โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
2012จริงหรือเท็จ?แบบเข้มๆโดยinkartyuai
inkartyuai
#1
12-06-2011 - 13:43:53

#1 inkartyuai  [ 12-06-2011 - 13:43:53 ]




สบายดีมั้ยคะเพื่อนๆวันนี้หนูอิงค์จะมาเข้าประเด็นเรื่อง2012ที่ได้พูดคุยกับผู้รู้เมื่อวานี้ขอปิดชื่อไว้เป็นความลับนะคะ จากที่ได้คุยกับท่านนี้เมื่อวานทำให้เราตาสว่างขึ้นมากเลย วันนี้เลยจะมาแชร์ให้เพื่อนๆได้รู้กันค่ะ เข้าเรื่องกันเลย

2012เค้าบอกว่าโลกจะแตก?ได้ยินแบบนี้คงจะมีหลายคำถามเข้ามาในหัวเพื่อนๆใช่มั้ยล่ะ
งั้นถามหน่อยคำว่าโลกแตกในความคิดของเพื่อนๆเป็นยังไง น้ำท่วม?แผ่นดินไหว?ถ้าคิดแบบนี้มาลองดูคำว่าโลกแตกแบบนี้ดูมั้ยล่ะ
จากนี้ไปขอให้เพื่อนๆลืมเรื่อง2012ไม่ว่าจะมายาหรือวิทย์ก็ตาม
เมื่อปี2000ได้เกิดเหตุการณ์ที่ถูกเรียกว่าโลกแตกขึ้น ระบบสื่อสารต่างๆล้มคอม.ไม่สามารถอ่านข้อมูลได้เครื่องบินถูกยกเลิกททุกสายการบินเพราะเค้ากลัวว่าเครื่องบินจะตกสิ่งนี้เกิดขึ้นแค่15วินาทีเชื่อมั้ยล่ะ?คุณคงไม่รู้สึกหรอกแค่15วินาทีที่เปลี่ยนจาก1999เป็น2000นั่นแหละที่เค้าเรียกว่าโลกแตก
ถ้าจะให้เข้าเรื่องจริงๆล่ะก็ ชาวมายาที่ทำนายว่าจะเหตุการณ์นี้ขึ้นได้อยู่ถึงตอนนี้รึปล่าว?คำตอบคือไม่พวกเขาใช้คำว่าน่าจะเกิด
ถ้าถามอีกว่ามันจะเกิดมั้ย เวลาคุณโยนลูกเต๋าคุณอาจจะได้เลข1-6ก้เหมือนกันอาจะเกิดหรือไม่ก้ได้ เราอย่าไปเต้นตามเค้ามีสติหาทางรับมือมันเดินหน้าไปข้างหน้าสิ
ขอบคุณที่รับชมไม่เม้นไม่เป็นไรรู้ไว้ก็พอ

ป.ล.หาข้อมูลเพิ่มได้ที่Googleตั้งแต่หน้า2เพราะหน้าต้นๆเค้าจะขายหนังและความรู้มากกว่าของจริงน่ะหลังๆโดยแท้ จะถามอะไรเพิ่มเติมก้ได้นะคะเดี๋ยวกลับมาตอบ


Nidnaja
#2
12-06-2011 - 14:11:56

#2 Nidnaja  [ 12-06-2011 - 14:11:56 ]





สาเหตุที่ คอมล่ม เครื่องบินล่ม อะไรพวกนี้

เกิดมาจากการเปลี่ยน ค.ศ. ค่ะ

เพราะคอมพิวเตอร์คงงงว่าเลขที่ลงท้ายด้วย 00 คืออะไร (เช่น 1/1/00)

มันก็เลยมีอย่างที่พูดล่ะค่ะ

(อันนี้ถูกครึ่งไม่ถูกครึ่งนะค่ะ แค่พูดเล่นๆนิดหน่อย แต่มันก็มีส่วนถูกนะ)


cherrydoll18780
#3
12-06-2011 - 14:16:01

#3 cherrydoll18780  [ 12-06-2011 - 14:16:01 ]






เพิ่มๆ 10สาเหตุที่โลกจะไม่แตก

                ไม่ต้องสงสัยเลยว่าช่วงนี้ไม่ว่าจะเข้าไปที่ใดมักมีเรื่องเกี่ยวกับคำพยากรณ์วันโลกวินาศปี 2012 โดยมักอ้างที่มาหลายแหล่ง เช่น ปฏิทินมายัน, การถอดพระคัมภีร์ไบเบิล คำทำนายจากโหรชื่อดัง ลัทธิต่างๆ นาๆ ที่ไม่รู้นัดกันมาหรืออย่างไร ที่ต่างพร้อมใจกันออกเสียงว่า 21 ธันวาคม 2012 คือวันสิ้นโลก หรือแม้แต่วิทนยาศาสตร์ที่หลายคนมักอ้างประกาศนาซ่า(นาซ่าไม่บอกสักคำว่าปี 2012 คือวันสิ้นโลก) ว่าขั้วแม่เหล็กพลิกกลับจะเกิดขึ้นเร็วนี้ๆ บวกกับภาวการณ์เปลี่ยนแปลงโลกมากมายเช่น จุดบอดของดวงอามทิตย์ โลกร้อน ฯลฯ จนถึงปัจจุบันทำให้เราเชื่อว่าคำทำนายจะเป็นจริง
                แต่กระนั้นแน่นอนว่าหลายฝ่ายไม่เชื่อ ไม่ได้หลงไปกับกระแสนี้แต่อย่างใด เพราะว่าคำทำนายโลกแตกนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โลกเราผ่านกระแสเหล่านี้มานานแล้ว และนี้คือ 10 เหตุผลที่วันที่ 21 ธันวาคม ไม่ใช่วันสิ้นโลก 
 
10. เพราะการการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก ในปี 2012จะไม่เป็นหายนะ
เมื่อเราทำการค้นหาบทความที่เกี่ยวกับวันสิ้นโลก 2012 ในอินเตอร์เน็ต เรามักพบบทความหนึ่งที่อ้างถึงรายงานของนาซ่า(ประจำแหละ เวลามีอะไรมักอ้างนาซ่าประจำ) โดยเขียนไว้ว่าจากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันของ นักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่ม นักธรณีฟิสิกส์ และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ได้พบว่าทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กในปี ค.ศ. 2012 ซึ่งปรากฏดังกล่าวมีส่วนทำให้สัตว์โลกล้านปีไดโนเสาร์สูญพันธุ์มาแล้ว
กระบวนพลิกกลับขั้วโลก(Magnetic Pole Reversal)นั้นหมายถึงอะไรนั้น อธิบายง่ายๆ คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือ และขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า ค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์ สูญเสียอำนาจแห่งแรงดึงดูดอย่างสิ้นเชิง ทำให้เกิดผลกระทบตามมาคือโลกอาจประสบภัยพิบิตเพิ่มมากขึ้น, การแผ่รังสีคอสมิคจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณขึ้น, พายุอนุภาค, กลุ่มเทหวัตถุในอวกาศขนาดใหญ่ถูกดึงดูดเข้ามาในโลกมากมาย,   สัตว์ที่อพยพย้ายถิ่นอยู่ตามฤดูกาลจะสูญเสียประสาทสัมผัสในการกำหนดทิศทางและอื่นๆ  ฯลฯ และนอกจากนี้ยังอ้างว่าจากการวิเคราะห์พบว่าความแรงของสนามแม่เหล็กของเราได้ลดลงประมาณร้อยละ 5 ในหลายศตวรรษที่ผ่านมา ทำให้ดูเหมือนเป็นสัญญาว่าโลกเราจะเกิดเรื่องร้ายในอนาคต อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นปรากฏการณ์ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเพราะเกิดขึ้นในอัตราที่เชื่อมช้ามาก ถ้ากระบวนดังกล่าวจะทำให้เกิดวันสิ้นสุดโลกนั้นก็เกิดขึ้นในอนาคตแบบช้าๆ ไม่ใช่เกิดขึ้นทันทีทันใด ในปี 2012 อย่างที่หลายคนเข้าใจ อีกทั้งยังมีเวลาอีกมากที่จะสามารถหาทางแก้ไขผลกระทบความเสียหายที่ตามมาจากปรากฏการณ์นี้ได้โดยใช้เทคโนโลยีในการป้องกันชั้นบรรยากาศโลก ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องกังวลปรากฏการณ์นี้ว่าจะเกิดในปี 2012 แต่อย่างใด
เกี่ยวกับกระทู้นาซ่าดังกล่าว ต่างประเทศออกมาแก้เรียบร้อยแล้วครับ ว่าไม่มีรายงานวิจัยแต่อย่างใดว่า ปี 2012 จะเกิดกระบวนพลิกกลับขั้วโลกที่ส่งผลทำให้สิ้นโลก มีแต่ของไทยแหละที่ไม่มีกระทู้แก้ข่าวดังกล่าว
ไป http://www.universetoday.com/18977/2012-no-geomagnetic-reversal/
 


                9. ในปี 2012 ไม่มีปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ที่ส่งผลต่อโลกทั้งสิ้น
                ดวงอาทิตย์ถือว่าเป็นเรื่องที่หลายคนที่นำมาอ้างที่สุดในวันสิ้นสุดโลก ปี 2012 โดยทฤษฏีที่นิยมมากที่สุดคือ การเพิ่มขึ้นจุดบอดดวงอาทิตย์(sunspot) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์บนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ปรากฏจุดด่างดำ เนื่องจากเป็นบริเวณบนผิวดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติที่ราว 3000-4500 องศา (ทั่วไปจะเป็น 6000) และบริเวณดังกล่าวจะมีสภาพแม่เหล็กรุนแรง ซึ่งทำให้หลายคนเชื่อว่าจุดบอดดังกล่าวทำให้เกิดเสียต่อโลก เป็นตัวกลางทำให้เกิดพายุสุริยะพุ่งเข้ามาโจมตีโลกเรา โดยมีหลายคนวิเคราะห์ว่า ในช่วงปี 2011-2014 จะเป็นช่วงเวลาที่เกิดจุดบอดจำนวนมากในดวงอาทิตย์ จึงคาดว่าน่าจะเกิดพายุสุริยะอย่างแน่นอน คงมีทุกวัน แต่จะรุนแรงมากน้อยเพียงใด ไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่ไม่มีบ่งบอกได้ว่าจะต้องเกิดในปีใดเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามปกติพายุสุริยะจะไม่ ส่งผลโดยตรงต่อโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลก เนื่องจากโลกมีบรรยากาศและสนามแม่เหล็กคุ้มกัน มีเพียงนักบินอวกาศที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในอวกาศเท่านั้นที่อาจได้รับ อันตราย ทั้งจากพายุสุริยะและรังสีจากดวงอาทิตย์
 


8. การเปลี่ยนวงโคจรของโลกและการเรียงตัวของดาวเคราะห์ไม่มีผลใดๆ ต่อโลกทั้งสิ้น
ทฤษฏีที่นิยมมากล่าวอ้างว่าในปี 2012 โลกจะเปลี่ยนวงโคจรเนื่องจากแรงโน้มถ่วงจากดาวเคราะห์อื่นๆ หรือจากผลกระทบต่อกาแล็คซี่ ทำให้ภายในโลกมีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อม แต่อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้ไม่เป็นจริงโลกไม่มีทางเปลี่ยนวงโคจรได้แน่นอนตามกฎนิวตันของกลศาสตร์ของดาวเคราะห์ หากโลกจะเปลี่ยนวงจรนั้นยากมาก(คิดว่าโอกาสเกิดอาจเป็นในอีกพันล้านสิบหรืออีกสามพันล้านปีข้างหน้า) และอีกทฤษฏีที่นิยมมากที่สุดคือการเรียงตัวของดาวเคราะห์เป็นแนวเดียวกันจะส่งผลร้ายต่อโลกนั่น ไม่มีผลต่อโลกใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจะเรียงกันอย่างไร เป็นเส้นตรง สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม กากบาท ฯลฯ ก็จะไม่ส่งผลเสียใดต่อโลกเลยแม้แต่น้อย


 
               7. เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นกระบวนการค่อยเป็นค่อยไปและเราสามารถปรับตัวได้
                ทฤษฏีที่หลายคนมักนำมาอ้างที่สุดเวลาที่โลกเกิดปรากฏการณ์อะไรประหลาดขึ้นมาก็คือ มนุษย์โลกจะพินาศเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโดยฝีมือของมนุษย์เราเอง โดยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่พูดถึงบ่อยที่สุดก็คือโลกร้อนทำให้น้ำแข็งทั่วโลกละลาย ทำให้มีการเพิ่มระดับน้ำทะเลในมหาสมุทร ส่งผลทำให้น้ำท่วมโลก ซึ่งความจริงมันเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นเป็นกระบวนการค่อยเป็นค่อยไปของโลกที่มีอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีทันใด(มีการคาดว่าน้ำแข็งอาร์กติกละลายหมดภายในปี 2030) อีกทั้งบางคนยังบอกว่าหากน้ำแข็งขั้วโลกละลายอาจส่งผลดีด้วยซ้ำเพราะว่ามีพื้นที่ปลูกพืชมากขึ้นในไซบีเรียและอเมริกาเหนือ อีกทั้งมนุษย์เราสามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี(เช่นการสร้างเทคโนโลยี) และในปี 2012 ไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลทำให้กระทบให้เกิดหายนะโลกใดๆ ทั้งสิ้น


               6. เพราะนักทำนายมักเดาผิดเสมอ
                น่าสงสาร ที่มนุษย์เรานั้นมักเอนเอียงเชื่อบุคคลที่อ้างตัวว่ามีพลังอำนาจในการทำนายอนาคต และคำทำนายดังกล่าวมักอ้างด้วยหัวข้อ “วันสิ้นโลก” เป็นส่วนใหญ่ และเมื่อมีการอ้างก็ส่งผลทำให้ประชาชนตื่นกลัว แห่เข้าลัทธิของคนที่ทำนายอนาคตมากขึ้น  ซึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โลกของเรานั้นเผชิญกับบุคคลที่อ้างคำทำนายเหล่านี้อยู่มากมาย และเกือบทุกคนทำนายวันสิ้นโลกผิดพลาด เช่น ในปี 1997 เจ้าซานดิเอโกยูเอฟโอ(หรือลัทธิประตูสวรรค์) ได้ทำนายว่าประตูสวรรค์จะเปิดออกจากการเดินทางมาของดาวหางเฮล์-บอปป์ และกำหนดวันสิ้นโลกที่จะกำลังใกล้เข้ามา ทำให้สมาชิกของลัทธิ 39 คนก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายในวันที่ 26 มี.ค.1997 หากแต่สุดท้ายปรากฏว่าไม่เป็นจริง หรือจะเป็นเหตุการณ์ Y2K ที่ชื่อว่าโลกจะกลับสู่ยุคหินในปี 2000 แต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเมื่อเวลามาถึง
ปัจจุบันบุคคลที่อ้างว่าปี 2012 วันสิ้นโลกจะมาถึงก็ยังอีกมีหลายราย บางคนก็อ้างว่ามีพลังรู้อนาคต บางคนก็ใช้การตีความพระคัมภีร์โบราณ บางคนก็อ้างจินตนาการหลุดโลกไปเลยก็มี และหลายรายใช้วิธีดังกล่าวตั้งลัทธิเพื่อดูดเงินเข้ากระเป๋าพวกเขามากขึ้น แม้ว่าจะมีหลายกรณีที่นักทำนายบางคนประสบผลสำเร็จในการพยากรณ์บางเหตุการณ์ในอนาคตมาแล้ว แต่เหตุการณ์ที่ทำนายถูกส่วนใหญ่จะเป็นการเมืองหรือการทหารที่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่แล้ว หรือเป็นเหตุการณ์ในระยะเวลาใกล้ๆ หรือตามกระแสมากกว่า
 

                5. เพราะรหัสลับไบเบิลเป็นเพียงแค่เรื่องที่คิดในห้องนั่งเล่น
ไบเบิลถือว่าเป็นพระคัมภีร์ที่มีหลายคนชอบมาอ้างเกี่ยวกับวันโลกแตกมากที่สุด กรณีที่โด่งดังคือกรณีของไมเคิล ดรอสนินผู้เขียน "The Bible Code" ซึ่งเขาได้อ้างว่า  เขาสามารถค้นพบ "คำ" หรือ "วลี" ที่ซ่อนตัวอยู่ในไบเบิลฉบับภาษาฮีบรู (พันธสัญญาเดิมและคัมภีร์เตารอต) ได้ คำหรือวลีเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงและทำนายถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ โดยวิธีการค้นพบชองเขาคือการใส่ข้อความที่มีอยู่ในไบเบิลดังกล่าว เข้าไปในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบเป็นพิเศษ ให้สามารถจัดเรียงคำให้เป็นแถวในแบบเดียวกับที่เราเห็นกันใน "ปริศนาอักษรไขว้" นั่นเอง และเมื่อต้องการอ่านคำใด ก็ให้โปรแกรมคัดเลือกอ่านตัวอักษรที่ "ห่างเท่าๆ กัน" ในแนวต่างๆ (แนวนอน, แนวตั้ง และแนวทแยง) ซึ่งก็สามารถอ่านได้ทั้งแบบไปข้างหน้าและย้อนกลับหลังอีกด้วย วิธีการดังกล่าว เขาสามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นกรณี 9-11, ฮิตเลอร์, ดาวหางชนดาวพฤหัสบดี, สงครามอ่าวเปอร์เซีย, เหตุการณ์ 9/11, แผ่นดินไหวในจีน ฯลฯ แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือ เขาอ้างว่า เขาพบข้อความเกี่ยวกับการลอบสังหาร นายยิตซ์ฮัก ราบิน นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงในวันที่ 4 พฤศจิกายน 1995 และยังได้พยายามแจ้งเตือนนายกฯ ราบิน อีกต่างหาก และที่เด็ดที่สุดก็เขาได้อ้างว่าในปี 2012 โลกจะพบจุดจบจากดาวหางพุ่งชนโลก
อย่างไรก็ตามเหล่านักคณิตศาสตร์ทั่วโลกต่างพร้อมใจประกาศว่าการแปลไบเบิลของไมเคิลนั่นเป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ เนื่องจากการคำนวณของไมเคิลนั่นขัดแย้งกับกฎมาตราฐานทางด้านความน่าจะเป็นและสถิติ อีกทั้งมีหลายคนพยายามทำตามที่ไมเคิลบอกปรากฏว่าไม่ปรากฏว่าเป็นจริงแต่อย่างใด อีกทั้งคำทำนายของไมเคิลเกี่ยวกับอนาคตที่มาจากการแปลพระคัมภีร์นั้นล้วนผิดหมด
 

4. เพราะโลกแข็งแกร่ง
โลก เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่สาม โดยโลกเป็นดาวเคราะห์หินขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ และโลกนั้นแข็งแกร่งที่เราคิด มันสามารถยืนอยู่คงกระพันมานานจนมันมีอายุถึง 4,570 ล้าน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการชนของดาวเคราะห์น้อยและดาวหางขนาดใหญ่เล็ก ทนต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรต่างๆ มากมาย มีหรือว่ามันจะพบจุดจบภายในวันเดียว ที่นี้เราคิดดูว่าน้ำแข็งละลาย และอาวุธนิวเคลียร์ หรือการพุ่งชนของดวงจันทร์จะทำอะไรโลกนี้หรือไม่ โปรดพิจารณา
  

3. เพราะคำพยากรณ์วันโลกกาวินาศได้รับการพิสูจน์แล้วว่าผิดอย่างสม่ำเสมอ
มีหลายคำพยากรณ์ที่ปรากฏตามพระคัมภีร์โบราณต่างๆ ที่ผู้นำศาสนาต่างมัก มักตีความว่า ปี 2012 เป็นวันสิ้นสุดโลก ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วคำพยากรณ์เหล่านั้นไม่มีคำใดเลยที่ปรากฏว่าปี 2012 โลกจะพบจุดจบ หากแต่เป็นการตีความที่คิดไปเองและการตีความผิดพลาดของคนเราเสียมากกว่า แม้ว่าในศาสนาสำคัญของโลกจะมีคำทำนายวันสิ้นสุดของโลกก็ตาม แต่จุดประสงค์ที่สื่อไม่ใช่ทำให้เราหวาดกลัว แต่เป็นการสอนให้เราใช้ชีวิตอย่างมีสติและให้คุณค่า ทำประโยชน์ให้แก่สังคมต่างหาก
 

2. เพราะนอสตราดามุสไม่ได้บอกว่า 2012 เป็นวันสิ้นสุดโลก
เวลาโลกเราประสบเหตุการณ์ร้ายๆ ครั้งใหญ่เมื่อใด ก็มักมีกลุ่มบุคคลที่อ้างเรื่องของคำพยากรณ์ของนักทำนายชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 16 มิเชล เดอ นอสตราดาม (Michel de Nostrdame) หรือนอสตราดามุสมาพูดถึงบ่อยครั้ง เช่น ไฟไหม้ครั้งใหญ่กรุงลอนดอน, ปัญหาโลกร้อน, เหตุการณ์ 9/11 เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทั้งหลายแหลมักอ้างถึงนอสตราดามุสเป็นคนแรก ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่านอสตราดามุสเป็นนักทำนายที่มีญาติหยั่งรู้วิเศษที่น่าเชื่อถือ จนกระทั้งเมื่อเร็วๆ นี้ มีคนอ้างว่านอสตราดามุสได้ชี้ว่าโลกจะพบจุดจบในปี 2012 โดยยกโครงบทหนึ่งมา แน่นอนว่าเรื่องการคำทำนายของนอสตราดามุสนั้นยังเป็นที่ถกเถียงจนถึงปัจจุบันว่าตกลงว่าแม่นยำหรือมั่วกันแน่ ทั้งนี้เพราะข้อความที่เขาเขียนขึ้นเป็นภาษายากๆ และใช้การเปรียบเทียบ ทำให้ตีคงวามยาก และตีความได้หลากหลาย ในรูปแบบที่แตกต่างกันหลายสิบรูปแบบ ซึ่งหนึ่งและหนึ่งในการตีความที่โด่งดังที่สุดคือ วันสิ้นสุดโลก คือมีการตีความว่า “ปี 1999 เดือนที่ 7 เจ้าแห่งความสยองขวัญจะมาจากฟ้า” และผู้ที่ศรัทธาในนอสตราดามุสได้ขยายความตื่นตระหนกนี้ออกไปว่าเป็นวันสิ้นสุดของโลก แต่ปรากฏว่าเอาเข้าจริงโลกก็ยังปกติสุข พอในปีถัดไป คำทำนายนอสตราดามุสก็ตามมาอีกว่าปี 2000 จะเป็นวันสิ้นสุดของโลกแท้จริง แต่เอาเข้าจริงโลกก็ยังเหมือนเดิม พอปี 2012 คำทำนายก็กลับมาอีกครั้ง  ซึ่งความจริงแล้วมีผู้ตีความทำนายของนอสตราดามุสไว้ว่า เขาไม่ได้ทำนายวัน 2012 เป็นวันสิ้นสุดของโลก หากแต่เป็นวันจุดเริ่มต้นของโลกที่ใกล้อวสาน เพราะเขาได้ขยายไปว่า โลกจะอยู่คงอยู่ยาวนานถึง 3797 ปี
 

 1.เพราะมายาไม่ได้บอกว่าเป็นปี 2012 เป็นวันสิ้นโลก
                ปฏิทินมายาถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของข่าวลือวันสิ้นโลกอย่างแท้จริง เพราะปฏิทินมายาถือได้ว่าแม่นยำที่สุดยิ่งกว่าปฏิทินใดๆ โดยที่มาของความเชื่อว่าปี 2012 เป็นวันสิ้นสุดโลกนั้น มาจากการสังเกตว่าปฏิทินมายานั้นมีเพียง 394 ปี(เริ่มนับตั้งแต่ในปี  3114  ก่อนคริสต์ศักราช)และจะสิ้นสุดลงในราววันที่  21  ธันวาคม  2012  อีกทั้งยังมีการศิลาจารึกแผ่นหนึ่งของชาวมายาซึ่งพบในเม็กซิโกเมื่อทศวรรษ   1960  ระบุว่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเทพโบลอนยกเต   เทพแห่งสงครามและการสร้างสรรค์  ที่ระบุว่าวันที่  21  ธันวาคม  2012  จะเกิดอะไรบางอย่างต่อโลกขึ้น และด้วยชื่อของ “มายา” ซึ่งเป็นอารยธรรมลึกลับย่อมมีมนต์ขลังทำให้หลายคนเชื่อเรื่องดังกล่าว
ความจริงแล้วปฏิทินมายามีหลายแบบ ซึ่งแบบที่เกี่ยวข้องกับปี ค.ศ. 2012 เรียกว่า ปฏิทินรอบยาว (long count) ระบุวันด้วยชุดของตัวเลข ตัวเลขชุดนี้แทนวันที่ได้ยาวนาน 5,126 ปี เทียบกับวันที่ตามระบบปฏิทินสากลตั้งแต่ วันที่ 11 สิงหาคม 3114 ปีก่อนคริสตกาล ไปจนสุดจำนวนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ซึ่งการสิ้นสุดของตัวเลขปฏิทินมายา ซึ่งวันสิ้นสุดดังกล่าวไม่ได้บอกเลยสักนิดว่าเป็นวันสิ้นโลก ที่สำคัญ ปฏิทินมายาก็ไม่ได้หมดลงแค่ปี ค.ศ.2012  เนื่องจากนักวิชาการได้พบหลักฐานเป็นศิลาแบบเต็ม จากเมืองโคบา  ที่จารึกชื่อของปีที่วงรอบใหญ่กว่าสามารถเทียบเป็นเวลาถึง 13 เท่าของ 20 ยกกำลัง 21 ปี  ส่วนสาเหตุที่มันหมดลงในปี 2012 ก็เพราะระบบบอกพิกัดจีพีเอส ก็มีระบบนับสัปดาห์เป็นของตัวเอง ทำนองเดียวกับ Y2K ของคอมพิวเตอร์ แต่เมื่อสิ้นวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 โลกก็ไม่ได้แตกตามระบบเหมือนระบบนับวันของคอมพิวเตอร์  หากแต่ปฏิทินมายาก็จะเริ่มนับรอบใหม่
ส่วนศิลาจารึกที่ระบุว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากโลกนั้น หากเป็นวันสิ้นโลกจริงศิลาจารึกของมายาเกือบทุกอันต้องระบุไว้แต่ปรากฏว่าไม่มีศิลาจารึกใดกล่าวถึงเลย นอกเหนือจากอนุสาวรีย์หมายเลข 6 แห่งเมืองทอร์ทูกัวโร (Tortuguero Monument 6 ที่ระบุว่า วันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ.2012) มันจะเกิดความมืด?? และจะเป็นการลงมาประทับของเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างที่...??" ซึ่งจาลึกดังกล่าวแตกหัก ไม่สมบูรณ์ ถอดความได้ยังไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าวันดังกล่าวเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซึ่งชาวประเทศเม็กซิโกและอเมริกากลาง เองก็ออกมาบอกว่าเป็นเรื่องของชาวตะวันตกคิดไปเองทั้งนั้น
 
 
อ้างอิงจากบทความ top 10 reasons the world won't end on december 21, 2012
http://www.toptenz.net/the-world-wont-end-on-december-21-2012.php
เพิ่มเติมวิกิพีเดียไทย-อังกฤษ
http://www.gracezone.org/index.php/-2012/542-solar-wind
http://guru.thaibizcenter.com/articledetail.asp?kid=4856
http://webboard.mthai.com/7/2007-01-26/298326.html
http://www.oknation.net/blog/Joseph/2009/11/13/entry-1

Credits//writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=486572&chapter=343


มีแหล่งอ้างอิงทั้งภาษาอังกฤษ ทั้งเว็บที่เชื่อถือได้ค่ะ^^









supakay

mukmomint
#4
12-06-2011 - 14:28:13

#4 mukmomint  [ 12-06-2011 - 14:28:13 ]




อืมมม ความรู้ๆ



I like your smile... :)
guy12556
#5
12-06-2011 - 16:07:34

#5 guy12556  [ 12-06-2011 - 16:07:34 ]




[เย้ๆมีคนคิดเหมือนเราละโลกไม่แต่หรอกถ้าไม่มีหนังเรื่อน 2012 เขาก็ไม่ฮิดกันหรอกว่าโลกจะแตก/size]


inkartyuai
#6
12-06-2011 - 21:24:25

#6 inkartyuai  [ 12-06-2011 - 21:24:25 ]




รู้สึกภูมิใจที่เขียนหมดมาก


namfon122
#7
12-06-2011 - 21:39:39

#7 namfon122  [ 12-06-2011 - 21:39:39 ]





โลกไม่แต่กหรอก ยังอยู่ แต่พวกเราทุกคนจะต้องจากไปจากโลกนี้ไปอยู่อีกโลก หลังความตาย โลกแห่งการชดใช้ ความดีความชั่ว !!!
แค่นี้พอ เดี๋ยวยาว


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-06-12 21:40:38


ห่างหายไปนาน ....
Weerapong
#8
13-06-2011 - 16:59:34

#8 Weerapong  [ 13-06-2011 - 16:59:34 ]




ผมว่าไม่เเตกหรอก เเค่ว่ามีอุทกข์ถัยไรอย่างงี้ มั้งคับ ไม่ถึงกับเเตกหรอก


manny21
#9
13-06-2011 - 17:08:27

#9 manny21  [ 13-06-2011 - 17:08:27 ]





ว้าว กระทู้นี้มีสาระ



-*M21*-
ladyzaza
#10
13-06-2011 - 18:22:14

#10 ladyzaza  [ 13-06-2011 - 18:22:14 ]





อื้ม ก่อนหนังเรื่อง2012 ยังไม่มีกระแสอะไรเลยอ่ะ



ARTPOP
kimba
#11
08-07-2011 - 19:44:02

#11 kimba  [ 08-07-2011 - 19:44:02 ]




อันที่จริง 2012 โลกจะไม่แตกไม่ใช่เหรอ

แค่นำ้ท่วมโลกเท่านั้น หรืออย่างอื่น


aumlovethesim3
#12
09-07-2011 - 10:01:06

#12 aumlovethesim3  [ 09-07-2011 - 10:01:06 ]






ไม่แตกหรอก
เพราะเราไม่อยากให้แตก เลยเข้าข้างว่าไม่แตก


icezi
#13
09-07-2011 - 10:12:10

#13 icezi  [ 09-07-2011 - 10:12:10 ]




เย้โลกไม่แตก


kimba
#14
09-07-2011 - 13:49:02

#14 kimba  [ 09-07-2011 - 13:49:02 ]




เคยมีการทำนายว่าโลกจะอวสานหลายครั้งแล้ว


แต่ไม่ถูกเลยสักครั้ง


แม้แต่นอสตราดามุสยังทำนายผิดเลย


sideswipe
#15
31-07-2011 - 04:54:34

#15 sideswipe  [ 31-07-2011 - 04:54:34 ]




มนุษย์เปนสิ่งมีชีวิตที่เหนแก่ตัวและเลวร้ายที่สุดในจักรวาลแล้ว และมนุษย์ก้อทำร้ายโลกไว้มากทั้งๆที่สิ่งมีชีวิตอื่นไม่เคยทำเลย ชิงดีชิงเด่น แบ่งแยกชนชั้น ใส่หน้ากากหากันตลอดเวลา ถึงโลกไม่แตกแต่สักวันก้อต้องสูญพันธุ์เพราะความโอหังของตัวเองอยู่แล้ว ให้เปนยุคของแมลงซะเลย 555


satananne
#16
31-07-2011 - 06:59:23

#16 satananne  [ 31-07-2011 - 06:59:23 ]






ที่เค้าทำหนังออกมาอยากให้คนทั่วโลกหันมาสนใจสภาพแวดล้อมกันบ้าง
มีแต่คนทำลาย ทุกอย่างก็เริ่มที่จะหายสาบสูญหมด มันก็ส่งผลไปถึงพลังงานของไฟฟ้าด้วยนะ
มันก็กำลังจะหมดไปจากโลกนี้เหมือนกัน เมื่อตอนวันที่เท่าไรแอนก็จำไม่ค่อยได้
มีข่าวที่น้ำตกไหลย้อนกลับเนื่องจากลมทะเลพัดแรงมาก
แล้ววันที่ 28 ที่ผ่านมา ก็มีข่าวว่า กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของอเมริกา ได้ทำการสำรวจดวงจันทร์ร์จากแร่ธาตุฮี​เลียม 3 นี้
มีมากกว่าพลังงานที่เกิดจากซ​ากพืชซากสัตว์หรือฟอสซิล ถึง 10 เท่า
และจะสามารถทำให้โลกสามารถมีพลั​งงานสะอาดใช้ได้ถึงนับพันปี...ดร.เจอรัลด์ คัลซินสกี
ถ้าพวกเค้าทำไม่สำเร็จ โลกของเราก็จะไม่มีพลังงานใช้เหลืออยู่ ถ้าไม่ช่วยกันสร้างขึ้นมาใหม่



if...ถ้าหาก
Gwiyeounss
#17
31-07-2011 - 07:44:03

#17 Gwiyeounss  [ 31-07-2011 - 07:44:03 ]




โลกเเตกตอนใหน เราจะรู้ได้ยังงัย รู้เพราะทำนายหรอ เราว่านะ เราทำบุญกันให้เยอะ ๆ ดีกว่า พอเราตาย หรือ โลกเเตก เราจะได้ขึ้นสวรรค์


monajung1827
#18
31-07-2011 - 07:54:25

#18 monajung1827  [ 31-07-2011 - 07:54:25 ]






เรื่อง 2012 เค้าทำนายไว้ตั้งแต่ 634 ปี่ก่อน ค.ศ จนถึงอนาคต

ประมาณ ค.ศ.4,500,00,000 นักวิทยาศาสตร์บอกว่า พระอาทิตย์ จะกลายเป็น ดาวยักษ์แดง กลืนกินดาวพุธ ศุกร์ โลก แล้วก็ดาวอังคารด้วย
คราวนี้ถ้าโลกยังไม่แตกก็ให้รู้ไป เอ้า ! เอาให้มันแตกจนได้สิน่าาาาา


เครดิต : GM


wavefirsthome
#19
03-08-2011 - 19:13:01

#19 wavefirsthome  [ 03-08-2011 - 19:13:01 ]






เเต่เราไม่เเน่ใจนะ เพราะว่า
1.หมอดูผู้นั้นชื่ออะไรก็ไม่รู้ทำนาย เจ้าหญิงไดอาน่าจะเสียชีวิตโดยรถยนต์ เวลาผ่านไป เจ้าหญิงไดอาน่าได้เกิดอุบัติเหตุรถชนจน สิ้นพระชน
2.เเล้วหมอดูผู้นั้นก็ทำนายว่า ปี 2012 โลกจะเเตก


  • 1

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ