เราเป็นศิษย์เก่ารร.หญิงล้วนค่ะ อยู่มาตั้งแต่ป.1 จนจบม.6 รวมทั้งสิ้นสิบสองปี(คุณพระ! สิบสองปี!!) เรื่องราวทั้งหมดต่อไปนี้ ไม่ควรเหมารวมว่าโรงเรียนหญิงล้วนทั้งหมดเป็นแบบนั้น แต่สำหรับโรงเรียนของเราแล้ว เรื่องราวทั้งหมดที่เราจะเล่า...เป็นเรื่องจริง 100000% คอนเฟิร์ม! ฟันธง! ชัวร์ป้าบ!
ในสายตาของคนภายนอก โรงเรียนหญิงล้วนเป็นยังไง
เด็กสาวสวยใส น่ารัก คุณหนู บอบบาง ไฮโซ วันๆเอาแต่วี้ดว้ายกระตู้วู้ สายลมแสงแดด และขี้อายกับผู้ชายใช่หรือไม่?
บอกมาซะดีๆว่าคุณคิดแบบนี้หรือเปล่า... โดยเฉพาะเหล่าโอตาคุ พวกคุณคิดว่ารร.หญิงล้วนคือสวนอีเดนที่มีอีฟหลายร้อยคนทำท่าโมเอะอริ๊งอร๊างกันตลอดเวลาใช่มั้ย?
พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนคาดหวัง(ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างมหันต์)ว่าการส่งลูกสาวเข้ารร.สตรีจะทำให้ลูกสาวเรียบร้อย ไม่แรด ไม่ร่าน โดยที่ไม่รู้เลยว่ารร.สตรีใช้ "ระบบ" ไหนในการอบรมบ่ม...สาวน้อยๆเหล่านั้นให้เติบโตมาเป็น....!!!
...สัตว์ประหลาด...
บางคนที่มองในความเป็นจริงหน่อยจะรู้ว่า เด็กรร.หญิงล้วน จะแรด แรง ร่าน ล่าหัวผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงโรงเรียนสหเป็นร้อยๆเท่า เพราะสำหรับพวกเราแล้ว ผู้ชาย = แรร์ไอเทม แต่ความน่ากลัวของรร.หญิงล้วนไม่ได้มีแค่นั้น
----------------------------------------------50ความจริง------------------------------------------------
50 ข้อต่อไปนี้คือความจริงในรั้วโรงเรียนหญิงล้วนที่จะทำให้คุณตาสว่าง หุ หุ
1.) รร.สตรี = สมรภูมิ ไม่ได้เว่อร์นะคะ การอยู่ในรร.หญิงล้วนนั้นจำเป็นต้องมีความถึกอย่างมหาศาล เพราะรร.หญิงล้วนส่วนมากจะมี "ระบอบ" การควบคุมคนที่หฤโหดมาก ทั้งระเบียบ ทั้งความบ้าอำนาจของครู และความร้ายกาจของสังคมแบบผู้หญิงๆ (การตอแหล = เรื่องธรรมชาติ)
2.) ผู้หญิงถึกทุกคน เพราะมันไม่มีผู้ชายไงคะ ทุกอย่างต้องทำเองหมด ถึกในที่นี้หมายถึง แบกโต๊ะ แบกเก้าอี้ ลำโพง เวที ป้ายผ้าความยาวเท่ากับตึกสามชั้น งานไม้ ตะปู ค้อน เลื่อย
3.) ตอนป.1 ได้ล้างห้องน้ำ และใช้กระดาษทรายขัดพื้นโรงยิม ตอนป.4 ย้ายตึกเรียนใหม่ไปอยู่ชั้นเจ็ด แต่นักเรียนห้ามใช้ลิฟต์ เท่ากับว่าเราเดินขึ้นลงตึกเจ็ดชั้นทุกวัน วันละหลายๆรอบตั้งแต่เก้าขวบ สังเกตุได้ง่ายๆว่าเด็กรร.เราแทบทุกคนจะมีกล้ามขาเป็นมัดๆ
4.) อ้อ ตอนย้ายตึกสมัยป.4 เราต้องขนย้ายโต๊ะ เก้าอี้ไปชั้นเจ็ดกันเอง แน่นอนว่าห้ามใช้ลิฟต์
5.) เด็กผู้หญิงที่นี่หนึ่งคน แบกโต๊ะเรียนสองตัวในทีเดียว ขึ้นตึกโน้นลงตึกนี้ โดยที่ยังหัวเราะกับเพื่อนอย่างสนุกสนานไปด้วยได้
6.) ตอนเข้าค่าย เราเคยวิ่งแข่งกันขึ้นดอย โดยหิ้วเตาอั้งโล่สองเตาไว้ในมือ ข้างละเตา
7.) การทำโทษที่นี่ไม่ค่อยใช้วิธีตี
8.) แต่จะใช้วิธีลุกนั่ง เดี่ยวบ้าง กอดคอกันบ้าง หลายครั้งทำติดๆกันเป็นร้อยๆรอบ จนเดินลงบันไดแทบไม่ได้
9.) ไม่ค่อยมีเด็กคนไหนไปฟ้องพ่อแม่
10.) เพราะเราเห็นมันเป็นเรื่องธรรมดา
11.) บทลงโทษหนึ่งของการไว้เล็บยาวคือ ตรวจเจอเล็บยาว 1 นิ้ว ลุกนั่ง 10 ครั้ง 10 นิ้วก็ 100 ครั้ง
12.) ตรวจเจอหน้ารร.ก็ต้องลุกนั่งตรงนั้น ตอนนั้น
13.) นร.ส่วนมากเลือกไว้เล็บยาว แล้วยอมลุกนั่ง
14.) งานหนักทุกงานที่ผู้หญิงไม่ควรทำ เราไม่เคยรู้ว่ามันไม่ควร เพราะที่นี่เราทำตลอดเวลา
15.) คนที่ใช้เราทำงานหนักมากที่สุดคือครูผู้ชาย และ 90% ของครูผู้ชายไม่เคยช่วยเลย
16.) เราเคยกลับไปเยี่ยมรร. เจอหน้าครูผู้ชายคนหนึ่ง เขาทักเราที่ไม่เจอกันนานด้วยคำพูด "เธอสองคน(เรากับเพื่อน)แบกโต๊ะตัวนี้(ยาวเกือบสองเมตร)ไปไว้ชั้น4ให้หน่อย" แน่นอนค่ะ ไม่มีลิฟต์
17.) แรงผู้หญิงแค่สามคนยกโต๊ะม้าหินอ่อนได้ เราพิสูจน์มาแล้ว
18.) การตบ ต่อย จิกหัว กันในโรงเรียนหรือซอยเปลี่ยวเป็นตำนานของรร.สตรีมากว่ายี่สิบปี ไม่ใช่เพิ่งเกิด
19.) ยืนเข้าแถวกลางแดด ตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงเที่ยงโดยไม่ได้ไปไหน มีคนเป็นลมอย่างมาก 3 คนจาก 400 กว่าคน และเหตุการณ์แบบนี้มีบ่อยประมาณ 2 ครั้งต่อปี
20.) เด็กผู้หญิงที่อยู่วงดุริยางค์จะถึกกว่าชาวบ้าน 10 เท่า เพราะได้วิดพื้นด้วย
21.) ครูประถมรร.เราโหดมาก ชอบฉีกสมุดการบ้านเด็กต่อหน้าต่อหน้าเวลาไม่พอใจ แล้วโยนใส่หน้า บางทีก็เขวี้ยงไกลไปหลังห้องโน่นเลย
22.) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแทบทุกวัน ตั้งแต่ป.1 -ป.4 และมีเด็กร้องไห้กับเหตุการณ์แบบนี้อยู่ประมาณ 1%
23.) อีก 99% ที่เหลือหัวเราะ แล้วตั้งฉายาครูลับหลัง
24.) 1% ที่ร้องไห้ ผ่านไปสามเดือนจะเหลือ 0%
25.) พอเริ่มชั้นมัธยม ครูเดินร้องไห้ออกจากห้องบ่อยมาก
26.) ถ้าเป็นครูใจดีเราต้องตามไปง้อ
27.) แต่ถ้าเป็นครูประเภท....เอ้อ...เขาไม่เคยร้องไห้
28.) ครูดีๆเลยอยู่นานๆไม่ค่อยได้ ส่วนครูที่อยู่นานๆได้ส่วนมากจะ....โรคจิต
29.) การเปิดกระโปรงแล้วดึงกางเกงซ้อนลง หรือจับแก้ผ้า เป็นเรื่องสนุกมาก ไม่ถือเป็นการกลั่นแกล้ง
30.) แทบทุกคนเคยโดน
31.) เพราะไม่เคยมีใครยอมโดนคนเดียว
32.) ตอนเข้าค่ายลูกเสือ พวกเราแก้ผ้าอาบน้ำกันแบบไม่เหลือสักชิ้น เพราะเราต้องอาบให้เสร็จภายในสิบนาที และใช้ห้องน้ำทีละคนไม่ทัน
33.) การลากคอเพื่อนไปขังเดี่ยวไว้ในห้องเก็บของ เป็นเรื่องที่เฮฮาปาจิงโกะสุดๆ มีการอัดคลิปตอนคนหนึ่งคนถูกคนสิบคนรุม แล้วลากไปขังด้วย เสียงร้องโหยหวยตลกมาก
34.) คนที่เคยจับคนอื่นขัง รอบต่อไปอาจกลายเป็นรายต่อไปที่จะถูกขัง เพราะเหยื่อคนก่อนมันกลับมาแก้แค้น
35.) มีกฎห้ามกินขนมในห้องเรียน แต่เรากินมะม่วง มะยม กะท้อน กับกะปิหวานกันประจำ บางครั้งก็มีปลาหมึกแผ่นด้วยถ้าเพื่อนคนไหนเพิ่งกลับจากทะเล
36.) เมื่อครูจับได้ เราจะเรียกครูมากินด้วย
37.) ครูไม่ยึดของกินหรอก เพราะถ้าจะยึดก็ต้องยึด น้ำปลา หมอน เสื่อ วิกผม ขนมปี๊บ ที่อยู่หลังห้องด้วย
38.) พวกเราหยาบกันชนิดผู้ชายบางคนรับไม่ได้ ทุกอวัยวะ ทุกสปีชีส์ เราพูดกันเป็นคำสร้อย ไม่ใช่คำด่า และไม่เซ็นเซอร์
39.) เราสนุกกับการดูคลิปตบกัน และพูดเรื่องอย่างว่ากันได้อย่างไม่อาย
40.) เราดิบเถื่อน และซกมกมากนะ
41.) เราหื่นมากๆด้วย และไม่เลือกผู้หญิงผู้ชาย ทอม ตุ๊ด
42.) ผู้หญิงไซ้ซอกคอกันหลังห้องเป็นเรื่องปกติ เริ่มเห็นตั้งแต่ป. 6
43.) เพื่อนที่เป็นทอมบอกว่า "ดีออก ไม่ท้องด้วย"
44.) เล่นไพ่หลังห้อง ตาละสองบาท เคยมีคนได้กำไรกลับบ้านสามร้อย
45.) ถ้าอยากได้เด็กรร.หญิงล้วนเป็นแฟน...คิดดีๆ
46.) มันแรงกว่าที่คิด และด้วยความที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเองมากตลอด ไม่เคยพึ่งผู้ชาย เพราะงั้นอย่าหวังเอาชนะใจด้วยการบริการ หรือออกความเห็นสั่งสอน แค่ช่วยเหลือในสิ่งที่เกินแรงผู้หญิงก็พอ(ยังไงเราก็ผู้หญิงนะ)
47.) แต่เราส่วนมากไม่เคยคิดว่าตัวเองต่างกับผู้ชายตรงไหน นอกจากมีนมกับมีจิโบ๊ะ
48.) เด็กรร.เราเฟรนลี่กับผู้ชายมาก จนดูเหมือนอ่อยเหยื่อ เพราะเราไม่เคยอยู่ในสังคมที่มีการแบงเพศ ไมรู้จักการสงวนท่าที เราก็คิดว่าเพื่อนก็คือเพื่อนจริงๆ ไม่ได้อ่อย
49.) แต่ถ้าอ่อยจริงๆ จะไม่มีท่าทีเฟรนลี่แน่นอน
50.) ทุกเรื่องที่ผิดกฎโรงเรียน ไม่เคยมีหน้าไหนเอาไปฟ้องครู เพราะการแหกกฎ = เรื่องที่ทำทุกวัน และเคยทำกันทุกคน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยังค่ะ ที่จริงมันยังไม่หมดแค่นี้หรอก แต่ขี้เกียจเขียนแล้ว มันเยอะเกิน ครั้งหนึ่งคุณคนหนึ่งเคยพูดกับพวกเราว่าเมือเด็กรร.นี้ออกไปสู่สังคมภายนอก จะไม่มีวันยอมแพ้กับอะไรง่ายๆแน่นอน เพราะที่นี่ทำให้เราแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ เหอๆๆๆ เราพึ่งรู้ว่าตลอดเวลาที่เราใช้ชีวิตสุดถึกในรั้วรร.สตรีมาตั้งสิบกว่าปีนั้น เราเป็นโรคเลือดจาง!!! บร๊ะเจ้า!! กูผ่านมาได้ไงนิ
ครั้งหนึ่งตอนที่เลือดจางมากๆ ไปหาหมอ หมอบอกว่าความเข้มข้นเลือดของเราน้อยกว่าปกติตั้งครึ่ง(ควรมี 12 แต่เหลือ 6) หมอบอกว่าปกติต้องช็อกไปแล้ว หรือไปลมล้มพับไป ตอนนั้นเรายังถามว่า "จะไปเรียนอ.อุ๊ได้อยู่มั้ยคะ?" อยู่เลย หมอมองหน้าเราแบบอินี่บ้าไปแล้วหรือไง ก็เลยต้องเติมเลือดไปสามถุง นอนไปสามวัน
ได้ข่าวว่าก่อนวันไปโรงพยาบาลยังวิ่งตากแดดอยู่เลย ไม่ยักเป็นไร
แต่เราออกมาสองปีแล้วนะ ตอนนี้อ่อนแอบอบบางแล้วล่ะ อุฮิๆ
อนึ่ง เพื่อนๆที่รู้ว่าเราอยู่รร.อะไร ได้โปรดอย่าบอกชื่อโรงเรียนนะคะ เสียสถาบันหมด 5555+
----------------------------------------------------------------------------
อ่านต่อ :
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1525610#ixzz1SdcUgYSO