นี่ครับ
เรื่องราวของตอนจบของโดราเอมอน เป็นที่สนใจของคนจำนวนมาก
ที่ติดตามอ่านมายาวนานครับ
นับจากปี 1969 (อ้างอิงตามนิตยสารโคโรโคโระ ฉบับครบรอบ 30 ปี)
นับจากวันที่โดราเอมอนถือกำเนิดขึ้นมา และตีพิมพ์ในเดือนมกราคม 1970
และหลังจาก อ.อาบิโกะ โมโตเอะ และ อ.ฮโรชิ ฟูจิโมโตะ ตัดสินใจแยกนามปากกา ในปี 1988
(ตอนนั้นทั้งคู่อายุมากแล้ว ผมยังเคยคิดว่า อาจเป็นเพราะจะได้ไม่มีปัญหาในเรื่องมรดกลิขสิทธิ์ของทั้งสองครอบครัว)
และทำให้นามปากกา ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ แยกเป็นสอง กลายเป็น (เอฟ) และ (เอ)
นับจากนั้น โดราเอมอน ถูกนับเป็นผลงานของ อ.ฮิโรชิ ฟูจิโมโตะ
การกำหนดตอนจบที่แท้จริงก็เป็นสิทธิ์ขาดของ อ.ฮิโรชิแต่เพียงผู้เดียว
ที่มาของการแยกตัวนั้นสะท้อนถึงแนวคิดของคนญี่ปุ่น
และมิตรภาพของทั้งสองคนอย่างมากมายครับ
ในวันที่ โดราเอมอน ถือกำเนิดขึ้น
เป็นช่วงเวลาที่ สตูดิโอซีโร่ เพิ่งปิดตัวไปไม่นาน
หลังจากทั้งคู่เห็นว่ามันเกินที่จะฝืนเดินต่อไป
ทั้งคู่ได้แยกย้ายกลับไปอยู่กับครอบครัว
หลายเดือนต่อจากนั้น
อ.ฮิโรชิ ยังตื้อตันเกี่ยวกับ ตัวละครตัวใหม่
ที่รอจะเปิดตัวในช่วงปีใหม่ของปีถัดไป
จากนั้นก็เป็นอย่างที่ทราบกัน คือ อ.ได้ไอเดียมาจากแมว และตุ๊กตาล้มลุกของลูกสาว ในเดือนพฤศจิกายน 1969 หรือปี 2512 (ตรงกับเดือนและปีเกิดผมพอดี..555) หลังจากนั้น อ.ฮิโรชิ ก็ตามตัวเพื่อนคู่หูคู่ซี้ อย่าง อ. อาบิโกะ กลับมาช่วยกันปลุกปั้นจนโดราเอมอนเป็นรูปเป็นร่างจนส่งต้นฉบับได้ในเดือนธันวาคม หลังจากนั้นก็ออกมาทันตีพิมพ์ในฉบับรับปีใหม่ต้นเดือนมกราคม 1970 ได้
เพราะฉะนั้นใครที่สงสัยว่าโดราเอมอนเป็นผลงานของทั้งคู่ไหม หรือเป็นของ อ.ฮิโรชิ คนเดียว ก็ขอให้เข้าใจได้เลยว่าเป็นผลงานที่ร่วมกันสร้างครับ
นอกจากการเขียนโดราเอมอนแล้ว ทั้งอ.ฮิโรชิ และอ.อาบิโกะเองก็มีผลงานของตัวเองไปด้วย พูดง่ายๆว่าทั้งเขียนเรื่องส่ง สนพ.โดยส่วนตัว และมีงานที่ช่วยกันเขียน โดยทั้งหมดใช้ชื่อร่วมกันว่า ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ
ผลงานมาสเตอร์พีซอีกชิ้นของ อ.ฮิโรชิ ก็คือ Fujiko F. Fujio SF Collection งานเขียนที่จะทำให้คนเขียนรู้จักกับ อ.ฮิโรชิ อีกด้านหนึ่งที่ลึกซึ้งคมคาย และเด่นเรื่องของการวางพลอตนำสมัยไม่ตกยุคแม้จะ 20กว่าปีล่วงไป ที่คอโดราเอมอนควรจะหามาอ่านเพื่อได้รู้จักกับคนเขียนมากขึ้น แทนที่จะมองแค่มิติเดียวกับงานเขียนเพียงด้านเดียว กลับจะเห็นรอบตัว และมุมมองของ อ. ฮิโรชิ และรู้จักตัวตนของคนเขียน
ในระหว่างที่โดราเอมอนเติบโตมากขึ้นทุกวัน อ.อาบิโกะ มักคิดอย่างถ่อมตนเสมอว่าตนเองเป็นเพียงผู้ที่เข้ามาช่วยเพื่อนสร้างผลงาน ในขณะที่ อ.ฮิโรชิ เอง ถือเสมอว่าเป็นผลงานร่วมกัน เพราะถ้าไม่มี อ.อาบิโกะ ก็ไม่มีโดราเอมอนเช่นกัน เรื่องแบบนี้ใครที่มีเพื่อนสนิทคบหากันมาตั้งแต่สมัยประถม ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน นอนห้องเช่าเล็กๆด้วยกัน ระหว่างบุกบั่นสร้างอนาคตจากความฝันการเป็นนักเขียนการ์ตูนด้วยกัน ขนาดที่ต้องเปิดประตูเวลานอน เพราะ อ.ฮิโรชิสูงมาก ( พอนอนแล้วมันเลยเกินความยาวของห้อง คงจะบอกความเล็กของห้องได้เป็นนัยๆ)
คาแรคเตอร์ตัวละครเด่นๆของ อ.อาบิโกะที่คุณจะเห็นได้ชัดก็คือ ซูเนโอะ ครับ คุณจะเห็นได้จากงานเขียนของ อ.อาบิโกะ อยู่บ้าง (สังเกตที่รูปปากแบบนี้ ในไคบุทสึ และอีกหลายๆเรื่องดูนะครับ) ตัวอื่นๆขอไม่พูดถึงเดี๋ยวจะยาว
ในช่วงเวลาหนึ่ง โดราเอมอนเคยจบอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีตอนลาก่อนของโดราเอมอน เป็นตอนสุดท้าย ในช่วงเดือนธันวาคม
หลังจากนั้น อ.ฮิโรชิ และ อ.อาบิโกะ หยุดเขียนโดราเอมอนไปนานเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งครับ ก่อนที่จะได้รับคำขอเป็นพิเศษให้กลับมาเขียนต่อ และมีตอน น้ำยาโกหก ต้อนรับเมษายน เอพริล ฟูล และเป็นการกลับมาที่ยาวนานของโดราเอมอนนับจากนั้น จนถึงช่วงสุดท้ายชองชีวิต อ.ฮิโรชิ ฟูจิโมโตะ
เมื่อทั้งคู่อายุมากขึ้น ในปี 1988 การแยกนามปากกาอย่างเป็นทางการก็เกิดขึ้น แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าเรื่องนี้คุยกันมานานแล้ว อ.อาบิโกะ และ อ.ฮิโรชิ ในวัย 50 กว่า ถึงเวลาที่จะต้องมองอะไรแบบผู้ใหญ่บ้างแล้ว และส่วนตัวของ อ.อาบิโกะเอง ก็กำลังให้เวลากับงานด้านอื่นๆ ส่วนตัวด้วย การแยกผลงานที่ชัดเจนระหว่างทั้งสองท่านนั้นเป็นการแยกจากกันอย่างมิตรภาพ โดยการตัดสินใจของ อ.อาบิโกะ ผู้ถ่อมตนและรักเพื่อนเสมอ ยากที่ อ.ฮิโรชิจะห้ามได้ และหลังจากนั้น อ.อาบิโกะก็ยังมาช่วยดูแลงานด้านอื่นๆ โดยเฉพาะตอนพิเศษประจำปีที่ทั้งค่จะใช้เวลาร่วมกัน สนุกสนานกับการผลิตหนังตอนพิเศษประจำปีในทุกปี (การแยกผลงานให้ชัดเจน มีผลต่อสิทธิ์ของคนรุ่นต่อไปด้วยนะ ตอนนั้น 50 กว่าแล้ว มันควรจะทำอะไรไว้ให้รัดกุมจะได้ไม่เกิดปัญหาทีหลัง ผมคิดว่า อ.ทั้งสองท่านทำถูกแล้ว)
แต่บางทีใครอาจไม่ทันสังเกตว่า อ.ฮิโรชิ เคยเขียนตอนจบของผีน้อยคิวทาโร่ ไว้อย่างแสนเศร้าสร้อย เมื่อวันเวลาที่ผ่านไป ผีคิวกลับมาเยี่ยมโชตะ และพบว่าหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ไม่อาจหวนคืน แม้กระทั่งบรรยากาศสนุกสนานของเพื่อนสนิท ที่โชตะพยายามจะทำให้เหมือนเดิม แต่ชีวิตที่เปลี่ยนไปของโชตะ ทำให้ผีคิวต้องยอมรับความเป็นจริงอย่างแสนเศร้าก่อนที่จะกลับไป และอย่าลืมว่า ผีน้อยคิวทาโร่ ก็คือเรื่องแรกของนามปากกา ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ ที่ทั้งคู่ใช้นามปากกานี้เขียนไว้ร่วมกัน
ในชีวิตจริงนามปากกา ฟูจิโอะ ฟูจิโอะ เริ่มต้นด้วยมิตรภาพ และจบลงด้วยมิตรภาพ ตราบจนวันที่ อ.ฮิโรชิเสียชีวิต และนับเป็นวันสุดท้ายของโดราเอมอนสำหรับแฟนคลับเดนตายหลายคนในสายออริจินอล หลังจากนั้นแฟนเดนตายกลุ่มหนึ่งก็หยุดสะสม แต่จะละข้อมูลไว้ในฐานที่เข้าใจ เพื่อแฟนรุ่นใหม่ที่กำลังติดตามโดราเอมอน จะได้มีความสุขกับจินตนาการโดราเอมอนต่อไป เช่นเดียวกับรุ่นของตน
ผลงานในช่วงที่ อ.ฮิโรชิ เริ่มสภาพย่ำแย่นั้น บางส่วนบางตอนทีมงานผู้ช่วยฝีมือฉกาจที่สามารถ “แทนที่ลายเส้น” ได้เหมือนมาก ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น มีการรีเมกเพิ่มเติมตอนเดิมๆที่เขียนให้รัดกุมขึ้น สำหรับการตีพิมพ์ใหม่ รวมทั้งผลิตงานต่างๆออกมามากมาย และเป็นอย่างนั้นในตลอดช่วงเวลาท้ายๆของ อ.ฮิโรชิ หรือ ฟูจิโอะ เอฟ ฟูจิโกะ เรียกได้ว่า มีตัวตายตัวแทนรองรับทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว งานเขียนช่วงนี้ เนียนจนยากแยกแยะ สำหรับคอโดราเอมอนหลายๆคน ขณะเดียวกันก็ยังเป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มแฟนคลับเดนตายที่สามารถบอกความแตกต่างได้ แต่ก็เป็นที่รู้กันในวงแคบ เพราะเป็นเพียงความสุขส่วนตัวในการจับผิด และรู้ว่าแท้ไม่แท้ ที่จะเลือนหายไปตามกาลเวลาถ้าหากรุ่นนี้หมดไป
ความฮิตของโดราเอมอนที่ติดลมบนอย่างฉุดไม่อยู่สอดคล้องกับธุรกิจการ์ตูน ของที่ระลึก และสารพัดที่อิงโดราเอมอน เข้ารูปเข้ารอยอย่างลงตัว เรียกได้ว่าทีมฟูจิโอะโปรที่ตั้งขึ้นมามีศักยภาพพร้อมต่อรอยงานของอาจารย์ได้อย่าง “เกือบ” สมบูรณ์แบบ (ส่วนตัว ผมว่ามันขาดความออริจินอล) แต่มันก็ลงตัวขนาดนั้น ถ้าไม่ติดตามดีดีจะไม่รู้ว่าโดราเอมอนผ่านการปรับเปลี่ยนลายเส้นอย่างเป็นทางการมาแล้ว เพื่อให้สนิทเนียนยิ่งขึ้นและง่ายต่อการต่อรอย
แต่ในสายตาของศิลปินที่ผลิตงาน อย่าง อ.ฮิโรชิ คิดอย่างนั้นหรือเปล่า ผลงานในมือในมุมมองของศิลปิน กับผลงานในมือธุรกิจ นั้น ความคิดเห็นของ อ.ฮิโรชิ ไม่มีใครบอกได้ เพราะคนที่เกี่ยวข้องก็พากันปิดปากเงียบ ทั้งเรื่องราวของข่าวลือพลอตเรื่องตอนสุดท้ายไว้เป็นตำนานที่เล่าขานกัน หากพิจารณาจากตอนจบของผีน้อยคิวทาโร่แสนเศร้าแล้ว ก็อาจเป็นร่องรอยเล็กๆที่บ่งบอกความนัยของเรื่องนี้ (ผมไม่ได้บอกอะไรนะอย่าคิดไปกันเอง หุหุ)
มี “คนไทยบางคน” ได้ไปสัมผัสความลับนั้น สายหนึ่งรู้จักกับ อาจารย์โดยตรง และได้ไปเยี่ยมเยียนอาจารย์ ในช่วงก่อนเสียชีวิต อีกสายหนึ่งดันมีเพื่อนเป็นทีมผู้ช่วย ที่ทำอยู่ใน ฟูจิโอะ โปร แต่ก็เป็นเรื่องที่หลายคนเข้าใจดีว่ามีบางเรื่องที่ควรจะเป็นความลับของมันต่อไป แต่ก็มีกระเซ็นกระสายออกมานิดๆเพราะความลับคับอกไม่มีในโลก จากเพื่อนใกล้ตัวที่สนิทกันบ้าง คนสนิทกันบ้าง มันก็ค่อยๆเล็ดรอดออกมา (เรื่องนี้ก็อย่ามาถามผมเพราะเป็นเป็นเรื่องลึกลับในตำนานเรื่องหนึ่ง.. ผมมันแค่คอการ์ตูน..อิอิ แต่ไปถามผู้แก่กล้าในวงการอีกท่านนึงเอาเถอะ)
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าพลอตนั้นๆไม่ได้รับการเขียนให้จบ และได้รับการตีพิมพ์ออกมา ว่ากันตามจริงตามหลักก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้เป็นตอนจบ เพราะมันไม่ได้ตีพิมพ์..แฮ่ม (ว่าแต่ถ้าสักวันนึงมันมีอะไรมาตีพิมพ์ละ…มีเฮ)
ต่อจากนั้นก็มี โดจิน ของ นักเขียนหนุ่ม(ที่ผมขอไม่เอ่ยชื่อ)ที่บอกกับทุกคนว่าเขารักงานเขียนโดราเอมอน รักจนต้องเขียนตอนจบขึ้นมาเป็นโดจินที่ขายดิบขายดีจนโดนฟ้องลิขสิทธิ์ หยุดจำหน่ายจ่ายแจกโดยสิ้นเชิง และต่อมา ถ้าคนเผยแพร่งานชิ้นนี้จะพูดถึงจะต้องแนบกำกับเสมอว่า นี่ คืองานโดจิน
กล่าวกันว่าที่ สนพ.ฟ้องเพราะริอ่านทำตัวเสมอ ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ ละเมิดสิทธิ์ อ.ที่ตัวเองเคารพโดยไม่ได้ขออนุญาต (นับถือแบบไหนกัน) มากกว่าที่จะฟ้องเพราะขายดี แต่ที่จริงอีกเหตุผลนึงที่เชื่อได้ก็คือ มันกระเทือนเม็ดเงินมหาศาลถ้าหาก โดราเอมอน จบ
ยากมากที่จะสร้างตัวละครขึ้นมาตัวนึงให้เป็นที่รักและประทับใจของคนทั่วโลกได้อย่างโดราเอมอน และควรจะให้โดราเอมอนลงตัวแบบนี้ต่อไปอีกนานแสนนาน ถึงเด็กรุ่นต่อไป
ส่วนตอนจบของโดราเอมอน
ถ้าหากใครที่แสวงหาตอนจบเรื่องนี้จริงๆ และอยากอ่าน
ถ้าคุณให้เกียรติคนเขียนที่เขียนเรื่องที่คุณรักเรื่องนี้
ผมคิดว่าคุณควรจะลองหยิบเอาตอนจบที่เขียนขึ้นจริง
จากปลายปากกาของคนเขียน และได้รับการตีพิมพ์จริงๆมาแล้ว
รวมทั้งได้ชื่อว่าเป็นตอนจบที่ อาจารย์เคยเขียนจริงๆ
อย่างเป็นทางการ อย่าง ลาก่อนโดราเอมอน
มาแปะไว้ที่ตอนสุดท้าย
สำหรับผม ผมเลือกที่จะทำแบบนั้น
เพราะนี่แหละคือความลงตัวที่มีความสุข
มาอ่านตอนนี้พร้อมรำลึกถึงคนเขียน
ที่สร้างฝันมาให้เราได้สนุกกันครับ
ขอรำลึกถึง อ. ฮิโรชิ ฟูจิโมโตะ และ อ.โมโตโอะ อาบิโกะ นักเขียนการ์ตูนที่สร้างฝันในวัยเด็กของผมไว้ ณ ที่นี่ด้วยครับ
ปล.เพิ่มเติม (ข้อมูลจาก อ.ปมโปโกะ)
คือ ในอดีต ที่จริงแล้ว โดราเอมอน เคยมีตอนจบที่ตีพิมพ์ในการ์ตูน อีก 2 แบบ ที่ตีพิมพ์ในรายสัปดาห์ของ ในยุค 1971-73 แต่ 2 ครั้งแรกนั้น ไม่ได้นำมาตีพิมพ์ในรวมเล่ม หรือเป็นตอนจบที่คัดทิ้งนั่นเองครับ
(ข้อมูลส่วนนี้จะทำให้ประวัติศาสตร์ของตอนจบโดราเอมอนในญี่ปุ่นและบ้านเราที่ได้รับการตีพิมพ์ มีรายละเอียดเพิ่มเติมแตกต่างกันนิดหน่อย)
ต้นฉบับหาดูได้ยากมากแล้ว และคงจะลืมเลือนกันไป ถ้าหากไม่บันทึกเอาไว้ครับ
โดราเอมอนตอนจบที่อ.ฟุจิโกะคิดและเขียนขึ้นมานั้นมีทั้งหมด 3 ตอนลงในนิตยสารสำหรับเด็กประถม 1-4
(เหตุผลคือนั่นเป็นนิตยสารสำหรับเด็กประถมแต่ละชั้นอ่าน เมื่อเด็กประถมเรียนจบขึ้นชั้นไป จึงคิดกันว่าน่าจะมีตอนจบขึ้นมาไว้ตอนที่เรียนจบพอดี)
ครั้งแรกถูกเขียน ขึ้นเมื่อฉบับเดือนมีนาคม ปี 1971 (โรงเรียนประถมที่ญี่ปุ่นน่าจะปิดราวเดือนมีนาฯ) เนื้อเรื่องคือ โดราเอมอนได้รับจดหมายแจ้งจากโลกอนาคต ในจดหมายมีเนื้อหาว่าทางโลกอนาคตได้มีการออกกฏห้ามท่องกาลเวลาขึ้นมาแล้ว โดราเอมอนจึงต้องกลับโลกอนาคตตามกฏที่ตั้งขึ้น
ครั้งที่สองเขียนในเดือนมีนาคมในปี 1972
เนื้อเรื่องคือโดราเอมอนมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องกลับโลกอนาคตจึงโกหกโนบิตะว่าเครื่องยนต์ตัวเองมีปัญหาต้องกลับไปซ่อมที่อนาคต โนบิตะก็เชื่อและได้บอกโดราเอมอนว่าเค้าจะยังคงเฝ้ารอโดราเอมอนรักษาตัวเองจนหายและกลับมาอยู่กับเค้าได้อีก สุดท้ายโดราเอมอนได้เลือกบอกความจริงโนบิตะก่อนกลับโลกอนาคต
สองตอนนี้ถูกตีพิมพ์แค่ครั้งเดียว ตามที่เล่านี้ (ข้อมูลนี้เครดิตจากคุณ Enixma)
สำหรับตอนที่สามเขียนในเดือนมีนาฯ ปี 1973 และเป็นตอนที่ถูกเลือกพิมพ์ลงในโดราเอมอนรวมเล่ม ฉบับคลาสสิก และเป็นตอนที่มีตีพิมพ์ในบ้านเราตั้งแต่ยุคสมัยก่อนลิขสิทธิ์ (ในเล่ม 6) เป็นตอนจบที่คนไทยได้อ่านกันและเป็นตอนที่ NeD มีตีพิมพ์ในฉบับลิขสิทธิ์ครับ
ปล.2 คือ มีข่าวว่าที่จริงแล้ว โดราเอมอนถูกแบ่งลิขสิทธิ์เป็น 2 ชุด โดยชุดที่ตีพิมพ์ก่อนรีไรท์ ตอนดั้งเดิม อ.ฮิโรชิได้มอบลิขสิทธิ์ให้กับ อ.อาบิโกะ เก็บไว้ (ฉบับที่เราเห็นในลิขสิทธิ์ปัจจุบัน ผ่านการรีไรท์มาแล้วอีกรอบหนึ่ง และได้เพิ่มเติมภาพรวมถึงรายละเอียดมากขึ้น ซึ่งในเมืองไทยจะหาเปรียบเทียบได้จากฉบับดั้งเดิมที่เราเคยอ่านในยุคก่อนลิขสิทธิ์ของมิตรไมตรี และวิบูลย์กิจครับ) และฉบับที่ตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ คือ ลิขสิทธิ์ของ อ.ฮิโรชิ ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Doraemon#Series_finale_rumors เครดิต
//www.geranun.com/archives/245
อ่านซะครับ ส่วนเรป 7 ขออภัยอย่างสูงครับฝีมือน้องผมอายุ9ขวบมาเล่นครับซนมาก