โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
10อันดับแปลกเเหวกทั่วมุมโลกมีมาเกือบทุกเรื่อง อัพเเล้ววันนี้21/02/2555
mayza555
#1
19-02-2012 - 11:32:54

#1 mayza555  [ 19-02-2012 - 11:32:54 ]






อย่าลืม

~สวัสดีค่ะ~
กระทู้นี้จะนำTOP TEN สิบอันดับสุดยอดต่างๆของโลกจะมาอัพกันบ่อยๆนะค่ะ
เพื่อเป็นความรู้ใหม่ๆของทุกๆคนในTTS3ค่ะ
กระทู้นี้มีไว้เพื่อ
1.ได้ความรู้จากทุกซอกทุกมุมโลก
2.เพื่อเป็นความรู้ใหม่แก่ทุกคน
3.กระทู้นี้จะพาทุกคนไปหลอน ตลก



อย่าลืมโหวตกระทู้ด้วย



แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-02-21 18:39:22
อุจิวะ มาดาระ โทบิ
satananne
August_ScalE
ploy58

mayza555
#2
19-02-2012 - 11:41:59

#2 mayza555  [ 19-02-2012 - 11:41:59 ]





มาเริ่มกันเลย
10 อันดับเครื่องทรมานสุดโหดของยุโรป
10.ม้าไม้
ม้าไม้ เป็นอุปกรณ์ทรมานของยุโรป (นอกจากนี้ยังใช้ในอาณานิคมของอเมริกา)เหมือนกัน มีรูปร่างลักษณะเหมือนม้านั่งมีสี่ขาทำด้วยเหล็ก เพียงแต่ที่ต่างตรงที่ด้านบนนั้นรูปร่าง จะเหมือนปรึซึมยาวสามเหลี่ยมนอนด้านข้าง (ดูรูปเอาเถอะบรรยายไม่ออก)มองจากด้านข้าง จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแต่ถ้ามองอีกด้าน มันจะดูน่ากลัวมากเพราะเป็นรูปสามเหลี่ยมที่แหลม เวลาทรมานก็ดูภาพแล้วกัน โอ้เห็นแล้วเสียว(ในหลายๆความหมาย) แต่ก่อนจะให้ขาเหยื่อจะต้องโดนถ่วงน้ำหนัก เพื่อไม่ให้หนีออกจากเครื่องทรมานนี้ได้และเมื่อนั่งตอนแรกๆ จะไม่เท่าไหร่แต่นานๆ ไป ด้วยน้ำหนักของร่ายกายและที่ถ่วงขาเหยื่อทั้งหลาย (ส่วนมากจะใช้กับผู้ชาย) จะโอดอวยเพราะความเจ็บปวดเพราะเจ็บอวัยวะเพศ และปัจจุบันนี้เครื่องทรมานไม้ม้า ถูกนำไปใช้ในสถานบังเทิงสำหรับชาวซาดิสต์โดยเฉพาะ (เห็นในการ์ตูน)

9.เล็บแมวเท้าสัตว์
เล็บแมวเท้าสัตว์ เป็นเครื่องทรมานแถบสเปน รูปร่างก็เหมือนตามชื่อแหละ “เล็บแมว” มีสี่เล็บ อุปกรณ์นี้เวลาใช้ก็เหมือนอาวุธบัลล็อกในสตรีทไฟเตอร์ 2 ที่ใช้ฉีกเนื้อของเหยื่ออย่างช้าๆ ลอกหนังแล้วปิดกระดูก หรือจะข่วนหน้า ช่องท้อง, หลัง, แขน, หน้าอก ก็ได้ ตามใจผู้คุมฮ่าๆ


8.เลื่อย
เลื่อย ดูกี่ทีก็ไม่น่าจะใช่เครื่องทรมาน ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล (IISamuel12:31**)ได้กล่าวถึงเครื่องทรมานชนิดนี้ ว่าใช้สำหรับทรมานทั้งผู้ชาย,ผู้หญิง และเด็ก นอกจากนั้นก็มีการใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ในสเปน,อังกฤษ, ฝรั่งเศสใช้ผู้หญิงที่ต้องสงสัยว่าเป็นแม่มด และที่เยอรมันใช้สำหรับปราบพวกชาวนาชาวไร่ที่กล่าวหาว่าเป็นกบฏ ซึ่งดูจากภาพก็ไม่ต้องอธิบายมากก็ได้มั้งว่า รูปร่างมันเหมือนเลื่อยสำหรับใช้สองคนเหมือนบ้านเรา เพียงแต่เขาจะเปลี่ยนจากเลื่อยไม้มาเลื่อยคนเท่านั้น โดยวิธีใช้ก็จับเหยื่อห้อยหัวและอ้าหว่างขาออกเหมือนภาพ จากนั้นก็ใช้เลื่อยผ่าหว่างขาให้แยกจากนั้นก็เลื่อยไปเลื่อย เหมือนทำกับท่อนไม้(เหยื่อจะทรมานมากเพราะเลือดไหลย้อย จนแทบหมดสติ) มาจนกระทั้งหยุดที่ส่วนของหน้าอก (หรือจะทำให้เหยื่อตายก็ได้ตามใจ) เพราะจุดประสงค์คือไม่ให้เหยื่อตาย แต่ต้องการให้เหยื่อทรมานตายอย่างช้าๆ มากกว่า

7.สต็อก หรือ ที่ขื่อคอ
สต็อก หรือ ที่ขื่อคอ รูปร่างแบบนี้คงเห็นในการ์ตูนจนไม่ต้องบรรยายแล้วมั้ง (เรื่องของเรื่องข้อมูลหายขอเกรียมจากการ์ตูนละกัน) ที่จริงอุปกรณ์นี้ไม่ใช้ทรมานนะ แต่ออกแนวคุมขังมากกว่า ซึ่งอุปกรณ์ใช้มากในอังกฤษ โดยอดีตที่ผ่านมามีผู้ที่ใช้บริการเครื่องนี้มากมาย วิธีใช้ก็ลากเหยื่อมาและเอามือและขาสอดที่รูที่เครื่องนี้ กำหนดและล็อกเพื่อไม่ให้เคลื่อนไหวได้ จากนั้นก็เอาไปเดินขบวนให้ประชาชนปาผักเล่นๆ ก็ได้ หรือเอาไปตากแดดให้เสียเหงื่อเมื่อยมือและเท้าเล่นๆ หรือจะให้ประชาชนคนดูมาแหย่ ตบ หรือปาของ หรือจะปัสสาวะก็ได้นะก็ตามใจ แต่ที่ร้ายสุดคือผู้คุมนี้สิมักเอาหม้อน้ำเดือด มาใส่เข้าไปในปากของเขา, หู, จมูก และผม หรือเลวกว่านั้นอาจจะโดนทุบ, ตี, เผา, ตัดแขนตัดขา!!

6.เครื่องชำแหละหน้าอก
เครื่องชำแหละหน้าอก เป็นเครื่องทรมานที่ใช้ในเยอรมันและฝรั่งเศส โดยใช้ลงโทษกับผู้หญิงที่นับถือศาสนานอกรีต, พูดสบประมาท, เป็นชู้, ชักจูงการทำแท้ง, ใช้เวทมนต์เกี่ยวกับกาม และอาชญากรรมอื่นๆ โดยอุปกรณ์ชนิดนี้ก็ใช้ตามชื่อของมันนั้นแหละ คือใช้เหล็กบนเครื่องมือนั้นฉีกหน้าอกที่เปลือยเปล่าของผู้หญิง อย่างช้าๆ โอ้ว้าว จากนั้นก็สาดน้ำเกลือหรือน้ำเดือดก็ได้ โอ้.....แสบจิ๊บเป๋ง

5.โซ่ หรือ ไม้นวดข้าว
โซ่ หรือ ไม้นวดข้าว หรือคอการ์ตูนทั้งหลายดูก็ไม่ต้องเล่าอะไรมากก็ได้มั้ง (การ์ตูนเรื่องรุคิรุคิจอมมารแบบนี้ก็มีด้วยก็เห็นเครื่องมือ ชนิดนี้ด้วยนะ เหอๆ) ซึ่งมีหลายแบบหลายออฟชั่น เช่นหัวไม้เป็นแซ่, โซ่, โซ่หนาม หรือลูกตุ้ม ซึ่งนิยมใช้ในยุโรปในศตวรรษที่ 14 เวลาใช้ก็โครตง่าย ก็แค่ใช้เครื่องมือนี้ฟาดแรงๆ บนตัว, หลังอันเปลือยเปล่าของเหยื่อให้เจ็บหนักๆ ซึ่งปัจจุบันคอซาดิสต์จะชอบเครื่องนี้มากๆ จนมาใช้บริการบ่อยๆ


4.เข็มขัดของนักบุญ
เข็มขัดของนักบุญ แหล่งกำเนิดของอุปกรณ์ชนิดนี้ไม่แน่นอน แต่มีการสันนิษฐานว่ามาจากการความตายที่ทุกข์ทรมานของ St Erasmus ( หรือ Elmo ) ในa.D 303 เวลาใช้ก็เหมือนเข็มขัดใส่ที่เอวเหยื่อล็อก และเข็มที่อยู่บนเข็มขัดนี้ก็จะทิ่มแทงเอวเหยื่อจนเจ็บปวดทรมาน

3.การแขวนกรง
การแขวนกรง โอ้........ถือได้ว่าเป็นแฟชั่นฮิตในยุโรปในศตวรรรษที่ 14 ก็ว่าได้ โดยเครื่องทรมานชนิดนี้จะเหมือน เครื่องประดับสถานส่วนมากใช้ในเยอรมัน และเกือบทุกประเทศในยุโรป โดยเวลาใช้ก็จับเหยื่อมาขังตะแลงแกงเหล็ก (หรืออาจจะเป็นเสื้อคลุม)ซึ่งมีหลายแบบ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือมันแคบมากๆ หรือไม่ก็พอดีตัวก็ว่าได้ จากนั้นก็เอาไปมาตั้งที่สูงๆ ให้คนอื่นได้เห็น โดยตั้งตามสถานที่ต่างๆ เช่น ในเมือง, ชานเมืองมากมายเหล็ก , นอกศาลากลางจังหวัด, ราชวังโบสถ์ใหญ่ และกำแพงเมือง การแกว่งไปแกว่งมาก็ช่วยล่อให้นกกามาจิกเหยื่อให้เจ็บเล่นๆ แต่ที่ร้ายกว่านั้นการทรมานชนิดนี้จะตายทรมานช้าๆ เพราะขาดน้ำขาดอาหารและการตากแดดตากลมนานๆ


2.วัวกระทิงทองเหลือง
วัวกระทิงทองเหลือง มีหลายชื่อเรียกเช่น วัวกระทองทองสัมฤทธิ์ (The Bronze Bull)หรือ วัวกระทะเกาะซิซิลี(Sicilian Bull)เป็นอุปกรณ์ทรมานที่เก่าแก่ในประเทศกรีก แห่งกรุงเอเธนส์ โดยกษัตริย์ได้คิดค้นประดิษฐ์ชนิดนี้ขึ้น เพื่อลงโทษคนที่ผิดมีความทางอาญา ซึ่งอุปกรณ์นี้มีรูปร่างเหมือนวัวตัวผู้แต่ข้างในกลวง สามารถใส่คนหนึ่งได้และทำโดยทองเหลือง ซึ่งสามารถอมความร้อนได้ดี เวลาจะใช้ก็เอาคนมาใส่ในตัววัวและปิดขังล็อก ไม่ให้เหยื่อเปิดออกมาได้ จากนั้นก็เอาไปลนกับไฟ ด้วยการที่มันทำทองเหลืองทำให้มันร้อนเร็วมาก เหยื่อจะร้องอย่างโหยหวนและขาดใจตายเพราะความร้อนนี้เอง และเชื่อหรือไม่บุคคลที่ถูกเครื่องนี้ทรมานส่วนใหญ่ จะเป็นพวกคริสเตียนและศาสนาคริสต์ทุกนิกาย โดย นักบุญ Eustace ก็ถูกเครื่องทรมานนี้ย่างพร้อมกับ กับภรรยา และลูกมาแล้ว

1.ตัดด้วยล้อ
ตัดด้วยล้อ ใครอ่านการ์ตูนเรื่อง BERSERK ก็คงเดาภาพได้ เป็นการลงโทษที่ทรมานโหดร้ายชนิดหนึ่งในยุโรป ส่วนมากมักทำในเยอรมัน ในศตวรรษที่ 18 ซึ่งบางครั้งจะใช้ดอกจันทน์เทศแทนล้อ แต่ก็ลงโทษก็คล้ายๆ กันแหละคือลากเหยื่อมามัดกับล้อ และผูกให้แน่นจากนั้นเพชฌฆาตจะตัดหรือทุบอวัยวะต่างๆ คือข้อมือ, ศอก,ไหล่, ข้อเท้า, เข่า,แขน,ขา และตะโพก เหยื่อจะส่งเสียงร้องกรี๊ดก็อย่าให้สนใจ ทำต่อไปแต่หลีกเลี่ยงไม่ให้เหยื่อตาย จากนั้นก็นำมาแขวงสูงๆ โดยให้เหยื่อนอนอยู่บนล้อแนวนอน เหมือนกับรูปเป็นอันเสร็จพิธี แต่เหยื่อก็ยังพบเหตุการณ์ต่างๆ อีกไม่ว่าจะแสงแดดที่ส่องมาอย่างแรงกล้า แต่ที่ร้ายที่สุดคืออีกาที่ลงมาเพื่อฉีกทึ้งเศษเนื้อของเหยื่อ การจิกลูกตา และความเจ็บปวดที่ยาวนานก่อนที่จะตาย




jamlove9
#3
19-02-2012 - 11:52:03

#3 jamlove9  [ 19-02-2012 - 11:52:03 ]





ชอบอันที่2 ดูทรมาน ดี


mayza555
#4
19-02-2012 - 11:54:15

#4 mayza555  [ 19-02-2012 - 11:54:15 ]





ต่อกันเลย
10 อันดับสัตว์ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีในโลก!!
10.Angora Rabbit
กระต่ายพันธุ์ แองโกล่า ( Angora Rabbit ) เป็นกระต่ายขนยาวที่สุดในโลก ขนมีลักษณะอ่อนนุ่ม มีถิ่นกำเนิดมาจาก เมืองแองโกล่า ( Ankara ) ประเทศตรุกี ( Turkey ) เช่นเดียวแมงแองโกล่า, แพะแองโกล่า เป็นที่นิยมในประเทศฝรั่งเศสในยุคกลาง ปี ค.ศ.1700 และเข้ามาในอเมริกาประมาณปี 1900 กระต่ายแองโกล่าแบ่งออกได้เป็น 5 สายพันธุกระต่าย แองโกล่า สายพันธุ์อังกฤษ, กระต่ายแองโกล่า สายพันธุ์ฝรั่งเศส,กระต่ายแองโกล่า สายพันธุ์ไจแอนท์, กระต่ายแองโกล่า สายพันธุ์ซาติน นอกจากนี้ยังมีการแตกสายพันธุ์อีกมากมาย เช่น จีน, สวิส, ฟินแลนด์ กระต่ายพันธุ์แองโกล่าเหล่านี้ล้วนมีมีขนาดเล็กมาก อายุเฉลี่ย 5-7 ปี ต้องเลี้ยงในบ้านและดูแลอย่างดีและอ่อนโยนเพราะอายุไขสั้นอีกทั้งขนยาวถ้า ไม่ดีอาจรุงรัง ตอนนี้ยังไม่พบว่ามีขายทั่วไปในเมืองไทย

9.Dumbo Octopus
ปลาหมึก ดัมโบ้ หรือ Grimpoteuthis เป็นปลาหมึกน้ำลึกขนาดเล็กมากมีขนาดเมื่อโตเต็มวัย ประมาณ 20 เซนติเมตร มีร่างกายอ่อนนุ่ม และกึ่งโปล่งใมีลักษณะคลีบที่เหมือนใบหูใหญ่บนหัว (แต่ความจริง เป็นลำตัวไม่ใช่หัว) ทำให้ดูเหมือนตัวการ์ตูนช้างดัมโบ้จากจากการ์ตูนดังของดีสนีย์ (Walt Disney’s) คลีบใหญ่นี้มีประโยชน์ในการช่วยว่ายน้ำ การเคลื่อนที่ โดยใช้ครีบ และขยับหนวด ดันน้ำเข้าสู่ช่องดูดน้ำ เพื่อผลักดันน้ำออกมาเป็นไอพ่น พวกมันสามารถว่ายน้ำลอยขึ้นเหนือท้องทะเลได้เล็กน้อยเพื่อมองหาเหยื่อ จำพวก หอยทาก หนอน อื่นๆ สามารถค้นพบได้ทุกมหาสมุทรความลึกที่พบ ปลาหมึก ดัมโบ ประมาณ 100 - 5000 เมตร และเคยมีการค้นพบที่ความลึก 7000 เมตร

8.ตุ่นจมูกดาว
เจ้าตุ่นชนิดมีหน้าตาแปลกประหลาด โดยลักษณะของจมูกที่บานออกเป็นแฉก ๆ คล้ายดาวซึ่งจมูกนี้มีหนวดรับสัมผัส (fleshy tentacles) ถึง 22 เส้นอยู่รอบรูจมูก ซึ่งปลายสัมผัสที่ "จมูก" รึ "ดาว" ของมันมีมากมายราวหนึ่งแสนจุดเลยทีเดียว ตุ่นจมูกดาว อาศัยอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มชื้น ทางเขตตอนเหนือของอเมริกา ตะวันออกของแคนนาดา ตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ รวมทั้งชายทะเลที่ไกลออกไปถึงตะวันออกเฉียงใต้ของจอร์เจียเมื่อโตเต็มวัยมัน มีความยาว ประมาณ 15 ถึง 20 เซนติเมตร หนักประมาณ 55 กรัม มีฟัน 44 ซี หากินด้วยการใช้กรงเล็บอันทรงพลังในการขุดคุ้ยดินลงในพื้นที่ชุมน้ำหรือ ตะกอนลำธาร หนวดอันมากมายรอบจมูกของมันจะคอยสอดส่องหาบรรดาเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังตัวเล็กๆ ตัวอ่อน หนอน สัตว์จำพวกหอยและปลาหมึก รวมทั้งแมลงในน้ำ ประสาทรับสัมผัสอันว่องไวของเจ้าตุ่นตัวนี้ พิสูจน์ได้จากการที่มันสามารถจับเหยื่อเพื่อเขมือบลงท้องได้ในเวลาเพียง 120 มิลลิวินาที (และนี่ก็คือสถิติความเร็วสูงสุดในการระบุตำแหน่งและจัดการกับเหยื่อเคราะห์ ร้าย ไม่เพียงแต่บนบก ตุ่นจมูกดาวยังเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่สามารถดมกลิ่นใต้น้ำได้อีก ด้วย และด้วยความสามารถนี้เอง ทำให้มันครองตำแหน่งร่วมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่กินเร็วที่สุดโลก, สัตว์ที่ว่องไวที่สุดในโลกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมชนิดแรกที่ดมกลิ่นหาเหยื่อใต้น้ำได้

7.Narwhal
นาร์วอลนั้นเป็นชื่อในภาษาเดนมาร์ก หมายถึงซากศพ (corpse whale) และหมายถึงวาฬสีเทาพันธุ์ที่มีลายจุดที่เห็นชัดเจน มีอายุยืนประมาณ 35 ปี พวกมันจะใช้ชีวิตในช่วงฤดูร้อนตามอ่าวแถบไฮอาร์กติกในประเทศแคนาดาและ กรีนแลนด์ ในฤดูหนาวนั้นเผ่าพันธุ์วาฬนาร์วอลซึ่งมีจำนวนกว่าห้าหมื่นตัวจะเดินทางไป ทางใต้ราว 1,400-2,000 กิโลเมตร เป็นระยะเวลาหกเดือนเพื่อใช้ชีวิตอยู่ในน้ำแข็งทึบที่อ่าวบัฟฟินและช่องแคบ เดวิส (บริเวณเกาะกรีนแลนด์-กองบ.ก.) โดยทั่วไปวาฬนาร์วอลจะเดินทางเป็นฝูงตั้งแต่ 15-30 ตัว แต่ก็มีผู้เคยสังเกตพบว่ามีวาฬจำนวน 1,000-2,000 ตัวที่อพยพมาพร้อมกันในช่วงฤดูร้อนคราวหนึ่ง วาฬนาร์วอลเป็นวาฬที่มีขนาดเล็กกว่าพันธุ์อื่นๆ โตเต็มที่จะมีขนาด ความยาวประมาณ 4-5 เมตร ตัวผู้มีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 1,200 กิโลกรัม ตัวเมียประมาณ 800 กิโลกรัม แต่มันเป็นวาฬชนิดเดียวที่มีเขี้ยวยาว เขี้ยวนี้เป็นฟันที่งอกออกมาจากขากรรไกรด้านบนผ่านมาทางริม ฝีปาก และมีลักษณะเป็นเกลียว คล้ายกับงาช้างที่พันเป็นเกลียวเหมือนเปียและมีปลายแหลม ส่วนใหญ่จะพบในตัวผู้ พ่อค้าชาวไวกิ้งในศตวรรษที่ 10 จะ ขายเขี้ยวของมันให้กับชาวต่างประเทศ โดยอ้างว่าเป็นเขี้ยวของตัวยูนิคอร์น ส่วนชาวยุโรปในยุคกลางเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจมนต์ขลัง

6.Naked Mole Rats
ตุ่น หนูไร้ขน เป็นสัตว์ไร้ขนเนื่องจากมันอาศัยอยู่ใต้ดินตลอดชีวิตเลยไม่จำเป็นต้องมีขน มากมาย มีผิวสีชมพู มีรอยเ่ยวย่น อยู่อาศัยใต้พื้นดินเป็นกลุ่มมีนางพญาเป็นศูนย์กลาง แบ่งหน้าที่เหมือนแมลง โดยการขุดอุโมงค์โดยใช้ฟันหน้า คล้ายกับพวกตัวตุ่น และมีผิวหนัง หาง คล้าย หนูแต่ตามความแล้วมันอยู่ในตระกูลเม่น ( Porcupin ) , กระรอก , หนูตะเภา เป็นยอดนักขุดที่สามารถขุดผ่านคอนกรีตได้ มีอุโมงค์ใต้ดินกินอาณาบริเวณมากถึง 6 สนาม ฟุตบอล พื้นใต้ดินจะถูกเชื่อมโยงด้วยโครงข่ายอุโมงค์ มีหลายห้อง มีทั้งห้องเก็บอาหาร ห้องห้องนอน ห้องขับถ่าย ห้องเลี้ยงลูกอ่อนและมีนางพญาอยู่ร่วมกับลูกอ่อน สัตว์ชนิดนี้พบในทุ่งหญ้าเขตร้อยของแอฟริกาตะวันออก,ภายใต้ เช่นเอธิโอเปีย, เคนยา และโซมาเลีย

5.African Pygmy Hedgehog
หรือเม่นจิ๋ว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่มีหนามแหลมทั่วลำตัว ถิ่น กำเนิดดั้งเดิม อยู่ในเขตร้อนเช่นแอฟริกา เอเซีย ใกล้เส้นศูนย์สูตร เป็นสัตว์ที่หากิน ในเวลากลางคืน ชอบเดินหากินไส้เดือน หนอน มดและแมลงต่าง ๆ ส่วนในตอนกลางวัน มักหลับนอน ตามโพรงไม้ หรืออุโมงค์ดิน ที่ขุดขึ้นมาเอง มีนิสัยรักสงบ รักสันโดษ เวลาตกใจ มักม้วนตัวเป็นก้อนกลม คล้ายลูกบอลหนาม หนามของเม่นแคระ ไม่ได้แหลมคมมาก ที่สำคัญ เม่นแคระเป็นเม่นชนิดเดียวในโลกที่ไม่สามารถสลัดขนที่หลังได้ ปัจจุบันเม่นแคระสามารถเพาะขยายพันธุ์ จนกลายเป็นสัตว์เลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเลี้ยงง่าย ซึ่งเม่นแคระที่เกิดในกรงเลี้ยง นิสัยบางอย่างของสัตว์ป่าก็จะขาดหายไป เช่น เม่นแคระบางตัวก็กินอาหารในเวลากลางวัน(มันเป็นสัตว์หากินในเวลากลางคืน) ชอบวิ่งวงล้อคล้ายกับหนูแฮมสเตอร์ ชอบอาบน้ำอุ่น ชอบให้คนจับอุ้มเล่น เวลาตกใจไม่ทำตัวกลม เป็นลูกบอลหนาม แต่ทว่ากลับวิ่งหนีแทน เป็นต้น

4.Silky Anteater
ตัวกินมดแคระมีถิ่นที่อยู่อาศัยที่ป่าดิบชื้นที่ทวีปอเมริกากลางและอเมริกา ใต้ เช่น ประเทศบราซิล และเม็กซิโก เป็นต้น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cyclopes didactylus เป็นตัวกินมดที่มีขนาดเล็กที่สุดมีความสูงเพียง 30 - 40 เซนติเมตร น้ำหนักเพียง 200 - 500 กรัม มีอายุเฉลี่ยแค่ 2 ปี ตัว มีขนสีน้ำตาลทองจมูกสั้น มีหางยาวและแข็งแรงไว้สำหรับพันกิ่งไม้เพื่อปืนปายอย่างง่ายดาย(พวกมันชอบ อาศัยอยู่บนต้นนุ่นมาก) มันมีกรงเล็บเท้าหน้าที่แข็งแรงมาก เพื่อเกาะต้นไม้และป้องกันตัวจากศัตรู ตัวกินหมดแคระมีสายตาไม่ดี แต่มีประสาทการดมกลิ่นและการได้ยินที่ดีมาทดแทน ในช่วงเวลากลางคืน ตัวกินมดแคระจะนอนหลับอยู่บนต้นไม้ และออกหากินเวลากลางคืนในหนึ่งคืนมันจะกินมดมากกว่า 8,000 ตัว โดยแลบลิ้นที่ยาวและมีสารเหนียวเข้าในรังมด เจ้ามดโชคร้ายจะติดสารเหนียวๆ ของลิ้นตัวกินมดแคระออกมา หากมันหามดกินไม่ได้ บางครั้งก็จะกินแมลงอื่นๆ เช่น เต่าทอง เป็นสัตว์รักสันโดษชอบอยู่เพียงลำพังหรือไม่ก็อยู่กับคู่ของมันเท่านั้น มันจะผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อนและตั้งท้องนาน 5-6 เดือน และเลี้ยงดูลูกอยู่ในรังบนโพรงต้นไม้ จนกระทั่งอายุ 9 เดือน ลูกตัวกินมดแคระก็จะแยกตัวออกจากพ่อแม่ และหากินเองตามลำพัง ปัจจุบันเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ทำให้เราพบเห็นตัวมันน้อยมากผ

3.Sea Pig
หมูทะเลหรือแตงกวาทะเล มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Scotoplanes พบได้ตามพื้นมหาสมุทรแปซิฟิก , มหาสมุทรแอตแลนติก และมหาสมุทรอินเดีย ที่ความลึกมากกว่า 1,000 เมตร เป็นสัตว์ในตระกูล ปลิงทะเล(sea cucumber) ที่มีลักษณะอ้วนกลม ผิวสีชมพู มีปากที่คล้ายจมูกหมู มีระยางที่อยู่บริเวณส่วนท้อง ที่ทำหน้าที่คล้ายขา ใช้ในการคลานบนพื้น สามารถฟองตัวให้ใหญ่ขึ้น จนกลม คล้ายหมู จึงทำให้เป็นที่มาของ หมูทะเล(Sea Pig) อาหารที่มันกินส่วนใหญ่จะเป็นพวกเศษซากพืช ซากสัตว์ ที่ปะปนอยู่ในโคลนของพื้นทะเล


2.Glass Squid
หมึกแก้ว หรือ Cranchiidae เป็น ปลาหมึก ตาโตขนาดใหญ่และลักษณะของตาจะแตกต่างกันออไปแล้วแต่ชนิดของมัน รูปร่างบวมกลมยาวเหมือนซิการ์ หนวดเล็ก ขนาดตั้งแต่ 10 เซนติเมตรไปจนถึง 3 เมตร จุดเด่นคือตัวมันใสมากๆ จนเห็นภายในเลยก็ว่าได้ ทำให้มันสามารถพรางตาหลบสัตรูหรือหาอาหารก็ได้ พบอยู่ในทะเลลึกเกือบทั่วโลก อาหารของมันคือแพลงก์ตอน

1.Pacific barreleye fish
ปลาบาร์เริลอายแปซิฟิก (Pacific barreleye fish) หรือ (Macropinna microstoma) พบในในน้ำลึกมากกว่า 2000 ฟุต ( 600 เมตร ) บริเวณเขตน่านน้ำ แคริฟอร์เนียกลาง ( California's central coast )บริเวณที่แสงอาทิตย์ส่องลงไปไม่ถึง มีหัวเป็นโดมโปร่งใสมีขนาดลำตัวยาวประมาณ 6 นิ้ว ( 15 เซ็นติเมตร ) บริเวณส่วนหน้าที่เห็น 2 จุดเล็กนั้นไม่ใช่ตาแต่เป็น อวัยวะรับกลิ่น จุดเด่นคือส่วนหัวด้านบนที่โปร่งแสงจนเห็นอวัยวะภายในคล้ายช่องคนขับเครื่อง บินรบ ( fighter-plane pit ) ส่วนลำตัวนั้นไม่โปร่ง พวก มันกินปลาตัวเล็กๆ รวมทั้งแพลงตอนเป็นอาหาร และเนื่องจากปลาชนิดนี้มีลำตัวสีดำ แถมยังสามารถลอยนิ่งๆ ใต้ท้องทะเลอันมืดมิด ทำให้บางครั้งเหยื่อไม่ทันสังเกต จึงตกเป็นอาหารอันโอชะของพวกมันได้อย่างง่ายดาย อย่าง ไรก็ดี บริเวณส่วนหัวที่โปร่งใสของปลาชนิดนี้ เต็มไปด้วยของเหลวใสและเป็นอะไรที่เปราะบางมาก ด้วยเหตุนี้เวลาที่นักวิจัยพยายามใช้แหจับพวกมันขึ้นมาศึกษา ส่วนหัวของพวกมันจึงมักถูกทำลายก่อน และเมื่อไหร่ก็ตามที่หัวใสๆ ของมันถูกทำลายหรือแตกออก ดวงตาของพวกมันก็จะทะลักออกมาตามแรงดันของน้ำลึก และทำให้พวกมันตายในที่สุด….ด้วยเหตุนี้ ในอดีตที่ผ่านมาจึงยังไม่เคยมีนักวิจัยคนไหน จับปลาชนิดนี้เพื่อศึกษาแบบ




mayza555
#5
19-02-2012 - 12:11:15

#5 mayza555  [ 19-02-2012 - 12:11:15 ]





10 อันดับสุดยอดคดีฆาตกรรมในประเทศไทย !!!
10.คดีฆ่าหั่นจู๋ พนักงาน รฟม.
คดีเขย่าขวัญคนกรุงรับปี 2550 เมื่อมีคนพบศพนายพิชัย ทองใบ พนักงานช่างเทคนิคของ รฟม. ในสภาพถูกฟันที่ท้ายทอย คอถูกปาดลึกเกือบขาด รวมทั้งอวัยวะเพศของผู้ตายถูกคนร้ายใช้มีดตัดเกือบขาดเช่นกัน อีกทั้งยังใช้เลือดเขียนเป็นรูปหัวใจไว้ที่กลางหน้าอกของผู้ตาย สร้างความสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง จนในที่สุดนายกฤษฎาพร บรรพชาติ หรือนายเก่งรฟม.ผู้ที่ลงมือฆ่าก็ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่เนื่องจากทนแรงกดดันไม่ไหว โดยนายเก่งสารภาพถึงมูลเหตุจูงใจมาจากเรื่องชู้สาว

9.คดีฆาตกรต่อเนื่องหมอนวด
คดีฆาตกรต่อเนื่องหมอนวด คดีฆาตกรต่อเนื่อง คดีที่ 2 ของประเทศไทย หลังจากคดีซีอุยเมื่อ 40 กว่าปีก่อน(ต่อสำหรับผมเป็นคดีที่ 4 ) โดยนายสมคิด พุ่มพวง ก่อเหตุฆ่าหมอนวดถึง 5 ศพ ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน โดยคดีต่างๆ นายสมคิดจะทำการติดต่อเหยื่อมาร่วมหลับนอนด้วย เมื่อมีการร่วมประเวณีแล้วก็จะฆ่าเหยื่อถึงแก่ความตาย

8.คดีแม่ฆ่าลูกบูชาพระอินทร์
คดีแม่ฆ่าลูกบูชาพระอินทร์ ด.ญ.ประภัสสร เจียมเจริญ อายุ 12 ปี ถูกคนในครอบครัวคือนางกาญจนา เจียมเจริญ ผู้เป็นแม่ ซึ่งอ้างว่าเป็นร่างทรงพระอินทร์ นางอนงค์ เจียมเจริญ มีศักดิ์เป็นป้า อ้างเป็นร่างทรงพระอาทิตย์ นางจรินทร์ เจียมเจริญ น้าสาว และนางบัว เจียมเจริญ ผู้เป็นยายร่วมกันฆ่า โดยใช้มีดปาดคอตายอย่างสยดสยองภายในบ้าน โดยนางกาญจนาอ้างว่าสาเหตุที่ฆ่าลูกสาวเพื่อต้องการปลดปล่อยวิญญาณไปให้พระอินทร์ จากนั้นตำรวจได้ส่งตัวทั้งหมดไปที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เนื่องจากพบว่าทั้งหมดมีอาการทางประสาท ถือได้ว่าเป็นคดีศึกษาอีกคดีหนึ่งในไทยก็ว่าได้

7.คดีห้างทอง ธรรมวัฒนะ
ปริศนาการตายของ ห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีต ส.ส.พรรคประชาไทย ยังคงคาใจทุกฝ่ายอยู่ในขณะนี้ว่าเป็นการฆาตกรรมหรือฆ่าตัวตาย หลังจากมีผู้พบศพนายห้างทองเสียชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หรู สภาพนั่งอยู่บนเก้าอี้ คอแหงนไปด้านหลังมีบาดแผลลูกกระสุนเจาะทะลวงที่ศรีษระ 1 นัด โดยเสียชีวิตภายในห้องนอนของนายนพดล ธรรมวัฒนะ ผู้ที่เป็นน้องชายนั่นเอง มีการผ่าพิสูจน์ศพหาสาเหตุการตายอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งปัจจุบัน ก็ยังไม่สามารถสรุปผลที่แท้จริงได้ จนกว่าจะมีคำสั่งของศาลเป็นที่สิ้นสุด ปัจจุบันศพก็ยังแช่เย็นอยู่ไม่ได้ถูกนำไปเผาแต่อย่างใด .

6.คดีหมอผัสพร

คดีหมอผัสพร แพทย์หญิงโรงพยาบาลรถไฟที่หายตัวไปนานร่วมเดือน นำไปสู่การสืบสวนสอบสวน น.พ.วิสุทธ์ บุญเกษมสันติ ผู้เป็นสามีซึ่งให้การปฎิเสธมาโดยตลอด จนเมื่อทีมสืบสวนเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นอาคารวิทยนิเวศน์พบคราบเลือดและเส้นผมและหลักฐานสำคัญ ที่เป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ในบ่อพักน้ำเสียของอาคาร ซึ่งตรงกับ DNA ของหมอผัสพร สอดคล้องกับพยานที่เห็น น.พ.วิสุทธิ์ อยู่กับหมอผัสพรเป็นคนสุดท้าย รวมถึงเรื่องการฟ้องหย่าที่มีปัญหาขัดแย้งกันมานานจนนำไปสู่มูลเหตุจูงใจฆ่า ปัจจุบันศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิตแล้ว แต่ยังสามารถอุทรได้อยู่

5.คดีเสริม สาครราษฎ์
คดีเสริม สาครราษฎ์ นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรีแฟนสาว โดยนายเสริมให้การว่าใช้ปืนสังหารที่ขมับ น.ส.เจนจิรา เนื่องจากตกลงกันไม่ได้เรื่องมีชายอื่นมาพัวพันหลังจากนั้นได้ใช้มีดผ่าตัดเฉือนศพเป็นชิ้นๆ ทิ้งลงชักโครก จนมีผู้พบชิ้นเนื้อมนุษย์จนนำไปสู่การพิสูจน์ DNA ก็พบว่าตรงกับเจนจิรา

4.คดีศยามล
คดีศยามล อีกหนึ่งคดีที่สร้างความสลดหดหู่ยิ่งนัก เมื่อมีผู้พบศพพยาบาลสาวถูกฆ่าโดยอำพรางศพว่าเป็นการขมขื่นและทิ้งศพไว้ในรถโดยมีลูกสาววัย 2 ขวบ ร้องไห้กอดศพผู้เป็นแม่อยู่ทั้งคืน ซึ่งผู้ที่บงการสั่งฆ่าก็ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือสามีหมอของเธอนั่นเอง

3.คดีเชอร์รี่แอน ดันแคน
คดีเชอร์รี่แอน ดันแคน เด็กสาววัยรุ่นลูกครึ่งเชื้อชาติ ไทย-อเมริกัน ถูกพบเป็นศพหลังจากมีผู้พบเห็นว่าถูกล่อลวงขึ้นรถแท็กซี่ไปจากหน้าโรงเรียน ฆาตกรใช้สายรัดคอจนขาดอากาศหายใจและนำศพไปทิ้งไว้บริเวณป่าแสมบางสำราญ และนำไปสู่การจับผู้ต้องหาถึง 5 คน ซึ่งในเวลา 6 ปีต่อมา ศาลจึงมีคำสั่งว่าพวกเค้าทั้ง 6 คนไม่มีความผิด จนเป็นคดีที่กล่าวขานในเรื่องของการจับแพะมากที่สุดคดีหนึ่ง

2.คดีซีอุย ( ซีอุย แซ่ตั้ง )
คดีซีอุย ( ซีอุย แซ่ตั้ง ) เป็นชื่อของฆาตกรที่ฆ่าเด็กและนำตับมาต้มกินโดยมีเด็กอย่างน้อย 6 คนที่ถูกนายซีอุยสังหาร ซีอุยเป็นชาวจีนโพ้นทะเลเข้ามาในเมืองไทยและขึ้นฝั่งที่ประจวบคีรีขันธ์ ชอบจับเด็กมาผ่าและควักเอาเครื่องในมากินโดยมีความเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ โดยได้ทำการฆ่าเด็ก 3 รายแรกที่ประจวบคีรีขันธ์ และรายสุดท้ายจับได้หลังจากคดีฆาตกรรมที่จังหวัดระยอง ซี่งสุดท้ายโดนจับขังคุกและยิงเป้าประหารชีวิต

1.คดีนวลฉวี
คดีนวลฉวี ย้อนหลังไปเมื่อ 40 กว่าปีก่อน เกิดคดีเขย่าขวัญคนกรุง เมื่อมีผู้พบศพพยาบาลสาวถูกฆ่าข่มขืนอย่างทารุณแล้วโยนศพทิ้งน้ำ บริเวณสะพานนนทบุรีซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อ สะพานนวลฉวี ซึ่งผู้ที่บงการสั่งฆ่านั่นก็คือหมออุทิศผู้ที่เป็นสามีของเธอนั่นเอง สาเหตุมาจากความหวั่นวิตกของหมอว่าเธอจะเข้าไปทำลายครอบครัวของเขา เขาก็เลยสั่งให้ฆ่าทั้งๆ ที่ยังรักเธออยู่ และแม้ว่าต่อมาหมออุทิศจะสำนึกขึ้นได้และจะยกเลิกคำสั่งนั้น แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว





Preawhaha
#6
19-02-2012 - 12:11:44

#6 Preawhaha  [ 19-02-2012 - 12:11:44 ]








คิดถึงจัง
อุจิวะ มาดาระ โทบิ
#7
อุจิวะ มาดาระ โทบิ
19-02-2012 - 12:22:44

#7 อุจิวะ มาดาระ โทบิ  [ 19-02-2012 - 12:22:44 ]






ชอบ หมึกแก้ว



คิดถึงวันเวลาเก่าๆวันแรกที่เข้ามาที่นี่มีความสุขมา...
mayza555
#8
19-02-2012 - 14:49:24

#8 mayza555  [ 19-02-2012 - 14:49:24 ]





10 กฏของละครเกาหลี
1.คนที่หล่อที่สุดในเรื่องคนนั้นเป็น..พระรอง

2.เช่นเดียวกัน อย่าแสนดีจนเกินไป ไม่งั้นจะได้เป็น "พระรอง"

3.นางเอกจะสวยแบบบ้านๆปนเงอะงะหรือเอ๋อเล็กน้อย ถ้าสวยเลิศเชิดเปอร์เฟคท์ เนี๊ยบหรูมีชาติ ตระกูลจะเป็นตัวอิจฉา

4. ในครอบครัวพระเอกอย่างน้อยต้องมีญาติพระเอกหนึ่งคนไม่เห็นด้วยกับความรักของพระเอกนางเอก (จำนวนญาติที่ไม่เห็นด้วยจะเพิ่มขึ้นตามดีกรีความรันทดของเรื่อง)

5.ต้องมีเพื่อนของนางเอก หรือพระเอก แต่ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนนางเอก
คอยทำตัวตลกเฮฮาในเรื่อง เพื่อนพวกนี้มักมาเป็นแพ็คคู่เสมอ และสุดท้ายจะลงเอยกันเอง

6.พ่อ แม่นางเอกมักลำบากยิ่งกว่านางเอกซะอีก หรือไม่ก็เป็นหนึ่งบุคคลที่ทำให้ชีวิตนางเอกลำบากไม่ จบสิ้น

7.แทบไม่มีเรื่องไหนเลยที่นางเอกฐานะดี โดยเฉพาะดีกว่าพระเอก

8.โชคชะตาของตัวละครในซีรีส์เกาหลีมักจะวนเวียนกันอยู่ 4 คนดังนี้

พระเอก - ชายผู้แม้มีรักแท้ในใจแต่ก็มักมีคู่หมั้น มีกิ๊ก มีอื่นๆ อยู่แล้ว ทำให้ยัยคนนั้นต้องมาตามราวีความ รักไม่จบไม่สิ้น

นางเอก-ผู้หญิงที่แม้จะซุ่มซ่ามกะโปโลแค่ไหน ก็จะมีหนุ่มไฮโซแสนดี
(อย่างพระรอง) มาสะดุดรักอย่าง ง่ายๆเสมอ

พระรอง - สิ่งมีชีวิตที่น่าดูที่สุดในซีรีส์เกาหลี เป็นโมเดล"ชายในฝัน"ของสาวๆ หล่อสุด รวยสุด ดีสุดๆ แต่ไม่รู้ทำไม กินแห้วทุกที
(เพราะนางเอกเอ๋อนิดๆหรือเปล่า)

ตัวอิจฉา-สวย หรู ดูดี มีตระกูลแถมไม่โง่อีกต่างหาก แต่เอาแต่ใจ
และชอบเอาชนะ ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ทำน้ำหกรดเสื้อนางเอกไปจนถึงฆ่าตัวตายเพื่อให้พระเอกกลับมา

9. "ผู้ชายก็ร้องไห้ได้ในซีรีส์เกาหลี" (ร้องเยอะด้วย)

10.ถ้าเป็นแนวรันทดตอนจบจะต้องมีใครสักคน ไม่นางเอกก็พระเอก เป็น "มะเร็ง" ตาย ถ้าเป็นแนวกุ๊กกิ๊ก ตอนจบต้องมีใครสักคนไปต่างประเทศ


mayza555
#9
19-02-2012 - 14:52:26

#9 mayza555  [ 19-02-2012 - 14:52:26 ]





10 วิธีเอาชนะปัญหาในชีวิตคู่
1. มองข้ามปัญหาเล็กไปบ้าง

แทนที่คุณจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ คุณควรมองว่าอะไรที่สำคัญมากพอที่จะนำมาเป็นประเด็น คุณควรจะตระหนักว่า ทุก ๆ ความขัดแย้งไม่จำเป็นต้องนำมาซึ่งการโต้เถียงเสมอ แน่นอนล่ะ คุณคงไม่ต้องทำตามความปรารถนาของคนอื่นไปเสียทุกอย่าง หากคุณรู้สึกว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ แต่ขอให้ใช้เวลากับคำถามที่ว่า ปัญหาเหล่านั้นสำคัญกับคุณมากน้อยแค่ไหน

2. ฝึกตัวเองให้เป็นคนยอมรับคนอื่น

หากคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง ขอให้คุณระลึกไว้เสมอว่าคนอื่นต่างก็มีพื้นเพและประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป และคงไม่มีใครคิดหรือชื่นชอบอะไร ๆ เหมือนกันเสมอไป ขอเพียงแค่คุณเปิดใจยอมรับในอีกฝ่าย พยายามทำความเข้าใจในตัวเขา เชื่อเถอะว่าปัญหาต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ เบาบางลง

3. หมั่นฝึกความอดทน

จริงอยู่ว่าความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด และพร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ แต่สำหรับชีวิตคู่ความอดทนถือเป็นกำแพงชั้นดีที่จะทำให้ชีวิตคู่เดินทางไปได้ตลอดรอดฝั่ง ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง หรือเกิดปัญหาต่าง ๆ นานาถาโถมเข้ามา ขอให้คุณทั้งคู่งัดเอาความอดทนที่มีออกมาใช้ แล้วความรักของคุณจะยังงดงามเสมอ


4. รู้จักลดความคาดหวังบ้าง

เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับความรัก ที่ต่างฝ่ายต่างก็คาดหวังในกันและกัน จนบางครั้งจากเรื่องเล็ก ๆ มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ เพียงเพราะมีความคาดหวังเข้ามาเป็นกำลังเสริม ดังนั้น หากคุณทั้งคู่ลดความคาดหวังที่มีต่อกันและกันลง หรือลองบอกในสิ่งที่คุณคาดหวังออกมาให้กันและกันฟัง ความผิดหวัง ความเสียใจอาจลดน้อยลงไปด้วย เพราะเมื่อไรก็ตามที่ไม่คาดหวัง ไม่มีทางที่คุณจะผิดหวัง (จริงไหม) เชื่อเถอะว่าลดความคาดหวังลงสักนิด ชีวิตรักของคุณจะยิ้มกว้างกว่าเคย

5. คุณทั้งคู่ต้องการความสงบ


ในชีวิตคู่...ไม่ว่าคู่ไหนก็ตาม ต่างก็ล้วนแต่ถวิลหาความสงบด้วยกันทั้งนั้น เพราะความสัมพันธ์ที่ราบรื่นย่อมนำพาความสงบสุขมาสู่ชีวิตคู่ ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดปัญหาให้ขุ่นมัวใจ หรือต่างฝ่ายต่างไม่พอใจอะไรในกันและกัน อันดับแรกขอให้สงบสติอารมณ์ อย่าใจร้อนวู่วาม จากนั้นค่อย ๆ พูดถึงคุยและทำความเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพียงเท่านี้ความสุขก็จะมาเคาะประตูบ้าน เยี่ยมเยียนความรักของคุณทั้งคู่แล้วล่ะ

6. มองเขาที่พฤติกรรม ไม่ใช่ลักษณะนิสัย

หากเขาทำให้คุณเสียใจ สิ่งที่คุณควรจะหลีกเลี่ยงเป็นอย่างแรกเลยก็คือ การกล่าวหาว่าพฤติกรรมที่ไม่ดีนั้นเป็น “นิสัย” ของเขา แน่นอน...ไม่มีใครต้องการทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเจ็บ แต่หากมันเกิดขึ้นแล้ว เราควรจะมาดูว่าการกระทำแบบไหนที่เป็นการทำร้ายอีกฝ่าย แล้วมาช่วยกันหาวิธีแก้ปัญหา เพราะหากคุณกล่าวว่าสิ่งที่เขาทำร้ายคุณเป็นนิสัยของเขา นั่นอาจจะส่งผลกระทบที่รุนแรงและยาวนานในความสัมพันธ์ของคุณก็เป็นได้

7. หยุดคิดเองเออเองกับพฤติกรรมของเขา

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตคู่ อย่าได้คิดเองเออเองเป็นอันขาด เพราะการที่คิดไปเองฝ่ายเดียวนั้น อาจเป็นการสร้างความเข้าใจผิดอย่างมโหฬาร และที่สุดก็จะนำไปสู่วิกฤตในชีวิตคู่ ดังนั้น หากเป็นไปได้คุณควรเปิดใจพูดในสิ่งที่คิดกับเขา ลองถามเขาไปตรง ๆ เพราะจริง ๆ แล้วปัญหาที่เกิดขึ้น เขาอาจจะไม่ได้ต้องการทำร้ายคุณก็ได้

8. ระลึกอยู่เสมอว่าคุณต้องการแก้ปัญหา ไม่ใช่เอาชนะ


เมื่อคุณและเขามีปัญหา สิ่งหนึ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างมาก คือการยึดเอาตัวคุณเป็นที่ตั้ง และคิดจะเอาชนะเขาด้วยการเอาเหตุผลของคุณเข้ามาอ้าง พร้อมกับยึดว่าเหตุผลของคุณนั้นถูกเสมอ การพยายามเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย ตรงกันข้าม...กลับทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โตขึ้นไปอีก ดังนั้น เพียงระลึกอยู่เสมอว่า สิ่งที่คุณต้องการเมื่อเกิดปัญหาคือการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ง่าย ๆ แค่เปิดใจรับฟังเหตุผลของอีกฝ่าย และหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน

9. ยอมรับเหตุผลของอีกฝ่าย

เมื่อคุณและเขาได้เปิดอกพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและทัศนคติต่อกันและกันแล้ว สิ่งที่คุณควรทำเป็นลำดับต่อมาคือ การยอมรับเหตุผลของเขา ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะดูน่าเชื่อถือหรือไม่ก็ตาม เพราะการยอมรับเหตุผลของอีกฝ่าย เป็นปัจจัยพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

10. อดีตก็คืออดีต

นี่คือสิ่งที่เราควรจะปล่อยให้มันผ่านไป หากคุณและเขาได้พูดคุยกันอย่างเปิดอกถึงปัญหาต่าง ๆ และสามารถหาทางออกร่วมกันได้แล้ว คุณก็ควรจะปล่อยให้ปัญหานี้จบไป และไม่ว่าปัญหาที่คุณเผชิญนั้นจะเล็กหรือใหญ่ เมื่อมันจบก็คือจบ อย่าลืมว่าการที่คุณรู้จักปล่อยวางอดีตนั้น นอกจากจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจในห้วงเวลาปัจจุบัน อีกทั้งยังทำให้คุณไม่มีปัญหาในอนาคตด้วย


mayza555
#10
19-02-2012 - 14:53:42

#10 mayza555  [ 19-02-2012 - 14:53:42 ]





10 ชื่อเล่นโหล ที่สำรวจโดยกระทรวงวัฒนธรรม
อันดับที่ 10


เบียร์




อันดับที่9



บอล



อันดับที่ 8



นิว




อันดับที่7



ฟ้า




อันดับที่ 6



มายด์ , น้ำ




อันดับที่5



แบงค์




อันดับที่4



ไอซ์




อันดับที่ 3



แนน




อันดับที่2
.


พลอย






อันดับที่ 1



เมย์


มีชื่อใครกันบ้างเอ่ย???

PinBall_z

เด็กซ่าบ้านแสบ
#11
เด็กซ่าบ้านแสบ
19-02-2012 - 15:00:17

#11 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 19-02-2012 - 15:00:17 ]






ขอแจมด้วยได้ไหมอ่ะ


mayza555
#12
19-02-2012 - 15:05:15

#12 mayza555  [ 19-02-2012 - 15:05:15 ]





quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

ขอแจมด้วยได้ไหมอ่ะ

ได้ค่ะ


leeman1
#13
21-02-2012 - 09:04:29

#13 leeman1  [ 21-02-2012 - 09:04:29 ]




บางอันน่ากลัวจัง


msepmesa
#14
21-02-2012 - 09:39:06

#14 msepmesa  [ 21-02-2012 - 09:39:06 ]





10 ชื่อเล่นโหล ที่สำรวจโดยกระทรวงวัฒนธรรม

อันดับที่ 1



เมย์


^
^
^
เราไม่ได้ชื่อ เมย์นะ เราชื่อว่าเมสา
แต่คนในเว็บนี้ชอบเรียกว่า เม
ต่อไปเรียกเราว่าเมสาเถอะนะๆๆ ไม่อยากมีชื่อโหล










เว็บบอร์ดเปลี่ยนไปเยอะมาก
_som_
#15
21-02-2012 - 10:16:36

#15 _som_  [ 21-02-2012 - 10:16:36 ]




โหดมากๆ เลย หน้ากลัวทั้งนั้น



:D
mayza555
#16
21-02-2012 - 15:46:30

#16 mayza555  [ 21-02-2012 - 15:46:30 ]





10 อันดับ ปริศนาของโลก ที่ยังหาบทสรุปไม่ได้
10.กะโหลกแก้ว
ปริศนาจากชาวมายัน กุญแจที่จะไขทุกคำตอบในโลกของเรา กะโหลกแก้วคริสตัลลึกลับ 5 ใน 13 ทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ถูกปลุกฟื้นตำนานเรื่องเล่า ความเป็นไปของมนุษย์จากอดีตกาลสู่ภพหน้า แหล่งบรรจุสรรพสิ่งดั่งคำทำนาย บัดนี้ยังคลุมเครือ ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ และเทคโนโลยีในอดีต ไม่น่าเชื่อว่ากะโหลกแก้วจะสร้างขึ้นเองได้ หากเป็นความจริงอันชวนตะลึง! ดั่งคำสันนิษฐานจากกะโหลกแก้วที่ค้นพบข้อมูลในนั้นจะเป็นตัวกลางเชื่อม ต่อระหว่างคนอดีตสู่ คนยุคปัจจุบัน(ไปดูอินเดียน่าก็ได้มีเหมือนกัน)


9.ภาพลายเส้นนาซคา
ลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพเหล่านี้ คือข้อกังขาของที่มาของเรื่อง ทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ด และนกกางปีกบนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีต สร้างขึ้นเพื่อผูกปมเร ื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชน เผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบิน หรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหา ข้อสรุปไม่ได้ สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่ง ขึ้น

8.สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
ความลึกลับ อาถรรพณ์ และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นยังคงกล่าวขานถึงสู่หายนะ กับสถานที่แห่งนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มฤตยูกลางมหาสมุทรแอตแลนติก เหตุการณ์ที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ ความจริงที่เครื่องบิน เรือ ที่ผ่าน บริเวณสามเหลี่ยมมรณะถูกดูดกลืนสูญหายไปอย่าง ไร้ร่องรอย โดย ไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สภาพอากาศ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสรุป คำตอบ หรือข้ออ้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ปริศนาที่ยังค้างคา ใจผู้คนจนถึงปัจจุบัน

7.บพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์
คำตอบกับการเปิดทางสู่โลกพระเจ้า การค้นคว้าทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ ปริศนาศิลาจารึกที่อยู่ข้างในบพระบัญญัติ คือ เครื่องมือติดต่อถึงพระเจ้า โดยตรง คำสอนศาสนา บทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่องค์พระศาสดาตระหนักรู้ อาจรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปิดเผย แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้


6.โอเรกอน วอร์เท็กซ์
พบกับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็ก ที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึก เหมือ น เป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกัน และหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่ง นี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียงลูก กอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง จนคุณอยากออกจากประสบการณ์แปลก ประหลาดเหล่านี้สู่โลกแห่งความจริงที่ทุกอย่างพิสูจน์ได้

5.นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน
คดีแห่งปริศนา ฆาตกรรมอำพราง เมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย แต่เร็วๆนี้ถูก นำมาสอบสวนใหม่ ชนวนที่ฆาตกรที่จับได้จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ ? คดีที่โด่งดัง ไปทั่วอ่าวแบ็คเบย์ในบอสตัน นักฆ่าใจโหด ข่มขืนและฆ่ารัดคอผู้หญิง 11 คน ตายในบ้านตัวเอง คดีนี้ปิดฉากไปโดยตัวผู้รับสารภาพ อัลเบิร์ต เดอซาลโว แต่ต่อมาคดีฆาตกรรมปริศนาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อครอบครัวของหญิง 1 ในผู้ตายพบหลักฐานที่ส่อพิรุธ การรื้อคดีเป็นได้แค่การบังหน้าของตำรวจ ไม่มีความรับผิดชอบใดใดเพิ่มมากขึ้น เดอซาลโว จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า หรือว่านักฆ่าจอมโหดผู้นี้ยังคงลอยนวลต่อไป จนบัดนี้มันยังคงเป็นปริศนา

4.สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส

บนโลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไป เยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อกเนสในสก็อตแลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดัง เกี่ยวกับ สัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 – 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมา ให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ แล้วบางอย่าง ก็เป็นจริง มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้อง นี้แต่ไม่สามารถ พิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคน ต่างเชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประ หลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง

3.คร็อพเซอร์เคิล
วงกลมประหลาด รูปร่างแปลกๆหลายรูป ที่ยังคงต้องการคำตอบเหตุแห่งการ เกิด ชาวเมืองเอฟเบอรี่คุ้นเคยกับมันดี วงขนาดใหญ่ ยาวกว่า 200 เมตร กว้าง ร่วม 40 เมตร เกิดกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งนา นำความเสียหายปนความสงสัย ให้กับเจ้าของที่นาบริเวณนั ้นเป็นอย่างมาก มีทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมา เพื่อตอบคำถามของ คร็อพ เซอร์เคิล มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่ใช้สื่อ สารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียก ร้องความสนใจแค่นั้นเองก็ได้

2.ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์
เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหิน ลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูป สลักนี้มาจากไหน ? สร้างขึ้นได้อย่างไร ? อาจเป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมือง ที่มาตั้งรกรากเมื่ อ ค.ศ. 400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณ นี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่า จะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้น หาคำตอบต่อไป


1.แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์
มันคงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาชญากรระดับ โลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดมของเหยื่อหลายรายติดๆ กันถูกก ล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความ น่าส ะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แวว ของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้าน นิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่น ในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดัง ทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้น มาก มายหลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาว หาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่ให้จับแล้วแต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่า ฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร ?


61575458
#17
21-02-2012 - 17:10:24

#17 61575458  [ 21-02-2012 - 17:10:24 ]







เจ๋งอะ ไม่ได้เข้านาน!!
mayza555
#18
21-02-2012 - 18:31:51

#18 mayza555  [ 21-02-2012 - 18:31:51 ]





10 อันดับ สุนัขสุดฮิตล่าสุด ติดอันดับยอดนิยมของโลก
10.ชิ วา วา (พันธุ์ขนเรียบ),(Chihuahua smooth coat)
สุนัขในกลุ่ม Toy Group ยัง คงครองอันดับ 10 อย่างอยู่ตัว ตั้งแต่ ปี 2545 เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ขนาดพกพา ตาโต ถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก อดีตเป็นสัตว์ที่เป็นอาหารและถูกบูชายัญ มีสองสายพันธุ์คือ พันธุ์ขนเรียบและพันธุ์ขนยาว ชิ วา วา มีความสูงไม่เกิน 5 นิ้ว มีน้ำหนักเฉลี่ย 0.9 - 2.7 กิโลกรัม จัดว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลก มีทั้งสีขาว สีน้ำตาลอ่อน สีทราย สีดำ อาจมีสีเดียวอย่างแดงน้ำตาล ทอง หรือสลับขาวน้ำตาล หัว หน้าผากต้องกลมโค้งเป็นรูปแอปเปิ้ล หูตั้ง ปากสั้นแหลม ขนสั้น ถ้าเป็นพันธุ์ขนยาวจะไม่หยิกม้วน สุนัขพันธุ์นี้หลายคนต่างหลงใหล เพราะเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ มีเสน่ห์ ขี้ประจบ เป็นสุนัขเฝ้าระวัง เตือนภัยได้ดี เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก แต่ไม่ชอบอากาศเย็น ราคาจำหน่าย ทั่วไปเริ่มต้นที่ 4,000-10,000 บาท ระดับประกวด ราคา 10,000 บาท ขึ้นไป

9.บีเกิ้ล (Beagle)

สุนัขในกลุ่ม Hound Group สุนัข ล่ากระต่ายในอดีต มีหูที่ยาวปรกลง มีทั้งพันธุ์ธรรมดา มีความสูงประมาณ 13-15 นิ้ว หนัก 18-20 ปอนด์ และพันธุ์อลิซาเบธ บีเกิ้ล (Elisabeth beagle) มีความสูงไม่เกิน 12 นิ้ว มีน้ำหนักไม่เกิน 20 ปอนด์ บี เกิ้ล มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ เป็นสุนัขรักสันติ รักเด็ก ไม่เพียงเป็นสุนัขล่าสัตว์อย่างกระต่ายในอดีต ในหลายร้อยปีก่อนบีเกิ้ลยังถูกนายพรานควบคุมเป็นฝูง เพื่อนำไปล่าหมาป่า กวาง แต่ในระยะหลังใช้บีเกิ้ลเป็นสุนัขคาบนกที่เจ้าของล่าได้ เนื่องจากบีเกิ้ลสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขดมกลิ่น ประสาทในการรับกลิ่นดีเยี่ยม แต่สำหรับผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ คงไม่ดีแน่หากหวังจะใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะความเป็นสุนัขสังคม ไม่ชอบยึดอยู่กับสิ่งใดเพียงสิ่งเดียว อาจทำให้บีเกิ้ลหงุดหงิดได้ง่าย บีเกิ้ลจึงเหมาะที่จะเลี้ยงไว้เพื่อสร้างมิตรภาพกับบุลคลในครอบครัวมากกว่า ลักษณะ ทั่วไปของบีเกิ้ล มักมีขนสามสีบนตัว คือ สีขาว สีดำ และน้ำตาล สีที่อกโดยมากเป็นสีขาว ส่วนสีดำกับสีน้ำตาลนั้นจะอยู่บนลำตัว และแผ่นหลังด้านใต้ท้องก็จะเป็นสีขาวเช่นกัน หน้าผากจะตั้งชัดเจน ใบหูยาวปรกลง ขนสั้นตรง หางยาวปานกลาง ค่อนข้างตรงชี้ขึ้น ขนาดกะทัดรัด รูปร่างแข็งแรง ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น ประมาณ 10,000-15,000 บาท


8.ยอร์กไชร์เทอร์เรีย(Yorkshire Terrier)
สุนัขในกลุ่ม Toy Group สุนัข ตัวน้อย ขนยาว เส้นบาง มันวาวสลวย มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ถือว่าเป็นสุนัขสวยงามมาก เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตชีวา รักเจ้าของ ขี้ประจบ สามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตสังคมเล็กๆ เช่นในอพาร์ตเม้นต์ได้ดี ลักษณะ ทั่วไป สี มี 2 สีบนตัว สีน้ำตาลทองจะมีอยู่บนใบหน้า อก ท้อง และบริเวณปลายเท้า เส้นขนจะมีสีดำน้ำเงินที่โคนไล่ลงมาถึงตอนกลาง และจะมีสีน้ำตาลทองที่ส่วนปลายหัว ขนข้างจะมีขนาดเล็ก และเรียบไม่นูนกลม ปากแหลมยาวสมส่วน จมูกจะมีสีดำสนิท หูตั้งเป็นรูปตัววี มีขนสั้นๆ สีทองปกคลุม ขนยาวตรงปกคลุมทั้งตัว เท้าค่อนข้างกลมมีเล็บเท้าสีดำ ขาหน้าจะเหยียดตรง ขาหลังมองจากด้านข้างจะโค้งลงที่เข่าเล็กน้อย หางตัดสั้น สุนัขพันธุ์นี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องดูแลเรื่องขนเป็นพิเศษ เป็นสุนัขที่ให้ลูกยาก ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000 - 20,000 บาท มากกว่านั้นเป็นสุนัขในระดับประกวด


7.บูลล์ด็อก (Bulldog)
สุนัขในกลุ่ม Non - Sporting Group เห็น รูปร่างตันๆ กำยำ ดูแข็งแรงอย่างนี้ แต่เป็นที่โปรดปรานของผู้เลี้ยงสุนัขพอสมควร มีถิ่นกำเนิดจากประเทศกรีก ในอดีตเป็นสุนัขที่ใช้ต่อสู้กับวัวซึ่งถือเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในสมัยนั้น แต่ต่อมากีฬาสู้วัวถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงเกิดการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีเลือดนักสู้ลดลง จนกลายเป็นสุนัขที่กล้าหาญแต่วางใจได้ ไม่ดุร้ายเหมือนรูปร่าง บูลล์ด็ อก มีน้ำหนัก 25 กิโลกรัม สูงเต็มที่เพียงฟุตเศษ ลักษณะเด่นคือหัวกลม มีปากและบริเวณใบหน้าย่น ห้อย ขนเกรียนสั้นตรงและเรียบ นิ้วเท้าเวลายืนเหมือนยกขึ้น ขาหน้าตรง เวลายืนแล้วจะกางออกเล็กน้อย หางสั้น โดยมากจะเป็นสีเดียวทั้งตัว แต่มีสีดำที่ใบหน้า ปาก หน้าอก แต่ตอนนี้นิยมสีน้ำตาลลูกวัว ผู้เลี้ยงอาจต้องทำใจไว้ด้วยว่า ตัดสินใจเลี้ยงสุนัขที่นอนกรน และต้องระวังเรื่องอากาศร้อนเป็นพิเศษ ราคาจำหน่ายระดับสุนัขเลี้ยงทั่วไป เริ่มต้นที่ 10,000 บาท หากเป็นบูลล์ด็อกระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป

6.ร็อตต์ไวเลอร์ (Rottweller)
สุนัขในกลุ่ม Working Group สุนัข พันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี มีสีดำ มีแต้มด่างสีน้ำตาลเด่นชัด บริเวณขอบตา ปาก หน้าอก ขาท่อนล่าง และใต้ฐานของหาง ขนสั้น เป็นสุนัขที่มีกล้ามเนื้อชัดเจน ดูสมส่วน ใบหูปรก นิยมตัดหางให้สั้น สุ นัขพันธุ์ร็อตต์ไวเลอร์ ที่ตกเป็นข่าวบ่อยครั้งด้วยความดุร้าย ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่มาจากสัญชาตญาณสัตว์ที่ต้องเอาตัวรอดตั้งแต่อดีต มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ในฐานะสุนัขนักล่าและสุนัขเฝ้ายาม แต่ร็อตต์ไวเลอร์ในปัจจุบันได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์จนได้ชื่อว่าเป็น สุนัขที่มีความฉลาด ชอบการสัมผัสอย่างทะนุถนอม และสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว หากได้รับการฝึกฝนที่ดี จะเป็นสุนัขที่เชื่อฟังคำสั่ง ใจเย็น เป็นทั้งเพื่อนและยามที่ดีของครอบครัว ด้วย ลักษณะภายนอก ความแข็งแรง ความฉลาดของสุนัขพันธุ์นี้ เหมาะสำหรับผู้เลี้ยงปศุสัตว์ เพราะมีพื้นที่ให้สุนัขออกกำลังกายได้มากกว่า แต่ก่อนเลือกซื้อ ผู้เลี้ยงควรตัดสินใจให้รอบคอบก่อนว่าเหมาะกับตนหรือไม่ ศึกษาสายพันธุ์ที่ดีเพราะอาจกลายเป็นสุนัขที่ก้าวร้าวเกินควบคุม ราคาจำหน่ายลูกสุนัข ระดับประกวด 10,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 4,000-10,000 บาท


5.ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)
จัดอยู่ในกลุ่ม Working Group สุนัข ลากเลื่อนที่มีท่วงท่าสง่างาม มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียตอนเหนือ มีความอดทนแข็งแรงดีเลิศ อดีตเป็นสุนัขใช้งานลากเลื่อนในเมืองหนาว นับเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่ง ใจดี ไม่ก้าวร้าว ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่มีขนสองชั้น สีพื้นเป็นสีน้ำตาล ดำ เทา แต่ใบหน้าต้องมีสีขาวเท่านั้น ขอบตาเป็นสีดำ ขนสั้นตรงฟู แน่น หัวมีขนาดปานกลาง ดูสมส่วนกับขนาดลำตัว ใบหูตั้งตรง รูปตาเรียว หางฟูพอง มักจะโค้งเป็นพวงขึ้น บนหลังคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก ต้องการออกกำลังกายเป็นหลัก จุดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้คือ มีความอดทนสูงมาก ทำงานได้ดังหุ่นยนต์ รักเจ้านาย ครอบครัว หรือแม้แต่สุนัขด้วยกันเอง สามารถปรับตัวให้เข้าได้กับสภาพอากาศ วิ่งเร็วมาก สามารถเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี แต่มักทำตัวเป็นจ่าฝูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เลี้ยงที่มีความกระฉับกระเฉง ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000-15,000 บาท ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป

4.ปั๊ก (Pug)
จัดอยู่ในกลุ่ม Toy Group สุนัข พันธุ์ตัวเล็กหน้าย่น มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน มีประวัติยาวนานกว่า 2,500 ปี เป็นสุนัขที่นิยมมากของชาวพุทธในสมัยโบราณ ด้วยมีความเชื่อที่ว่า ปั๊ก เป็นสัตว์เลี้ยงมงคล เพราะลักษณะรอยย่นของใบหน้ามีความหมายตามความเชื่อที่ดี เป็นสิริมงคลต่อผู้เลี้ยง ปัจจุบันเป็นที่แพร่หลายทั่วโลก ปั๊ก เป็นสุนัขรักเด็ก ร่าเริง กระตือรือร้น มีน้ำหนักไม่เกิน 9 กิโลกรัม สูงไม่เกินฟุต มีลักษณะใบหน้าสีดำเหมือนใส่หน้ากาก ขนสั้นละเอียดนุ่ม ลำตัวมีกล้ามเนื้อ ลักษณะทั่วไป กลม ใหญ่ จมูกสั้น ปากสั้น กระหม่อมไม่โค้ง มีรอยย่นที่หัว ปาก แก้มนิ่ม เท้ากลม ฝ่าเท้าแผ่ มีกล้ามเนื้อที่ขาทั้ง 4 ชัดเจน หางม้วนเป็นเกลียวอยู่บนแผ่นหลังตรงสะโพก แต่ สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องระวังไม่ให้อ้วนจนเกินไป อีกทั้งต้องดูแลเรื่องอากาศเนื่องจากเป็นสุนัขที่มีโพรงจมูกสั้น อาจมีปัญหาเรื่องการหายใจ ราคาจำหน่ายทั่วไปเริ่มต้นที่ 4,500 บาท ระดับประกวด 12,000 บาท ขึ้นไป

3.ชิสุ (Shih Tsu)
สุนัขในกลุ่ม Toy Group ชิ สุ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ได้ชื่อว่า "สุนัขพันธุ์ราชสีห์" เพราะมีขนแผงคอเหมือนสิงโต อีกทั้งท่าทางการเดินหรือเคลื่อนไหวที่สง่างาม เดินตรงเชิดหน้าคอเหยียดและมีพวงหางขนยาวจะปกคลุมลงบนหลังชัดเจน ในอดีตจึงเป็นสุนัขที่เลี้ยงกันในราชสำนักของจักรพรรดิ นับเป็นสิ่งสูงค่าสำหรับสามัญชน เป็นสุนัขที่มีชนชั้น ชิสุ เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักไม่เกิน 18 ปอนด์ สูงประมาณ 9 -10.5 นิ้ว รูปร่างเล็กแต่มีขนยาว เป็นขนสองชั้น หนา ยาวตรงหรือเป็นคลื่นเล็กน้อยปกคลุมลำตัว ขนบนหัวควรผูกรวบให้เรียบร้อย ป้องกันดวงตา ขนที่ก้นและเท้าต้องตัดให้เรียบร้อยเช่นกันเพื่อความสะอาด สุนัขพันธุ์นี้ต้องการการแปรงขนทุกวัน ผู้เลี้ยงต้องมีเวลาในการแปรงขนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ลักษณะของชิสุ ที่ดี ควรมีลักษณะขนยาว ไม่ม้วนหยิก สีของขนเป็นสีผสมกันของสีดำ น้ำตาล ขาว มีสีขาวเป็นสีพื้น ส่วนกะโหลกกว้างอย่างสมดุล ตากลมโต นัยน์ตาสีดำ หรือจะเป็นสีน้ำตาลสีตับ แววตาร่าเริงแจ่มใสและเป็นมิตรต่อทุกสิ่ง ส่วนปากสั้นยาวไม่เกิน 1 นิ้ว และไม่มีรอยย่นของผิวหนังรอบปาก ปากไม่แหลม คางไม่ยื่น คอควรตั้งตรงยาวได้เซ็นเซอร์-->--> ส่วนกับลำตัว ลักษณะลำตัวของชิสุต้องมีความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย อกใหญ่ ลึก หางจะต้องโค้งตั้งขึ้นมาบนหลัง ไม่ห้อยลง มีขนขึ้นเป็นพวงสวยงาม แม้ ชิสุ จะเป็นสุนัขขนาดเล็ก แต่ก็ได้ชื่อว่า "เล็กแต่อึด" หากมีสุขภาพดีจะเป็นสัตว์ที่มีความทรหดอดทนสูง มีความแข็งแรงดุจสุนัขใช้งาน แต่ข้อดีของสุนัขพันธุ์ชิสุที่สร้างเสน่ห์อย่างดีก็คือ ฉลาด เป็นมิตร มีเสน่ห์ ไม่ดุร้าย ไม่เจ้าอารมณ์ เหมาะสมกับบ้านทุกชนิด จากสิถิ ติที่ผ่านมา ชิสุ เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหตุอาจเพราะปัจจุบันผู้นิยมเลี้ยงสุนัขมีที่อยู่อาศัยที่เล็กลง ส่งผลให้สุนัขพันธุ์เล็กเพิ่มจำนวนมากขึ้นไปด้วย และด้วยการขยายพันธุ์ที่ง่ายกว่า ชิสุจึงมาแรงแซงสุนัขพันธุ์เล็กพันธุ์อื่น รวมถึงลักษณะขนและหน้าตาสร้างความเพลิดเพลินในการเลี้ยงดูของเจ้าของที่ชอบ แต่งตัวให้สุนัข แต่คงไม่เหมาะนักสำหรับเจ้าของที่ไม่มีเวลา ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 3,500-15,000 บาท ทั่วไป เริ่มต้นที่ 2,500 บาท

2.โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)
สุนัขในกลุ่ม Sporting Group โกลเด้นรี ทรีฟเวอร์ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มามากกว่า 200 ปี ในอเมริกา เป็นสุนัขขนาดกลาง ตัวผู้สูงราว 23-24 นิ้ว หนักประมาณ 64-70 ปอนด์ ตัวเมีย สูง 21-23 นิ้ว น้ำหนัก 60-70 ปอนด์ มีสีหลายระดับสี มักจะเป็นสีออกครีมถึงสีเหลืองทอง จนถึงกึ่งเข้มแดงมะฮอกกานี เป็นสุนัขที่มีลักษณะหัวกว้าง และมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูค่อนข้างใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม ปรกลงมาด้านข้าง มีขน 2 แบบ คือเรียบกับเป็นลอน ขาหน้าตรงแข็งแรง เท้ากลมคล้ายเท้าแมว ลักษณะหางชี้ตรงระดับเดียวกับหลัง ขนบริเวณหางจะยาวและหนา นอกจาก ความสวยของขนที่มันวาว สวยงาม ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับความนิยมมาก โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ยังได้รับสมญานามว่า "หมาใจดี" บ่อยครั้งที่ภาพความผูกพันระหว่างเจ้าตูบโกลเด้น กับเด็กๆ มักมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง นั่นเพราะมีลักษณะนิสัยเป็นมิตร และสุภาพเป็นเลิศ ใจดี ซื่อสัตย์ มีความสามารถพิเศษในการจดจำ ง่ายต่อการฝึกฝน กระฉับกระเฉง และคาบสิ่งของได้ดี ในอดีตจึงมักใช้งานเพื่อหานกที่ถูกยิงตกนำมาให้เจ้าของ โกลเด้นรีทรี ฟเวอร์ เคยเป็นสุนัขยอดนิยม มีผู้เข้าขอจดทะเบียนมากเป็นอันดับ 1 ในปีก่อน แต่ปีล่าสุดนี้กลับถูกสุนัขพันธุ์เล็กแซงหน้าไปเสียแล้ว ราคาจำหน่าย ปัจจุบัน สุนัขระดับประกวด ประมาณ 15,000 บาท ขึ้นไป สุนัขเลี้ยงเล่น 6,000 - 15,000 บาท ระดับทั่วไป หรือสุนัขบ้าน เริ่มต้นที่ 3,000 บาท


1.ปอมเมอเรเนี่ยน (Pomeranian)
สุนัขในกลุ่ม Toy Group ปอม เมอเรเนี่ยน มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ขึ้นจากอันดับ 3 ในปีก่อน ด้วยความเล็กกะทัดรัด ขนฟูดูสวยงาม ใบหน้าแหลมเล็ก หลายคนหลงใหลในความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้ ลักษณะโดยทั่วไป มีความสูงโดยเฉลี่ยไม่เกินฟุต หรือประมาณ 20 เซนติเมตร หัวกลม ใบหน้ามีส่วนคล้ายสุนัขจิ้งจอก ปากเรียวแหลม ส่วนหัวและใบหน้ามีขนสั้น ตากลมโตและโปนเล็กน้อย หูเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งตรงและชิดกัน จมูกดำกลม ขนยาวฟูฟ่องทั่วลำตัว ขนสีดำ โกโก้ แดง ส้ม ขาว เหลือง บางตัวมีหลายสีปนกัน ขนทั้งตัวจะปกคลุมด้วยขนยาว ดก ฝ่าเท้านิ่ม ขนหางเป็นพวงโค้งเป็นวงกลมออกด้านข้าง นอกจากความเล็กน่ารักแล้ว ความฉลาด ซื่อตรงและร่าเริง ปฏิภาณไหวพริบดี และขี้ประจบของปอมเมอเรเนี่ยน ยังเป็นจุดเด่นที่ทำให้เจ้าของต่างหลงใหล แต่ขณะเดียวกันความเล็กของสุนัขพันธุ์นี้จึงมักมีผลต่อการขยายพันธุ์ที่ค่อน ข้างลำบาก ให้ลูกน้อย ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่น 8,000-20,000 บาท ระดับประกวด 20,000 บาท ขึ้นไป





khing sritabtim
#19
15-03-2012 - 10:26:35

#19 khing sritabtim  [ 15-03-2012 - 10:26:35 ]




เพียบ


best10210
#20
15-03-2012 - 11:05:49

#20 best10210  [ 15-03-2012 - 11:05:49 ]




หมาน่ารักอ่ะ



ฮ่าๆๆๆ (ขำไรวะ?)
  • 1
  • 2

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 26th June 2024 13:00

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ