่าคนอีก เมื่อนำขึ้นมาตากแห้งบนบกตัวมันจะดูเล็กถนัดตาเพราะส่วนประกอบในร่างกายส่วน ใหญ่ของมันคือน้ำนั่นเอง นับว่าเป็นสัตว์อันตรายอีกชนิดหนึ่ง ในอดีต..มีชาวประมงเล่าว่า แมงกะพรุนตัวมหึมา มันกินลูกชายของเขาเข้าไปทั้งตัวเลย...

5. วาฬสีน้ำเงิน ( Blue Whale )




สัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่ สุดในโลกไม่ใช่ไดโนเสาร์ แต่เป็นสัตว์ที่ยังมีอยู่ในโลกปัจจุบันของเรา แต่กำลังเสี่ยงกับการสูญพันธ์เป็นอย่างมาก สัตว์ชนิดนี้ก็คือ Blue Whale (วาฬสีน้ำเงิน)

Blue Whale หรือวาฬสีน้ำเงิน เมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวถึง 30 เมตรและน้ำหนักมากกว่า 200 ตัน มันมีขนาดพอฟัดพอเหวี่ยงกับ Space Shuttle Orbiter หรือถ้าพวกเรายังนึกภาพไม่ออก ก็ลองนึกเปรียบเทียบกับสนาม Basket Ball ก็ได้ครับ Blue Whale ยังยาวกว่าสนาม Basket Ball เสียอีก
ถึงแม้ Blue Whale จะมีขนาดใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ แต่อาหารที่มันกินกลับเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ ที่เรียกว่า krill (แพลงตอนประเภทหนึ่ง) ในแต่ละวัน Blue Whale ที่โตเต็มที่จะกิน krill ถึงวันละ 4ตัน

เมื่อมองจากใต้ผิวน้ำ Blue Whale จะมีสีน้ำเงินตามชื่อที่เรียก แต่เมื่อโผลพ้นน้ำ มันจะมีสีเทาอมน้ำเงิน
เราสามารถพบ Blue Whale ได้ทุกๆ มหาสมุทรบนโลก

Blue Whale ยังเป็นสัตว์ที่ส่งเสียงได้ดังที่สุดในโลก(188 เดซิเบลล์)เป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกประเภทหนึ่ง อายุโดยเฉลี่ยของมันประมาณ 80-90 ปี แต่เท่าที่เคยพบ Blue Whale ที่อายุมากที่สุดมีอายุยืนยาวถึง 110 ปี ปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์คาดว่ามี Blue Whale อยู่ประมาณ 10,000 - 25,000 ตัวเท่านั้น สาเหตุเนื่องจากการล่าวาฬอย่างหนักในศตวรรษที่ 19 ทำให้ Blue Whale เกือบ 400,000 ตัวต้องถูกสังหาร จนเมื่อปี 1966 Blue Whale ได้รับการควบคุมโดย International Whaling Commission แต่สถานการณ์เสี่ยงต่อการสูญพันธ์ของ Blue Whale ก็ไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก

ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของมัน ทำให้ Blue Whale ไม่มีศัตรูมากมายนัก นอกจากบางครั้งจะถูกโจมตีจาก ฉลามและ Killer Whales และเกิดอุบัติเหตุจากการชนกับเรือขนาดใหญ่ แต่ศัตรูที่เป็นอันตรายร้ายแรงกับ Blue Whale ก็คือการตกเป็นเหยื่อในการล่าโดยฝีมือมนุษย์นั่นเอง

4. ปลาโมล่า ( Sunfish )



ปลาชนิดหนึ่ง ที่มีรูปร่างประหลาด ที่ว่าประหลาดนี้ก็คือรูปร่างไม่เหมือนปลาทั่วไปที่พวกเราคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ มันคือ ปลาซันฟิช หรือ ปลาโอเชี่ยนนิคซันฟิช หรือ ปลาโมลา โมล่า หรือ ปลาเฮดฟิช หรือ ปลามูนฟิช หรือถ้าจะเรียกเป็นภาษาไทย ก็จะเรียกได้ว่า ปลาแสงอาทิตย์ แล้วก็อีกอย่าง ถ้าจะเรียกว่าปลาซันพิช ก็ควรจะเรียกชื่อเต็มๆ ว่าปลาโอเชี่ยนซันฟิช เพราะในโลกนี้มีปลาซันฟิชหลายประเภท ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ในส่วนของนักดำน้ำ ก็จะเรียกกันอย่างคุ้นปากว่า ปลาโมลา โมล่า

ปลาชนิดนี้มีเรื่องราวน่าสนใจพอสมควร มันจัดอยู่ในกลุ่มปลากระดูกแข็ง ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (ปลาฉลามวาฬ จัดว่าเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่มันเป็นปลาที่จัดอยู่ในกลุ่มปลากระดูกอ่อน) มันสามารถมีความยาวถึง 4 เมตร และหนักกว่า 2,300 กิโลกรัม หรือ 2 ตันกว่าทีเดียว มันอยู่ในวงศ์ Molidae ซึ่งนับเป็นญาติกับกลุ่มปลาปักเป้า (Puffer Fish)และก็เกี่ยวดองกับ ปลาวัว (Trigger Fish) อีกด้วย

มันเป็นปลาที่มี รูปร่างแปลกประหลาดอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น รูปร่างมันเหมือนกับถูกตัดขาดครึ่งตัว ไม่มีส่วนหาง (เป็นที่มาของชื่อ เฮดฟิช) ลำตัวที่แบนกว้าง ผิวหนังที่ไม่มีเกล็ด แผ่นหนังที่ว่านี้มีความหนากว่า 15 มิลลิเมตร เหนียว และยืดหยุ่น ส่วนครีบท้องและครีบหลัง ยื่นยาวออกไปมาก มันใช้โปกไปทางซ้ายและขวาในการว่ายน้ำ ครีบหูกลม ปากค่อนข้างเล็ก มีฟันแบบเดียวกับปลานกแก้ว หรือปลาปักเป้า ส่วนของสมองถือได้ว่าเล็กมากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของตัว กล่าวคือมันมีขนาดเท่าหัวแม่มือเท่านั้นเอง

3. ปลาออร์ฟิช ( Oarfish )




เจ้าปลาไหล หรือ มังกรทะเลลึกปลาไหลทะเลลึก
หรือ ปลามังกรทะเล นับเป็นเวลานานมาแล้ว ที่มนุษย์มีความเคลือบแคลง-สงสัย เกี่ยวกับสัตว์ทะเลที่มีชื่อว่า "มังกรทะเลลึก" (Dragons of The Deep) มีนิยายเก่าแก่ ที่บรรยายถึงมังกรทะเลกล่าวไว้ว่า "มังกรทะเล..มีลำตัวยาวคล้ายงู หัวเหมือนม้า มีขนคอสีแดงดุจเปลวเพลิง"

ดังกล่าวนี้ นักวิทยาศาสตร์ ได้ทำการค้นคว้าหาความจริง ในที่สุด ก็พบความจริงว่า "มังกรทะเลลึก" ที่กล่าวถึงนั้น ที่แท้แล้ว ก็คือ ปลาประหลาดชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า ปลาใบพาย .หรือ ปลาริบบิ้น นั่นเอง บางทีก็เรียกว่า ปลาออร์ (OAR FISH) ปลาชนิดนี้ มีขากรรไกรยาว หน้าผากโหนกคล้ายม้า ตาโต คลีบบนหลัง ยื่นออกมายาวเลยหัว มีคลีบพิเศษ ยื่นออกมาทั้งสองข้างของส่วนหัว คล้ายใบพาย และมีลำตัวแบน ปลาประหลาดชนิดนี้ หาดูได้ยากที่สุดในโลก เพราะมันอยู่ในความลึกของท้องทะเล ถึง 3,000 ฟุต และเคยพบตัวใหญ่ที่สุด มีความยาวถึง 200 ฟุต แม้ว่า สัตว์ประหลาดชนิดนี้ จะมีขนาดใหญ่โตอย่างไร แต่ก็ไม่เป็นพิษ เป็นภัย กับมนุษย์ เพราะมันไม่มีเขี้ยวเล็บอะไร และเป็นสัตว์โลกที่แสนสวย น่าดูมาก ส่วนใหญ่ ก็จะพบในสภาพที่ตายแล้ว

2. ฉลามเมก้า เมาท์ (The Megamouth Shark)



สำหรับ มนุษย์แล้ว ขอบเขตความรู้เกี่ยวกับชีววิทยาทางทะเลของเรายังคับแ คบนัก มีสิ่งต่างๆมากมายพื้นที่ที่กว้างมหาศาลใต้ท้องมหาสม ุทร ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันมีอะไรซุกซ่อนอยู่บ้าง สิ่งมีชีวิตหลายๆสปีชี่ส์ที่ตกเป็นคำร่ำลือในหมู่ลูก เรือนั้น บางสปีชี่ส์ วงการวิทยาศาสตร์แทบไม่อาจจำแนกได้ด้วยซ้ำว่า มันควรจะไปรวมหมู่อยู่กับกลุ่มไหนในสารบบทางชีววิทยา ความประหลาดใจและสิ่งเซอร์ไพรส์จากท้องทะเลยังคงมีมา ให้เราเห็นกันเรื่อยๆ แม้ว่าวงการวิทยาศาสตร์จะพยายามแล้วพยายามอีกให้ห้วง มหาสมุทรเป็นพื้นที่ที่ "เคลียร์" สำหรับมวลมนุษย์ แต่เหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย

ในปี ค.ศ. 1976 เรือลำหนึ่งของราชนาวีสหรัฐ ชื่อ AFB 14 ได้ลากสมอเรือขึ้นมาในบ่ายวันหนึ่งด้วยความยากลำบากม ากกว่าปกติ แล้วพวกเขาก็ได้พบสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่โตดุร้าย ยาว 4.5 เมตร น้ำหนักมากถึงสามในสี่ตัน พัวพันอยู่กับร่มชูชีพใต้น้ำ มันมีฟันที่แหลมคมเหมือนเข็มอยู่เจ็ดแถว เป็นปลาใหญ่โตอยู่ในตระผมลที่ไม่มีใครรู้จักชนิดหนึ่ง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งชื่อให้กับมันว่า ปลาฉลามเมก้าเมาท์


แล้วในตอนนี้ คุณกำลังจะพบกับสุดยอดสัตว์ลึกลับ
(Rare Boss Of Sea) และเป็น 1 ในเทพแห่งท้องทะเล
.
.
.
.
.

1. ปลาหมึกยักษ์ Architeuthis
ปลา หมึกยักษ์” สิ่งมีชีวิตประหลาดลึกลับใต้ทะเลลึก ที่ถ่ายทอดผ่านเรื่องเล่าและจินตนาการตามหนังสือนิทานและภาพยนตร์แนววิทยา ศาสตร์ แต่ไม่มีผู้ใดพบตัวเป็นๆ จริงๆ หรือร่องรอยแม้แต่ครั้งเดียว กระทั่งบัดนี้ ข้อมูลปลาหมึกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีบันทึกมาก็คือปลาหมึกที่มีตัวยาว 18 เมตร ซึ่งตายลงและนำมาวัดขนาด โดยปลาหมึกยักษ์ตัวดังกล่าวถูกจับด้วยอวนของเรือประมง
ทว่า สึเนมิ คูโบเดรา (Tsunemi Kubodera) จากพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งญี่ปุ่น (National Science Museum) และเคียวอิจิ โมริ (Kyoichi Mori) จากสมาคมชมวาฬแห่งโอกาซาวารา (Ogasawara Whale Watching Association) ทั้งคู่ได้บันทึกภาพ “หมึกยักษ์” หรือ “อาร์ซิทิวทิส” (Architeuthis) ได้เป็นครั้งแรก ขณะที่เจ้าสัตว์ลึกลับตัวนี้กำลังปะทะเข้ากับเบ็ดที่ยาว 900 เมตร ใต้ผืนน้ำอันเย็นและมืดสนิทในแถบทะเลแปซิฟิกเหนือ (North Pacific)

ปลา หมึกยักษ์” หรือ “อาร์ชิทิวทิส” นับเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ลึกลับ เพราะไม่มีใครเคยพบหมึกยักษ์ในทะเลลึกตามธรรมชาติ ที่ผ่านมาหลายคนคาดเดาว่าสัตว์ยักษ์ชนิดนี้อาจมีอายุยืนยาวหลายสิบหรือนับ ร้อยปี และอาศัยในทะเลลึกหลายร้อยเมตร และปลาหมึกยักษ์ชนิดนี้กลายเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีทั้งจากตำนานกรีกโบราณ และจากเรื่อง “ใต้ทะเล 20,000 โยชน์” (20,000 Leagues Under the Sea) ผลงานของ จูลส์ เวิร์น (Jules Verne)




่janhiimelan
#4
23-10-2010 - 16:43:02

#4 ่janhiimelan  [ 23-10-2010 - 16:43:02 ]




ยา ว เกิ๊ล ลล


  • 1

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ