“ไม่มีคดีไหนในฮ่องกงที่โหดร้าย, เลวร้าย, ใจดำ และอำมหิต และน่ากลัวเท่าคดีนี้อีกแล้ว”
![](http://www.documentingreality.com/forum/attachments/f181/276072d1306674042-hello-kitty-murder-tsim-sha-tsui-hong-kong-1999-4ab8cbe8ae918.jpg)
Hello Kitty murder หรือ “คิตตี้สังหาร” ซึ่งเป็นคดีฆาตกรรมที่โด่งดังในฮ่องกง คดีนี้เริ่มมาจากผู้หญิงคนหนึ่งโดนกลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่งลักพาตัวและไปทรมานในอพาร์ทเมนต์ใน ซึม ชา ซุยในปี 1999 สุดท้ายเธอก็ขาดใจตายจากการทรมานมานานหนึ่งเดือน สาเหตุอาจมาจากการกินยาเกินขนาดส่วนพวกผู้ชายนั้นกำจัดศพเธอโดยตัดหัวเธอแล้วยัดหัวเธอใส่ลงในตุ๊กตาคิตตี้ จนกลายเป็นชื่อเล่าขนานในคดีนี้
คดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อผู้หญิงทำงานให้กับไนต์คลับแห่งหนึ่งในฮ่องกง เมื่อ ฟาน มัน-ยี อายุ 23 ปี ถูกลักพาตัวโดยผู้ชายสามคนคือ ชาน มัน-ลก อายุ 34 ปี, เหลียง ชิง-โช อายุ 27 ปี เหลียง ไหว-หลัน อายุ 21 ปี พวกเขานำเธอไปอพาร์ทเมนต์ใน แกรนวิล โลด, ซึม ชา ซุย ซึ่งคดีดังกล้าวถือว่าเป็นคดีดังของฮ่องกงเนื่องจากทำให้ฮ่องกงเสื่อมเสีย เพราะคนภายนอกมันคิดว่าฮ่องกงอดีตอาณานิคมของอังกฤษนั้นเป็นเมืองแห่งความเจริญ แม้มันจะแออัด แต่ก็ปลอดภัย(จากสถิตอัตราการฆ่ากันตายในฮ่องกง คิดเป็น 1.23 ต่อ 100,000 คน) ดังนั้นปัญหาอาชญากรรมไม่ควรมีเด็ดขาด หากแต่เมื่อเกิดคดี "คิตตี้สังหาร" ทำให้หลายฝ่ายเก็บไปคิดอีกครั้งว่าฮ่องกงทุกวันนี้ปลอดภัยจริงหรือ?
อพาร์ทเมนต์ที่เกิดเหตุใน ซึม ชา ซุย
ฟาน มัน-ยี อายุ 23 ปี ถูกลักพาตัวโดยผู้ชายสามคนคือชาน มัน-ลก อายุ 34 ปี, เหลียง ชิง-โช อายุ 27 ปี เหลียง ไหว-หลัน อายุ 21 ปี พวกเขานำเธอไปอพาร์ทเมนต์ในถนน Granville ซึม ชา ซุย ทั้งหมดมีอาชีพเป็นแมงดาและสาเหตุที่ลักพาตัวก็เนื่องจากผู้หญิงดังกล่าวไม่ได้ใช้หนี้ตามที่กำหนด(เธอเป็นหนี้ประมาณ 20,000 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 2560 ดอลลาร์สหรัฐ) พวกเขากักขังเธอเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 1999 และทรมานเธอจนกว่าจะเธอใช้หนี้ ทั้งสามเริ่ม ทำร้ายร่างกายของเหยื่อทุกวันจะตีหัวเธอจนเลือดออก ช่วยกันแตะตามลำตัว แล้วเอาน้ำมันและพริกมาราดบาดแผลและปากของเธอ จากนั้นก็บังคับให้เธอดื่มและกินปัสสาวะและอุจจาระ เอาพลาสติกที่ละลายด้วยความร้อนไปละเลงที่ตัวอันเปล่าเปลือยของเธอ เมื่อเหยื่อเธอหมดสติก็ผูกกับขื่อนานหลายชั่วโมงจากนั้นก็เฆี่ยนเธอ เอาไฟเผาเท้าเธอ หลังจากที่กักขังมานานจนกระทั้งเดือนเมษายน 1999 เธอก็ถูกขาดใจตายในสภาพใบหน้าบวม เลือดกลบปาก ร่างกายเต็มไปด้วยแผลพุพอง และหนอง เมื่อพวกผู้ชายเห็นผู้หญิงตายพวกเขาตกใจมากและมีความคิดกำจัดศพ พวกเขาเอาศพของเธอไปที่อ่างอาบน้ำแล้วช่วยกันชำแหละร่างกายดังกล่าวเป็นท่อนๆ โดยมีน้ำร้อนลวกเหมือนชำแหละหมู(มีการทำให้สุกเหมือนปรุงอาหารด้วย) เครื่องในจำพวกหัวใจ ตับ ปอด และกระดูกบางส่วนถูกนำมาใส่พลาสติกที่จะถูกนำไปทิ้ง เหลียง ชิง-โช รับผิดชอบในการชำแหละเครื่องในออกจากท้องของเธอ ซึ่งเมื่อเขาเห็นลำไส้ออกจากท้องก็อาเจียน ส่วนอีกคนได้ก็ตัดหัวของเธอยัดลงไปในตุ๊กตาฮัลโล คิตตี้ โดยเอาผ้าฟ้ายออกแล้วยัดกระโหลดศีรษะเข้าไปแทน จากนั้นพวกเขาทิ้งร่างกายส่วนอื่นๆ ไปยังที่ต่างๆ ตามถังขยะ(ส่วนสาเหตุที่ยัดหัวลงตุ๊กตาคริสตี้ไม่ระบุ) นอกจากนี้ผนังในห้องยังตกแต่งใหม่เพื่อกำจัดหลักฐานด้วย
ฟาน มัน-ยี
หลังจากผ่านไปสองเดือนแฟนสาวของหนึ่งในสามของฆาตกรที่ฆ่าหญิงผู้ตาย ได้กลายเป็นโรคประสาทโดยบอกว่าเธอถูกผีผู้ตายเข้าสิงเธอทำให้เธอฝันร้ายตลอดคืน หลังจากเธอพูดคุยกับนักสังคมสงคราะห์ เธอก็ได้แจ้งความในวันที่ 24 พฤษภาคม และเล่าความจริงทั้งหมดให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งในเวลาต่อมาก็มีตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพบว่าภายในส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงและภายในเต็มไปด้วยขยะและเศษเลือดและมีดบาสงส่วนเห็นได้ชัดว่ามีการฆาตกรรมที่โหดร้ายเกิดขึ้นที่นี้ โดยเฉพาะพวกเขาพบตุ๊กตาคิตตี้ที่เปื้อนเลือดส่งกลิ่นเหม็นพิงอยู่ผนังทางเดิน หลังจากตรวจสอบพบว่ามีวัตถุแข็งอะไรบางอย่างและเมื่อเขาพบก็พบว่ามีกะโหลกศีรษะพร้อมฟันและอวัยวะภายในบางส่วน และที่หม้อสแตนเลสและหม้อดินยังมีเศษเนื้อที่เน่าเชื่อว่าน่าจะเป็นการต้มเพื่อกำจัดศพ
ตุ๊กตาคิตตี้ที่ถูกยัดหัวคน
ต่อมาทั้งสามคนก็ถูกจับและถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม หากแต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเธอเสียชีวิตได้อย่างไร ซึ่งฆาตกรทั้งสามใช้เรื่องนี้ในการต่อสู้ในชั้นศาล โดยบอกว่าเหยื่อตายเพราะกินยาเกินขนาด และพวกเขาเชื่อว่าศาลไม่มีหลักฐานพอเอาผิดพวกเขา ซึ่งปกติแล้วหากเกิดคดีดังกล่าวที่จีนแผ่นดินใหญ่ ศาลจะตัดสินอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดถึงโทษประหาร แต่ฮ่องกงไม่มีโทษประหาร ทำให้พวกเขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และมีโอกาสที่จะถูกปล่อยตัวเมื่อเวลาผ่านไป 20 ปี โดยวันที่ 6 ธันวาคม 2000 ผู้พิพากษาคดีนี้กล่าวว่า
“ไม่มีคดีไหนในฮ่องกงที่แสดงถึงพฤติกรรมของมนุษย์ที่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์ที่ โหดร้าย, เลวร้าย, ใจดำ อำมหิต และน่ากลัวเท่าคดีนี้อีกแล้ว”
ซึ่งคดีนี้ได้ถูกนำไปสร้างหนังเรื่อง human pork shop(2001)
credits
![](image/emo/emo_http.gif)