เมื่อทรงพระเยาว์
1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรก
ประสูติ 6 ปอนด์
3.พระนาม"ภูมิพล"ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระ
ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
4.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพล
อดุลยเดช
5.ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระ
ชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี
มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า "H.H Bhummibol Mahidol"
หมายเลขประจำตัว 449
7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดา
ว่า"แม่"
8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้
ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่
นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพ
อย่างใหญ่โต
11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้ง
ชื่อให้ว่า"บ๊อบบี้"
12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่
เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจา
กันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรอง 3 ที มากเกิน
ไป 2 ทีพอแล้ว ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์ โดยระหว่าง
พี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
14.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก"การให้"โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า"กระป๋องคนจน"หากทรงนำเงินไปทำ
กิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก"เก็บภาษี"หยอดใส่กระปุกนี้ 10%
ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินใน
กระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า
หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
15.ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน
เพราะเพื่อนคนอื่นๆเขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า"ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ
ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน"
16.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget
ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
17.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทน
รถพระที่นั่ง
พระอัจฉริยภาพ
18.พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก"การเล่น"สมัย
พระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไร ต้องทรงเก็บสตางค์
ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐา
ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ
แล้วแบ่งกันฟัง
19.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศ
ของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่
ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้
ทรงเล่นเป็น จิ๊กซอว์
20.ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน
แต่รู้หรือไม่ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง
(แอกคอร์เดียน)
21.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา
ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดย
ใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
22.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
23.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนม์พรรษา 18 พรรษา
เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ"แสงเทียน" จนถึงปัจจุบัน
พระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
24.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้อง
ใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย
ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้น
เดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง"เราสู้"
25.รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร :
เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่ 5
26.นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่าย
ภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออก ฉายแล้ว
นำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ
โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
27.ทรง พระราชนิพนธ์เรื่อง"นายอินทร์"และ"ติโต" ทรงเขียน
ด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์แต่พระมหาชนก ทรงพิมพ์
ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
28.ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการ
แข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยน
ชื่อเป็น"กีฬาซีเกมส์")ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
29.ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับ
ฝั่งตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่น
ไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่
ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
30.ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับ
สิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่
ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ "กังหันชัยพัฒนา" เมื่อปี 2536
31.ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุ
การเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,
ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลา
กว่า 20ปีแล้ว
32.องค์การสหประชาชาติ ได้ถวาย รางวัลความสำเร็จสูงสุด
ด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม
2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้าน
การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดย
มี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมา
ถวายรางวัลด้วยตนเอง
เรื่องส่วนพระองค์
33.พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา
มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
34.รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิส
เซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ
ทรงให้สัมภาษณ์ว่า"น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ
เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จ
มาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
35.ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม
2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรส
เหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไป
ทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
36.หลังอภิเษกสมรส ทรง"ฮันนีมูน"ที่หัวหิน
37.ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ใน
พระบรมมหาราชวัง เมืองวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับ
จำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
38.ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
39.ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพง ต้องแบรนด์เนม
ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง
อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
40.เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ
เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
41.พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพล
เพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบ
แก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
42.หลอดยาสีพระทน ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ
โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจน
ถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทน
ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
43.วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรณคต
มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้าแม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่
หลับจึงเสด็จฯกลับ ถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า
สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล
เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบ
ที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมา
น้ำพระเนตรไหลนอง
งานของในหลวง
44.โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมี
จำนวนกว่า 3,000 โครงการ ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานที่ต่างๆ
จะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ซึ่งทรง
ทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอ
ที่มียางลบ
45.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่ง
การโรเนียว กระดาษที่จะนำมาให้ข้อราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่
เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก
ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อ
ทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการ
และราษฎรทั้งกลางสายฝน
46.ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยม
วิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง
เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
47.โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วน
พระองค์จำนวน 32, 866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือ
ดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็น
โครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้
48.เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวน
จิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง
เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
49.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรง
เหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า "ความจริงมันน่า
ท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้
เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือ
บ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
50.ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรง
กำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง
(20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้ง
คอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้า
ประเทศ พระองค์จะได้ดูจอมอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้
ช่วยเหลือทัน
ของทรงโปรด
51.อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า
ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
52.ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังช่าย
53.ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
54.ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกใน
ประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดา
เป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
55.เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวย
วันหนึ่งหลายครั้ง
56.ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี
เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
57.ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์
ต่างๆใน กทม.ไปที ่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
58.หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวง
จะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ
และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก
เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
59.ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูดลย เจ้าของชื่อ
ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้ง
แต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย
นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้
ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
60.ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บน
ชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร
ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร
คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์
แผนที่ ฯลฯ
61.สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด
สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว
ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว
รู้หรือไม่ ?
62.ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ว่า "นายหลวง" ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
63.ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ
เยอรมัน และ สเปน
64.อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสาร
สำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า
"ทำราชการ"
65.ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุ
ทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิสเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชน
กับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา
ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้าง
ซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน
ชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
66.ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า
แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำ
ด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า"อันนี้
ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก"
67.ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง
จนกระทั่งกุด
68.หัวใจทรงเต้นไม่ปกติ ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจ
เต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยม
ราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
69.รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษา
ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา
ฟอนต์ภูพิงค์
70.ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค
มีประชาชนเข้าชมรวม 6 ล้านคน
71.ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493
จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระ ราชทานปริญญาบัตร
490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน
470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนัก
ทั้งหมด 141 ตัน
72.ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
73.สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
74.นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถ
คนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถ
ยาวเหยียด
Credit:Gzone.in.th
74 เรื่องของพ่อหลวงไทย ที่คนไทยอาจจะยังไม่เคยรู้
kingofmaster | #1 29-04-2011 - 04:38:48 | ||||
|
gokuiceqqq | #2 29-04-2011 - 05:21:15 | ||||
|
|
hningzazaoo1 | #3 29-04-2011 - 06:09:14 | ||
|
c-dim Lovejustin | #4 29-04-2011 - 09:06:35 | ||
|
c-dim Lovejustin | #5 29-04-2011 - 09:07:12 | ||
|
garin | #6 29-04-2011 - 14:17:27 | ||
|
aomplay15 | #7 29-04-2011 - 15:01:02 | ||||
|
|
kingofmaster | #8 29-04-2011 - 15:06:23 | ||||
|
hningzazaoo1 | #9 29-04-2011 - 15:27:03 | ||
|
aumlovethesim3 | #10 29-04-2011 - 15:29:54 | ||||
|
ladyzaza | #11 30-04-2011 - 08:43:35 | ||
|
warapornannann | #12 30-04-2011 - 17:31:41 | ||||
|
- 1
ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้ |
ข้อมูลเมื่อ 21st November 2024 02:44
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล] |