โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
10อับดับผู้หญิงโหดที่โลกไม่ลืม
อะไรเนื่ย_อะไรกัน
#1
อะไรเนื่ย_อะไรกัน
08-05-2011 - 13:47:25

#1 อะไรเนื่ย_อะไรกัน  [ 08-05-2011 - 13:47:25 ]







1 เอลิซาเบธ บาโธรี่ (Elizabeth Bathory)

( 1560-1614) แน่นอนอันดับ 1 น้อยคนนักจะไม่รู้จักเธอ นักฆ่าชื่อเหม็นที่สุดในฮังการีและของโลกที่ฆ่าคน เพราะคิดว่าถ้าเอาเลือดมา ชำระร่าง
กายผิวเธอจะสวยสดตลอดกาล......โดยเรื่องเริ่มขึ้นเมื่อมีข่าวลือ หลายปีเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงชาวไร่ชาวนาหายไปในเขตการปกครองของพระองค์ จน
กษัตริย์แมทเทียสที่ 2 ต้องออกมาทำการตรวจค้นที่ปราสาทของเธอและจนได้พบศพของเด็กหญิงที่ตายอย่าง โหดร้ายสุดจะบรรยาย เช่น ร่างพรุน
ด้วยเข็ม ศพไหม้ หรือศพโดนตัดแขนหรือขาหรือส่วนสำคัญของร่างกายออก บางศพมีการบิดเนื้อบิดหน้าแขน และส่วนเกี่ยวกับร่างกายอื่นๆ และทำ
ให้อดอาหารตาย โดยเหยื่อทั้งหมดถูกคิดว่าให้ตัวเลขเกินกว่าร้อยศพ แต่เนื่องจากสถานะเกี่ยวกับสังคมของเธอจึงไม่ถูกประหาร แต่ให้ขังตลอดชีวิต
ในห้องขังเดี่ยวๆ ใต้หอคอยแทนจนกระทั้งขาดใจตายในที่สุด

2 แคทเธอรีน ไนท์ (Katherine Knight)


(1956 - ??) แคทเธอรีน ไนท์ สตรีชาวออสเตรเลียนคนแรกให้ประหารชีวิตโดยไม่มีการอุทธรณ์ เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าสามีเธออย่างโหดมที่สุดเท่าที่โลกมีมา เธอเคยบดฟันปลอมของสามีเก่าคนหนึ่งของเธอจนแหลกละเอียด และปาดคอลูกสุนัขอายุ 8 สัปดาห์ของสามีอีกคนหนึ่งก่อนจะเชือดตาของเขาออก แต่ดังที่สุดคือคดีฆ่า นายจอห์น ชาร์ล โธมัส ไพรซ์ เมื่อนายไพรซ์ยื่นฟ้องต่อนางแคทเธอรีนขอหย่า จนนางไนท์แค้นมาก เลยใช้มีดแล่เนื้อ แทงนายไพรซ์ถึงแก่ความตาย เขาถูกแทงอย่างน้อย 37 ครั้ง ทั้งหน้าและหลังและหลายแผลแทงทะลุอวัยวะภายในที่สำคัญหลายแห่ง จากนั้นเธอก็ถลกหนังเขาแล้วแขวนหนังที่ถลกแล้วไว้กับ ขอบประตูห้องนั่งเล่น ตัดหัวเขาออกแล้วใส่ในหม้อซุป อบส่วนสะโพกบั้นท้ายของเขา แล้วเตรียมน้ำเกรวี่และผักเพื่อเป็นเครื่องเคียงเนื้ออบ โดยอาหารมื้อพยาบาทนี้ถูกจัดเตรียมไว้ให้เด็กๆ ในบ้านกิน........ แต่โชคดีที่ตำรวจมาเจอก่อนที่เด็กๆจะกลับถึงบ้าน

3 เออร์ม่า เกรเซอ (Irma Grese)


(1923 -1945) อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าภูมิใจ(ในความอัปยศ)ของนาซีในยุคหลัง เออร์ม่า เกรเซอ หรือ "หญิงเลวแห่งเบลเซ่น" เธอเป็นทหารรักษาการณ์ที่แคมป์กักกันเรเวนส์บรุคค์, ค่ายนรกเอาสช์วิทซ์ และ เบอร์เย่น - เบลเซ่น ถูกย้ายมาประจำการที่เอาสช์วิทซ์ในปี1943 โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพลสำรองพิเศษหน่วยควบคุม ดูแล ซึ่งเป็นยศที่ใหญ่เป็นลำดับสองของทหารหญิงในค่าย ในวันสิ้นปี เธอจับนักโทษหญิงชาวยิวกว่า 30,000 คน มาสนุกกับเกมส์ของเธอ ประกอบด้วย ทารุณกรรมเหล่านักโทษด้วยให้สุนัขที่ถูกฝึกฝนและกำลังหิวโหยกัด, การทารุณกรรมทางเพศต่างๆจนนักโทษรับไม่ไหว, การยิงปืนตามอำเภอใจ, การตีอย่างทารุณด้วยแส้แบบเปีย และเลือกนักโทษเข้าห้องรมแก๊ส เธอชอบเรื่องซาดิสต์ทรมานคนมากๆ จนนักโทษหลายคนในค่ายรู้จักเธอดีในภาพลักษณ์หญิงใส่รองเท้าบูทหนักและพกปืน สั้นเพื่อให้สะดวกในการทรมานนักโทษ

4 อิลซ่า คอชห์ (Ilse Koch)


(1906 - 1967) ได้รับฉายาเยอะจริงสำหรับผู้หญิงคนนี้ เช่น "นางแม่มดแห่งบูเชนวาล์ด" , "หญิงเลวแห่งบูเชนวาล์ด" เธอเป็นภรรยาของนายพลคาร์ล คอชห์ ผู้บัญชาการแห่งค่ายกักกันของนาซีประจำค่ายบูเชนวาล์ ด(1937-1941) และมาจดาเนค (1941-1943) เธอเป็นคนบ้าอำนาจมากและเมื่อเธอได้ทำงานแทนสามี เธอก็มีเวลาว่างแสนสนุกสนานกับการทรมานและข่มขืนนักโทษในค่ายกักกันจนฉาวโฉ่ จนเป็นที่ร่ำลือในความโลกีย์ ว่ากันว่ารอยสักตามตัวของเธอนั้นจากการสังหารคนในค่ายกักกันหนึ่งคนต่อ หนึ่งขีด (ขีดในร่างกายเธอมีประมาณ 250,000 ขีด!!) แต่ผลสุดท้าย เธอแขวนคอฆ่าตัวตายใน เรือนจำหญิงอิคช์แอคช์ ในวันที่ 1 เดือนกันยายน ปี 1967


5 แมรี่ แอนน์ คอตต้อน (Mary Ann Cotton)


(1832 - 1873) นางแมรี่ แอนน์ คอตต้อน สตรีชาวอังกฤษ เป็นนักฆ่าต่อเนื่องเพื่อผลประโยชน์อีกรายหนึ่ง แต่งงานเมื่ออายุ 12 ปีกับ นายวิลเลียม มาวเบรย์ คู่แต่งงานใหม่นี้อาศัยที่ไพลเมาท์ เมืองเดวอน ต่อมาพวกเขามีลูกด้วยกันห้าคน สี่คนตายเพราะโรคกรดในกระเพาะอาหารและปวดท้องอย่างรุนแรง จากนั้นพวกเขาก็ย้ายไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ แต่เหตุการณ์ร้ายก็ยังตามมา เมื่อลูกที่เลี้ยงตายถึงห้าคนในระยะเวลาไล่เลี่ยงกัน ต่อมานานวิลเลียมก็ตามลูกๆ ไปด้วยโรคลำไส้ไม่ทำงานในเดือนมกราคม ปี 1865 ประกันสังคมของอังกฤษจ่ายเงินสินไหมชดเชยให้เธอถึง 35 ปอนด์สเตอริง แต่เหตุการณ์ร้ายก็ยังไม่สิ้นสุด เพราะต่อมา สามีคนที่สองของเธอ จอร์จ วาร์ด ก็เสียชีวิตเพราะปัญหาเกี่ยวกับลำไส้เช่นเดียวกับหนึ ่งในลูกอีกสองคนที่ เหลือของเธอ ด้วยการตายถี่ของคนในครอบครัวแมรี่ทำให้มีการสอบสวนเ กิดขึ้น จนพบว่า นาง แมรี่ แอนน์ มีความผิดฐานวางยาสามีสามคน, คู่รัก, เพื่อน, แม่ของเธอ, และลูกๆอีกหนึ่งโหล ทั้งหมดเสียชีวิตจากอาการป่วยที่ท้อง ผลคือเธอถูกแขวนคอที่ เดอร์แฮม เคนท์ตี้ กาออล ในวันที่ 24 เดือนมีนาคม ปี 1873 ด้วยข้อหาฆาตกรรมด้วยการวางยาพิษสารหนู เธอตายอย่างช้าๆ เพราะเพชฌฆาตใช้เชือกแขวนคอสั้นเกินไปสำหรับการประหาร

6 เบลล์ กันเนส (Belle Gunness)


(1859 - 1931) เบลล์ กันเนส เจ้าของฉายา "ผู้หญิงเคราน้ำเงิน" เป็นหนึ่งในฆาตกรต่อเนื่องหญิงที่ฆ่าคนมากที่สุดในอเ มริกา ด้วยส่วนสูง 6 ฟุต (183 เซนติเมตร) และหนักกว่า 200 ปอนด์ (91 กิโลกรัม) เชื้อชาตินอร์วีเจียนที่ตัวใหญ่และแข็งแรง โดยเธอใช้ร่างกายอันใหญ่ยักษ์นี้สังหารสามีของเธอทั้ งสองคนและลูกๆทั้งหมด ของเธอโดยฆ่าเพื่อหวังเงินประกันชีวิตและขโมยทรัพย์ส ินเอามาเข้ากระเป๋าของ เธอ นอกจากนั้นยังมีรายงานมากมายว่าเธอน่าจะฆ่าคนมากกว่า หนึ่งร้อยราย แต่เธอดันชิงฆ่าตัวตายก่อนโดยการเผาตนเองพร้อมบ้าน แต่ผลชันสูตรศพของเธอนั้นหลายฝ่ายไม่เชื่อว่าศพนี้เป ็นของเธอ เพราะศพนั้นเตี้ยกว่าส่วนสูงของเบลล์ถึงหกฟุต ต่างกันถึงสองนิ้ว ??


7 เบเวอรี่ เอลลิทท์ (Beverly Allitt)


(ค.ศ. 1968-??) ได้รับฉายาหนึ่งว่า "นางฟ้าแห่งความตาย" เบเวอรี่ เกลิ เอลลิท หนึ่งในฆาตกรต่อเนื่องที่ชาวอังกฤษที่เป็นที่รู้จักก ันดี เธอทำงานเป็นนางพยาบาลดูแลเด็ก และถูกจับในข้อหาฆาตกรรมเด็ก 4 คน และทำให้บาดเจ็บสาหัสอีก 5 คน(ที่จริงมากกว่านั้น) โดยการฉีดสารอินซูลินหรือโพแทสเซียมที่ใช้เพื่อเร่งการทำงานของหัวใจมากเกิน ไป จนเด็กตายอย่างทรมาน ซึ่งปัจจุบันเธอยังอยู่ในคุกเพราะอังกฤษไม่มีโทษประหารชีวิต

8 ราชินิ อิสเบลล่า แห่ง แคสไทล์ (Isabella of Castile)


(1451 - 1504) ราชินิอิซซาเบลล่าที่หนึ่ง แห่งสเปน เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้อุปถัมภ์ของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส กับพระสวามีของพระนาง กษัตริย์เฟอร์ดินานด์ที่ 2 แห่งราชวงศ์อารากอน ทั้งสองพระองค์ร่วมกันมีส่วนในการรวมประเทศสเปนภายใต ้การนำของหลานชายของ พระองค์ โดยแผนการรวมชาตินี้ ราชินิอิสเบลล่าได้ แต่งตั้งให้ นายพล โทมาส เดอ ทอร์คิวมาดา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวน (แบบทรมาน) รุ่นแรกๆ เป็นผู้บัญชาการในการสอบสวนทรมาน จนวันที่ 31 เดือนมีนาคม ค.ศ.1492 มีบันทึกว่าเป็นวันออกกฤษฎีกาแอลฮัมบราโดยมีคำสั่งขั บไล่ ชาวยิวและชาวมุสลิมออกนอกประเทศ นอกจากนั้นประชาชนราว 2 แสนคนที่หลงเหลืออยู่ในประเทศสเปนถ้าไม่เปลี่ยนศาสนา จะถูกจับมาลงโทษอย่าง ทารุณ ในปี ค.ศ. 1974 สันตะปาปาพอลที่ 6 กล่าวถึงการกระทำของพระนางว่าสมควรทำและอวยพร ให้พระนางเป็นนักบุญ ในโบสถ์นิกายคาทอลิก ในฐานะข้ารับใช้ของพระเจ้า.....


9 ไมร่า ฮินด์ลีย์ (Myra Hindley)


(1942 - 2002) ไมร่า ฮินด์ลีย์ และคู่รักเอียน เบรดี้ เป็นผู้ก่อคดี "ฆาตกรรมแห่งท้องทุ่ง" โดยเหตุเกิดที่แถวเมืองแมนเชสเตอร์ในสหราชอาณาจักรใน ราวช่วงทศวรรษที่ 60 ฆาตกรโหดคู่นี้ถูกจับเพราะกระทำการลักพาตัว, ทารุณกรรมทางเพศ, ทรมานและฆาตกรรม เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี 3 คน และเด็กวัยรุ่นอายุ 16 และ 17 ปี โดยหลักฐานที่พบประกอบด้วย เทปที่บันทึกระหว่างกำลังฆาตกรรมที่มีเสียงผู้ตายกำล ังกรีดร้อง ขณะที่ไมร่าและเบรดี้กำลังข่มขืนและทรมาน ในระหว่างการสอบสวนและวันตัดสินเธอยังมีท่าทีกินลูกอ มอย่างไม่สะทกสะท้าน ซ้ำทำตัวท่าทางกร่างและแสดงความยโสโอหัง จนกลายเป็นลักษณะพิเศษที่เป็นที่จดจำของเธอ จนกลายเป็นบุคคลคนที่ชาวอังกฤษเกลียดชังที่สุดในประว ัติศาสตร์


10 ควีนแมรี่ ที่ 1 (Queen Mary I)


(1516 - 1558) ราชินีแมรี่เป็นพระธิดาพระองค์เดียวใน กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 และพระนางแคทเธอรีน แห่งอารากอน พระองค์เคยเกือบสวรรคตในช่วงวัยทารกมาแล้วแต่รอดมาได ้ และขึ้นครองราชย์สมบัติหลังจากพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 6 สิ้นพระชนม์ ด้วยการปลดราชินีเก้าวันอย่าง เลดี้เจน เกรย์ออก และเมื่อขึ้นครองราชย์แทน โดยชูนโยบายที่พระองค์เน้นมากคือการที่ทำให้อังกฤษเป ็นประเทศที่นับถือนิกาย คาธอลิกอย่างเดียว พระองค์เลยคิดหาทางกำจัดพวกโปรแตสแตนท์ในประเทศให้หม ดสิ้น โดยใช้หลายวิธีไม่เลือก สาวกนิกายโปรแตสแตนท์ที่มีชื่อเสียงหลายคนถูกจับประห าร ทำให้พระนางมีนามหนึ่งว่า "Bloody Mary" หรือ "แมรี่บ้าเลือด" ซึ่งฉายานี้มาจากการจับสาวกนิกายโปรแตสแตนท์ ขึ้นแขวนคอบนตะแลงแกงในคราวเดียวกว่า 800 คน





ขอบคุณข้อมูล : http://www.toptenthailand.com
























c-dim Lovejustin

limonkamo
#2
08-05-2011 - 13:53:38

#2 limonkamo  [ 08-05-2011 - 13:53:38 ]




น่ากลัวจริง


c-dim Lovejustin
#3
08-05-2011 - 14:43:01

#3 c-dim Lovejustin  [ 08-05-2011 - 14:43:01 ]






มีรูแหมคะ อยากเห็นหน้า


c-dim Lovejustin
#4
08-05-2011 - 14:45:43

#4 c-dim Lovejustin  [ 08-05-2011 - 14:45:43 ]






อ่านเเล้วเสียวเลยอ่ะ โหดร้ายยย เป็นผู้หญิงประเภทไหนอ่ะ


อะไรเนื่ย_อะไรกัน
#5
อะไรเนื่ย_อะไรกัน
08-05-2011 - 14:48:23

#5 อะไรเนื่ย_อะไรกัน  [ 08-05-2011 - 14:48:23 ]






9 ไมร่า ฮินด์ลีย์ (Myra Hindley)
 724615


bmnet011
#6
08-05-2011 - 14:48:24

#6 bmnet011  [ 08-05-2011 - 14:48:24 ]





เอลิซาเบธ บาโธรี่ เคยอ่านเรื่องราวของเธอนะ
การทรมาน เเบบว่า สุดยอดอ่ะ เเต่ล่ะสิ่งที่เธอให้คนประดิษฐน่ากลัวทั้งนั้น !

ไม่น่าเชื่อเนอะ ! เเค่เลือดก็ทำให้ ผิวสวยมาตลอด
 724616


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-05-08 14:50:58

อะไรเนื่ย_อะไรกัน
#7
อะไรเนื่ย_อะไรกัน
08-05-2011 - 14:49:43

#7 อะไรเนื่ย_อะไรกัน  [ 08-05-2011 - 14:49:43 ]






10 ควีนแมรี่ ที่ 1 (Queen Mary I)
 724620


อะไรเนื่ย_อะไรกัน
#8
อะไรเนื่ย_อะไรกัน
08-05-2011 - 14:50:25

#8 อะไรเนื่ย_อะไรกัน  [ 08-05-2011 - 14:50:25 ]






1 เอลิซาเบธ บาโธรี่ (Elizabeth Bathory)
 724622


bookfallinlove
#9
08-05-2011 - 14:53:27

#9 bookfallinlove  [ 08-05-2011 - 14:53:27 ]






โหดมาก เเต่หน้าตาก็ไม่ได้โหดน่ะ เเถมสวยซ่ะด้วย เหอะ ๆๆๆ



WTF.
c-dim Lovejustin
#10
08-05-2011 - 14:54:19

#10 c-dim Lovejustin  [ 08-05-2011 - 14:54:19 ]






quote : อะไรเนื่ย_อะไรกัน

9 ไมร่า ฮินด์ลีย์ (Myra Hindley)


อีนี้ข่มขืนเด็กอายุ12หรอ หน้าตาก็โรคจิตอยู่เเล้วยังทำตัวเเบบนี้อีก สงสารเด็ก


อะไรเนื่ย_อะไรกัน
#11
อะไรเนื่ย_อะไรกัน
08-05-2011 - 14:58:37

#11 อะไรเนื่ย_อะไรกัน  [ 08-05-2011 - 14:58:37 ]






3 เออร์ม่า เกรเซอ (Irma Grese)
 724650


อะไรเนื่ย_อะไรกัน
#12
อะไรเนื่ย_อะไรกัน
08-05-2011 - 14:59:18

#12 อะไรเนื่ย_อะไรกัน  [ 08-05-2011 - 14:59:18 ]






2 แคทเธอรีน ไนท์ (Katherine Knight)
 724655


LittleBD1441forever
#13
08-05-2011 - 15:02:47

#13 LittleBD1441forever  [ 08-05-2011 - 15:02:47 ]




แล้ว ลิลิสซี่ บอร์เดน อ่ะ ไม่มีเหรอ


อะไรเนื่ย_อะไรกัน
#14
อะไรเนื่ย_อะไรกัน
08-05-2011 - 15:14:43

#14 อะไรเนื่ย_อะไรกัน  [ 08-05-2011 - 15:14:43 ]






ลิซซี่ บอร์เด็น มือขวาน ความตาย ผู้บริสุทธ์!?


ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอแสนหวาน แต่บางครั้งถ้าเกิดความกดดันและความเครียด หรือสถานการณ์แบบหมาจนตรอก ละก็ผู้หญิงก็อาจเป็นฆาตกรโหด...มยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก

ฆ่าได้แม้กระทั้งทั้งพ่อ.....................





เมืองฟอล์ ริเวอร์ รัฐแมสซาซูเสทท์ ค.ศ. 1892

ตระกูลบอร์เดนเป็นตระกูลที่มีฐานะดี และเป็นที่รู้จักของคนในเมืองนี้เพราะพวกเขาตั้งรกรากอยู่ที่นี้มานานนับร้อยปีนี้มาแล้ว

ตระกูลนี้อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 92 ถนนเซ็กกั้นสตรี แม้ตระกูลนี้จะร่ำรวยแต่บ้านค่อนข้างซ่อมซ่อ เก่าแก่ แต่ก็สะดวกสบาย มีปล่องไฟ มีเครื่องอำนวยความสะดวกได้ใช้ยามจำเป็น แต่ทั้งบ้านนี้มีห้องน้ำใช้ห้องเดียว และก๊อกน้ำก็มีเพียงก๊อกเดียวเท่านั้นที่มีน้ำไหล

บ้านหลังนี้มีสมาชิกอยู่ 4 คน ได้แก่หัวหน้าครอบครัวแอนดรูว์ บอร์เดน เฒ่าวัย 70 ปี ชายหน้าลิงนี้มีกิจการธนาคารเป็นของตัวเอง แต่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เหนียวตระหนี่ พอๆ กับนางแอบบี้ เบอร์เดน ภรรยาคนที่สองของแอนดรูว์วัย 63

นายแอนดรูว์มีลูกสาวสองคนจากภรรยาคนเก่าที่หย่าไปคือ เอ็มมา เบอร์เดน อายุ 41 ปี และลิซซี่ บอร์เดน อายุ 32 ปี นอกจากสมาชิกในบ้าน 4 คน นี้แล้ว ยังมีสาวใช้ชื่อบริดเจ็ท เธอเป็นสาวใช้ที่รับใช้ในตระกูลนี้หลายปีแล้ว

ลิซี่ บอร์เดนเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ไม่สวยมากนัก แม้เธอจะอายุมากถึง 32 แล้วก็ยังหาคู่ครองไม่ได้ เพราะหน้าตาเธอไม่สวย จืดชืด อ้วน แต่เธอมีหน้าที่ชวนมองโดยเฉพาะตาที่สุกใสเป็นประกาย มีความอดกลั้น และเคยเข้าร่วมสมาพันธ์การละเว้นของมึนเมาของผู้หญิงคริสเตียน เป็นทั้งเลขานุการ สมาคมคริสเตียนท้องถิ่นและเป็นครูสอนภาษาให้กับคนจีนในโบสถ์ท้องถิ่นในวันอาทิตย์ นับว่าเธอช่วยงานสังคมจนชาวเมืองยกย่องนับถือ

แต่ส่วนมากแล้วเธอมักใช่เวลาส่วนมากในการตกปลา และมักครุ่นความคิดอยู่ในห้องของเธออยู่คนเดียวมากกว่า

ถ้าจะถามจากชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนี้ว่า ครอบครัวบอร์เดนเป็นครอบครัวที่มีความสุขหรือเปล่า? หลายคนคงตอบว่าไม่เพราะแอบบี้แม่เลี้ยงไม่เคยเข้าไปในดวงใจของเอ็มม่าและลิซซี่ในฐานะแม่เลย ทั้งคู่ต่างทะเลาะ หักเหลี่ยมช่วงชิงกันเพื่อให้หวังแอนดรูว์ยกทรัพย์สมบัติที่มีมากมายมหาศาสให้แก่ตนบ้าง

แม้ลิซซี่จะเกลียดแม่เลี้ยงแต่เธอรักพ่อของเธอมาก แม้ว่าเธอจะไม่ชอบเขาหยาบคายกับเธอและพี่ก็ตาม และเธอก็ได้ได้นิสัยตะหนี่มาจากพ่อ ถึงขนาดใส่เสื้อซ้ำซาก 10 ปี ไม่เคยซื้อเสื้อใหม่ จนสีซีด

ในปี ค.ศ. 1892 ลิซซี่ทราบข่าวมาว่าพ่อของเธอยกที่ดินให้กับญาติแม่เลี้ยง และมีแนวโน้มว่าจะยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับเบนดี้แม่เลี้ยงของเธอ

หลังรู้ข่าวลิซซี่แค้นมาก เธอไม่มีวันให้อภัยและลืมมันได้เลย เรื่องนี้ได้รับกวนจิตใจของลิซซี่ตลอดเวลา

วันหนึ่ง ในเดือนพฤษาคม นางบอร์เดนถามลิซซี่ว่า

"ลิซซี่ เธอเห็นแมวฉันไหม ฉันไม่เห็นมันมานานแล้ว" แอบบี้ถาม

"ลองลงไปข้างล่างที่ห้องเก็บของสิ เดี๋ยวก็พบเอง" ลิซซี่รับรองและยิ้มด้วยความพึ่งพอใจ

นางบอร์เดนลงไปที่เก็บของ เธอพบแมวตัวนั้น...ร่างของมันพาดอยู่กับลังใส่ฟืน มีใครบางคนเอาขวานจามหัวมันไป

แน่นอนนางบอร์เดนรู้ว่าใครทำ เพราะคนในบ้านอิจฉาเธอมาตั้งแต่เธออยู่ที่บ้านนี้นานแล้วและมีการกระทบกระทั้งมาตลอด ไม่แปลกแต่อย่างใดที่การโต้ตอบกลับมามักจะเป็นแบบนี้

แต่เรื่องนี้มันเทียบไม่ได้กับวันโลกามหาวินาศวันนั้น..................



วันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ.1892



วันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ.1892 วันนั้นเป็นวันที่ร้อนอบอ้าว แดดแผดเปรี้ยง อุณหภูมิปาเข้าไป 30 องศา วันนี้อาหารประจำโต๊ะของครอบครัวบอร์เดนมีแต่ซุปเห็ดกระดุมและเห็ดกระดุมอบ เนื่องจากครอบครัวของเบอร์เดนได้เห็นกระดุมมาเป็นจำนวนมากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ต้องทนกินเห็ดกระดุมมาทุกๆ มื้อหลายวันติดกัน เนื่องจากแอนดรูว์เป็นคนขี้เหนียวจัด ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกแต่อย่างใดที่หลังจากอาหารเช้า นายแอนดรูว์และแอบบี้ คลอดจนพี่เขยของนางซึ่งแวะมาเยี่ยมเยือนต่างพากันป่วยคลื่นเ...ยนอาเจียนอาหารเป็นพิษ แม้แต่บริดเจ็ดคนใช้ยังต้องออกไปโก่งคอหน้าเขียวในสวนโน่น

ลิซซี่ตื่นสาย เธอรู้สึกไม่สบายทั้งกายและจิตใจ ไหนจะเป็นวันครบรอบเดือนของผู้หญิง ไหนจะอัดอั้นขาดคนคุยด้วย เพราะเอ็มมาไปค้างคืนกับเพื่อนที่อื่น ไหนจะอากาศร้อนแสนอบอ้าวอีก

นางแอบบี้อยู่บ้านกำลังทำความสะอาดห้องรับแขกแล้วขึ้นไปพักที่ห้องข้างบน เธอยังอ่อนเพลียจากอาหารเป็นพิษอยู่ ส่วนนายบอร์เดนเข้าไปทำธุระในเมือง ขณะที่บริดเจ็ดทำความสะอาดหน้าต่างด้านล่างอยู่ชั้นล่าง

นายแอนดรูว์กลับมาจากที่ทำงานมาบ้านในเวลา 10.45 น.มาถึงก็เข้าบ้านไม่ได้เพราะประตูล็อค ต้องทุบประตูให้บริดเจ็ทมาเปิด

น่าแปลกเพราะทุกครั้งประตูนี้จะเปิดตลอดเวลา แต่วันนี้ประตูทั้งชั้นล่างและด้านบนถูกล็อกหมดทุกบาน หลังจากบริดเจ็ทเปิดประตูบ้าน เธอได้ยินเสียงลิซซี่หัวเราะอยู่ด้านบน

ไม่นานลิซซี่ก็จากห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นบิดาก็ร้องทัก

"พ่อรู้สึกดีขึ้นหรือยังค่ะ"

นายบอร์เดนก้าวเข้ามาในบ้าน "แม่ของลูกอยู่ที่ไหน"

"เห็นบอกออกไปข้างนอกค่ะ เยี่ยมคนป่วยด้านนอก มีจดหมายมาเรียกตัวไปค่ะ"

"ใครกัน"

"หนูไม่ทราบค่ะ พ่อ"

"ไม่มีใครป่วยเท่าพ่อหรอก" ชายชราประชด แล้วก็ไม่ว่าอะไรอีก จึงใช้ห้องนั่งเล่นซี่งเป็นห้องที่เย็นกว่าห้องอื่นๆ เป็นที่พักผ่อนโดยอาศัยโซฟายาวเป็นที่นอน

บริดเจ็ทเห็นดังนั้นเลยค่อยๆ ย่องไปที่ห้องตัวเองบนชั้นสอง และกลับไปเช็ดหน้าต่างต่อ ส่วนลิซซี่ก็จัดแจงกางแผ่นกระดานรองรีด แล้วตั้งต้นรีดผ้าเช็ดหน้า ในขณะนั้นหล่องได้ยินเสียงนาฬิกาตีเป็นเวลา 10.58 น.

"คุณลิซซี่ค่ะ หนูอาการไม่ค่อยดีอีกแล้ว.....ถ้าคุณไม่ว่าอะไร หนูขอไปนอนพักผ่อนก่อนน่ะค่ะ" ว่าแล้วสาวใช้ก็เดินขึ้นไปห้องใต้หลังคาของเธอ และได้ยินเสียงนาฬิกาบอกเวลา 11.00 น.

ประมาณสิบนาทีหลังจากนั้น ก็มีเสียงลิซซี่ตะโกนมาข้างบนว่า

"บริดเจ็ด! บริดเจ็ด! ลงมานี้หน่อย"

บริดเจ็ดลุกจากเตียง "เกิดอะไรขึ้นค่ะคุณลิซซี่"

"ลงมาเร็วๆ พ่อตายแล้ว ใครไม่รู้ฆ่าพ่อ"

บริดเจ็ดได้ยินเสียงและลงมาข้างล่างเพื่อตรงมาห้องนั่งเล่น แต่ลิซซี่ขวางไว้ "อย่า! อย่า! เข้าไปข้างใน ไปตามหมอมาเร็ว"

แต่บริดเจ็ทไม่พบหมอ เธอจึงฝากเรื่องนี้ไว้กับภรรยาหมอแล้วรีบกลับมาที่บ้านเลขที่ 92 ถนนเซ็กกั้นสตรีททันที

"มันเกิดขึ้นได้ไงค่ะ" เธอคว่ำครวญ "คุณลิซซี่อยู่ไหนค่ะตอนที่เกิดเรื่อง"

"ฉันอยู่ในสวน" ลิซซี่ถอนหายใจ "พอฉันกลับมาเข้าอีกทีประตูก็เปิดอ้าอยู่แล้ว"

นางเซอร์ซิส ผู้เป็นเพื่อนบ้านเห็นทั้งคู่โวยวาย และทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอเปิดประตูเข้าไปกับบริดเจ็ทก็พบภาพที่ชวนสยดสยอง



แอนดรูว์ แจ็คสัน บอร์เด็น ที่เพิ่งเข้าบ้านไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนอนจมกองเลือดอยู่บนโซฟายาวที่เขาใช้นอนพักนั้นเองเท้าห้อยอยู่กับพื้น ศีรษะยุบพิงอยู่บนที่แขน เป็นศีรษะที่เละมากจนดูไม่ออกว่าเป็นใคร ที่ข้างแก้มมีรอยฟัน 11 แผล แผลหนึ่งผ่าเข้ากลางดวงตา นัยน์ตาปลิ้น เป็นแผลหนึ่งเกือบจะตัดจมูกหลุดออกไป เลือดกระจายเต็มพื้น ผนัง โซฟา แต่แอนดรูว์ไม่มีร่องรอยการเคลื่อนไหว ฆาตกรคงฆ่าเขาในขณะที่นอนหลับอยู่

นางเซอร์ซิสถอยกลับมา "หนูอยู่ไหนกันตอนเกิดเรื่อง"

"อยู่ในโรงนาค่ะ" ลิซซี่พึมพำ

"หนูต้องบอกคุณแม่รูนะ คุณแม่หนูอยู่ไหน"

ลิซซี่ยักไหล่ "ไปเยี่ยมเพื่อนบ้านค่ะ ดิฉันไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นใคร"

เมื่อหมอมาถึงก็รีบล้างเลือดออกจากบาดแผลของผู้ตาย และพบว่าผู้ตายถูกทุบสับด้วยขวานขนาดเล็กที่มีอยู่ประจำบ้าน

หมอขอให้บริดเจ็ทไปหาผ้าคลุมศพคนตาย แต่บริดเจ็ทไม่กล้าขึ้นไปข้างบนคนเดียว ดังนั้นนางเซอร์ซิสจึงได้อาสาขึ้นข้างบนเป็นเพื่อนกับบริดเจ็ทด้วย เมื่อทั้งคู่ขึ้นไปข้างบนก็เห็นลิซซี่อยู่ในห้องนั่งเล่น

"หนูต้องบอกแม่ของหนูให้ทราบน่ะ ลิซซี่ เราน่าจะไปบอกคุณไวท์เฮด เพื่อนของแม่เธอด้วย" แต่เธอได้คำตอบแปลกๆ ของลิซซี่ว่า

"ไม่ค่ะ" ลิซซี่ทวนคำ "เธอคงถูกฆ่าด้วยแหละเพราะฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงเธอกลับเข้ามา......ในห้องเธอน่ะ บริดเจ็ท ไปดูซิ"

บริดเจ็ทใจไม่ดีกับคำตอบของลิซซี่เธอรีบขึ้นไปกับนางเซอร์ซิสอีกครั้งและเป็นจริงอย่างที่คาด เมื่อเห็นประตูข้างบนเปิดแง้มอยู่



นางแอบบี้นอนตายในห้องรับแขกที่ห้องที่เธอสะอาด หัวหูเละยิ่งไปกว่าสามีของนางเสียอีก ที่ศีรษะและหลังของเธฮมีรอยโดนฟัน 19 รอย รอยเลือดนั้นแห้งและเริ่มเป็นสีคล้ำ ดูท่าว่าแอบบี้ บอร์เดนจะเสียชีวิตก่อนสามีของเธอมาครู่หนึ่งแล้ว

ไม่มีจดหมายใดๆ ทิ้งไว้ ความจริงคือ แอบบี้ บอร์เดนไม่ได้ออกจากบ้าน เธอเสียชีวิตหลังจากรับประทานอาหารเช้าไม่นาน

และลิซซี่ไม่เคยไปโรงนา พื้นโรงนาแห้งมีฝุ่นจับ เจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจสอบโรงนาคนแรกสาบานว่าไม่มีรอยเท้าแม้แต่รอยเดียวบนฟื้นฝุ่นนั้น ลิซซี่กำลังโกหกคำโต

ลิซซี่กลายเป็นผู้ต้องสงสัย แต่เธอเป็นคนในตระกูลบอร์เดน สุภาพสตรีที่คนอื่นนับหน้าถือตามากที่สุดในเมืองฟอลล์ริวอร์

ในยามที่เห็นร่างผู้ให้กำเนิดนอนจมกองเลือดนั้น เธอยังเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง เธอพูดเรียบๆ ว่า "ดิฉันอยากให้สัปเหร่อวินวู้เป็นคนฝังท่าน"

ชาวบ้านในเมืองฟอลล์ ริเวอร์ เมื่อทราบข่าวต่างตระหนกสั่นขวัญหายไปถ้วนหน้า และทุกคนต่างสงสัยว่าคนที่สังหารสองสามีภรรยาเบอร์เดนอาจเป็นพี่เขยของนายแอนดรูว์ที่พักอยู่ด้วยกันในบ้าน ผู้คนเริ่มจับกลุ่มกันตามล่าเพื่อไม่ให้เขาหลบหนีออกนอกเมือง และมีข่าวลือตลอดวตำรวจจะจับกุมเขาเร็วๆ นี้

นั้นเป็นแค่ข่าวลือ ความจริงแล้วตำรวจไม่ได้คิดที่จะจับพี่เขยของนายแอนดรูว์สักนิด พวกเขากลับพุ่งความสนใจลิซซี่ บอร์เดน น้องสาวคนเล็กของครอบครัวแทน เหตุผลก็ง่ายๆ ก็คือเธอดูเยือกเย็นสุขุมและเฉยเมยผิดปกติ ทั้งที่มีคนถูกฆ่าในบ้านถึง 2 คน และยังเป็นพ่อและแม่(เลี้ยง)ของเธอเสียด้วย ตรงกันข้ามสาวใช้บริดเจ็ทคนใช้กับหวาดผวาประสาทจนแทบจะเป็นบ้าเลย

คืนถัดมา ลิซซี่แจ้งความในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่า



รางวัล 5,000 เหรียญ

ให้รางวัลแก่ผู้ใดก็ตามที่สามารถจับตัวฆาตกรที่ฆ่า

นายแอนดรูว์ เจ.บอร์เดนและภรรยาได้



เมื่อถึงวันศุกร์ ตำรวจเมืองฟอล์ริเวอร์พบความจริงแบบใหม่อันน่าตกตะลึง นั้นคือก่อนเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรม ลิซซี่ บอร์เดนไปที่ร้านขายยาในเมือง และขอซื้อกรดไซยาไนด์จำนวนหนึ่ง..... มันคือยาพิษที่ร้ายแรงที่เคยมีมา!

พิธีศพสำหรับแอบบี้และแอนดรูว์ บอร์เดนมีขึ้นในวันเสาร์ มีคนมากกว่า 4,000 คนมาร่วมงาน ทุกคนในครอบครัวต่างร้องไห้หลุมศพ

ยกเว้นลิซซี่!

ศพของนายแอนดรูว์และนางบอร์เดนถูกฝังยกเว้นศีรษะ เพราะฝ่ายนิติเวศต้องการนำไปตรวจสอบหาตัวฆาตกรต่อไป

วันอาทิตย์มีคนเห็นลิซซี่กำลังเผาเสื้อผ้าเก่าทิ้ง เพื่อนคนหนึ่งถามเธอว่า "ทำไมต้องทำอย่างนี้"

"มันเปื้อนสี" เธอตอบ

"แต่มันดูแปลกๆ น่ะ เผาเสื้อผ้าเก่า ตำรวจจะหาว่าเธอจงใจทำลายรอยเลือดน่ะ"

"อ๋อ จริงหรือ? ฉันไม่ได้นึกถึงข้อนั้น เธอก็น่าจะห้ามฉันน่ะ" ลิซซี่ บอร์เดนน่ะหรือที่จะเผาเสื้ออายุ 10 ปีทิ้ง แม้เงินสักเพนนีก็ไม่เคยกระด็นออกมา.....



การพิจารณาคดี



หลังจากฆาตกรรม 1 สัปดาห์ ตำรวจเมืองฟอลล์ริเวอร็จับกุมลิซซี่ บอร์เดนในข้อหาฆาตกรรม การพิจารณาคดีมีขึ้นอีกหนึ่งปีหลังจากนั้น ในวันพิจารณาคดี อากาศภายนอกร้อนมากถึง 93 องศาฟาเรนไฮต์ แต่ข้างในกลับร้อนกว่า

เนื่องจากชาวเมืองฟอล์ ริเวอร์ไม่เชื่อว่าคนที่กลัวพระเจ้า เงืยบและน่าเครพ จะทำการฆาตกรรมที่โหด...มนี้ลงไปได้ ก่อนการพิจารณาคดีก็มีทั้งดอกไม้และข้อความให้กำลังใจเธอมากมายส่งมาจากที่ต่างๆ และรัฐถูกประณามว่าชั่วร้าย เก่งแต่ข่มเหงผู้หญิง

ลิซซี่ ได้จ้าง จอร์จ โรบินสัน ทนายความที่ดีที่สุดใน รัฐแมสซาซูเซตต์ ซึ่งเคยเป็นผู้ว่าการคนก่อนของรัฐนี้ด้วย หลังจากการจ้างทหนายคนนี้ก็เล่นไม่ซื่อทันที่ เพราะ 1 ใน 3 ของผู้พิพากษาเป็นพวกของโรบินสัน

ลิซซี่ปรากฏตัวในศาส เธอวางตัวด้วยมาดผู้ดี และแต่งกายที่เรียบร้อย ทำให้คณะลูกขุนไม่เชื่อว่าเธอเป็นฆาตกร

ถุงใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ คลุมด้วยกระดาษทิชชู อัยการโยนหลักฐานออกมาลงบนโต๊ะ มันคือหัวขวานที่ทำความสะอาดที่พบในห้องเก็บของหลังบ้าน เสื้อของลิซซี่ เสื้อตัวนั้นกระทบกับถุงทิชชูปลิวไป ลิซซี่มองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในถุงนั้นคือเศษกะโหลกศีรษะของพ่อและแม่เลี้ยงของเธอนั้นเอง เธอตกใจจนแทบเสียสติ แต่นี้ยังไม่สามารถให้เธอสารภาพได้

เธอนิ่งเงียบจนกระทั้งวันสุดท้ายของการพิจารณาคดี ทนายของเธอวิงวอนคณะลูกขุนให้ปล่อยเธอเป็นอิสระ หรือไม่พวกเขาต้องรับประณามเพราะจับเธอแขวนคอ เขาบอกคณะลูกขุนว่าเมื่อตอนแอนดรูว์ บอร์เดนซึ่งเป็นพ่อของลิซซี่จากไปนั้น เขายังสวมแหวนที่ลิซซี่ไว้เป็นของขวัญเสียด้วย

"ถ้าท่านคิดว่าเธอผิด ดูซิครับใบหน้าแบบนี้คือใบหน้าฆาตกรใจโหดหรือไม่"

คณะลูกขุนทั้งสิบสองท่าน มองดูลูกสาวคนเล็กของครอบครัวบอร์เดนที่กล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ดวงตาโตดูเลื่อนลอย ดวงตาที่ไม่มีน้ำตาสักหยดแก่การจากไปของพ่อ แต่ทนายความก็อ้าวว่า

"ตาที่ไม่ร้องไห้ คือตาที่เศร้าที่สุด"

ท่านผู้พิพากษษหันมาหาเธอแล้วถามว่า "คุณลิซซี่ บอร์เดน มีอะไรจะพูดกับคณะลูกขุนหรือไม่"

เธอลุกขึ้นอย่างช้าๆ ก้มศีรษะคำนับให้ท่านผู้พิพากษา แล้วจับตาแน่วแน่ไปที่คณะลูกขุนทั้งสิบสองคน "ดิฉันคือผู้บริสุทธิ์ ขอให้ทนายเป็นคนพูดแทนดิฉันดีกว่า" นี้คือคำพูดของลิซซี่ บอร์เดน ที่กล่าวไว้ก่อนการตัดสิน

คณะลูกขุนหันไปประชุมลงคะแนน เมื่อเสมียนศาลเอ่ยถามขึ้นว่า

"ท่านขณะลูกขุนตกลงสรุปคำพิพากษาได้แล้วหรือไม่W

"ได้แล้ว"

"ผลการตัดสินเป็นอย่างไร"

"เธอ..................บริสุทธิ์"

เสียงโฮ่ร้องอื้ออึงไปทั่วห้องพิจารณาคดี ลิซซี่ทรุดลงนั่งและเริ่มต้นร้องไห้ด้วยความโล่งอกที่ไม่ถูกแขวนคอ "พาฉันกลับบ้าน" เธอพึงพำ "พาฉันกลับบ้านเถอะ ฉันอยากกลับบ้าน"


ถ้าเธอไม่ใช่ฆาตกรแล้ว ฆาตกรตัวจริงที่ฆ่านายแอยดรูว์และแอบบี้ บอร์เดนคือใครกันแน่ล่ะ? และนี้คือการตั้งข้อสมมุติฐานว่าใครเป็นฆาตกรมากที่สุด 3 กรณีด้วยกัน



ฆาตกรในเงามืด

เนื่องจากนายแอนดรูว์ บอร์เดน ไม่ใช้คนที่ใครๆ ในเมืองชื่นชอบมากนัก และต้องการที่จะเห็นเขาตายอย่างยิ่ง

ฆาตกรอาจแอบใส่ยาพิษลงไปในนมในเช้าวันนั้น ทำให้ครอบครัวไม่ค่อยสบาย แล้วฆาตกรก็ออกมาจากที่ซ่อนหยิบขวานออกจากใต้ถุนห้องเก็บฟืน แล้วฟันแอนดรูว์จนถึงแก่ความตาย ฆาตกรต้องหลบซ่อนตัวก่อนเพราะลิซซี่กลับมาตั้งต้นรีดห้องในห้องถัดไป

ลิซซี่พบศพแล้วก็ให้นางเชอร์ชิลไปแจ้งความกับตำรวจขณะที่นางเชอร์ชิลไปขอความช่วยเหลืออยู่นั้น นางแอบบี้ก็กลับบ้าน ฆาตกรตามไปที่ด้านบนแล้วสังหารเธอด้วยขวานเล่มนั้น จากนั้นก็หนีออกไปทางประตูหน้าเวลาเดียวกับตำรวจเข้ามาทางประตูหลัง

ครับ! นี้คือคำให้การของลิซซี่ซึ่งเป็นคำให้การในศาสเลือกที่จะเชือ แต่อย่าลืมสิว่านางบอร์เดนน่ะเสียชีวิตก่อนนายแอนดรูว์เสียอีกน่ะ ศาสน่ะตัดสินมั่วนี้น่า

แต่คนทั่วไปกลับเชื่อคำให้การนี้ตั้งแต่แรกเลย และพากันหวาดกลัวว่ามีฆาตกรออกอาละวาดอยู่ในเมืองฟอล์ริเวอร์



บุตรสาวใจโหด

ข้อสันนิษฐานนี้ มีผู้คนอันมากที่ปักใจเชื่อ

ลิซซี่เกลียดชังพ่อและแม่เลี้ยงของเธอ เธอคอยจนกระทั้งพี่สาวเธออกนอกบ้าน แล้วก่อนจะถึงวันที่ 3 สิงหาคม เธอซื้อยาเพื่อจัดการกับพวกเขา แต่คนขายไม่ยอมขายยานั้นกับเธอ แต่เธอก็หาซื้อขนได้ วันพุธ 3 สิงหาคม เธอแอบโรยยาพิษลงอาหาร และใส่จำนวนเล็กน้อยให้กับตัวเอง เพื่อกันคนอื่นไม่ให้สงสัย แต่ยานั้นกลับไม่รุนแรงพอที่จะให้พวกเขาเสียชีวิต

เช้าวันที่ 4 สิงหาคม เมื่อพ่อของเธอออกจากบ้านไป เธอนำขวานออกจากห้องใต้ถุน ย่องขึ้นไปข้างบน ฟันแม่เลี้ยงอย่างเมามันจนถึงแก่ความตาย เธอมีเวลาอีกกว่าชั่วโมงในการล้างคราบเลือดก่อนที่พ่อจะกลับบ้าน

เมื่อพ่อเธอกลับมาถึงบ้านแล้วนอนพัก เธอก็ฆ่าเขาด้วยขวาน เธอยังมีอีก 10 นาที เพื่อซ่อนขวานและล้างรอยเลือดก่อนเรียกบริดเจ็ทมาบอกว่าพ่อตายแล้ว เมื่อบริดเจ็ดถามหานางบอร์เดนเธอก็บอกว่านางบอร์เดนไปเยี่ยมคนป่วย ทั้งๆ ที่ภายหลังปรากฏว่าแม่เลี้ยงเสียชีวิตไปแล้วนานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่จดหมายมาถึงเสียอีก

เมื่อนางเซอร์ซิลเห็นว่าเธอควรตามนางบอร์เดน ลิซซี่ก็สร้างเรื่องขึ้นมาว่า เธอได้ยินเสียงแม่เลี้ยงกลับมาบ้าน และเธอก็รีบเผาเสื้อเปื้อนเลือดเสีย และท้าคณะลูกขุนว่าคงไม่อยากให้เห็นหญิงสาวถูกแขวนคอ แล้วเธอก็ชนะเสียด้วยสิ!



สาวใช้เป็นฆาตกร


บริดเจ็ทเอือมระอาความตะหนี่และความแล้งน้ำใจของพวกบอร์เดนมานานแล้ว เธอพยายามวางยาพิษพวกเขา และใส่ยาพิษให้ตนเองด้วยจะได้ไม่มีใครสงสัยเธอ เพราะอย่างไรเสียเธอเป็นคนทำอาหาร จึงเลี่ยงไม่พ้นตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าใส่ยาพิษลงในอาหาร

แต่ยาพิษไม่ได้ผล และตัวบริดเจ็ทก็อ่อนเพลีย และความอดทนมาถึงขีดสุดเมื่อเมืองฟลอลิเวอร์ร้อนอบอ้าวที่สุดในประวัติศาสตร์ เธออยากพักแต่นางเบอร์เดนสั่งให้เช็ดกระจกทั้งในและนอกบ้านทั้งหลัง

อยากจะบ้าตาย ร้อนก็ร้อนสั่งอยู่ได้!

บริดเจ็ทหิ้วน้ำจากโรงนา เหงื่อโทรมกาย เธอใช้แปลงขัดอันใหญ่ เพื่อจะเอื้อมถึงหน้าต่างชั้นบน เธอเข้าไปในบ้าน เพื่อทำความสะอาดหน้าต่างด้านใน และพบกับนางเบอร์เดนกำลังก้มอยู่เหนือพรมปักผ้าผืนใหญ่ ได้การ!

บริดเจ็ทลงมาข้างล่าง หยิบขวานจากใต้ถุนแล้วกลับไปที่ห้องนางบอร์เดน หญิงชรายังคงคุกเข่าอยู่เหนือพรมผืนนั้น บริดเจ็ทเงื้อขวานขึ้นมาแล้วจามลงกะโหลกศีรษะของเธอ ด้วยความคลั่งนี้แน่ะสั่งตูดีนัก! อย่าอยู่เลย เธอฟังร่างนั้นจนกระทั้งหมดแรง

เธอถือโอกาสนี้ซักเสื้อที่กลับไปตักน้ำโรงนาอีกรอบเมื่อนายแอนดรูว์กลับมา เธอก็อ้างกับลิซซี่ว่าจะขอพัก ขณะทีลิซซี่ออกไปที่โรงนา บริดเจ็ทก็ฆ่านายบอร์เดนที่กำลังหลับเสียเลย แต่เธอจามขวานครั้งนี้ไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก เพราะเธอเหนื่อยนั้นเอง

ลิซซี่กลับเข้าบ้านและพบศพ

และนี้คือเรื่องราวของนักเขียนผู้หนึ่ง ซึ่งค้นคว้าคดีนี้ได้เขียนขึ้น ซึ่งไม่น่าแปลกอะไรที่บริดเจ็ทจึงปฏิเสธขึ้นไปยังห้องบอร์เดนเพียงลำพังเพราะเธอรู้แล้วว่าจะพบกับอะไร



ทฤษฏีล่าสุด



ทฤษฏีล่าสุดเป็นของนาง วิกเตอเรีย ลินคอร์น บอกว่าเธออาจฆ่าพ่อและแม่เลี้ยงเนื่องจากเป็นลมบ้าหมู ซึ่งในครอบครัวของเธอเคยชินแล้วกับโรคประจำตัวของลิซซี่ ซึ่งเป็นโรคนี้อย่างน้อย 4 ครั้งต่อปี

ทฤษฏีล่าสุดว่ากันว่าสองศรีพี่น้องลิซซี่และเอ็มมากำลังทะเลาะกับบิดาเรื่องกรรมสิทธิ์ของบ้าน ในช่วงก่อนเกิดเหตุ นายบอร์เด็นต้องการยกบ้านให้เมีย เรื่องนี้มีหรือที่บอร์เดนและเอ็มมายอมรับไม่ได้ ในวันเกิดเหตุนายแอนดรูว์ บอร์ดอน ตั้งใจเซ็นสัญญายกบ้านให้นางบอร์เดน นั้นเองที่ลิซซี่โมโหจนลืมตัว คว้าขวานไปจัดการแม่เลี้ยง และไปฆ่าพ่อในขณะที่หลับอยู่ เพื่อที่จะเป็นอิสรภาพพ้นจากความจู้จี้ขี้เหนียวของพ่อและที่สำคัญคือพ้นจากการถูกบังคับกินเห็ดกระดุมค้างปีตั้งแต่เช้าหยุดลงไปด้วย



ก่อนจบ



ถึงแม้หลายคนจะตั้งสันนิษฐานหลายอย่างแต่อย่างไรก็ตามศาลก็ให้คำตัดสินแล้วว่าลิซซี่ บอร์เดนพ้นความผิด

และแล้วลิซซี่ก็กลับไปอยู่กับวิญญาณพ่อกับแม่เลี้ยงของเธอที่บ้านมรณะหลังนั้น เธอกลายเป็นคนขังตัวเอง โดดเดี่ยว และรังเกียจคนภายนอก จนกระทั้งเสียชีวิตในปี ค.ศ.1927 เป็นเวลา 34 ปี หลังการตัดสินของศาส พี่สาวของเธอเอ็นมาตายตามลิซซี่ใน 9 ปีต่อมา

ศพของพี่น้องสองสาวถูกนำไปฝังในผืนดินของครอบครัวข้างๆ แม่ผู้ให้กำเนิด แม่เลี้ยง พ่อ และอลิซ พี่สาวอีกคนที่ตายตั้งแต่เด็ก (ไปตบกันในนรกต่อ)

ลิซซี่ บอร์เดนทิ้งเงินกว่าล้านดอลลาร์ไว้ในพินัยกรรมและบ้านของเธอ มีใครบางคนบอกว่าเธอได้มันมาจากการฆาตกรรม

หลังจากนั้นบ้านของตระกูลบอร์เดนได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อของเมือง

การฆาตกรรมอันน่าสยดสยองของครอบครัวบอร์เดนยังคงเป็นที่จดจำของคนอเมริกา จนเด็กๆ ชาวอเมริกันได้แต่งกลอนร้องเล่นว่า



"ลิซซี่ บอร์เดนถือขวานมา

ฟันแม่เลี้ยงตั้งสี่สิบครา

เมื่อได้เห็นผลงานนี้

ก็จามพ่ออีกสี่สิบเอ็ดที!"



อ่านต่อ : http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=205702&chapter=47#ixzz1LkPKeb2O


นาe Lชิ่มLบอะ
#15
นาe Lชิ่มLบอะ
08-05-2011 - 15:22:50

#15 นาe Lชิ่มLบอะ  [ 08-05-2011 - 15:22:50 ]




โหด


ณัฐณิชา
#16
ณัฐณิชา
08-05-2011 - 16:16:34

#16 ณัฐณิชา  [ 08-05-2011 - 16:16:34 ]




ปาคบอม:โหดมากๆ!!
 724969


nam252525
#17
08-05-2011 - 21:27:42

#17 nam252525  [ 08-05-2011 - 21:27:42 ]




อย่าโชว์ รูป ! ได้โปรดสงสารกันบ้าง
หน้าตา หลอนทุกคน


อะไรเนื่ย_อะไรกัน
#18
อะไรเนื่ย_อะไรกัน
09-05-2011 - 16:28:16

#18 อะไรเนื่ย_อะไรกัน  [ 09-05-2011 - 16:28:16 ]






quote : nam252525

อย่าโชว์ รูป ! ได้โปรดสงสารกันบ้าง
หน้าตา หลอนทุกคน



^
^
^
^




best10210
#19
09-05-2011 - 16:59:09

#19 best10210  [ 09-05-2011 - 16:59:09 ]




ขอบใจ



ฮ่าๆๆๆ (ขำไรวะ?)
c-dim Lovejustin
#20
09-05-2011 - 22:48:59

#20 c-dim Lovejustin  [ 09-05-2011 - 22:48:59 ]






จะบอกว่า ไมร่า ฮินด์ลีย์ หน้าตาโรคจิตมาก

คนนี้หน้าตา ดุมาก เออร์ม่า เกรเซอ


  • 1
  • 2

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 15th November 2024 09:23

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ