โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
11 เคล็ดลับความงามที่ดีที่สุดตลอดกาล
deer_น้องกวาง
#1
deer_น้องกวาง
06-11-2011 - 11:52:52

#1 deer_น้องกวาง  [ 06-11-2011 - 11:52:52 ]







คุณรู้จักเคล็ดลับความงามมาแล้วมากมาย แต่เคล็ดลับความงามอะไรบ้างล่ะที่คุณขาดไม่ได้
และควรเก็บไว้ เป็นคู่มือความงามประจำตัวตลอดไป เรามาเฉลย กิจวัตรการดูแลความงามที่ผู้หญิงทุกคนขาดไม่ได้...
โดยเฉพาะสิ่งต่อไปนี้



1. ใช้มอยสเจอไรเซอร์ให้ถูกต้อง

คุณเลือกใช้ครีมหรือโลชั่นราคาแพงที่อุดมด้วยคุณค่าต่าง ๆ ซึ่งสมควรจะทำให้ผิวของคุณสวยขึ้นแล้ว
แต่ถ้าคุณไม่เห็นผลอย่างที่สมควรจะเป็น บางทีอาจเป็น เพราะคุณใช้มันผิดวิธี
การทาครีมมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าครีมที่คุณเลือกใช้ และนี่คือเทคนิคที่คุณควรใส่ใจ

อายครีม ใช้นิ้วสองนิ้วทาครีมขนาดเท่าเมล็ดข้าวที่ใต้ขอบตา หัวตา และใต้โค้งคิ้ว ลากปลายนิ้วเบา ๆ
(นิ้วนางและนิ้วกลางเป็นนิ้วที่มีแรงกดน้อยที่สุด) ออกด้านข้าง อย่าดึงหรือยืดผิวรุนแรงเกินไป
มอยสเจอไรเซอร์หรือซีรั่ม เพิ่มการไหลเวียนโลหิตด้วยการใช้ทั้งสองมือลากเป็นจังหวะยาว ๆ เบา ๆ
ไปตามแนวความยาวของหน้าผาก และทาครีมจากคางขึ้นไปหาแก้ม และจากด้านข้างไปยังขมับและหู

ครีมทาคอ เพื่อให้ไดประโยชน์สูงสุด ให้แน่ใจว่าคุณทาครีมจากแนวกรามเรื่อยลงมาจนถึงลำคอ
และจากไหล่ข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งผ่านหน้าอกส่วนบน


2. ปกป้องแสงแดดเสมอ


คุณควรใช้ครีมกันแดดหรือมอยสเจอไรเซอร์ที่มีค่า SPF อย่างน้อย 15 เป็นประจำทุกวัน
เพราะรังสียูวีเอในแสงแดดมีอำนาจในการทะลุทะลวงสูง สามารถทำให้เส้นใยคอลลาเจนและ
อีลาสตินในผิวชั้นกลางเกิดความเสียหาย นอกจากนี้ แพทย์ผิวหนังหลายคนยังบอกด้วยว่า
ความร่วงโรยของผิว 80% เกิดจากการโดนแสงแดดทำร้าย ฉะนั้น การปกป้องผิวไว้ก่อนย่อม
ดีกว่ามาตามแก้ปัญหาทีหลัง และไม่ใช่เพียงแต่จะใช้ครีมกันแดดบ่อยขึ้น แต่ต้องทาให้มากขึ้นด้วย
เพราะครีมกันแดดที่ระบุว่ามี SPF 30 แต่เมื่อทาเป็นชั้นบาง ๆ มันจะให้การปกป้องแก่คุณเพียงแค่ส่วนเสี้ยวของตัวเลขที่ระบุไว้เท่านั้น


3. ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว



เซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมตัวอยู่บนผิวของเราทุกวัน และเมื่อเวลาผ่านไป วัยที่ยิ่งมากขึ้นก็ทำให้
การกำจัดเซลล์ผิวด้อยประสิทธิภาพลงส่งผลให้ผิวหน้าดูหม่นหมองไม่เปล่งปลั่งสดใส ฉะนั้น
คุณจำเป็นต้องช่วยผิวขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไปด้วยการใช้สครับที่มีเม็ดขัดผิวละเอียด ๆ
ขัดผิวหน้าเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยขัดเป็นแนววงกลมทั่วทั้งใบหน้า แล้วล้างน้ำออก
ก่อนจะตามด้วยมอยสเจอไรเซอร์ทันที เพื่อเก็บกักความชุ่มชื้นบนผิวหนังเอาไว้



4. ดื่มน้ำเยอะ ๆ

น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งของผิวสวย มันช่วยขจัดของเสียและทำให้ผิวชุ่มชื่น ถ้าคุณไม่ดื่มน้ำ
อย่างน้อยวันละ 8 แก้วต่อวัน คุณจะลงเอยด้วยการมีผิวที่แห้งแตกอย่างแน่นอน

5. กินให้ดี


เรามักลืมกันไปว่า ลักษณะของผิวพรรณนั้นส่วนใหญ่ แล้วถูกกำหนดมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายของเรา
มันเป็นภาพสะท้อนของสุขภาพของเรานั่นเอง นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่าเราควร
ระวังปริมาณแคลอรีที่กินเข้าไปด้วย เนื่องจากเริ่มมีการค้นพบจากงานศึกษาวิจัยหลายชิ้นว่า
การกินมากเกินไป ไม่เพียงแต่จะมีผลในแง่ลบต่อร่างกาย แต่ยังมีผลต่อผิวพรรณของเราด้วย

และอย่าลืมกินอาหารที่อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ อย่างเช่น วิตามินเอ บี ซี และอี
ซึ่งจะช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระในสภาพแวดล้อม (อนุมูลอิสระคือโมเลกุลเล็ก ๆ ที่เข้าโจมตีเซลล์ต่าง ๆ
ในร่างกาย และทำให้เราดูแก่เร็วขึ้น) วิตามินพวกนี้ ยังช่วยให้ผิวซ่อมแซมตัวเอง คงความชุ่มชื้น
และผลิตเอนไซม์ที่ช่วยให้ผิวหนังสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องและคงที่

6. ผ่อนคลายให้เป็น


ความเครียดกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนองด้วยการหลังสารอะดรีนาลีนออกมา ทำให้ดึงการสูบฉีดโลหิต
จากผิวไปยังกล้ามเนื้อแทน มียังทำให้ต่อมไขมันทำงานมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดสิว
และยังทำให้อัตราการผัดเซลล์ผิวช้าลงผิวจึงดูหมองคล้ำ ขาดชีวิตชีวา ดังนั้น หาเวลาสำหรับตัวเองบ้าง
ไม่ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิ การอ่านหนังสือ หรือการทำงานอดิเรก อื่น ๆ ที่คุณชื่นชอบ
และให้อาหารเสริมแก่ผิวด้วยแอนตี้ออกซิแดนต์ อย่างเช่น วิตามินซี ที่อาจช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเครียด

Extra Tip : ลดความเครียดของผิวด้วยการเพิ่มระดับแอนตี้ออกซิแดนต์ภายในร่างกาย
และลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ วิธีหนึ่งก็คือการบริโภคผักและผลไม้มาก ๆ
และใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของแอนตี้ออกซิแดนต์ อย่างเช่น สารสกัดจากชาเชียวหรือชาขาว
ไลโคปีน โคเอนไซม์คิว 10 หรือวิตามินอี ซึ่งใช้ได้ทั้งรับประทานหรือเจาะแคปซูลเอาน้ำมันใส ๆ
ภายในทาลงบนผิวหน้าได้โดยตรง

7. นอนให้พอดี

ในตอนกลางคืน ในขณะที่คุณนอนหลับผิวของคุณจะซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายในระหว่างวัน
และการศึกษาชิ้นสำคัญในปี 2001 ในวารสาร Journal of Investigative Dermatology ยังบ่งชี้
ด้วยว่าผิวหนังไม่เพียงแต่จะสร้างเซลล์ใหม่ในยามค่ำคืน แต่ระดับความสมดุลของกรดด่างใน
ผิวยังมีความเป็นกรดมากขึ้น ที่ช่วยเร่งการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวด้วย

อย่างไรก็ตาม การนอนสำหรับแต่ละคนแตกต่างกัน สำหรับผู้หญิงโดยเฉลี่ยแล้วควรนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมง
และการงีบตอนกลางวันไม่นับ เพราะคุณต้องการเวลาต่อเนื่องกันอย่างน้อย สองชั่วโมงครึ่ง ร่างกายจึงจะฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่

8. หยุดตามใจตัวเอง

การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายและผิวขาดน้ำ แอลกอฮอล์ ยังทำให้ร่างกายขาดวิตามินเอ
ซึ่งทำให้การผลัดเซลล์ผิว และการสร้างคอลลาเจนลดลง ส่วนการสูบบุหรี่ก็ทำให้หลอดเลือดหดตัว
ลดการไหลของโลหิตที่นำพาสารอาหารและออกซิเจนไปยังผิว งานวิจัยยังบ่งด้วยชี้ว่านิโคติน
อาจเพิ่มการสร้างเอนไซม์ที่ทำให้คอลลาเจนสลายตัว จึงเร่งการเกิดรอยย่น แม้กระทั่งคนที่
รับควันบุหรี่ จากคนอื่นก็เป็นภัยต่อผิวไม่แพ้กัน แต่ถ้าคุณไม่อาจงดปาร์ตี้ได้ พยายามเพิ่ม
การกินอาหารหรืออาหารเสริมที่ให้แอนตี้ออกซิแดนต์ ดื่มน้ำให้มากขึ้น และพักผ่อนให้เต็มที่
ก่อนออกไปสังสรรค์ รวมทั้งพยายามพักผ่อนเพิ่มเติมเมื่อมีโอกาส สำหรับการดูแลผิว
เลือกใช้ครีมที่มีแอนตี้ออกซิแดนต์ในตอนเช้า และเรตินอลในตอนกลางคืนเพื่อช่วยในการผลัดเซลล์ผิว
และใช้มาส์กขับสารพิษออกจากผิวเป็นครั้งคราว

9. เคลื่อนไหวร่างกาย


อย่าเพิ่งคิดว่าไม่เกี่ยวกัน การเคลื่อนไหวร่างกายทำให้โลหิตสูบฉีดมายังผิว
และนำพาสารอาหารมาหล่อเลี้ยงผิวได้ดีขึ้น ผิวจึงดูสดใส เปล่งปลั่ง และอ่อนเยาว์จงทำให้
การออกกำลังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่แค่สิ่งที่นาน ๆ ทำครั้งหนึ่ง
โดยตั้งเป้าบริหารความแข็งแรงด้วยการยกน้ำหนัก (มันเร่งการเผาผลาญของคุณ) 2-3 ครั้ง
ต่อสัปดาห์ และออกกำลังแบบคาร์ดิโอ 30 นาที สัปดาห์ละห้าครั้ง




10. พิถีพิถันสักนิด


ใช้คอนชีลเลอร์ ถึงแม้คุณจะใช้รองพื้นอยู่แล้ว แต่การเพิ่มคอนชีลเลอร์เข้าไปด้วย
ก็จะทำให้การแต่งหน้าของคุณดูดีขึ้น เลือกเฉดสีที่เข้ากับสีผิวของคุณ
และแต้มลงบริเวณเปลือกตาข้างสันจมูก หัวตา ใต้ดวงตา รอยแดง รวมถึงรอยสิวต่าง ๆ ด้วย จากนั้น เช็ตให้อยู่ตัวด้วยแป้งฝุ่น

Extra Tip : เพื่อให้ดวงตาที่เหนื่อยอ่อนสดใสขึ้น ทาคอนชีลเลอร์ที่หัวตาและใต้ตา
แล้วทาทับด้วยแป้งฝุ่น นอกจากนี้ ให้ใช้อายแชโดว์สีอ่อนที่เปลือกตา และทาอายแชโดว์สีขาวที่หัวตาเล็กน้อย

แต่งคิ้วให้ดี คิ้วที่ได้รูปสวยเพิ่มความชัดเจนและโดดเด่นให้แก่รูปหน้า
และสามารถทำให้คุณดูเด็กลงได้อีกหลายปี (คิ้วที่บางและมีสีอ่อนเกินไปจะให้ผลในทางตรงกันข้าม คือทำให้ดูแก่ลง)
เลือกสีแต่งคิ้วแบบฝุ่นหรืออายแชโดว์สีที่อ่อนกว่าสีผมเล็กน้อย และใช้แปรงปลายตัดแต้มสีเป็นเส้นสั้น ๆ
ไปตามแนวคิ้ว ตามด้วยเจลใสปัดคิ้วเพื่อเช็ตสีให้อยู่ตัวหากต้องการหรือหากชอบใช้ดินสอเขียนคิ้ว
ให้เขียนเป็นเส้นสั้น ๆ ไปตามแนวคิ้ว อย่าลากเป็นเส้นเดียวที่จะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ

เติมไฮไลต์ ไฮไลต์จะทำให้ใบหน้าสว่างสดใสทันตา วิธีง่ายๆ ก็คือทาอายแชโดว์สีอ่อน ๆ
ผสมชิมเมอร์ที่หัวมุมตาและโหนกคิ้ว จะทำให้ดวงตาคุณเด่นยิ่งขึ้น จากนั้น
ปัดไฮไลต์หรือแป้งผสมชิมเมอร์ที่ด้านบนของแนวกระดูกโหนกแก้ม ใบหน้าโดยรวมจะยิ่งกระจ่างใส่ขึ้น

ทาบลัช เพียงแค่สีสันที่แก้มเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าของคุณมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น บลัชแบบครีม มูส เจล
และสเตนจะทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งมาจากาภยใน ส่วนบลัชแบบฝุ่นใช้ได้ง่ายและรวดเร็ว
และแทนการปัดบลัชออนจากกึ่งกลางแก้มออกไปด้านนอก ลองใช้เทคนิคนี้ที่จะทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่า
โดยเริ่มจากด้านบนของโหนกแก้มบริเวณตีนผมใกล้กับหู
แล้วปัดไปตามพวงแก้มเป็นแนวขวางจนถึงกึ่งกลางแก้ม สีบลัชจะเข้มกว่าที่ชายผมและจางลงที่กึ่งกลางแก้ม





11. เทรนด์ความงามที่ฮิตไม่เคยเปลี่ยน

อายไลเนอร์ มันไม่เคยหาไปจากเทรนด์ แต่อาจเปลี่ยนแปลงตัวเองไปหลากหลายรูปแบบ เช่น การกรีดอายไลเนอร์เป็นต้นหนา ๆ หรือการเขียนอายไลเนอร์ที่ขอบตาล่าง เป็นต้น ทดลองใช้อายไลเนอร์หลาย ๆ แบบ เพื่อให้ได้เส้นขอบตาที่แตกต่างกันไปและในแบบที่เหมาะกับคุณที่สุด

สโม้กกี้อาย การแต่งตาที่เพิ่มความคมซึ้งให้ดวงตาแบบนี้อยู่คู่สาวๆ ที่ต้องการสร้างความเซ็กซี่เย้ายวนมาโดยตลอด แต่เพิ่มความหลากหลายด้วยการใช้สีสันที่แตกต่างออกไป อย่างเช่น สีสันสดใสที่กำลังนิยมในตอนนี้ก็สามารถแต่งในสไตล์สโม้กกี้ได้เช่นกัน ดวงตาคมเข้มในสไตล์นี้เหมาะกับเรียวปากสีอ่อนเบาดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็สามารถแต่งคู่กับริมฝีปากสีสดใสได้

ริมฝีปากสีแดง เย้ายวนและได้ผลเสมอไม่ว่ายุคใดสมัยใดก็ตาม โดยเฉพาะสำหรับโอกาสพิเศษยามค่ำคืน แต่คุณก็สามารถใช้สีแดงได้เช่นกันสำหรับยามกลางวัน เคล็ดลับอยู่ที่การเลือกเฉดสีและเท็กซ์เจอร์ที่แตกต่างกันไป รวมถึงวิธีการหา เช่น เลือกลิปสติกแบบเนื้อกึ่งแมตต์ แล้วใช้ปลายนิ้วทาลงบนเรียวปาก มันจะดูนุ่มนวลกว่าการใช้พู่กันทา

เมกอัพแบบธรรมชาติ แต่งในแบบที่ดูเหมือนไม่ได้แต่งนี่คือหัวใจสำคัญของลุคแบบนี้ ซึ่งเป็นลุคที่อยู่ยงคงกระพันที่สุดอีกลุคหนึ่ง หัวใจสำคัญของลุคนี้คือผิวที่เรียบเนียนและเปล่งประกาย คุณไม่จำเป็นต้องทารองพื้นทั่วใบหน้า แค่ใช้คอนชีลเลอร์หรือรองพื้นเฉพาะส่วนที่ต้องการปกปิดแล้วปัดแป้งโปร่งแสงทับบาง ๆ ลุคนี้ควรให้ดูชุ่มชื้นนิด ๆ และไม่ควรแต่งตาคมเข้มเกินไป เลี่ยงการใช้อายไลเนอร์ที่เป็นเส้นแข็ง ๆ และปัดมาสคาร่าแบบใสแทนแบบสี ส่วนเรียวปากให้มีสีชมพูระเรื่อเล็กน้อย แต่ก็อย่าให้มันวาวจนเกินไปหรืออาจแค่ทาทับด้วยลิปบาล์มแบบเจือสีก็พอแล้ว

CD: เย็นตาโฟ



แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-11-06 12:16:14


come back home.
jamlove9
#2
06-11-2011 - 11:55:57

#2 jamlove9  [ 06-11-2011 - 11:55:57 ]





เยอะ

deer_น้องกวาง

pakard29
#3
07-11-2011 - 19:32:08

#3 pakard29  [ 07-11-2011 - 19:32:08 ]





ขอบคุณ


  • 1

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 14th November 2024 00:06

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ