ยินดีต้อนรับ เมืองแห่งความน่ากลัว หลอกหลอน
เชิญชม!
เรื่องที่1
เรื่องน่ากลัว!อย่าอ่านก่อนนอน
ด้วยรักและห่วงใย... (เรื่องน่ากลัว กรุณาอย่าอ่านก่อนนอน)
เรื่องของวิญญาณ หรือสิ่งเหนือธรรมชาติ เป็นเรื่องที่แม้ว่าจะพยายามพิสูจน์ หรือหาเหตุผลอย่างไรก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ ถ้าไม่ได้พบเจอด้วยตัวเอง ก็คงจะไม่เข้าใจ และไม่มีวันได้เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ที่เคยได้ประสพมา ความรักและความผูกพันธ์ข้ามภพข้ามชาติ เป็นความลึกซึ้งที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจจริงๆ...
ลองฟังเรื่องของผม ดูก่อนที่คุณจะตัดสินใจเชื่อ...
นานมาแล้ว... หลังจากคุณปู่เสียไปได้ไม่นาน โลกใบใสของคุณย่าก็เจือสีจางลงอย่างเห็นได้ชัด คุณพ่อคุณแม่พาเราไปเยี่ยมคุณย่าบ่อยขึ้น ด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าท่านจะเหงา เศร้า แม้ว่าคุณย่าจะดูเป็นคนอารมณ์ดี แต่ความสูญเสียครั้งใหญ่นี้ ก็ทำให้ท่านดูอ่อนแอลงเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ภายในแววตาเศร้าๆคู่นั้น ผมก็ยังคงเห็นความซุกซนเล็กๆซ่อนอยู่ตลอดเวลา...
ไม่ถึงปี... คุณย่าก็จากพวกเราไปอย่างสงบ...
ทุกครั้งที่ครอบครัวของเราเดินทางมาทำบุญให้คุณปู่คุณย่าที่ต่างจังหวัด พวกเรายังคงเข้าพักที่เรือนไม้หลังใหญ่ของท่านเหมือนเดิม ภาพของคุณย่าใจดียังคงอยู่ในความทรงจำของผมตลอดมา ผมยังจำได้ในวันเกิดของผม ที่คุณย่าอุตส่าห์เย็บปลอกหมอนข้างเป็นรูปมิ๊กกี้เมาส์ ตัวการ์ตูนตัวโปรด ให้ผมไว้นอนกอด... ทุกครั้งที่ผมร้องไห้งอแง ท่านจะพาผมมานอนที่ตัก หาหมอนรูปมิ๊กกี้มาให้กอด คอยปลอบ จนผมหลับไป... ส่วนพี่สาวของผมเธอไม่ชอบมิ๊กกี้เอาซะเลย...
เธอเกลียดกลัวหนูทุกประเภท...
.....................................................
.....................................................
งานทำบุญร้อยวันผ่านไปอย่างเรียบร้อย ตกค่ำผู้คนที่นี้ก็เข้านอนกันเร็วตามปกติ ผมกับพี่สาวดื้อขอเล่นอยู่จนดึก สมัยนั้นไม่มีทีวีหรอกครับ พอง่วงจนได้ที่ก็ขึ้นนอนในห้องที่จัดไว้ข้างๆห้องของคุณย่าเหมือนเดิม นอนกลิ้งเล่นบนเตียงตามประสาเด็กๆได้สักพัก เราสองคนก็เริ่มง่วง พอหลับตาลงผมก็ได้ยินเสียงดังกุกกักที่ห้องข้างๆ ทั้งๆที่คุณพ่อบอกว่าห้องนั้นไม่มีใครอยู่แล้ว เสียงนั้นเงียบหายไปทุกครั้งที่ผมลืมตาขึ้นในความมืด...
เสียงเหมือนมีคนเดินสืบเท้าไปมาอยู่เบาๆ...
ความสงสัยและความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้น เวลาผ่านไป... ผมเริ่มรู้สึกเหมือนว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้อง พยายามเพ่งมองไปรอบๆ ในความมืดนั้น ผมก็พบกับเงาร่างจางๆของใครคนนึง ยืนสงบนิ่งอยู่ที่หน้าประตู... แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผมสะกิดพี่สาวให้ตื่นขึ้นดู เธอพยักหน้าหงึกๆ รั้งผ้าห่มแน่น เหมือนจะบอกผมว่าเธอก็เห็นเหมือนกับที่ผมเห็น ผมนอนนิ่งอยู่เหมือนถูกสะกด ตัวของพี่สาวของผมเริ่มเย็นขึ้นจนผมรู้สึกได้...
คุณพระช่วย...ภาพลางๆของร่างๆนั้น เริ่มขยับเข้ามา... !!!
ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงสืบเท้าเบาๆ ดังเข้ามาเรื่อยๆ ภาพของคุณย่าเริ่มปรากฏขึ้นในชุดแพรสีอ่อนที่ท่านชอบ ชุดที่ท่านใส่ในวันที่ท่านจากพวกเราไป เมื่อร่างนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ ผมพยายามมองไปที่พื้นเรือนไม้หลังเก่า แม้ว่าจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่ที่ปลายชุดผ้าแพรสีอ่อนนั้นไม่มีเท้าก้าวเดินอยู่!!! ร่างนั้นลอยอยู่เหนือพื้นจริงๆ เคลื่อนเข้ามาหาเราอย่างช้าๆ...หัวใจของผมกับพี่สาวเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว ขนที่แขนลุกขึ้นตั้งชัน อากาศในห้องเย็นวูบลงอย่างรวดเร็ว...
วิญญาณของคุณย่า...!!!
คอของผมแห้งผาก มือกำแน่นอยู่กับผ้าห่มที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็ไม่สามารถหลับตาลงได้เหมือนที่คิด ผมเลื่อนสายตาขึ้นมาเรื่อยๆ จนมองเห็นแขน และมือที่เหิ่ยวแห้งตามกาลเวลาของท่าน ที่สำคัญ เราเริ่มเห็นแหวน และกำไรข้อมือที่ท่านใส่ติดตัวเป็นประจำ...
คุณย่า... จริงๆ...!!!
ร่างของท่านลอยเคลื่อนเข้ามาจนมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียง ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ผมนึกในใจว่า ถ้าท่านรักผมขออย่าทำแบบนี้เลย อย่าทำให้ผมต้องหวาดกลัวขนาดนี้เลย ผมพยามกวาดสายตาไปยังร่างนั้นอย่างช้าๆ แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าของท่านชัดเจนนัก แต่ก็พอมองเห็นเงาตะคุ่มๆบนศรีษะของท่าน ดูเหมือนเป็นมวยผมสีดำสนิท เหมือนมีอยู่สองข้าง ที่ดูจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าตกใจ แสงรำไรจากหน้าต่าง สลับกับเงาของกิ่งไม้ ที่ไหวเอนไปตามแรงลม ความกลัวเพิ่มมากขึ้นจนจับขั้วหัวใจ...
ในที่สุด ผมก็ได้เห็นใบหน้าของท่านในความมืดอย่างเต็มตา...!!!
.....................................................
.....................................................
มิ๊กกี้เมาส์ครับ... !!!
.....................................................
.....................................................
ท่านคงจะห่วงว่าผมจะกลัว เลยแปลงศรีษะเป็นมิ๊กกี้เมาส์ครับ...
หู กลมป๊อก หน้ายิ้มแป้น ปากแดงแจ๋... หน้าตาน่ารักเป็นที่สุด
ส่วนพี่สาวของผมหน่ะเหรอครับ ฉี่ราดเป็นลมไปซะก่อนแล้วครับ...
เธอกลัวหนูครับ... ว้า...
เรื่องที่2
เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ผมขอยอมรับว่าเป็นความจริง
และเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของผมเลย
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องผีหรือเรื่องวิญญาณมากนัก
เพราะไม่เคยเจอเลย ผมยังเคยคิดอยู่เลย
ว่าถ้าเจอจะขอหวยซะหน่อย
แต่เรื่องที่ผมเจอมานี้มันทำให้ผมเชื่อเรื่องเลยว่า
ผี มีอยู่จริง
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว
ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยตรงแถวศาลายา
ผมเป็นเด็กหอ จึงไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไรนัก หอที่ผมอาศัยอยู่นี้
พวกรุ่นพี่เล่าให้ฟังว่าผีดุมาก
แต่ผมก็ไม่เคยเห็นนะจึงไม่ค่อยเชื่อเท่าไร วันหนึ่ง
แฟนผมเค้าขอให้ผมพาไปซื้อ
มือถือ ให้
ผมเห็นว่าวันนี้ไม่มีเรียนจึงได้ไปซื้อมือถือกับแฟน ที่ มาบุญครอง
ทุกคนคงจะรู้นะว่ามาบุญครองมีมือถือขายอยู่มากมายทั้ง
ของมือหนึ่ง หรือของมือสอง แฟนผมเดินดูมือถืออยู่หลายร้าน
แต่ก็ไม่มีร้านไหนถูกใจซะที
จนถึงร้านขายมือถือร้านหนึ่ง ชื่ออะไรผมจำไม่ค่อยได้นัก
ภายในร้านตกแต่งเป็นอย่างดี และมีมือถืออยู่หลายรุ่นมาก
ระหว่างที่แฟนผมดูมือถืออยู่ ผมก็หันไปเห็น
PCT มือสอง เครื่องหนึ่ง ราคาถูกมาก ประมาณ 1000 บาท
ผมเห็นแล้วก็อยากได้มาก เพราะจะได้เอาไว้โทรคุยกับแฟนได้
โทรมือถือทุกวันเปลืองตายเลย แต่แฟนผมเค้าบอกผมว่าอย่าซื้อเลย
เพราะของมือสองมักจะไม่ค่อยดี ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไร ก็คนมันอยากได้นี่
ผมจึงตัดสินใจซื้อ PCT เครื่องนั้น ทันที
วันแรก PCT ที่ผมซื้อมาใช้ได้ดีมากเลย สัญญาณเต็มทุกครั้งที่โทร
แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 4-5 วัน
ผมสังเกตุเห็นว่า มีสี สีแดงติดอยู่ที่ PCT ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เพราะผมคิดว่ามันเป็นของมือสอง
มันก็คงต้องมีตำหนิบ้าง ผมจึงเอา PCT ของผมไปเปลี่ยนหน้ากาก หมดไปประมาณ
150 บาท
ในคืนนั้นเองผมได้ใช้ PCT โทรคุยกับแฟน เมื่อคุยเสร็จผมจะไปอาบน้ำเลยวาง
PCT
ไว้บนเตียง
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วผมเอา PCT ขึ้นมาดูเผื่อมีคนโทร แต่สิ่งที่ผมเห็น
มีสี สีแดง ติดอยู่ที่ PCT
ผมงงเลยครับ ก็ตอนที่ไปเปลี่ยนหน้ากาก
ผมดูแล้วมันไม่มีอะรอยหรือสีอะไรติดอยู่ที่ PCT แน่ๆ
แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเพื่อนมันคงจะแกล้ง คืนต่อมา ผมใช้ PCT
โทรกลับบ้านเพื่อบอกกลับที่บ้านว่า
จะไม่กลับบ้านซักอาทิตย์หนึ่ง เพราะอยู่ในช่วงสอบ เมื่อผมโทรเสร็จแล้ว
ผมเอา PCT มาดู
ผมเห็นว่า สี สีแดงที่ติดอยุ่ที่ PCT มันใหญ่ขึ้น
และรู้สึกว่าสีจะยังไม่แห้งดีด้วย
ผมเลยจับ PCT ขึ้นดูให้ชัดๆ ว่ามันเป็นอะไรกันแน่ ผมแทบช๊อคเลยครับ
มันเป็นเลือดครับ เลือดสีแดงสดๆ
ผมตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย
เอาแล้ว อยู่มาตั้งนานไม่เคยเจอผีก็เค้า วันนี้ทำไมต้องเจอด้วยวะ
ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เพื่อนก็ยังไม่กลับมา ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย ผมจึงรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ
ก็คนมันนึกอะไรไม่ออกนี่
ผมวิ่งไปก็สวดมนต์ไป ( คนที่ไม่เคยเจออย่างผม
ไม่รู้หรอกครับว่ามันน่ากลัวแค่ไหน )
และเมื่อผมวิ่งไปถึงห้องน้ำ ผมได้ไปล้างหน้าล้างตาที่
บริเวณอ่างล้างหน้า เผื่อมันจะดีขึ้น
แต่เมื่อผมมองไปที่กระจกเท่านั้นละครับ
สิ่งที่ผมเห็นนั้นมันทำให้ผมร้องตะโกนออกมาลั่นหอเลยครับ
อ๊าก.................
.....................
......................
......................
......................
........................
...........................
............................
.............................
............................
หูกูเป็นแผลเหรอเนี่ย ! ! !
ต่อไปเป็นคำสาปที่น่ากลัวที่สุด! 10คำสาป
อันดับ 10 เพชรโฮป (Hope Diamond)
เป็นเพชรสีนํ้าเงินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีนํ้าหนักถึง 45.52 กะรัต โดยพ่อค้าฝรั่งเศสนาม จอห์น แบ็บติส ทราวิเนียร์ ได้ขโมยมาจากพระนลาฏ (หน้าผาก) เทวรูปฮินดูในวิหารแห่งหนึ่งของอินเดีย เมื่อราว ค.ศ. 1600 โดยหารู้ไม่ว่าโคตรเพชรนี้มีคําสาปติดมาด้วย นั่นคือ มันผู้ใดที่ขโมยหรือครอบครองเพชรโฮป จะต้องประสบความวิบัติทุกรายไป! และก็จริงตามคําสาป นับตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งทรงซื้อเพชรนี้จากนายทราวิเนียร์ พระองค์และ พระราชวงศ์ก็ทรงได้รับภัยร้ายกาจจากการปฏิวัติของฝรั่งเศสตลอด กระทั่งนาย เฮนรีย์ ฟิลิป โฮป (เจ้าของชื่อเพชรเม็ดนี้) นายปิแอร์ คาร์เทียร์ (พ่อค้าอัญมณีชื่อดังที่เรารู้จักกันดี) ฯลฯ ล้วนประสบกับอัปมงคลจนถึงผู้ครอบครองรายสุดท้ายคือ ตระกูลของ เซอร์ ฮาร์รีย์ วินสตัน ได้ให้เลดี้ไฮโซ ผู้หนึ่งยืมสร้อยคอเพชรโฮป สวมใส่ในงานราตรี สองเดือนต่อมา ลูกน้อยของเธอก็ตายอย่างลึกลับ สามีกลายเป็นบ้าและต้องหย่าขาดกัน
ในที่สุด ทายาทตระกูลวินสตันจึงมอบเพชรโฮปให้สถาบันสมิธ โซเนียนของสหรัฐฯ เป็นผู้อนุรักษ์แทน
ที่มาทั้งหมดจาก http://www.artsmen.net/content/show.php?Category=mythboard&No=4904
อันดับ 9 วิหารกระดูก แห่งเมือง อีโวรา
โปรตุเกส วิหารนี้สร้างในศตวรรษที่ 15 โดยพระนิกายฟรานซิสกัน ที่ประหลาดพิสดารคือ ผนังภายในวิหารนี้สร้างขึ้นจากกระดูกของมนุษย์กว่า 5,000 คนครับ เท่านั้นไม่พอ มีซากศพ 2 ร่าง ห้อยแขวนติดผนังด้านหนึ่งด้วย!
ตํานานวัดระบุว่า ครั้งกระโน้นมีสตรีนางหนึ่งซึ่งยึดมั่น ในคาทอลิก แต่ได้ถูกสามีผู้โมโหร้ายกับลูกชายของ เธอเองช่วยกันโบยตีจนตาย ก่อนสิ้นชีวิต เธอได้สาป ให้วิญญาณของเขาทั้ง 2 ลงนรก แม้แต่พื้นพสุธา ก็จะไม่ยินดีรับร่างของเขาไว้ ไม่นานนัก ชายทั้งสองก็ถึงแก่มรณกรรม ชาวเมืองพยายามขุด หลุมฝังศพของเขา แต่ขุดลงไปที่ใดก็เจอะแต่หิน เมื่อจนปัญญา พวกเขาจึงนําเอาซากศพทั้งสองขึ้น ไปห้อยแขวนไว้กับ ผนังวิหารดังกล่าว สําหรับให้นักบวชได้ใช้ปลง ในระหว่างทําสมาธิค ก็นับเป็นคําสาปที่ขลังยิ่ง
อันดับที่ 8 ละครเรื่อง แม็คเบ็ธ (Macbeth) ของเชคสเปียร์
ละครเรื่องนี้มีฉากที่เกี่ยวกับแม่มดและ คําสาปมนต์ดํา ว่ากันว่าทําให้แม่มดตัวจริงสมัยนั้น เคืองแค้น ที่เชคสเปียร์นําเอาเรื่องลับของพวกเขามาเปิดเผย จึงสาปให้ละครเรื่องนี้มีอันเป็นไปหากใครนํามาแสดงโดยเฉพาะตัวละครที่เล่นบทแม็คเบ็ธ
ผลของคําสาปอุบัติขึ้นตั้งแต่หนแรกสุดที่ละครนี้ออกแสดง โดยผู้แสดงที่ชื่อ ฮัล เบอร์ริดจ์ ซึ่งสวมบทเลดี้เอม ได้ล้มเจ็บลงในคืนนั้น และสิ้นใจตายหลังเวที
และนับแต่นั้นมาเกือบ 400 ปี ละครเรื่องนี้ก็มีอาถรรพณ์เกิดขึ้นกับนักแสดงมาตลอด เช่น มีอุบัติเหตุบาดเจ็บ ล้มตาย บางคนฆ่าตัวตาย และที่น่าพรึงเพริดที่สุดก็คือ ในปี ค.ศ. 1947 นักแสดงชื่อ ฮาโรลด์ ทอร์แมน เป็นผู้รับบทแม็คเบ็ธ ในระหว่างการดวลดาบนั้น คู่ต่อสู้ของเขาลืมสวมที่ครอบปลายดาบ พอแม็คเบ็ธ ถูกแทงล้มลง กลางเวที ผู้ดูต่างก็ปรบมือพอใจในบทบาท หากทว่า หลังเวทีนั่นซิ ต่างก็ตกใจกันยิ่งนักที่เขาโดน แทงจริงๆ ทอร์แมนตายใน 3 สัปดาห์ต่อมา
อันดับ 7 คําสาปของ อลิสแตร์ ครอว์ลีย์ พ่อมดแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์
สกอตแลนด์ ปี 1899 ครอว์ลีย์อาศัยอยู่ในบ้านอย่างโดดเดี่ยว ทางตอนใต้ของทะเลสาบที่ลือลั่นในเรื่องอสุรสัตว์ กล่าวกันว่าเขา ขมังในเรื่องเวทมนตร์และเลี้ยงวิญญาณภูตไว้ถึง 115 ตน เขาสามารถดลบันดาลให้ เพื่อนบ้านหลายคนมีอันเป็นไปนานา จนเป็นที่หวาดหวั่นไปทั่ว
ก่อนตาย ครอว์ลีย์ ได้สาปทิ้งท้ายไว้กับยอดเขาแห่งหนึ่งซึ่งเรียกกันว่า “ปล่องไฟปีศาจ” และครอว์ลีย์เคยหลงทางที่ยอดเขานี้ ซึ่งทําให้เขาขัดเคืองใจ จึงสาปว่าเมื่อใดที่ยอดเขานี้พังทลาย สิ่งชั่วร้ายต่างๆ ก็จะถูกปลดปล่อยแผ่กระจายไปด้วย
“ปล่องไฟปีศาจ” ยืนหยัดอยู่นานนับพันปี แต่แล้วในเดือนเมษายน 2001 ยอดสูงราว 70 เมตร ก็มีอันถล่มทลายลงมาในทะเล เรื่องนี้ทําให้ผู้ที่เชื่อถือในตํานานพากันผวาไปตามกันเลยครับ ป่านนี้นรกคงครอบคลุมแผ่นดินแล้ว!
อันดับ 6 คําสาปวูดูแห่งนิวออร์ลีนส์,
สหรัฐฯ แม่มดวูดูผู้นี้มีนามว่า มารี ลาโว มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1800 กว่าๆ เพื่อนบ้านรํ่าลือกันว่าเธอสามารถสาปได้ทั้งคนและสัตว์ โดยใช้มนต์ดําของวูดู กระทั่งทุกวันนี้ยังมีการจัดทัวร์พาไปชมบ้านของเธอ รวมทั้งบนบานขอให้เธอช่วยสาปใครก็ได้ เรียกกันว่า บลัดดี้มารีทัวร์
ทั้งนี้ ผู้ขอจะต้องปฏิบัติดังนี้ เริ่มจากเคาะ 3 ครั้งบนโลงศพของมารี แล้วหมุนกายทวนเข็มนาฬิกา 3 รอบ เซ่นเหล้ารัม ข้ามหลุมศพ 3 หน แล้วเปล่งชื่อของเธอออกมาดังๆ จากนั้นก็บอกกล่าวถึงจุดประสงค์ของคุณ (ว่าจะให้เธอดลให้ศัตรูของคุณวิบัติอย่างไร)
ไม่เชื่อก็เดินทางร่วมทัวร์ไปพิสูจน์ได้
อันดับ 5 คําสาป ตุตันคาเมน,
อียิปต์ เรื่องนี้เราคงเคยได้ฟังกันมาแล้ว จึงขอสรุปสั้นๆ แค่ว่า ทั้ง โฮวาร์ด คาร์เตอร์, ลอร์ด คาร์นาวอน และผู้มีส่วนรบกวนสุสานของฟาโรห์องค์ นี้ ล้วนมีอันล้มหายตายจากก่อนวัย อันควรทั้งนั้น
อันดับ 4 อีกา แห่งป้อมปราสาทลอนดอน (Tower of London)
ป้อมปราสาทนี้ เป็นที่รู้จักกันดี ในฐานะถูกใช้เป็นที่คุมขังและประหารบุคคลสําคัญๆ ของอังกฤษมากมายหลายท่าน ณ ลานปราสาทแห่งนี้จะมีการเลี้ยงดูอีกา จํานวน 6 ตัว เนื่องจากมีคําสาปมานานกว่า 900 ปี ว่า ถ้าหากอีกาลดจํานวนลงเมื่อใด เมื่อนั้นความหายนะจะมาเยือน นครลอนดอน และสิ้นสุดพระราชวงศ์แห่งอังกฤษ!
เรื่องนี้มีตํานานปรากฏเป็นเอกสาร ในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ราวศตวรรษที่ 17 ด้วย ไม่ใช่ เรื่องเลื่อนลอยแต่อย่างใด และทําให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นยาม หรือกษัตริย์ถือเป็น เรื่องจริงจัง อย่างเคร่งครัด
เช่นว่า ถ้ามีอีกาตายหนึ่งตัว จะต้องรีบถวายรายงานต่อควีนทันที และต้องจัดหาอีกาตัวใหม่ มาทดแทนโดยด่วน ซึ่งอีกาทุกตัวจะมีชื่อเรียก และถ้าตายก็จะถูกนําไปฝังอย่างมีพิธีการ จะมีการเลี้ยงอีกาไว้สํารองตลอดเวลา ถ้าตัวใดล้มป่วย ก็ต้องรีบตรวจสอบ หาไม่ถ้าหากตายโดยโรคติดต่อ (เช่น ไข้หวัดนก) และเช้าขึ้นมาอีกาตายเกลี้ยงละก้อ เชื่อกันว่าทั้งพระราชวงศ์ก็จะอันตรธานไปเช่นกัน
อันดับ 3 คําสาปตะกั่วแห่งกรีซ
ใน ค.ศ. 1979 มีการขุดค้นโบราณสถานชื่ออโกรา, นครเอเธนส์ ทําให้พบแผ่นม้วนตะกั่วบางๆ ซึ่งมีจารึกภาษาโบราณอันเป็นคําสาปปรากฏอยู่ แผ่นตะกั่วนี้เรียกกันว่า คาตาเรส (Katares) ใช้ใส่ลงในโลงศพก่อนจะฝัง เชื่อกันว่าตะกั่วจะทําให้คําสาปจมลงไปอย่างรวดเร็วถึงขุมนรกพร้อมกับวิญญาณผู้ตาย เพื่อที่พระยมจะได้อ่านคําสาปและดลบันดาลให้เป็นไปตามนั้น
นอกจากนี้ การฝากหรือทิ้งแผ่นคําสาปลงไปในนํ้าก็เป็นอีกวิธีการหนึ่ง เพราะนํ้าจะสามารถสื่อ ไปถึงผู้ที่เราต้องการสาปได้ ซึ่งแผ่นคาตาเรสกว่า 100 แผ่นที่ค้นพบนี้ได้ระบุจ่าหน้าถึง ซูลิส ไมเนอร์วา ซึ่งเป็นเทพีด้านอุทกของโรมัน
อันดับ 2 คําสาป วัฏจักรมรณกรรม ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นี่ก็เป็นอาถรรพณ์อีกอย่างซึ่ง โด่งดังมาก นั่นคือ ปธน. สหรัฐฯ ท่านใดที่ได้รับเลือกตั้งในปี ค.ศ. ที่ลงท้ายด้วยเลข 0 จะต้องถึงแก่ มรณกรรมในหน้าที่ ตํานานระบุว่า ผู้ที่สาปก็คือ เตคัมเซ่ หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง ผู้คับแค้นจากการถูกชนผิวขาวเข้ามายํ่ายีแย่งแผ่นดิน เขาได้สาปไว้ก่อนที่จะถูกฆ่าตายในปี ค.ศ. 1813
ปธน.คนแรกที่ตกเป็นเหยื่อก็คือ วิลเลียม เฮนรีย์ แฮร์ริสัน ที่ได้รับเลือกตั้งใน ค.ศ. 1840 ถัดจากนั้นคําสาปก็เป็นจริงมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น ลิน-คอล์น (1860) การ์ฟิลด์ (1880) แม็คคินลีย์ (1900) ฮาร์ดิ้ง (1920) รูสเวลท์ (1940) เคนเนดี้ (1960)
เพิ่งมีรอดรายเดียวคือ ปธน. เรแกน (1980) แต่ท่านก็ถูกมือปืนชื่อ จอห์น ฮิงค์ลีย์ ยิงบาดเจ็บสาหัสในปี 1981 นัยว่าปืนที่ใช้นั้นไร้ประสิทธิภาพ ท่านจึงรอดพ้น อาถรรพณ์มาได้อย่างหวุดหวิด
อันดับ 1 คําสาปในสวนอีเดน (Garden of Eden)
นับเป็นคําสาปแรกเริ่มสุดๆ ตั้งแต่ครั้งพระเจ้าสร้างโลกโน่นเลย โดยปรากฏเรื่องราวอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า ก็อดทรงเสกอาดัม มนุษย์ผู้ชายขึ้นก่อน จากนั้นก็แซะเอาซี่โครงของอาดัมมาเสกเป็นอีฟ แล้วส่งทั้งคู่ไปอยู่ในสวนอีเดน พร้อมรับสั่งว่าจะกินอะไรก็ได้ทุกอย่าง ยกเว้นผลไม้จากต้นแห่ง ความรู้หรือแอปเปิ้ล แต่ไอ้งูตัวแสบ มันยุยงอีฟให้หมํ่า แอปเปิ้ลเข้าไป หมํ่าคนเดียวไม่พอ อีฟยังชักชวนให้อาดัมหมํ่าด้วย เมื่อขัดคําสั่งของพระเจ้า ก็เป็นเรื่องขึ้น
โดยไอ้งูจอมแสบ โดนสาปให้ไปไหนมาไหน ด้วยการใช้ท้องไถไป อีฟโดนสาปให้คลอดลูก ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ส่วนอาดัมต้องทํางานหาเลี้ยงท้องอย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งชีวิต ซึ่งคําสาปมหากาฬนี้ก็ตกทอดมาถึงพวกเราทุกคนกระทั่งทุกวันนี้
ใครชอบก็ให้ดาวก็ได้นะครับ ไม่ว่ากัน มีแค่นี้นะครับ BYE
เชิญชม!
เรื่องที่1
เรื่องน่ากลัว!อย่าอ่านก่อนนอน
ด้วยรักและห่วงใย... (เรื่องน่ากลัว กรุณาอย่าอ่านก่อนนอน)
เรื่องของวิญญาณ หรือสิ่งเหนือธรรมชาติ เป็นเรื่องที่แม้ว่าจะพยายามพิสูจน์ หรือหาเหตุผลอย่างไรก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ ถ้าไม่ได้พบเจอด้วยตัวเอง ก็คงจะไม่เข้าใจ และไม่มีวันได้เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ที่เคยได้ประสพมา ความรักและความผูกพันธ์ข้ามภพข้ามชาติ เป็นความลึกซึ้งที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจจริงๆ...
ลองฟังเรื่องของผม ดูก่อนที่คุณจะตัดสินใจเชื่อ...
นานมาแล้ว... หลังจากคุณปู่เสียไปได้ไม่นาน โลกใบใสของคุณย่าก็เจือสีจางลงอย่างเห็นได้ชัด คุณพ่อคุณแม่พาเราไปเยี่ยมคุณย่าบ่อยขึ้น ด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าท่านจะเหงา เศร้า แม้ว่าคุณย่าจะดูเป็นคนอารมณ์ดี แต่ความสูญเสียครั้งใหญ่นี้ ก็ทำให้ท่านดูอ่อนแอลงเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ภายในแววตาเศร้าๆคู่นั้น ผมก็ยังคงเห็นความซุกซนเล็กๆซ่อนอยู่ตลอดเวลา...
ไม่ถึงปี... คุณย่าก็จากพวกเราไปอย่างสงบ...
ทุกครั้งที่ครอบครัวของเราเดินทางมาทำบุญให้คุณปู่คุณย่าที่ต่างจังหวัด พวกเรายังคงเข้าพักที่เรือนไม้หลังใหญ่ของท่านเหมือนเดิม ภาพของคุณย่าใจดียังคงอยู่ในความทรงจำของผมตลอดมา ผมยังจำได้ในวันเกิดของผม ที่คุณย่าอุตส่าห์เย็บปลอกหมอนข้างเป็นรูปมิ๊กกี้เมาส์ ตัวการ์ตูนตัวโปรด ให้ผมไว้นอนกอด... ทุกครั้งที่ผมร้องไห้งอแง ท่านจะพาผมมานอนที่ตัก หาหมอนรูปมิ๊กกี้มาให้กอด คอยปลอบ จนผมหลับไป... ส่วนพี่สาวของผมเธอไม่ชอบมิ๊กกี้เอาซะเลย...
เธอเกลียดกลัวหนูทุกประเภท...
.....................................................
.....................................................
งานทำบุญร้อยวันผ่านไปอย่างเรียบร้อย ตกค่ำผู้คนที่นี้ก็เข้านอนกันเร็วตามปกติ ผมกับพี่สาวดื้อขอเล่นอยู่จนดึก สมัยนั้นไม่มีทีวีหรอกครับ พอง่วงจนได้ที่ก็ขึ้นนอนในห้องที่จัดไว้ข้างๆห้องของคุณย่าเหมือนเดิม นอนกลิ้งเล่นบนเตียงตามประสาเด็กๆได้สักพัก เราสองคนก็เริ่มง่วง พอหลับตาลงผมก็ได้ยินเสียงดังกุกกักที่ห้องข้างๆ ทั้งๆที่คุณพ่อบอกว่าห้องนั้นไม่มีใครอยู่แล้ว เสียงนั้นเงียบหายไปทุกครั้งที่ผมลืมตาขึ้นในความมืด...
เสียงเหมือนมีคนเดินสืบเท้าไปมาอยู่เบาๆ...
ความสงสัยและความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้น เวลาผ่านไป... ผมเริ่มรู้สึกเหมือนว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้อง พยายามเพ่งมองไปรอบๆ ในความมืดนั้น ผมก็พบกับเงาร่างจางๆของใครคนนึง ยืนสงบนิ่งอยู่ที่หน้าประตู... แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผมสะกิดพี่สาวให้ตื่นขึ้นดู เธอพยักหน้าหงึกๆ รั้งผ้าห่มแน่น เหมือนจะบอกผมว่าเธอก็เห็นเหมือนกับที่ผมเห็น ผมนอนนิ่งอยู่เหมือนถูกสะกด ตัวของพี่สาวของผมเริ่มเย็นขึ้นจนผมรู้สึกได้...
คุณพระช่วย...ภาพลางๆของร่างๆนั้น เริ่มขยับเข้ามา... !!!
ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงสืบเท้าเบาๆ ดังเข้ามาเรื่อยๆ ภาพของคุณย่าเริ่มปรากฏขึ้นในชุดแพรสีอ่อนที่ท่านชอบ ชุดที่ท่านใส่ในวันที่ท่านจากพวกเราไป เมื่อร่างนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ ผมพยายามมองไปที่พื้นเรือนไม้หลังเก่า แม้ว่าจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่ที่ปลายชุดผ้าแพรสีอ่อนนั้นไม่มีเท้าก้าวเดินอยู่!!! ร่างนั้นลอยอยู่เหนือพื้นจริงๆ เคลื่อนเข้ามาหาเราอย่างช้าๆ...หัวใจของผมกับพี่สาวเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว ขนที่แขนลุกขึ้นตั้งชัน อากาศในห้องเย็นวูบลงอย่างรวดเร็ว...
วิญญาณของคุณย่า...!!!
คอของผมแห้งผาก มือกำแน่นอยู่กับผ้าห่มที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็ไม่สามารถหลับตาลงได้เหมือนที่คิด ผมเลื่อนสายตาขึ้นมาเรื่อยๆ จนมองเห็นแขน และมือที่เหิ่ยวแห้งตามกาลเวลาของท่าน ที่สำคัญ เราเริ่มเห็นแหวน และกำไรข้อมือที่ท่านใส่ติดตัวเป็นประจำ...
คุณย่า... จริงๆ...!!!
ร่างของท่านลอยเคลื่อนเข้ามาจนมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียง ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ผมนึกในใจว่า ถ้าท่านรักผมขออย่าทำแบบนี้เลย อย่าทำให้ผมต้องหวาดกลัวขนาดนี้เลย ผมพยามกวาดสายตาไปยังร่างนั้นอย่างช้าๆ แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าของท่านชัดเจนนัก แต่ก็พอมองเห็นเงาตะคุ่มๆบนศรีษะของท่าน ดูเหมือนเป็นมวยผมสีดำสนิท เหมือนมีอยู่สองข้าง ที่ดูจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าตกใจ แสงรำไรจากหน้าต่าง สลับกับเงาของกิ่งไม้ ที่ไหวเอนไปตามแรงลม ความกลัวเพิ่มมากขึ้นจนจับขั้วหัวใจ...
ในที่สุด ผมก็ได้เห็นใบหน้าของท่านในความมืดอย่างเต็มตา...!!!
.....................................................
.....................................................
มิ๊กกี้เมาส์ครับ... !!!
.....................................................
.....................................................
ท่านคงจะห่วงว่าผมจะกลัว เลยแปลงศรีษะเป็นมิ๊กกี้เมาส์ครับ...
หู กลมป๊อก หน้ายิ้มแป้น ปากแดงแจ๋... หน้าตาน่ารักเป็นที่สุด
ส่วนพี่สาวของผมหน่ะเหรอครับ ฉี่ราดเป็นลมไปซะก่อนแล้วครับ...
เธอกลัวหนูครับ... ว้า...
เรื่องที่2
เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ผมขอยอมรับว่าเป็นความจริง
และเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของผมเลย
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องผีหรือเรื่องวิญญาณมากนัก
เพราะไม่เคยเจอเลย ผมยังเคยคิดอยู่เลย
ว่าถ้าเจอจะขอหวยซะหน่อย
แต่เรื่องที่ผมเจอมานี้มันทำให้ผมเชื่อเรื่องเลยว่า
ผี มีอยู่จริง
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว
ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยตรงแถวศาลายา
ผมเป็นเด็กหอ จึงไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไรนัก หอที่ผมอาศัยอยู่นี้
พวกรุ่นพี่เล่าให้ฟังว่าผีดุมาก
แต่ผมก็ไม่เคยเห็นนะจึงไม่ค่อยเชื่อเท่าไร วันหนึ่ง
แฟนผมเค้าขอให้ผมพาไปซื้อ
มือถือ ให้
ผมเห็นว่าวันนี้ไม่มีเรียนจึงได้ไปซื้อมือถือกับแฟน ที่ มาบุญครอง
ทุกคนคงจะรู้นะว่ามาบุญครองมีมือถือขายอยู่มากมายทั้ง
ของมือหนึ่ง หรือของมือสอง แฟนผมเดินดูมือถืออยู่หลายร้าน
แต่ก็ไม่มีร้านไหนถูกใจซะที
จนถึงร้านขายมือถือร้านหนึ่ง ชื่ออะไรผมจำไม่ค่อยได้นัก
ภายในร้านตกแต่งเป็นอย่างดี และมีมือถืออยู่หลายรุ่นมาก
ระหว่างที่แฟนผมดูมือถืออยู่ ผมก็หันไปเห็น
PCT มือสอง เครื่องหนึ่ง ราคาถูกมาก ประมาณ 1000 บาท
ผมเห็นแล้วก็อยากได้มาก เพราะจะได้เอาไว้โทรคุยกับแฟนได้
โทรมือถือทุกวันเปลืองตายเลย แต่แฟนผมเค้าบอกผมว่าอย่าซื้อเลย
เพราะของมือสองมักจะไม่ค่อยดี ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไร ก็คนมันอยากได้นี่
ผมจึงตัดสินใจซื้อ PCT เครื่องนั้น ทันที
วันแรก PCT ที่ผมซื้อมาใช้ได้ดีมากเลย สัญญาณเต็มทุกครั้งที่โทร
แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 4-5 วัน
ผมสังเกตุเห็นว่า มีสี สีแดงติดอยู่ที่ PCT ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เพราะผมคิดว่ามันเป็นของมือสอง
มันก็คงต้องมีตำหนิบ้าง ผมจึงเอา PCT ของผมไปเปลี่ยนหน้ากาก หมดไปประมาณ
150 บาท
ในคืนนั้นเองผมได้ใช้ PCT โทรคุยกับแฟน เมื่อคุยเสร็จผมจะไปอาบน้ำเลยวาง
PCT
ไว้บนเตียง
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วผมเอา PCT ขึ้นมาดูเผื่อมีคนโทร แต่สิ่งที่ผมเห็น
มีสี สีแดง ติดอยู่ที่ PCT
ผมงงเลยครับ ก็ตอนที่ไปเปลี่ยนหน้ากาก
ผมดูแล้วมันไม่มีอะรอยหรือสีอะไรติดอยู่ที่ PCT แน่ๆ
แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเพื่อนมันคงจะแกล้ง คืนต่อมา ผมใช้ PCT
โทรกลับบ้านเพื่อบอกกลับที่บ้านว่า
จะไม่กลับบ้านซักอาทิตย์หนึ่ง เพราะอยู่ในช่วงสอบ เมื่อผมโทรเสร็จแล้ว
ผมเอา PCT มาดู
ผมเห็นว่า สี สีแดงที่ติดอยุ่ที่ PCT มันใหญ่ขึ้น
และรู้สึกว่าสีจะยังไม่แห้งดีด้วย
ผมเลยจับ PCT ขึ้นดูให้ชัดๆ ว่ามันเป็นอะไรกันแน่ ผมแทบช๊อคเลยครับ
มันเป็นเลือดครับ เลือดสีแดงสดๆ
ผมตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย
เอาแล้ว อยู่มาตั้งนานไม่เคยเจอผีก็เค้า วันนี้ทำไมต้องเจอด้วยวะ
ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เพื่อนก็ยังไม่กลับมา ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย ผมจึงรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ
ก็คนมันนึกอะไรไม่ออกนี่
ผมวิ่งไปก็สวดมนต์ไป ( คนที่ไม่เคยเจออย่างผม
ไม่รู้หรอกครับว่ามันน่ากลัวแค่ไหน )
และเมื่อผมวิ่งไปถึงห้องน้ำ ผมได้ไปล้างหน้าล้างตาที่
บริเวณอ่างล้างหน้า เผื่อมันจะดีขึ้น
แต่เมื่อผมมองไปที่กระจกเท่านั้นละครับ
สิ่งที่ผมเห็นนั้นมันทำให้ผมร้องตะโกนออกมาลั่นหอเลยครับ
อ๊าก.................
.....................
......................
......................
......................
........................
...........................
............................
.............................
............................
หูกูเป็นแผลเหรอเนี่ย ! ! !
ต่อไปเป็นคำสาปที่น่ากลัวที่สุด! 10คำสาป
อันดับ 10 เพชรโฮป (Hope Diamond)
เป็นเพชรสีนํ้าเงินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีนํ้าหนักถึง 45.52 กะรัต โดยพ่อค้าฝรั่งเศสนาม จอห์น แบ็บติส ทราวิเนียร์ ได้ขโมยมาจากพระนลาฏ (หน้าผาก) เทวรูปฮินดูในวิหารแห่งหนึ่งของอินเดีย เมื่อราว ค.ศ. 1600 โดยหารู้ไม่ว่าโคตรเพชรนี้มีคําสาปติดมาด้วย นั่นคือ มันผู้ใดที่ขโมยหรือครอบครองเพชรโฮป จะต้องประสบความวิบัติทุกรายไป! และก็จริงตามคําสาป นับตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งทรงซื้อเพชรนี้จากนายทราวิเนียร์ พระองค์และ พระราชวงศ์ก็ทรงได้รับภัยร้ายกาจจากการปฏิวัติของฝรั่งเศสตลอด กระทั่งนาย เฮนรีย์ ฟิลิป โฮป (เจ้าของชื่อเพชรเม็ดนี้) นายปิแอร์ คาร์เทียร์ (พ่อค้าอัญมณีชื่อดังที่เรารู้จักกันดี) ฯลฯ ล้วนประสบกับอัปมงคลจนถึงผู้ครอบครองรายสุดท้ายคือ ตระกูลของ เซอร์ ฮาร์รีย์ วินสตัน ได้ให้เลดี้ไฮโซ ผู้หนึ่งยืมสร้อยคอเพชรโฮป สวมใส่ในงานราตรี สองเดือนต่อมา ลูกน้อยของเธอก็ตายอย่างลึกลับ สามีกลายเป็นบ้าและต้องหย่าขาดกัน
ในที่สุด ทายาทตระกูลวินสตันจึงมอบเพชรโฮปให้สถาบันสมิธ โซเนียนของสหรัฐฯ เป็นผู้อนุรักษ์แทน
ที่มาทั้งหมดจาก http://www.artsmen.net/content/show.php?Category=mythboard&No=4904
อันดับ 9 วิหารกระดูก แห่งเมือง อีโวรา
โปรตุเกส วิหารนี้สร้างในศตวรรษที่ 15 โดยพระนิกายฟรานซิสกัน ที่ประหลาดพิสดารคือ ผนังภายในวิหารนี้สร้างขึ้นจากกระดูกของมนุษย์กว่า 5,000 คนครับ เท่านั้นไม่พอ มีซากศพ 2 ร่าง ห้อยแขวนติดผนังด้านหนึ่งด้วย!
ตํานานวัดระบุว่า ครั้งกระโน้นมีสตรีนางหนึ่งซึ่งยึดมั่น ในคาทอลิก แต่ได้ถูกสามีผู้โมโหร้ายกับลูกชายของ เธอเองช่วยกันโบยตีจนตาย ก่อนสิ้นชีวิต เธอได้สาป ให้วิญญาณของเขาทั้ง 2 ลงนรก แม้แต่พื้นพสุธา ก็จะไม่ยินดีรับร่างของเขาไว้ ไม่นานนัก ชายทั้งสองก็ถึงแก่มรณกรรม ชาวเมืองพยายามขุด หลุมฝังศพของเขา แต่ขุดลงไปที่ใดก็เจอะแต่หิน เมื่อจนปัญญา พวกเขาจึงนําเอาซากศพทั้งสองขึ้น ไปห้อยแขวนไว้กับ ผนังวิหารดังกล่าว สําหรับให้นักบวชได้ใช้ปลง ในระหว่างทําสมาธิค ก็นับเป็นคําสาปที่ขลังยิ่ง
อันดับที่ 8 ละครเรื่อง แม็คเบ็ธ (Macbeth) ของเชคสเปียร์
ละครเรื่องนี้มีฉากที่เกี่ยวกับแม่มดและ คําสาปมนต์ดํา ว่ากันว่าทําให้แม่มดตัวจริงสมัยนั้น เคืองแค้น ที่เชคสเปียร์นําเอาเรื่องลับของพวกเขามาเปิดเผย จึงสาปให้ละครเรื่องนี้มีอันเป็นไปหากใครนํามาแสดงโดยเฉพาะตัวละครที่เล่นบทแม็คเบ็ธ
ผลของคําสาปอุบัติขึ้นตั้งแต่หนแรกสุดที่ละครนี้ออกแสดง โดยผู้แสดงที่ชื่อ ฮัล เบอร์ริดจ์ ซึ่งสวมบทเลดี้เอม ได้ล้มเจ็บลงในคืนนั้น และสิ้นใจตายหลังเวที
และนับแต่นั้นมาเกือบ 400 ปี ละครเรื่องนี้ก็มีอาถรรพณ์เกิดขึ้นกับนักแสดงมาตลอด เช่น มีอุบัติเหตุบาดเจ็บ ล้มตาย บางคนฆ่าตัวตาย และที่น่าพรึงเพริดที่สุดก็คือ ในปี ค.ศ. 1947 นักแสดงชื่อ ฮาโรลด์ ทอร์แมน เป็นผู้รับบทแม็คเบ็ธ ในระหว่างการดวลดาบนั้น คู่ต่อสู้ของเขาลืมสวมที่ครอบปลายดาบ พอแม็คเบ็ธ ถูกแทงล้มลง กลางเวที ผู้ดูต่างก็ปรบมือพอใจในบทบาท หากทว่า หลังเวทีนั่นซิ ต่างก็ตกใจกันยิ่งนักที่เขาโดน แทงจริงๆ ทอร์แมนตายใน 3 สัปดาห์ต่อมา
อันดับ 7 คําสาปของ อลิสแตร์ ครอว์ลีย์ พ่อมดแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์
สกอตแลนด์ ปี 1899 ครอว์ลีย์อาศัยอยู่ในบ้านอย่างโดดเดี่ยว ทางตอนใต้ของทะเลสาบที่ลือลั่นในเรื่องอสุรสัตว์ กล่าวกันว่าเขา ขมังในเรื่องเวทมนตร์และเลี้ยงวิญญาณภูตไว้ถึง 115 ตน เขาสามารถดลบันดาลให้ เพื่อนบ้านหลายคนมีอันเป็นไปนานา จนเป็นที่หวาดหวั่นไปทั่ว
ก่อนตาย ครอว์ลีย์ ได้สาปทิ้งท้ายไว้กับยอดเขาแห่งหนึ่งซึ่งเรียกกันว่า “ปล่องไฟปีศาจ” และครอว์ลีย์เคยหลงทางที่ยอดเขานี้ ซึ่งทําให้เขาขัดเคืองใจ จึงสาปว่าเมื่อใดที่ยอดเขานี้พังทลาย สิ่งชั่วร้ายต่างๆ ก็จะถูกปลดปล่อยแผ่กระจายไปด้วย
“ปล่องไฟปีศาจ” ยืนหยัดอยู่นานนับพันปี แต่แล้วในเดือนเมษายน 2001 ยอดสูงราว 70 เมตร ก็มีอันถล่มทลายลงมาในทะเล เรื่องนี้ทําให้ผู้ที่เชื่อถือในตํานานพากันผวาไปตามกันเลยครับ ป่านนี้นรกคงครอบคลุมแผ่นดินแล้ว!
อันดับ 6 คําสาปวูดูแห่งนิวออร์ลีนส์,
สหรัฐฯ แม่มดวูดูผู้นี้มีนามว่า มารี ลาโว มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1800 กว่าๆ เพื่อนบ้านรํ่าลือกันว่าเธอสามารถสาปได้ทั้งคนและสัตว์ โดยใช้มนต์ดําของวูดู กระทั่งทุกวันนี้ยังมีการจัดทัวร์พาไปชมบ้านของเธอ รวมทั้งบนบานขอให้เธอช่วยสาปใครก็ได้ เรียกกันว่า บลัดดี้มารีทัวร์
ทั้งนี้ ผู้ขอจะต้องปฏิบัติดังนี้ เริ่มจากเคาะ 3 ครั้งบนโลงศพของมารี แล้วหมุนกายทวนเข็มนาฬิกา 3 รอบ เซ่นเหล้ารัม ข้ามหลุมศพ 3 หน แล้วเปล่งชื่อของเธอออกมาดังๆ จากนั้นก็บอกกล่าวถึงจุดประสงค์ของคุณ (ว่าจะให้เธอดลให้ศัตรูของคุณวิบัติอย่างไร)
ไม่เชื่อก็เดินทางร่วมทัวร์ไปพิสูจน์ได้
อันดับ 5 คําสาป ตุตันคาเมน,
อียิปต์ เรื่องนี้เราคงเคยได้ฟังกันมาแล้ว จึงขอสรุปสั้นๆ แค่ว่า ทั้ง โฮวาร์ด คาร์เตอร์, ลอร์ด คาร์นาวอน และผู้มีส่วนรบกวนสุสานของฟาโรห์องค์ นี้ ล้วนมีอันล้มหายตายจากก่อนวัย อันควรทั้งนั้น
อันดับ 4 อีกา แห่งป้อมปราสาทลอนดอน (Tower of London)
ป้อมปราสาทนี้ เป็นที่รู้จักกันดี ในฐานะถูกใช้เป็นที่คุมขังและประหารบุคคลสําคัญๆ ของอังกฤษมากมายหลายท่าน ณ ลานปราสาทแห่งนี้จะมีการเลี้ยงดูอีกา จํานวน 6 ตัว เนื่องจากมีคําสาปมานานกว่า 900 ปี ว่า ถ้าหากอีกาลดจํานวนลงเมื่อใด เมื่อนั้นความหายนะจะมาเยือน นครลอนดอน และสิ้นสุดพระราชวงศ์แห่งอังกฤษ!
เรื่องนี้มีตํานานปรากฏเป็นเอกสาร ในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ราวศตวรรษที่ 17 ด้วย ไม่ใช่ เรื่องเลื่อนลอยแต่อย่างใด และทําให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นยาม หรือกษัตริย์ถือเป็น เรื่องจริงจัง อย่างเคร่งครัด
เช่นว่า ถ้ามีอีกาตายหนึ่งตัว จะต้องรีบถวายรายงานต่อควีนทันที และต้องจัดหาอีกาตัวใหม่ มาทดแทนโดยด่วน ซึ่งอีกาทุกตัวจะมีชื่อเรียก และถ้าตายก็จะถูกนําไปฝังอย่างมีพิธีการ จะมีการเลี้ยงอีกาไว้สํารองตลอดเวลา ถ้าตัวใดล้มป่วย ก็ต้องรีบตรวจสอบ หาไม่ถ้าหากตายโดยโรคติดต่อ (เช่น ไข้หวัดนก) และเช้าขึ้นมาอีกาตายเกลี้ยงละก้อ เชื่อกันว่าทั้งพระราชวงศ์ก็จะอันตรธานไปเช่นกัน
อันดับ 3 คําสาปตะกั่วแห่งกรีซ
ใน ค.ศ. 1979 มีการขุดค้นโบราณสถานชื่ออโกรา, นครเอเธนส์ ทําให้พบแผ่นม้วนตะกั่วบางๆ ซึ่งมีจารึกภาษาโบราณอันเป็นคําสาปปรากฏอยู่ แผ่นตะกั่วนี้เรียกกันว่า คาตาเรส (Katares) ใช้ใส่ลงในโลงศพก่อนจะฝัง เชื่อกันว่าตะกั่วจะทําให้คําสาปจมลงไปอย่างรวดเร็วถึงขุมนรกพร้อมกับวิญญาณผู้ตาย เพื่อที่พระยมจะได้อ่านคําสาปและดลบันดาลให้เป็นไปตามนั้น
นอกจากนี้ การฝากหรือทิ้งแผ่นคําสาปลงไปในนํ้าก็เป็นอีกวิธีการหนึ่ง เพราะนํ้าจะสามารถสื่อ ไปถึงผู้ที่เราต้องการสาปได้ ซึ่งแผ่นคาตาเรสกว่า 100 แผ่นที่ค้นพบนี้ได้ระบุจ่าหน้าถึง ซูลิส ไมเนอร์วา ซึ่งเป็นเทพีด้านอุทกของโรมัน
อันดับ 2 คําสาป วัฏจักรมรณกรรม ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นี่ก็เป็นอาถรรพณ์อีกอย่างซึ่ง โด่งดังมาก นั่นคือ ปธน. สหรัฐฯ ท่านใดที่ได้รับเลือกตั้งในปี ค.ศ. ที่ลงท้ายด้วยเลข 0 จะต้องถึงแก่ มรณกรรมในหน้าที่ ตํานานระบุว่า ผู้ที่สาปก็คือ เตคัมเซ่ หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง ผู้คับแค้นจากการถูกชนผิวขาวเข้ามายํ่ายีแย่งแผ่นดิน เขาได้สาปไว้ก่อนที่จะถูกฆ่าตายในปี ค.ศ. 1813
ปธน.คนแรกที่ตกเป็นเหยื่อก็คือ วิลเลียม เฮนรีย์ แฮร์ริสัน ที่ได้รับเลือกตั้งใน ค.ศ. 1840 ถัดจากนั้นคําสาปก็เป็นจริงมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น ลิน-คอล์น (1860) การ์ฟิลด์ (1880) แม็คคินลีย์ (1900) ฮาร์ดิ้ง (1920) รูสเวลท์ (1940) เคนเนดี้ (1960)
เพิ่งมีรอดรายเดียวคือ ปธน. เรแกน (1980) แต่ท่านก็ถูกมือปืนชื่อ จอห์น ฮิงค์ลีย์ ยิงบาดเจ็บสาหัสในปี 1981 นัยว่าปืนที่ใช้นั้นไร้ประสิทธิภาพ ท่านจึงรอดพ้น อาถรรพณ์มาได้อย่างหวุดหวิด
อันดับ 1 คําสาปในสวนอีเดน (Garden of Eden)
นับเป็นคําสาปแรกเริ่มสุดๆ ตั้งแต่ครั้งพระเจ้าสร้างโลกโน่นเลย โดยปรากฏเรื่องราวอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า ก็อดทรงเสกอาดัม มนุษย์ผู้ชายขึ้นก่อน จากนั้นก็แซะเอาซี่โครงของอาดัมมาเสกเป็นอีฟ แล้วส่งทั้งคู่ไปอยู่ในสวนอีเดน พร้อมรับสั่งว่าจะกินอะไรก็ได้ทุกอย่าง ยกเว้นผลไม้จากต้นแห่ง ความรู้หรือแอปเปิ้ล แต่ไอ้งูตัวแสบ มันยุยงอีฟให้หมํ่า แอปเปิ้ลเข้าไป หมํ่าคนเดียวไม่พอ อีฟยังชักชวนให้อาดัมหมํ่าด้วย เมื่อขัดคําสั่งของพระเจ้า ก็เป็นเรื่องขึ้น
โดยไอ้งูจอมแสบ โดนสาปให้ไปไหนมาไหน ด้วยการใช้ท้องไถไป อีฟโดนสาปให้คลอดลูก ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ส่วนอาดัมต้องทํางานหาเลี้ยงท้องอย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งชีวิต ซึ่งคําสาปมหากาฬนี้ก็ตกทอดมาถึงพวกเราทุกคนกระทั่งทุกวันนี้
ใครชอบก็ให้ดาวก็ได้นะครับ ไม่ว่ากัน มีแค่นี้นะครับ BYE