โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
มีวิธีบอกรักทางอ้อมจ้า เข้ามาแล้วคุณจะรู้ ไม่บอกรักเธอแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่รัก
เอ็ดเวิร์ด
#1
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:07:16

#1 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:07:16 ]





หยุดก่อนที่จะเลื่อนลง

อ่านซะ





ทักทายจ้ะวันนี้สำหรับคนที่อยากสื่อรักให้คนที่เขารักผ่านเครือข่าย อินเทอร์เน็ตเช่น Facebook Twitter Hotmail หรือ Thaithesims3 ฯลฯ แอบรักคนในเว็บนี้อาจง่ายหน่อยนะครับแล้วบริการเครือข่ายเทคโนโลยีต่างๆ วันนี้ผมจะมาแนะนำตัว ความจริงจากใจว่าทำไมต้องทำ



กลอนบอกรักสถานะโดนใจ

ครั้งนั้น... ฉันถามเธอไปว่า รัก-ฉัน-ไหม เธอตอบเหมือนคน ...>>>ไม่มีหัวใจ<<<... ตอบมาได้ไง... ไม่-รัก-เลย

อยากบอกเธอว่า... >>>ไม่ชอบสายตาที่เมินเฉย<<< ถึงเราเป็น"คน"ไม่คุ้นเคย อย่า"เมินเฉย"กับฉันด้วยสายตา

ใจใครก็ใจใคร เรื่องอะไรต้องไปกางกั้น เมื่อใจไม่ผูกพันกัน มัวมานั่งฝันอยู่ทำไม ลืม.ลืม..ซะเถอะนะ คิดจะตั้งต้นเป็นคนใหม่ เลิกแคร์หัวใจใคร จะเป็นอย่างไรก็เรื่องของเรา


>>>ปล.แต่งเอง<<<
ไว้มาอัพใหม่นะครับ

>>>สารบัญ<<<

กลอนกวนๆแถมให้คนซาดิสห์คลิ๊ก
มาอีกแล้วกลอนหวานซึ้งโดนใจคลิ๊ก
แค่ความรักที่ไม่สำคัญ ไม่มีฉันอาจจะยังมีเธอคลิ๊ก
รักเศร้าๆของตุ๊กตาในโลกไซเบอร์คลิ๊ก
เกาะแห่งความรู้สึกคลิ๊ก
ดินสอกดแห่งคำสัญญาคลิ๊ก
ความรักแสนเศร้า3คลิ๊ก
ความรักแสนเศร้า2คลิ๊ก
ความรักแสนเศร้าคลิ๊ก
อยากลืมว่าเป็นเพื่อนเธอคลิ๊ก
เธอรักฉันมั้ยคลิ๊ก
ตำนานรักของดวงจันทร์คลิ๊ก
แม้จะเป็นเพื่อนเก่าแต่ขอเป็นแฟนคนใหม่คลิ๊ก
รักเธอจนกว่าฟ้าดินจะสลายคลิ๊ก
ความรักเศร้าๆฉบับเรา2คนคลิ๊ก
กลอนยาวๆซึ้งๆถึงใจคลิ๊ก
กลอนอีก1กลอนซึ้งๆคลิ๊ก
อีก1รักจากใจคลิ๊ก
กลอนกวนมาให้1กลอนคลิ๊ก
ภาษาต่างด้าวสื่อรักคลิ๊ก
รวมรักจากใจกลอนคลิ๊ก
กลอนดีๆนำมาให้อ่านจากคนมีใจในภาษารักคลิ๊ก
มาอัพอีกแล้วจ้ะ วันนี้มีชื่อว่า ตัวเลขสื่อรักคลิ๊ก
ไม่บอกรักเธอแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่รักคลิ๊ก
หากเธอเป็นอะไรไปฉันคงต้องเป็นด้วยคลิ๊ก
หมดหวังเมื่อปลายฝันคลิ๊ก
สัญลักษณ์ประจำตัว







ส่งท้ายด้วย เครื่องตรวจวัดนักอ่าน"เงา"



เท่ห์ชิมิล่ะ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-12 20:45:31
pentium


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#2
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:08

#2 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:08 ]





กลอนกวนๆแถมให้คนซาดิสห์

...ไม่มาวเหล้าแล้วยัง..จะมาวเบียร์
เฮ้อ!! เวงกำ อะไรเนี่ย..อาเฮียจ๋า
เอาแต่มาวเพลิดเพลิน..เจริญตา
เดี๋ยวเหอะน๊า..กลับมาล่ะน่าดู

...อยากมาวเหล้า..มาวเบียร์..ก็มาวไป
กลับมาบ้านเมื่อไหร่..เป็นได้รู้
จะยืนคอย..รอรับหน้าประตู
พร้อมอาวุธเคียงคู่..สากกะเบือ!!!

ไม่มาวเหล้า แต่เรายังมาวเบียร์
อีกสาวเชียร์ ก็น่ารัก เป็นหนักหนา
ได้ทั้งมาวได้ทั้งเพลินเจริญตา
แสนหรรษาจริงเรา...ได้มาวเบียร์

เบียร์เย็นๆ ช่วยคลายทุกข์ ที่รุกเร้า
ดับความเศร้า โศกสลด ให้หมดเสีย
สดุดีพระคุณล้ำของน้ำเบียร์
ดีกว่าเมียที่บ้านบานตะไท...เอิ้กๆๆ

อยากมีเมียไม่ยากฝากให้อ่าน
อันเงินงานการศึกษาอย่าให้เสีย
กำลังกายเตรียมก่อนห้ามอ่อนเพลีย
เดี๋ยวโดนเขี่ยตกเตียงไม่เลี้ยงดู

ต้องขยันหมั่นทำตามคำสั่ง
อย่ากลับหลังเวลาผิดตาหู
มีเมียสองต้องกลุ้มขืนอุ้มชู
คนเก่งขู่เกินแม่ได้แก่เมีย

อยากมีเมียทำไม...ขอได้โปรด
อยู่เป็นโสดดีกว่าอย่าสุงสิง
มีเมียเกี่ยวเที่ยวไหนสุดไหวติง
เกาะเป็นปลิงเชียวนะให้ระวัง

สินสอดแพงแต่งแล้วไม่แคล้วคลาด
ต้องเป็นทาสปรนเปรอถูกเธอขัง
จะยิ้มรับกับใครกลุ้มใจจัง
ทั้งไหล่หลังถูกหยิกหล่อนจิกตี

ตัณหาหวงห่วงแสนในแดนหล้า
ริษยาพาวิกฤติคืออิตถี
พึงหลีกได้ให้ห่างสร้างเสรี
พบคนดีที่สุดจึงจุดไฟ

เขาว่าได้เมียดีเหมือนมีแม่
เป็นจริงแท้แน่ชัดตวงวัดได้
คือสามารถตีตบต้องหลบภัย
ไม่มีใครทารุณเท่าคุณเมีย

เรื่องการเมืองคะคานกับการมุ้ง
ผัวเมียมุ่งแบ่งแยกแตกเป็นฝ่าย
มีปากเสียงโรมรันกันแทบตาย
ลูกหลานหายจากบ้านกระซ่านเซ็น

ต่างมีพรรคมีคนที่ตนชอบ
สนองตอบปัจจัยให้กันเห็น
ยกยอดคนยอดพรรคหนักประเด็น
หอมกับเหม็น มันก็ พอพอกัน

รักชอบใครเอ่ยอ้างอย่างออกหน้า
ความดีหามาเพิ่มเติมสีสัน
ป้องความชั่วทุกเมื่อทุกเชื่อวัน
ต่างมุ่งมั่นพอใจในพรรคตน

เสียงทะเลาะเบาะแว้งแข่งกันใหญ่
ยิ่งตอนใกล้เลือกตั้งต่างหวังผล
คืนหมาหอนเสียงแตกแปลกพิกล
แล้วเสียงบ่นเสียงพล่ามก็ตามมา

เพื่อนบ้านต้องทนฟังทั้งที่เบื่อ
แต่ต้องเชื่อไปกับเลียงครับขา
สองผัวเมียรำพันจำนรรจา
เสียงอืมม อ้า เจื้อยแจ้วแล้วดับไฟ

ผมต้องทนฟังเสียงเมื่อเตียงสั่น
ผัวเมียนั้นซาบซดเสียงสดใส
ผมซดเบียร์เครียดจัดอึดอัดใจ
จะทำไงตอนนี้อยากมีเมีย

ขืนอยู่เดียวเปลี่ยวเหงาเฉาตายแน่
จึงต้องหาทางแก้ไขให้สุขสม
จึงจ่ายค่าเทอมเพื่อเรียนวิชาอาคม
ณ อาศรม โนอาร์อาบ-อบนวดเอย......

ถ่ายแล้วกลบฉันเห็นว่าเป็นแมว
ถ่ายแล้วแจวฉันเห็นว่าเป็นหมา
ถ่ายแล้วราดคือผู้ดีมีจรรยา
จงพิจารณาว่าท่านอยู่ในหมู่ใด.....


คนเจ้าชู้ ดูดี มีหลายแบบ
ไม่เจ็บแสบ แบบไก่แจ้ แค่กรุ้มกริ่ม
กางปีกล่อ ป้อใส่ หวังได้ชิม
ทำตาพริ้ม ยิ้มใส่ แบบไก่กา

แบบไก่โต้ง โก่งคอ จ้อเสียงใส
มือว่องไว ใส่เกียร์ เผลอเสียท่า
จะลูกเต้า เขาเป็นใคร จากไหนมา
หมายไขว่คว้า หน้าด้าน ต้องการชม

แบบรุ่นปู่ เจ้าชู้ยักษ์ มักเห็นบ่อย
เหมือนคนถ่อย คอยหักหาญ พาลขื่นขม
เข้าถึงตัว ไม่กลัวเกรง เร่งอารมณ์
จ้องดอมดม โลมเล้า เอากำไร

แบบเจ้าชู้ ประตูดิน ถวิลหา
ชอบพูดจา หน้าทะเล้น เน้นความใคร่
ทำยักคิ้ว หลิ่วตา หาเกี้ยวไป
เจ้าชู้ได้ ไม่เลือกที่ มากลีลา

ทุกแห่งหน คนเจ้าชู้ ดูไม่ยาก
ดูที่ปาก จากคำพูด พิสูจน์ค่า
การกระทำ จำเป็น เห็นตำตา
กิริยา พาส่อเค้า เจ้าชู้จริง


สักวาหน้าร้อนนอนไม่หลับ
ร้อนไปกับตับไตท้องไส้เสีย
ไม่อยากนอนร่วมมุ้งยุ่งกับเมีย
ทั้งอ่อนเพลียละเ...่ยแรงจะแต่งกลอน

พึ่งพัดลมพรมพัดสะบัดโบก
ไม่คลายโรครุงรังนั่งเบื่อหมอน
จึงชวนนักสักวาช่วยอาทร
เล่าเรื่องร้อนแลกเปลี่ยนเขียนมาเอย.


รักแรกคือสบตา
รักต่อมาคือน่าอก
รักต่อไปคือสะโพก
รักหลุดโลกคือไต้สะดือ 555
ระวังนะกลอนนี้เป็นกลอนด่า
พวกไร้ค่ามักจะอ่านไม่อายผี
แน่ะยังอ่านคงไม่ใช่ปัญญาดี
แน่ะคุณพี่หน้าด้านจังอ่านจบกลอน
ทั้งที่เธอน่ารักกว่าใครๆ
แต่จิตใจเธอนั้นเหมือนกับหุ่น
ฉันไม่อยากให้เธอคิดว่าฉันจุ้น
ตดอุ่นๆน้อยนิดหอมเป็นลม


เกรด 4 นั้นหายาก
ต้องลำบากจดโพยไป
นั่งลอกบานตะไท
ใช้น้ำหมึก...เปลืองปากกา
มาม่าแทนความห่วงใย
ไวไวแทนความคิดถึง
กุ๊งกิ๊งแทนความคนึง
ถ้าไม่คิดถึงเจอยำยำ
ไม่อยากเล่นของสูงเหมือน บิ๊กแอส
ไม่อยากเป็นแคลชตามอุ่นไอรัก
ไม่อยากเป็นไอน้ำเหมือนคนอกหัก
แต่อยากเป็นคนที่ถูกรักเหมือนบอดี้แสลม

Mail ใครกัน Run หน้าจอ ขอเป็นมิตร
เรา Click ปิด ทิ้งไป ไม่ใช่เพื่อน
แต่ไม่นาน ก็พลัน Run มาเยือน
อยากเป็นเพื่อน อยู่อย่างนั้น วันหลายครา
เริ่มรำคาญ พาลคันปาก อยากด่าใส่
Click เข้าไป ใจอิดเอียน หวังเขียนด่า
แต่พอเห็น หน้า M อย่างเต็มตา
มุมบนขวา มีรูปด้วย ว๊าว! สวยจริง
จึงลองพิมพ์ Chat ไป ใจเริ่มอ่อน
เขาก็ On In จ๊ะจ๋า ประสาหญิง
ก็เลย Out ออกไม่ได้ ใจประวิง
เราเริ่มยิง M ไปมา ภาษาใจ
เริ่มคุ้นเคย เอ่ยถาม ความลึกลึก
ความรู้สึก สองเรานั้น ตรงกันไหม
สรุปผล ออกมา น่าพอใจ
ผูกสายใย ไม่โยเย Say Good-bye
ตัดสินใจ Hello กดโทรหา
เสียงตอบมา พาให้ เราใจหาย
ใยสาวสวย เสียงใหญ่จัง ดังเสียงชาย
อุ๊ยต๊ายตาย ว๊ายเนื้อเย็น เป็น"กระเทย"


ถ้าความรักสามารถเขียนด้วยปากกา
คงขีดวาดไอ้ความรักอย่างนึกฝัน
แถมขีดฆ่าคนชั่วร้ายที่สุดชัง
ขีดทุกวันคงสุดมันส์บรรเทิงใจ
ได้ขีดฆ่าไล่ความรักอันโหดร้าย
ขับลำร่ายสิ่งชั่วร้ายออกจากฝัน
อยากจะขีดขีดให้หมดคนน่าชัง
ยกเว้นฉันคนน่ารักขับบทกลอน 555+


5แสน ฉันคิดถึง
5 หมื่น ฉันห่วงใย
5 พัน ฉันจริงใจ
555 ฉันโกหก
เคล็ดลับหน้าใส
ล้างหน้าด้วยน้ำมะพร้าว
ปะแป้งให้ขาว
แล้วนอน อมตังค์
รักมากรู้ไหม
รักใครคนหนึ่ง
รักคนที่ซึ่ง
มองยังไงก็ไม่ใช่เธอ
ต้นหญ้าปลิวไหล
สายลมลู่ใบหญ้า
เราเดินคู่กันมา
เธอเล็มหญ้า ฉันสีซอ....ดูเข้าก๊านเข้ากัน

ไว้มาอัพใหม่นะจ๊ะ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-11 09:44:49


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#3
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:08

#3 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:08 ]





แค่ความรักที่ไม่สำคัญ ไม่มีฉันอาจจะยังมีเธอ

บ่ายวันอาร์ทิตนี้ฉันมารุฉันมีแฟนชื่อลูคัส ปริ๊นๆ นั่นไงนายลูคัสมาหาฉันแล้ว ฉันยังจำได้ที่เขาเคยทำกับฉัน แล้วเพื่อนสนิทฉันก็ยอมให้มันจับเป็นกิ๊กฉันไม่น่าไว้ใจนายถึงตอนนี้เลย ฉันน่าจะเลิกไปตั้งนานแล้ว อ้าวมารุทำไมมาช้าจังล่ะ ลูคัสเรามีอะะไรจะบอก

ฮึกๆ............................. มารุเธอร้องไห้ทำไม เราว่าเธอคงไม่เหมาะกับคนอย่างเรา ความรักเรา2คนมันไม่มีค่าหรอก นายคงจะมีคนดีกว่า ถ้าไม่มีฉัน แล้วเธอคงจะอยู่ได้ดีกว่าตอนนี้ 1สัปดาห์ต่อมา

ตริ่งตริ๊งๆๆๆๆๆ..............................................................
โอ้ยจะดังอะไรนักหนาเนี่ย ฮะลูคัสส่งข้อความมางั้นหรอ ให้กดเว็บนี้งั้นหรอ
<<<<ฟังไปเพื่อให้เคลิ้มกับเรื่อง



ทำไมสายตาเย็นชา เวลาที่เราเจอกัน
ทำไมต้องทำอะไรอย่างนั้น ไม่เข้าใจ
เธอลืมไปแล้วหรือไงเรื่องราวครั้งนั้น
ภาพในวันวาน ที่ดีต่อกัน
กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม
หากวันนั้นฉันทำอะไร ที่ไม่ดีที่ผิดไป
อยากจะขอให้ลืมมันไป ได้ไหม กลับมารักกัน

เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ได้ไหมเธอ
ยังรอเธอเสมอ ทุกครั้งที่หายใจ
ไม่อยากมีชีวิต อ้างว้างอีกต่อไป
ก็มันทนไม่ไหวจริงจริง เพราะหัวใจรักแค่เธอ

ในวันที่ไม่มีกันในใจของฉันว่างเปล่า
ไม่เคยต้องเหงาอะไรแบบนี้ เพิ่งเข้าใจ
ถ้าหากฉันย้อนเวลากลับไปวันวาน
ฉันจะไม่ยอม ให้เธอจากไป

หากวันนั้นฉันทำอะไร ที่ไม่ดีที่ผิดไป
อยากจะขอให้ลืมมันไป ได้ไหม กลับมารักกัน

เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ได้ไหมเธอ
ยังรอเธอเสมอ ทุกครั้งที่หายใจ
ไม่อยากมีชีวิต อ้างว้างอีกต่อไป
ก็มันทนไม่ไหวจริงจริง เพราะหัวใจรักเธอคนเดียว

เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ได้ไหมเธอ
ยังรอเธอเสมอ ทุกครั้งที่หายใจ
ไม่อยากมีชีวิต อ้างว้างอีกต่อไป
ก็มันทนไม่ไหวจริงจริง เพราะหัวใจรักเธอคนเดียว
ก็มันทนไม่ไหวจริงจริง เพราะหัวใจรักเธอคนเดียว

ฮึกๆๆนี่นายทำเพื่อฉันมาตลอดเลยหรอ ตุ้บๆๆๆๆๆๆๆๆ เราต้องวิ่งไปบ้านลูคัสให้เร็วที่สุด

คุณแม่คะ ลูคัสอยู่ไหนจ้ะ ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณแม่ร้องไห้ทำไมคะ ลูคัสเขาตายแล้ว วันนั้นเขาเหมือนโดนใครบอกเลิกมา เลยกลับบ้านแต่รถเสียเลยต้องเอาไว้ที่อู่ระหว่างเดินกลับบ้าน ลูคัสเขาพิมพ์ในโทรศัพท์วา่า เรารักเธอแต่ไม่กล้าบอก เราเจ้าชู้ แต่ข้างในรักเพียงเธอ เมื่อไม่เคยมีกัน จะมีชิวิตทำไม ยอมตายดีสิ เรามันไม่มีค่า สำหรับคนอย่างเธอ มารุ

ตุ้บมารุค่อยนั่งลงเหมือนไม่มีแรง นี่ลูคัสยอมทำเพื่อเรามาตลอด แต่เขาไม่เคยบอกเรา เราผิดเอง เราทำให้เขาต้องตาย เราต้องตายเช่นกัน

1เดือนผ่านไป

ร่างกายมารุผ่อมซีด เหมือนคนไม่มีแรงขาดสารอาหาร มารุยอมอดอาหารเพื่อให้ตัวเองตายตามลูคัส เสียงหายใจและคำพูดสุด เรารักนาย....ลูคัส แล้วร่างของเธอ ก็หลับไปอย่างร่างคนไร้วิญญาณ

เขา2คนจะรักกันบนสววรค์วิมารของพวกเขา

ย้ำๆๆๆๆว่าอ่านให้จบ ตอนนี้เราแต่งเองนะ จริงๆไม่เชื่ออย่าเชื่อ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-11 19:12:46


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#4
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:08

#4 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:08 ]





มาอีกแล้วกลอนหวานซึ้งโดนใจ

นี่ความรักอยู่ตรงนี้ มีใครต้องการบ้างไหม รักที่มาจากใจต่อใจ ไม่ต้องการไม่เป็นไร ขอรักษามันเอาไว้ เผื่อวันหนึ่งจะมีใคร ต้องการไปดูแล

คือผู้หญิง มีสิ่งให้คิดถึง ท้องทะเลยามค่ำคืน ส่งสายตาซึ้งมองมา

บ่อยครั้ง ที่แอบร้องไห้ ด้วยไม่อาจทานไหว กับหัวใจไม่รักดี

ช่างมันเถอะนะ เวลาผ่านมานานแล้ว เคยคุ้นกับความรัก ราคาแสนแพง ก็ยังถูกเยื้อแย่งเอาไป

เก็บกอดความอ่อ่นไหว เก็บมาพกใจจนหวาม เหมือนฟ้าสีงาม เมื่อยามใจมีรัก


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 21:53:49


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#5
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:09

#5 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:09 ]





รักเศร้าๆของตุ๊กตาในโลกไซเบอร์

สวัสดีครับ ผมชื่อ นัท อย่ารู้ชื่อจริงของผมเลย ไม่เพราะนักหรอก เรียกผมสั้นๆว่า นัท ก็พอ ผมเป็นใครน่ะเหรอ ก็ผู้ชายธรรมดาคนนึง อายุ 25 แล้วล่ะครับ มีงานทำแล้วด้วย ตอนนี้ก็เป็นสถาปนิกหนุ่ม รูปหล่อ ไฟแรง แหม…ผมไม่อยากจะคุยเลยจริงๆนะครับ

วันนี้ผมมีเรื่องรักในโลกอินเตอร์เน็ตมาเล่าให้ฟัง

ผมทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์วันละเกือบ 12 ชั่วโมง ก็ทั้งเขียนโปรแกรมเอย เขียนแบบเอย มากมายน่ะ ผมเบื่อที่จะต้องนั่งเฉยๆ แม้จะมีเวลาพูดกับเพื่อนร่วมงานบ้าง ก็นับคำได้เลยครับ
คุณคงรู้จักโปรแกรม MSN Messager ใช่มั้ยครับ โปรแกรมแชท ที่จะทำให้คุณได้เปิดโลกแคบๆในห้องสี่เหลี่ยม เพื่อไปรู้จักกับผู้คนได้มากมาย ไม่ว่าคนๆนั้นจะอยู่ ณ มุมใดของโลก
ผมเพิ่งจะมาติดโปรแกรมนี้อย่างมาก และถึงขั้นขาดไม่ได้ไปแล้ว
ผมติดตุ๊กตาอยู่ตัวนึงครับ… เธอ คือ ตุ๊กตา ของผม
ผมเริ่มเล่น MSN เมื่อปีที่แล้ว ถึงตอนนี้ก็ประมาณ 10 เดือนได้แล้วครับ เพื่อนผมบอกว่าน่าจะลองเล่นดู เขาก็เล่นอยู่ คุยกับสาวมหาวิทยาลัย หน้าตาน่ารักมากเลย ผมเคยเห็น เขาบอกว่าผมเครียดกับงานมากไป วันๆก็ไม่ค่อยพูดกับใคร เขากลัวผมจะเป็นใบ้ ไร้ชีวิตชีวาไปซะก่อน ก็เลยแนะนำมา เขาไม่รู้หรอกว่า มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของเขา มันทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปแบบไม่มีวันหวนคืน
วันแรกที่ผมติดตั้งโปรแกรม ก็ไม่มีอะไร ผมไม่ได้คุยกับใคร เพราะผมยังไม่มีรายชื่อของใครเลย วันต่อมาเพื่อน 3 คน ในออฟฟิศก็ add ผม ก็คือการเอาชื่อผมไปใส่ใน contact list ของเขานั่นแหละครับ วันนั้นเซ็งหนักกว่าเก่า เพราะเพื่อนๆผมเอาแต่ส่งข้อความไร้สาระสิ้นดีมาให้ ผมไม่เป็นอันได้ทำงานเลยครับ
วันต่อมา ผมกะเอาไว้ว่าจะลบโปรแกรมนี้ออกไปซะที ก็ปรากฎว่า พอเปิดโปรแกรม เข้าอินเตอร์เน็ต ก็มีคน add ผม เป็นคนที่ผมไม่รู้จักมาก่อนเลยครับ ชื่อที่ขึ้นคือ Cyber Doll
ผมเห็นเขาออนไลน์อยู่พอดี จึงทักไป
Nut say : who are you ?
คือ ผมไม่ได้อยากจะกระแดะใช้ภาษาฝรั่งหรอกนะครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเค้าเป็นคนไทย หรือต่างชาติ หรือคนไทยแต่อยากเป็นต่างชาติ อาจอ่านภาษาไทยไม่ออกก็ได้
Cyber Doll say : Cyber Doll…
Nut say : I knew that your name is Cyber Doll.. I just want to know who are you.. why do you add me.. Do I know you before?
Cyber Doll say : I don’t know you.. that’s why I’m here..
ผมว่าเขากวนมาก แต่ผมไม่ยอมแพ้ ถามไปถามมาซักพักเขาก็ตอบเข้าเรื่องได้
คุยไปก็รู้ว่า เป็น เธอ… คือเป็นผู้หญิงน่ะครับ เป็นคนไทยนี่แหละ อายุ 21 เรียนอยู่ที่ฝรั่งเศสครับ แล้วผมก็ไม่รู้อะไรอีกเลยในวันนั้น เราคุยกันไม่นานเธอก็ขอตัวไป บอกว่าต้องไปทำธุระ
จะว่าไปผมก็ไม่สามารถบอกว่าผมรู้อะไรได้เต็มปากนักหรอกนะครับ ในโลกของไซเบอร์ มันจะมีอะไรจริง ตอนนั้นผมบอกกับตัวเองอย่างนั้น ตอนนี้ผมไม่อยากคิดถึงมันเลย… จะจริงหรือไม่จริง มันไม่ได้สำคัญอีกแล้วครับ
วันต่อมาผมก็ทำงานตามปกติ แล้วก็เปิดโปรแกรม เธอก็ออนไลน์เช่นเดิม วันนี้เราคุยกันด้วยภาษาไทย
เธอเรียกผมว่า พี่นัท ครับ ส่วนผมเธอบอกว่าให้เรียกเธอว่า ตุ๊กตา ผมถามว่า นั่น เป็นชื่อของเธอจริงหรือ เธอตอบว่าถ้าเชื่อมันก็จริง ผมบอกไม่ถูกว่าตอนนั้นผมรู้สึกอย่างไร แต่ผมบอกได้คำเดียว ว่าตอนนั้น
ผมไม่เชื่อเลยซักนิด!!!
วันนั้นเราคุยกันออกรส ผมถามว่าทำไมเธอถึงต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนไกลถึงเมืองนอกเมืองนา บ้านเรามหาวิทยาลัยดีๆก็มีออกมากมาย หรือว่าเธอได้ทุน
เธอตอบว่า เธอเกลียดระบบการศึกษาของไทย ผมไม่อยากบอกถึงเหตุผลว่าทำไม เพราะคงไม่ดีแน่ๆหากใครในกระทรวงศึกษามาอ่านเข้า
ผมไม่รู้อะไรมาเข้าสิง มาดลใจ ผมบอกได้เลยว่า ผมไม่มีอะไรปิดบังเลยแม้แต่น้อย ผมบอกความจริงกับเธอทุกเรื่อง เรื่องบางเรื่องแม่ผมยังไม่รู้เลย แต่เธอก็ได้รู้!
ผมไม่เคยเห็นรูปเธอ แต่เธอเห็นรูปผม เพื่อนผมถ่ายไว้ตอนที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เธอเคยบอกว่าผมเป็นคนหน้าตาดี แต่เสียดายที่ท่าทางคงจะยิ้มยาก ผมถามว่าทำไม เธอบอกว่าเพราะผมคงจะเครียดกับการทำงานทั้งวัน เธอเจอผมวันละ 3 ครั้ง เธอบอกว่าทุกครั้งก็เห็นผมใส่ว่า busy ถ้าไม่ได้ทำงานหนัก เครียดมาก ก็คงไม่ใส่ไว้แบบนั้น และคนเครียดก็มักไม่ยิ้ม ผมบอกว่าไม่จริง ผมยิ้มออกบ่อยไป แต่เธอไม่เห็นเอง
เธอบอกว่า อย่ามาโกหก เธอรู้สึกได้…
เธอรู้สึกได้ยังไง มาเข้าใจอะไรได้ยังไง เธอกล้าดียังไงมาบอกว่าผมโกหก เธอไม่ได้รู้จักผมดีด้วยซ้ำไป!
เวลาผ่านไปเดือนนึง เร็วมาก เร็วจนผมไม่รู้สึกตัวเลยว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ผมเล่น MSN ทุกวัน
เล่นเท่ากับเวลาที่ผมทำงาน นั่น คือ ตั้ง แต่ 10 โมงเช้า จนถึง ทุ่ม นึง
ผมลองมานั่งคิดๆดู ผมคุยกับเธอวันละไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงตั้งแต่ บ่าย 3 โมงไปจนถึงเลิกงาน บางทีก็นานกว่านั้น ผมเคยถามว่าเธอเรียนตอนไหน เพราะเท่าที่รู้ ถ้าที่เมืองไทยเป็นตอนบ่าย ที่นั่นก็เพิ่งจะเช้า เธอบอกว่าแล้วแต่วัน บางวันเรียนเช้า บางวันเรียนบ่าย บางทีเธอก็ไม่เรียน ผมบอกว่าไม่เรียนได้เหรอ ไม่ดีนะ
เธอบอกว่า คนที่ไปเรียนทุกวัน ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นคนดี…
วิถีชีวิตของเธอแปลก ผมบอกไม่ถูก เธอดูไม่สนใจกับกฎเกณฑ์ที่โลกนี้มี เธอมีทางดำเนินชีวิตของเธอเอง ครั้งนึงเธอบอกผมว่า ถ้าเธอมีคนรัก เธอจะไม่แต่งงาน ผมถามว่าทำไม เธอบอกว่าเธอไม่ชอบพิธีแต่งงาน ไม่ชอบคำพูด คำมั่นที่บ่าวสาวต่างมีให้กันในวันแต่งงาน แต่พอหมดรัก คำเหล่านั้นก็ดูจะไม่มีความหมาย เธอไม่ชอบงานเลี้ยง มันเหมือนว่าการที่คนสองคนจะมารักกัน ทำไมต้องมานั่งป่าวประกาศให้คนทั้งโลกรู้ ต้องเสียเงินทองมากมาย แล้วก็มานั่งช่วยกันเก็บหอมรอบริบกันใหม่ แหวนแต่งงานก็เหมือนโซ่ เหมือนบ่วง เหมือนสัญลักษณ์ แสดงความเป็นเจ้าของ เธอบอกว่ามันไม่ต่างอะไรกับการที่เราซื้อปลอกคอให้สุนัข!!
เธอไม่ชอบการฮันนีมูน หรืออะไรก็ตามที่เป็นประเพณีนิยม ผมถามว่าแล้วเธอจะทำยังไง ถ้าไม่แต่งงาน
เธอตอบมาสั้นๆว่า เธอจะรักคนรักของเธอคนเดียว จนวันตาย…
เชื่อมั้ย ว่าคุยกับเธอตั้งนาน ผมก็รู้แค่ชื่อ ตุ๊กตา กับประวัติเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ผมไม่กล้าจะถามอะไรมากนัก ผมคิดว่าผมควรเคารพในความสัมพันธ์นี้ มันเปราะบางมาก ถ้าผมล้ำเส้น ผมอาจเสียเธอไปก็ได้…
ผมชอบความคิดของเธอ เธอไม่เหมือนใคร ความคิดของเธอแหวกแนว จนบางครั้งก็ดูจะมองโลกในแง่ร้ายไปบ้าง แต่ไอ้ความที่เธอมองโลกไม่เหมือนใครนี่แหละ มันยิ่งทำให้ผมอยากรู้จักกับเธอมากขึ้น อยากจะรู้ว่าอะไรทำให้เธอมองโลกแบบนั้น
ผมรู้สึกว่าผมอยู่ในที่ๆสว่างมาก เหมือนยืนอยู่บนเวที มีสปอตไลท์จับจ้าอยู่ที่ผม ส่วนเธอ ก็เป็นคนฉายสปอตไลท์ ผมไม่เคยเห็นหน้าเธอชัดสักที… เธออยู่ในที่ๆทั้งมืด และสูง ผมมองไม่เห็น เอื้อมไม่ถึง
คุยกันได้สามเดือน ผมก็ตัดสินใจ กลั้นใจขอที่อยู่ของเธอ ผมอยากจะรู้จักเธอมากขึ้น เธอถามว่า จะขอไปทำไม ไม่เชื่อหรือว่าเธออยู่ฝรั่งเศส หรือว่าจะบินมาหาเธอ
ผมบอกว่ามันใกล้เทศกาลวาเลนไทน์แล้ว ผมอยากส่งการ์ดให้เธอ เธอก็เฉไฉไป บอกว่าส่งมาทางเมลล์ก็ได้ ผมบอกว่าไม่เหมือนกัน ยื้ออยู่พักนึงเธอก็ให้ เธอยังคงใช้ชื่อ Cyber Doll ผมนึกว่าผมจะได้รู้จักชื่อจริงของเธอ ผมถามว่าให้ส่งไปชื่อนี้น่ะ เหรอ แล้วจะรู้เหรอว่าใครเป็นใคร ไปรษณีย์เขาส่งเหรอ เธอบอกว่ามีที่อยู่ถูกต้องเขาก็ส่งหมดแหละ
และที่สำคัญ เธอรู้ว่าตัวเองเป็นใคร คนอื่นจะรู้หรือไม่ ไม่สำคัญ
บางครั้งผมก็นั่งนึกน้อยใจ นึกสงสัย ว่าทำไมผมถึงต้องง้อ ต้องคุยกับเธอ เธอน่าจะเป็นคนที่ง้อผม คุยกับผม ชวนผมคุยมากกว่า เพราะเธอเป็นคนที่อยากจะรู้จักผม เข้ามาหาผมก่อน แต่ไปๆมาๆ ผมเองกลับเป็นคนที่ติดเธอ ผมอยากรู้จักเธอ ผมอยากจะเจอเธอจริงๆ
ผมไปเลือกการ์ดที่สวยที่สุด ดีที่สุด แพงที่สุดให้เธอ
การ์ดของผมไปถึงหลังวันวาเลนไทน์เล็กน้อย
เธอบอกว่าชอบมาก แล้วก็ถามว่าทำไมถึงส่งการ์ดใบนี้ให้เธอ ผมบอกว่าการ์ดใบนี้พิเศษ ผมหาการ์ดสวยๆทั่วทั้งร้าน มีแต่ใบนี้เท่านั้นที่มีใบเดียว ผมคิดว่ามันสวย และเหมาะกับเธอ
ข้อความข้างใน คือ … to my special friend
ผมแค่ลงชื่อไว้ข้างท้าย ไม่ได้เขียนอะไรลงไปอีก ผมบอกว่าสิ่งที่พิเศษ ย่อมเหมาะกับคนพิเศษ เธอถามอีกว่า ทำไมถึงบอกว่าเธอพิเศษ ผมตอบกลับไปว่า สำหรับผม เธอไม่เหมือนใคร เธอลึกลับ น่าค้นหา เธอมีอะไรซ่อนเร้นไว้มากมาย ผมอยากรู้จักเธอมากขึ้น ดังนั้นเพราะความที่เธอไม่เหมือน ผมจึงรู้สึกพิเศษต่อเธอ ผมถามเธอกลับว่าผมล่ะ เป็นแค่ไหน เป็นอะไรสำหรับเธอ
เธอตอบว่า สิ่งนี้อยู่ในใจเธอ เธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันพิเศษหรือไม่ และถึงบอกไป ผมอาจไม่เชื่อ สิ่งที่เราสองคนน่าจะพอใจ ไม่ใช่ความพิเศษ พิสดาร พิศวง หรือความในใดๆ เราควรพอใจในมิตรภาพที่ดีที่เรามีให้กัน และมันกำลังก่อตัวช้าๆ นี่คือ สิ่งที่ตอบแทนกันได้เป็นอย่างดี
อาทิตย์ถัดมา ผมได้รับโปสการ์ดภาพถ่ายขาว-ดำหนึ่งใบจากเธอ เป็นภาพถ่ายต้นสนที่สูงใหญ่มาก มีข้อความเขียนไว้ว่า

I used to sit under this pinery…

ผมถามว่าทำไมถึงส่งโปสการ์ดนี้มาให้
เธอบอกว่าถ้าผมอยากรู้จักเธอมากขึ้น เธอก็อยากจะให้ผมเริ่มจากการรู้จักสถานที่ๆเธอชอบไปก่อน จะได้รู้จักเธอในมุมที่ไม่เคยเห็น ได้เห็นภาพกว้างขึ้น จินตนาการได้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน
หลังจากนั้นผมก็ได้รับโปสการ์ดจากเธอมากมาย เป็นภาพสถานที่ต่างๆ แต่ในภาพเหล่านั้นไม่เคยมีรูปเธอเลย ผมถามว่าทำไมถึงไม่มีรูปของเธอบ้าง เธอตอบว่าถ้าภาพลักษณ์ รูปลักษณ์มันสำคัญกับผมมากนัก เธอจะไม่คุยกับผมอีก ผมบอกว่าทำไมถึงให้รูปของเธอกับผมไม่ได้ มีแต่เธอที่เห็นผมอยู่ฝ่ายเดียว มันไม่ยุติธรรม ถ้าเราจะคบกัน เราก็น่าจะเปิดเผยจริงใจกันให้มากกว่านี้
เธอบอกว่าถ้าความจริงใจวัดกันแค่รูปถ่ายของเธอ ก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกัน…
แล้วเธอก็หายไป ผมไม่เป็นอันทำอะไร ผมเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เธอจะออนไลน์ เมื่อไหร่เธอจะส่งจดหมาย หรืออะไรก็ได้มาหาผม หรือว่าเธอบล็อกผมไปแล้ว ผมเอาแต่นั่งคิดเรื่องเหล่านี้ทั้งวัน
แล้วเย็นวันหนึ่งหลังจากที่เราไม่ได้คุยกันมาเกือบ 2 อาทิตย์ ผมได้รับจดหมายจากเธอ…

ถึง พี่นัท

ขอโทษด้วยที่อยู่ดีๆ ก็หายไปแบบนี้ แต่นี่คือ ความจริง ในความไม่จริงทั้งหลายในโลกเรา
เราต่างก็อยู่บนโลกเดียวกัน โลกแห่งความฝันและ ไซเบอร์ พอออกจากโลกนี้ เราก็มีชีวิตของเรา มีสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน ความสัมพันธ์นี้จะอยู่ในโลกแห่งไซเบอร์เท่านั้น หากพี่คิดจะดึงมันออกมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง เชื่อเถิดว่า มันจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้ในโลกอันแสนโหดร้ายนี้
ถ้าพี่เห็นด้วย ก็รออยู่ที่เดิม
เมื่อพร้อมแล้วเราจะกลับมาคุยกัน

ตุ๊กตาในโลกไซเบอร์

สองวันต่อมาเธอออนไลน์ ผมขอโทษเธอ และขอให้เรากลับมาคุยกันเหมือนเคย เธอบอกว่าไม่จำเป็นต้องมาขอโทษ ไม่จำเป็นต้องมาแคร์ ผมบอกว่าผมแคร์เธอ เธอบอกว่าอย่าพูดแบบนั้น เธอหนักใจ และรับไม่ไหว เธอไม่ได้มีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงของผม ผมไม่ควรทำอะไรให้ยุ่งยาก
ผมไม่เข้าใจว่ามันมีอะไรทำให้เธอกลัวการออกมายืนกลางแสงสว่างนัก ทั้งๆที่มันก็แสนจะอบอุ่น และสดใส ดีกว่าที่ๆเธออยู่ ผมว่ามันคงจะทั้งมืดหม่น หนาวเหน็บ และโดดเดี่ยว ผมรู้สึกเช่นนั้น
เราคุยกันเหมือนเดิมจนเวลาล่วงเลยไป ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเราคุยกันมานานมากแล้ว ตั้งแต่วันแรก
จนตอนนี้ก็ 10 เดือนพอดี วันนี้ผมก็ยังคงนั่งเปิดคอม เปิด MSN รอเธอเช่นเดิม แต่เพราะเป็นวันเสาร์ ผมจึงนั่งเล่นอยู่ที่บ้าน เธอยังไม่ได้ออนไลน์ เพราะเพิ่ง บ่าย 2 เท่านั้น ผมเหลือบออกไปที่หน้าต่าง เห็นไปรษณีย์เดินมาที่หน้าบ้าน เอาจดหมายมาหย่อนใส่ตู้หน้าบ้านให้ผม
ผมจึงรีบลงไปรับทันที
ผมได้รับจดหมายที่ไม่ได้เขียนที่อยู่ แต่มีชื่อผู้ส่ง ชื่อคือ นิลเนตร ชื่นตา
ผมเปิดซองจดหมายออก ผมก็พบโปสการ์ดรูปถ่ายขาว-ดำเช่นเคย รูปที่ผมได้รับ ทำให้ผมแทบทรุด
เป็นรูปของเด็กผู้หญิง อายุซัก 18 ได้ หน้าตาเธอดูสวย แต่ซูบผอม เธอนั่งอยู่บนเตียง ร่างกายเธอมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด มีขวดน้ำเกลือ ห้อยอยู่ข้างเตียง มีเครื่องวัดอะไรต่างๆอยู่อีกด้าน บนตักของเธอมีคอมพิวเตอร์ฉบับกระเป๋าวางอยู่
ในซองมีจดหมายอีกหนึ่งฉบับ…
ถึง พี่นัท

ขอโทษค่ะ
หนูไม่ได้อยากโกหก หรือหลอกลวงอะไร เพียงแต่หนูมีความจำเป็น
ซึ่งพี่ก็คงเห็นแล้วว่าคือ อะไร
หนูไปเรียนก็ไม่ได้ แค่นั่งหายใจเฉยๆยังยากเลย ตอนนี้หนูพักรักษาตัวอยู่ที่ฝรั่งเศส คุณแม่หนูเป็นคนฝรั่งเศสค่ะ หนูเคยไปไทย 2 ครั้งตอนยังเด็ก แต่อากาศไม่ดี หนูจึงต้องย้ายกลับมาที่นี่
พี่นัทเป็นคนดี น่ารัก สุภาพมาก แล้วก็หล่อด้วย
หนูชอบคุยกับพี่มากค่ะ พี่เป็นเพื่อนแชทเพียงคนเดียวของหนู และเป็นคนเดียวที่หนูไม่ควรที่จะโกหก หรือหลอกลวง แต่เพราะหนูกลัวว่าจะเสียพี่ไป ถ้าหนูพูดความจริง
พี่จะโกรธหนูก็ไม่ว่า แต่อย่าลืมว่าโลกแห่งไซเบอร์เราเลือกที่จะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็ได้ ถ้าพี่เลือกที่จะเชื่อ ในโลกใบเล็กนั้น หนูก็ยังคงเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย อายุ 21 ปี เรียน รักการถ่ายรูป และชอบเล่น MSN ถ้าพี่เลือกที่จะไม่เชื่อ พี่ก็จะพบกับเด็กสาวผู้อาภัพ ถูกรุมเร้าด้วยโรคร้ายแรง ผู้ที่ไม่เคยได้ก้าวออกจากห้องผู้ป่วยเป็นเวลาเกือบปีแล้ว มีเพียงโน้ตบุ๊กเป็นเหมือนเพื่อน
เลือกเอา…
หนูบอกแล้ว ว่าโลกแห่งความเป็นจริงมันโหดร้าย
หนูพยายามจะหนีมันไปให้ได้ แต่ก็คงไม่พ้น
หนูเป็นเพียงตุ๊กตาตัวนึง ที่โลดแล่นอยู่ในโลกใบเล็กนี้
ในโลกแห่งไซเบอร์ หนูจะเป็นอะไรก็ได้ที่หนูอยากเป็น จะไปไหนก็ได้ จะคุยกับใครก็ได้ และหนูคิดว่าคงเป็นอะไรซักอย่างที่ทำให้เราได้มาพบ ได้มารู้จัก ได้มาคุยกัน
และพลังนั้นทำให้หนูมีชีวิตได้ต่อ แม้ไม่นานนัก แต่หนูก็มีความสุข
อาทิตย์หน้าหนูจะผ่าตัด มีคนบริจาคไตให้หนู และหวังว่ามันคงจะเข้ากับร่างกายของหนูได้ ช่วยอวยพรให้การผ่าตัดสำเร็จด้วยนะคะ หนูจะได้มีโอกาสกล่าวคำว่า ขอโทษ และขอบคุณกับพี่อีก
หนูอยากจะพูดขอโทษ 10 ครั้ง และ ขอบคุณซักร้อยครั้งพันครั้ง
เพราะพี่ หนูถึงมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
พี่ทำให้หนูรู้จักว่าการจะรักใครซักคน มันเป็นยังไง
มีความสุขมากมายแค่ไหน ขอบคุณจริงๆนะคะ

หนูจะไปถ่ายเลือดแล้วค่ะ เอาไว้ถ้าหนูยังมีชีวิตอยู่ อาทิตย์หน้าเราค่อยคุยกัน

ตุ๊กตาในโลกไซเบอร์
ผมบอกไม่ถูกว่าผมรู้สึกยังไง ผมไม่รู้สึกโกรธ หรืออะไรทั้งนั้น ในหัวของผมว่างเปล่า
ผมคิดถึงสิ่งที่ผ่านมาตลอด 10 เดือน เหตุการณ์ต่างๆ อะไรก็ตามที่ผมพลาดไปตอนที่ผมมัวแต่นั่งแชท นั่งฝันอยู่ ผมเฝ้าบอกตัวเองว่าไม่ให้เชื่ออะไรก็ตามในโลกแห่งไซเบอร์นี้ แต่กว่าจะรู้ตัว ผมก็จมหายเข้าไปในโลกแห่งนี้ซะแล้ว
ผมถามคำถามกับตัวเองหลายอย่าง จนกระทั่งมาหยุดที่คำถามที่ว่า
ผมรู้สึกยังไงกับเธอ…
มันก็ย้อนกลับไปในสิ่งที่เธอเคยถามผม ว่าภาพลักษณ์สำคัญกับผมนักหรือ
ผมรู้ตัวว่าผมรักเธอ แล้วผมรักเธอก่อนที่ผมจะเห็นรูปเธอไม่ใช่หรือ แสดงว่า ความรัก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่จับต้องได้ใช่มั้ย มันเป็นเรื่องของความรู้สึก และความศรัทธาเพียงอย่างเดียว
ผมลองทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ว่าความรักที่ผมมีต่อเธอหายไปหรือยัง
ผมว่าไม่ และผมยิ่งรู้สึกว่ามันเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ผมจึงตัดสินใจ ณ วินาทีนั้น ว่าผมต้องทำสิ่งที่ผมควรทำ….

ผมวิ่งขึ้นไปบนบ้านเก็บเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋า หา passport เอาของที่จำเป็นทุกอย่างใส่กระเป๋าสะพาย พร้อมทั้งโปสการ์ดทั้งหมดที่เธอให้ผม ผมนำมันไปด้วย
ผมเอาสัมภาระทุกอย่างใส่ท้ายรถแล้วขับมุ่งตรงไปสนามบินทันที….

ผมหลับไปนานพอสมควร ถึงแล้วหรอนี่ ผมต้องตามหาเธอ ใช่แล้วผมรักเธอแล้ว เธอไม่นะ เราต้องไปให้ทัน ถึงเธอไม่ชอบอะไรในตัวผมแต่ผมเชื่อว่าผมต้องเจอเธอแล้วเธอต้องรักผมแล้วผมจะขอเธอแต่งงาน เงินที่เก็บมาทั้งหมดผมจะมอบให้เพียงคนที่ผมรักเท่านั้นคือเธอเธอไงที่จะได้ของจากฉันเป็นคนแรก ฉันตั้งเป้าหมายว่า เธอคือคนที่ฉันจะให้แทนคำว่า ฉันรักเธอ เธออยู่นั่นใช่ไหม นั่นเธอหรือเปล่า พี่นัทพี่มานี่ได้ยังไง พี่ไม่อยากจะพูดอะไรพี่มีอะไรจะควับนัทรีบหยิบกล่องออกมาจากกระเป๋าแต่งงานกับพี่นะครับ แหวนนัทยอมมอบแหวนเพชรส่องประกาย ให้แก่เธอ ความรักสินะไ่ม่มีใครรู้ได้ว่าทั้งคู่แม้จะเป็นตุ๊กตาหรือมนุษย์ แต่ไม่มีอะไรสามารถหยุดกลั้นพวกเขาได้จึงเรียกว่า
ความรักชนะทุกอย่าง

จบย้ำำำำำำำำำๆๆๆๆๆๆๆอ่านให้จบนะครับบ




แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 22:09:39
suckseed22


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#6
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:25

#6 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:25 ]





เกาะแห่งความรู้สึก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีเกาะแห่งหนึ่งซึ่งรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดอาศัยอยู่ด้วยกัน
ความสุข ความเศร้า ความรู้ และอื่นๆ รวมทั้งความรัก
วันหนึ่งมีประกาศไปยังความรู้สึกทั้งหมดว่าเกาะกำลังจะจม
ดังนั้น ทั้งหมดจึงได้เตรียมเรือเพื่อที่จะหนีออกจากเกาะ
ความรักเท่านั้นที่ตัดสินใจอยู่บนเกาะความรักต้องการที่จะอยู่จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย
เมื่อเกาะเกือบจะจมแล้ว
ความรักจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือ…
ความรวยแล่นเรือผ่าน ความรวยตอบว่า
"ไม่ได้หรอก. ฉันรับเธอไม่ได้หรอกเพราะเรือฉันน่ะเต็มไปด้วยทองและเงินแล้ว
มันไม่มีที่ให้คุณ "
ความรักตัดสินใจจะถามความเห็นแก่ตัวซึ่งผ่านมาเหมือนกันด้วย
"ความเห็นแก่ตัวช่วยฉันด้วย "
"ฉันช่วยคุณไม่ได้หรอกความรัก คุณน่ะทั้งเปียกอาจจะทำให้เรือฉันเปียกด้วย"
ความเศร้าได้พายเรือใกล้เข้ามาความรักก็ได้เอ่ยขอความช่วยเหลืออีก
"ความเศร้าอนุญาตให้ฉันขึ้นเรือคุณนะ "
"โอ้ความรักฉันกำลังเศร้ามากเลยฉันต้องการอยู่คนเดียวขอโทษนะ "
ความสุขได้ผ่านความรักไปเหมือนกัน
แต่เขาไม่ได้ยินแม้เสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือของความรักเพราะมัวแต่กำลังสุข
ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
"มานี่ความรักฉันจะรับคุณไปเอง "
เสียงนั้นเป็นของคนแก่คนหนึ่ง
ความรักรู้สึกขอบคุณและดีใจเป็นอย่างมาก
จนลืมถามชื่อว่าใครคือผู้ใจดีผู้นั้น
เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินที่แห้ง คนแก่ก็จากไปตามทางของเขา
ความรักนึกขึ้นมาได้ว่าลืมถามชื่อชายแก่คนนั้น
ความรักจึงถามความรู้และคนแก่คนอื่น ๆ ….
"ใครเหรอที่เป็นคนช่วยฉัน "
ความรู้ตอบอย่างภาคภูมใจในความรอบรู้ของตนเองว่า " เวลา "
ความรักถามต่อว่า
"แต่ทำไมเวลาถึงช่วยฉันละ "
ความรู้ยิ้มในความรอบรู้ของตัวเองแล้วตอบความรักว่า
"ก็เพราะว่าเพียงเวลาเท่านั้นที่เข้าใจว่า.....ความรักยิ่งใหญ่แค่ไหน..."
แต่ว่า...มีสิ่งหนึ่งที่เราอาจลืมเลือนไป
ถ้าหากจะไม่กล่าวถึงเสียเลย
ขณะที่ความรักกำลังมองหาคนช่วยออกจากเกาะ
ความรักคงยุ่งอยู่กับการมองหาผู้อื่น..
จนลืมมองมาที่ความเป็นเพื่อน...
ซึ่งเลือกที่จะอยู่เคียงข้างความรักตั้งแต่แรกแล้ว
เพราะความเคยชินจึงทำให้ความรักมองไม่เห็นความสำคัญของความเป็นเพื่อน...
ในขณะที่ความรักจากไปพร้อมกับเวลา
ความเป็นเพื่อนรู้สึกดีใจมากที่ความรักปลอดภัยและแม้จะต้องห่างกัน
แต่ความเป็นเพื่อนกลับรู้สึกเป็นสุขเพราะความเป็นเพื่อนรู้ดีว่า..
ถึงแม้เกาะนี้จะจมลงไปชั่วนิรันดร์
แต่...ความเป็นเพื่อนจะยังเป็นอมตะในใจของความรักตลอดไป
แม้จะไม่ยิ่งใหญ่.....แต่จะคงอยู่เคียงข้างความรักเสมอ
ความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตน...ไม่จากไปเหมือนกาลเวลา
ความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตน...ไม่รังเกียจกันเหมือนความเห็นแก่ตัว
ความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตน...ไม่แบ่งชั้นกันเหมือนความรวย
ความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตน...ไม่อ้างว้างเหมือนความเศร้า
และความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตน...ไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนความสุข
ทั้งนี้ก็เพราะ... " ความเป็นเพื่อนจะอยู่ในใจตลอดไป "

ย้ำๆๆๆๆอ่านให้จบ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 21:43:29
EveLoveOhm


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#7
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:25

#7 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:25 ]





ดินสอกดแห่งคำสัญญา


เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้น.. เมื่อตอนที่ผมขึ้น ม.ปลาย หลังจากที่ผมติดโควต้า ได้เรียนในชั้นม.ปลายของ
โรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในตัวเมืองของจังหวัดบ้านเกิดผม ที่นี่ เป็นโรงเรียนสำหรับคนที่จัดว่า “ รวย ”
หรือไม่ก็ “ พ่อ-แม่ เป็นคนใหญ่คนโต ” จะมาเรียนกัน ส่วนผมน่ะเหรอ.. ผมก็แค่ลูกชาวไร่ธรรมดา ที่มีฐานะแค่
กลางๆ แต่แค่โชคดีที่ตอนม.ต้น ผมทำคะแนนใว้ถึงขั้น เลยได้มาเข้าเรียนที่นี่กะเค้าด้วย.. การเรียนในเทอมแรก
ของผมดูราบเรียบมาก ที่นี่สังคมดูแปลก ไม่เหมือนอย่างที่ผมเคยเห็น มันเต็มไปด้วยการแข่งขัน ผู้หญิงและผู้ชาย จะคบเพื่อนเพศเดียวกัน มีเพียงไม่กี่คนที่คบเพื่อนต่างเพศ ทั้งห้องถูกแบ่งออกเป็นก๊กต่างๆ ซึ่งสามารถสังเกตได้ว่า
กลุ่มนี้สนิทกัน ทุกคนจะปรับตัวเข้าหากันได้ไม่ยาก เว้นเพียงแต่ .. ผม คนเดียว
ตอน ม.4 เทอมแรก ผมยอมรับว่าผมทำตัวไม่ค่อยดี ผมไม่ค่อยตั้งใจเรียนเลย เพราะช่วงนั้นเกมส์
ออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมอย่าง RO (แรคนาร๊อค ออนไลน์) ทำให้เด็กวัยหัวเลี้ยวหัวต่อย่างผมหลงไหลมันจนแทบ
จะไม่ได้สนใจการเรียน และการบ้านที่ครูให้เลย ตอนนั้นผมคบใครไม่ได้ซักคน เพราะเพื่อนๆ ที่คุยด้วย ล้วนแต่เป็น
เด็กเรียนทั้งนั้น จึงไม่มีใครรู้เรื่องแรคหรอก สรุปว่า ผมไม่ค่อยมีเพื่อนที่สนิทจริงๆ จังๆ ซักคนเดียว แถมเมื่อจบ
เทอมนั้นผมก็ต้องพบกับเรื่องที่ไม่ดีนัก เมื่อผลการเรียนที่เคยอยู่ตัว พอดูได้ กลับกลายไปเป็น.. แย่มาก (ไม่ขอเอ่ยออก
มาเป็น ตัวเลข -_- ) สิ่งนั้นทำให้ทุกคนในห้อง เริ่มมองผมด้วยสายตาแปลกๆ จากนั้นเป็นต้นมา
ในท้ายที่สุด ผมก็รู้ว่าเพื่อนๆคิดอะไรอยู่ เพราะผมรู้สึกว่าทุกคนมองผมเหมือนไม่ได้มีตัวตนอยู่ใน
ห้อง ผมพยายามทวงถามกับเพื่อน คนที่ผมคิดว่าน่าจะสนิทที่สุด(แม้ว่าจะไม่มากก็ตามที) ว่าทำไมเพื่อนๆทำแบบนี้
กับผม เค้าก็ให้คำตอบที่ผมไม่อยากได้ยินออกมา..

“ ก็นาย มัน Low Class นี่ คนแบบพวกเราไม่ลดตัวลงไปคบหรอก ”

นี่คือคำตอบที่ผมได้รับ แล้วผมก็เข้าใจแล้ว ว่าไอที่เพราะผมมันจน แล้วก็ไม่ตั้งใจเรียนแบบพวกเค้า
แถมใช่ลูกคนใหญ่คนโต ไม่ได้เป็นลูกนายพัน ไม่ได้เป็นลูกเจ้าของกิจการร่ำรวย มันทำให้ผมถูกมองว่า.. ผมเป็น สวะ
ผมรู้สึกผิด.. และพยายามแก้ตัว ด้วยการกลับมาตั้งใจเรียน ลดเวลาที่ใช้เล่นเกมส์ออนไลน์ลง และพยายามกลับมา
หากลุ่มเพื่อนๆ แต่ว่าสิ่งที่ผมพยายามทำเพื่อแก้ตัวนั้น กลับกลายเป็นแค่เพียงลมวูบเดียว ไม่มีค่าอะไรเลย เพราะพวก
เค้าก็ยังไม่ยอมรับผมอยู่ดี นั่นทำให้ผมต้องพบกับความเลวร้ายมากมาย หลังจากนั้นเป็นต้นมา

เมื่อมีงานที่ต้องทำเป็นกลุ่ม ผมมักจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับคับให้เข้ากลุ่ม แถมเป็นครูที่เลือกกลุ่มให้
เพราะไม่มีใครยอมรับผมเข้ากลุ่มเลย เพราะพวกนี้คิดว่าผมคงจะเข้าไปกินแรงไม่ยอมทำงาน ผมมีสภาพเหมือนกับ
เด็กเลี้ยงแกะ.. ที่ทำผิดไปหนนึงแล้ว ไม่มีใคร ยอมกลับมาใว้วางใจอีก.. บางวิชา ที่อาจารย์ ไม่ได้จริงจังมาก ผมจะ
ต้องทำงานกลุ่มเพียงคนเดียว งานที่คน 7 - 8 คน ต้องรับผิดชอบ (ห้องเรียนผม มีนักเรียน 46 คน) ผมต้องทำเอง
ทั้งหมด แต่จะทำไงได้ เรามันคนนอกสายตานี่นา.. กิจวัตรประจำวันต่างๆในโรงเรียน ผมก็ต้องทำเพียงลำพัง
ทานอาหาร คนเดียว เดินไปห้องเรียนต่างๆ คนเดียว ทำเวรเพียงคนเดียว.. มีอยู่อย่างเดียวที่ผม อยากจะทำคนเดียว
แน่นอน นั่นคือ เข้าห้องน้ำ -_-
ผมใช้ชีวิต แบบ ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม รู้สึกเหงา และ ทรมาณ ทุกครั้งที่เห็นคนอื่นมีเพื่อน และหัวเราะ
ไปกับเพื่อนของเค้า เป็นแบบนี้ มา เทอมนึงเต็มๆ (ม.4 เทอม 2) จนผมขึ้น ม.5 มีนักเรียนใหม่ย้ายมาเข้าโรงเรียนของ
ผมคนนึง เธอได้มาอยู่ที่ห้องผมด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก ผมยาว ตัวเล็ก สูง 160 เอง เธอเป็นคนผิวขาวมาก
จนแทบจะพูดได้ว่า ซีด แต่ก็พอจะมองสีชมพูอ่อนมีเลือดฝาด จากใบหน้าของเธอได้ และข้อมูลอีกข้อที่ผมรู้ คือ
เธอเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรง เธอเรียนเก่งมาก มีคะแนนนำเพื่อนๆในห้องผมไปไกลลิบ เธอได้รับการต้อนรับเป็นอย่าง
ดี เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียว ของ นายแพทย์ ที่ย้ายมาทำงานในโรงพยายาบาลในตัวเมือง ซึ่งถือว่ามีระดับพอที่
พวกเค้าจะยอมรับ.. ผมได้แต่มองเธอ.. แล้วก็นึกในใจไปคนเดียว ว่าเธอช่างโชคดีเสียจริง ที่มีโอกาสได้มีเพื่อน
ผิดกับผม ที่ต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียว.. เอ้อ ผมลืมบอก.. เธอชื่อว่า “ กุ้ง ” ครับ

ในช่วงม.5 เทอม 1 ในช่วงแรกๆ ผมยังคงใช้ชีวิตแบบไร้เพื่อนตามปกติ แต่สิ่งที่ผมเป็นถูกสังเกตเห็น
จนได้โดยสายตาของกุ้ง เธอดูออกว่าเพื่อนๆ แบนผม ทุกครั้งที่ผมทำงานคนเดียว เธอชอบมองหน้าผมแปลกๆ
แววตานั่นดูอ่อนโยนมาก ส่วนผมเมื่อได้มองแววตานั้นแล้ว ก็จะหลบสายตา แล้วก้มหน้าทำงานที่คนหลายๆ คน
ช่วยกันทำ ด้วยตัวเอง หลังจากนั้นไม่นาน กุ้งก็ออกจากกลุ่มที่เธออยู่ ซึ่งประกอบไปด้วย เด็กเรียน 3 คน แรด 4 ตัว
(ขอโทษนะเพื่อน แต่มันเป็นงั้นจริงๆนิ) และเธออีกคน รวมเป็น 8 โดยให้เหตุผลว่า “ เราไม่ชอบเสียงดัง ” ด้วยความ
ที่เป็นคนที่ร่างกายอ่อนแอ การได้รับเสียง กรีดร้อง วี๊ดว้ายกระตู้วู้ จาก แรดในกลุ่มจึงเป็นการรบกวนเธอมาก แต่ผม
ก็ไม่สามารถเดาได้ว่า เธอจะออกจากกลุ่มทำไม แล้วก็ ไปอยู่กับใคร..
เธอ เลือกผม.. เธอมาขอรวมกลุ่มกับผม.. เธอบอกว่าสงสารผม เพราะเห็นผมอยู่คนเดียวเสมอ ผมดีใจมาก
จนเผลอกอดเธอ นั่นทำให้เธอหน้าแดงแล้วก็ผลักผมจนล้ม ก่อนจะพูดว่า “ ไหนๆ มีงานกลุ่มอะไรบ้าง วันนี้เราจะช่วยทุกอันเลย ”
หลังจากที่มีเธอเข้ามาช่วย งานของผมก็เบาลงมาก.. ผมรู้สึกดีขึ้น มันไม่เหงาเหมือนก่อน ผมมีคนคุยด้วย มีที่ปรึกษา
มีคนที่จะเดินคู่ไปด้วยกัน เพื่อจะรับประทานอาหารกลางวัน แต่ยังไม่ต้องการคนที่จะเข้าไปในห้องน้ำพร้อมผมนะ -_-
อยู่มาวันนึง เธอก็ถามผมว่าทำไม ไม่มีคนคบ ผมพยายามเลี่ยงไม่ยอมตอบ หรือเปลี่ยนเรื่องเสมอ แต่เธอก็ไม่ละความพยายาม
เธอสืบจนรู้.. ว่าผม ติดแรคงอมแงม ตอนนั้นผมยังยอมรับว่า ผมนั้นยังคงไปเล่น Rag ในช่วงเย็นของทุกวันอยู่ แม้ว่า
มันจะไม่มากเท่าสมัยก่อน แต่ก็รู้สึกได้ ว่ามันค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะผมมีเพื่อนแล้วมั้ง? ต่อมความตั้งใจ
ของผม จึงค่อยๆ ทำงานลดลง เธอยืนยันว่าจะทำให้ผมหยุดล่น Rag ให้ได้ อย่างน้อย ก็ให้ผ่านพ้นช่วงสอบเอนต์ทรานซ์
ไปก่อนจึงจะวางใจ.. แล้วเธอจะทำไงล่ะ..
วันต่อมา.. เธอซื้อดินสอกด ยี่ห้อ “ ร๊อตติ้ง ” ซึ่งเป็นดินสอคุณภาพดี มาให้ผมแท่งหนึ่ง แล้วบอกผมว่า..

“ กุ้งชอบอ่านนิยายมาก.. เคแต่งนิยายให้กุ้งอ่านหน่อยสิ จะได้ไม่มีเวลาไปเล่นเกมส์ ”

* ผมชื่อ เค นะครับ

เธอใช้วิธีนี้หักดิบอาการติด Rag ของผมซึ่งนั่นทำให้ผม ต้องเข้าห้องสมุดบ่อยมาก เพื่อเริ่มอ่านนิยายแนวต่างๆ
แล้วนำมาเป็นแนวทาง ในการแต่งนิยายในแบบฉบับของผมเอง ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมคนที่เคยไม่ค่อยสนใจเรื่อง
การอ่านแบบผม จึงยอมเข้าห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือมากมาย แบบนี้ได้ อาจจะเป็นเพราะผมให้ความสำคัญกับกุ้งมากสินะ
กุ้งเป็นคนที่มีอิทธพลต่อผมมากไม่ว่าจะทางด้านไหนไปเสียแล้ว เธอเป็นคนที่มีพระคุณต่อผม ให้อะไรหลายๆ อย่างกับผม
เธอ ช่วยผมทำงาน ยอมให้ผมลอกการบ้าน ซื้อขนมมาแจกผมเวลาผมนั่งทำงาน และ เธอ ก็ยอมเป็น เพื่อน กันผมด้วย
เหตุนี้ ไม่ว่าเธอขออะไร ผมก็จะทำให้ โดยไม่มีข้อแม้ การที่เธอของให้ผมแต่งนี้ยายให้เธอ ทำให้ผม ไม่มีเวลาไปเล่น Rag
จริงๆ จนผมเริ่มรู้สึกว่า ถ้าไม่ได้เล่นมันก็ไม่ได้เป็นอะไรไป
ผมเริ่มแต่งนิยายไปให้กุ้งอ่าน ทุกๆ แนว ใช้เวลา มากบ้าง น้อยบ้าง พยายามแต่งเต็มที่ แต่ว่าแต่ละเรื่องออกจะ
เป็นเรื่องสั้น เพราะว่ามันยาวแค่ 1 - 2 หน้ากระดาษ หลังจากที่กุ้งอ่านนิยายของผม เธอก็จะวิจารณ์ซะมันพังยับเยินอย่างเช่น
“ ตัวละครบุคลิก ไม่แน่นอน นิสัยเปลี่ยน ” - “ เขียนมั่ว เชื่อมเรื่องได้แย่ ” - “ เขียนคำผิดบ่อยจัง ” อะไรทำนองนี้.. นั่นทำให้ผม
ยิ่งจมดิ่งลงไปในความพยายาม ที่จะเขียนนิยายที่กุ้งชอบให้ได้.. แม้ว่าจะโดนเธอวิจารณ์แบบนั้น ผมก็ยังรู้สึกดีได้

เพราะว่า.. เธอจะ ยิ้มให้ผม แล้ว พูดว่า “ ขอบใจนะ ” ทุกครั้ง

บางที ที่เราทะเลาะกัน ตอนที่อยู่ด้วยกัน เธอจะเรียกผมว่า
“ บึ้งคุง ”ส่วนผมจะเรียกเธอว่า “ ไอจัง(เลย) ” เพราะปกติ ผมก็ไม่ได้หน้าตาหล่อเหลามากจึงไม่เด่นอยู่พอแล้ว แถมถ้าผม
อารมณ์ไม่ค่อยดี ผมมักจะคิ้วขมวด ส่วนเธอ ผมหาข้อตำหนิบนใบหน้าเธอไม่ได้ แต่พบว่า ด้วยเพราะเธอเป็นคนที่ไม่ค่อย
แข็งแรง การไอของเธอจึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง.. นี่เป็นที่มาของคำเรียกของผมกับเธอ ซึ่งมันจะทำให้เราทั้งคู่ หัวเราะออกมา
และลืมเรื่องที่น่าปวดหัวไปได้

ยิ่งผมคบเป็นเพื่อนกับเธอ เรายิ่งผูกพันกันมากขึ้นเรื่อยๆ เธอมักจะพูดว่า “ ชอบเคจัง ” แต่ผมก็ฟังแบบไม่ได้
คิดอะไรมาก ผมยังคงเขียนนิยายให้เธออ่านไปเรื่อยๆ ซึ่งท้ายที่สุด ก็จะโดนวิจารณ์ซะเสียหายหมด.. ถ้าคุณเป็นผู้ชาย
หากมีคนมาทำแบบนี้ คุณคงจะต้องพยายาม ทำให้เค้ายอมรับให้ได้ จริงมั้ยล่ะ ? ผมพยายามเขียนนิยายอย่างตั้งใจที่สุด
ให้เธอทุกวัน ซึ่ง ในบางวัน เธอจะไม่ได้มาวิจารณ์นิยายผม เพราะเธอจะไม่สบาย และขาดเรียน บ่อยๆ นั่นทำให้วันๆนั้น
ของผม ดูแย่ลงไปมากทีเดียว.. ที่จริงผมก็ยอมรับว่าเธอน่ารัก แต่ไม่กล้าจะคิดว่า เธอชอบผมจริงๆ เพราะเธอเคยบอกว่า
จะยอมมาเป็นเพื่อนกับผม แต่เธอไม่เคยพูดว่า.. เธอจะยอมเป็นมากกว่านั้น ผมรู้สึกสงสารเธอ อยากปกป้องเธอ อยากดูแล
เธอ อยากให้เธอมีรอยยิ้ม เพราะเธอคือที่พึ่งทางใจ สิ่งเดียวของผมในตอนนี้ ผมจะรู้สึกไม่ดีเลย หากเห็นว่าเธอเป็นลม
เธอเป็นลมบ่อยๆ เพราะร่างกายอ่อนแอ กุ้งเป็นลมบ่อยมากกว่าเพื่อนๆ ในห้องเป็นรวมกันซะอีก สิ่งนี้ทำให้ผมกลัวมาก
เพราะไม่อยากจะคิดในทางลบ ว่ามันคือ สัญญาณเตือน อะไรซักอย่าง..
ผมพยายามบอกตัวเองว่า เราจะเป็นเพื่อกันไป อีกนาน และคิดว่า ที่กุ้งเป็นลมบ่อย ก็คงแค่อาการ ของคนที่
ไม่ค่อยสบาย ตามปกติ .. ในวันๆ นึง ของช่วงที่ไกล้จะหมด เทอม 1 ของ ม.5 ผมเริ่มทนไม่ไหว เพราะว่านิยายที่ผมแต่งไป
มากมาย นั้น ไม่เคยได้รับคำชม จากกุ้งเลยแม้แต่เรื่องเดียว.. จนผมต้องถามเธอ

“ กุ้งง่ะ ทำไมไม่ชมเคบ้าง ติตลอดเลย ”

เธอบอกว่า

“ แล้วเค อ่ะ เคยถามกุ้งมั้ย? ว่ากุ้งพูดจริง หรือ พูดเล่น ”

นั่นไงเล่า -_- ใช่ ผมไม่เคยถามเธอจริงๆ แล้วเธอก็เฉลยว่า ที่เธอ ไม่เคยบอกชมผม เพราะกลัวว่าผมจะได้ใจ
จะคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว จนไม่สนใจนิยายอีกต่อไป.. แล้วกลับไปเล่น Rag ต่อ ที่ทำแบบนี้ ก็เพื่อจะให้ผมยังคงจดจ่อ อยู่กับ
นิยาย เป็นแผนการเพื่อช่วยผม อืม.. เป็นแผนการที่รู้สึกว่าฟังเฉลยแล้วเจ็บปวดทีเดียว แต่มันก็ช่วยผมได้มาก.. ตอนนี้ผมมีแต่
เรื่องนิยายในหัว มากกว่าเรื่อง Rag แล้ว ตอนนี้ผมชอบการแต่งนิยายมากกว่าการเล่น Rag ผมกล้ายืนยันกับตัวเอง เย็นวัน
ที่ผมถามนั้น เธอก็บอกว่า.. จะแต่งนิยายให้ผมเป็นการขอโทษ.. เธอนัดผมให้ไปหาเธอที่ ริมอ่างเก็บน้ำของโรงเรียน ที่ๆ
ผมกับเธอ นั่งด้วยกันประจำ..

วันต่อมาในตอนเช้า.. เธอก็หยิบกระดาษแผนนึง ขึ้นมา มันมีอักษรเขียนใว้ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มันยาว
พอๆ กับนิยายเรื่องแรกที่ผมแต่งให้เธอ เมื่อผมได้รับมาแล้ว ผมเห็นว่ากุ้งหน้าแดง แล้วก็หลบไปนั่งที่โต๊ะ ห่างไปอีก 2 โต๊ะ
ทิ้งให้ผมอ่านนิยาย ที่ตัวละครเพียงสองตัว นั่นคือผมกับเธอ เล่าลายละเอียดและความรู้สึก ตั้งแต่วันแรกที่พบผม จามาถึงวัน
เมื่อวานนี้ หัวใจผมเต้นแรงขึ้น เมื่อได้อ่าน ประโยคสุดท้ายที่เขียนใว้ในเรื่อง ซึ่งทำให้ผมรู้ว่า ทำไมเธอไม่เขียนชื่อเรื่องใว้

'' รู้ตัวซะทีสิ เค เราชอบนายนะ ชอบมากเกินกว่าเพื่อนแล้ว ''

มันทำให้ผมแทบจะไม่กล้าอ้าปาก.. ผมยืนนิ่ง จนเธอเดินมาหาผม เพราะรู้ว่าผมคงอ่านจบแล้ว.. เธอถามว่า
จะยอมคบกับเธอรึเปล่า ผมตอบรับ ทันที นี่คือสิ่งที่ผมเคยหวัง แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้.. หลังจากวันนั้น ผมก็เริ่มคบกับเธอ
จริงจัง และไม่ต้องวุ่นวาย ตามไปแก้ข่าว ที่โน่นที่นี่ ว่าผมกับกุ้งไม่ได้เป็นแฟนกัน กุ้งชอบป้อนขนม กับ ผลไม้ให้ผม ตอนที่
ผมกำลังแต่งนิยาย หรือ ทำงาน อยู่ แล้วก็ชมว่า นิยายที่ผมแต่ง มันดีขึ้นเรื่อยๆ ผมมีความสุขมาก.. มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก
จริงๆ กุ้งชอบมาทวงนิยายจากผม จนผมเรียกเธอว่า “ คนตามต้นฉบับ ” และจะหอมแก้มผม 1 ครั้ง ต่อ นิยาย 1 เรื่องที่ผมแต่ง
นั่นทำให้ผม บ้ามาก จนบางวันแต่งจบไปได้ตั้ง 3 เรื่อง (เรื่องสั้นนะ) เพื่อแลกกับการประทับริมฝีปากนุ่มๆ จากปากเธอ ที่แก้ม
ของผม ฟันเฟืองแห่งความสุขของผมหมุนวนไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง ช่วงที่จะสอบปลายภาค ของม.5 เทอม 2 มันเป็นช่วง
เวลาที่ผมกับกุ้ง กำลัง ติวกันอยู่เพื่อเตรียมสอบ เพราะวันนี้ คือ วันสอบวันแรก ระหว่างที่ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่.. กุ้งก็เป็นลม
ไป นั่นทำให้ผมตกใจ แต่ไม่มากเท่ากับช่วงก่อนๆ เพราะผมเห็นเธอเป็นลมบ่อยๆ อยู่แล้ว ผมรีบไปพยุงกุ้ง.. แล้วส่งเธอไป
ห้องพยาบาลของโรงเรียน.. ระหว่างที่พาเธอไป ผมเห็นอะไรบางอย่าง.. ที่มันผิดปกติ ผมเห็นเลือด ไหลออกมาจากรูจมูก
ข้างนึงของเธอ.. ซึ่งปกติไม่มี หลังจากที่เธอเข้าไปในห้องพยาบาลแล้ว.. ผมก็ได้ยินเสียงของครูประจำห้องพยาบาลพูดว่า
“ อาการหนักนะ.. เอาไปโรงพยาบาลเถอะ บอกผู้ปกครองด้วย.. ” นั่นทำให้วันนั้นผมสอบไม่ค่อยได้เลย เพราะผมมัวแต่นึก
ถึงกุ้ง.. ในเย็นของวันวันสอบวันที่ 2 ผมเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่กุ้งรักษาตัวอยู่ ซึ่งพ่อของเธอเป็น หมอของที่นั่น..
ผมพบกับพ่อของกุ้งหลังจากที่ผมไหว้ท่านเสร็จ ท่านบอกผมว่า.. “ เราเค สินะ กุ้งพูดถึงบ่อยๆ ” ผมพยักหน้าแต่ไม่ได้
พูดอะไรเพิ่ม “ ทำใจก่อนนะ เค ” ผมพยายามไม่คิดในทางลบ.. แต่ก็คงจะไม่ได้แล้ว.. “ กุ้งเป็นเนื้องอกในสมอง..
ตอนนี้.. รักษาไม่ทันแล้ว ” พ่อกุ้งพูดแล้วก็เอามือถอดแว่น แล้ว ปาดน้ำตาที่ไหลออกมา.. “ พ่อเป็นหมอแท้ๆ แต่
กลับปล่อยให้เกิดเรื่องกับลูกตัวเองซะได้.. ” ... ผมล้มทั้งยืน ล้มตัวลงบนโซฟาในห้องที่กุ้งนอนไม่รู้สึกตัวอยู่.. พ่อกุ้งนำตัวกุ้ง
กลับไปที่บ้านในช่วงหัวค่ำวันนั้น.. ผมนอนไม่หลับ..ในคืนนั้นคิดแต่ว่า จะพยายามไปเยี่ยมกุ้งทุกวัน.. ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นยังไง
เพราะพ่อกุ้งบอกว่า กุ้งมีเวลาน้อยเต็มที.. ผมจึงอยากจะอยู่ไกล้เธอให้นานเข้าใว้.. ก่อนที่จะไม่สามารถทำได้..

วันสุดท้ายของการสอบ.. ผมไม่สามารถ คุมสติของตัวเองได้ ข้อสอบ 260 ข้อ ถูกมั่วหมด แบบที่
เป็นอัตนัยจะมีคำตอบที่ว่า '' ไม่รู้ '' เขียนลงไปในช่องว่างทุกอันผมอยู่จนได้รับอนุญาติให้ออกจากโรงเรียนได้ เพื่อที่จะ
รีบกลับบ้านแล้วไปหากุ้งต่อ แต่ว่าเย็นวันนั้น ฝนตกหนักมาก.. พ่อกับแม่ผม ไม่ยอมให้ผมออกไปข้างนอกบ้าน เพราะ
ฝนตกฟ้าคะนองอย่างหนักผมต้องกระวนกระวาย นานหลายชั่วโมง อยู่ในบ้าน ก่อนที่จะยอมเสี่ยง แอบหนีออกไป
จากบ้านผม ทั้งๆ ที่ฝนกำลังตกอยู่.. โดยหยิบกระเป๋านักเรียนเอาไปบังฝน ผมวิ่งไปยังบ้านกุ้ง ด้วยความยากลำบาก
มันทั้งหนาว และเหนื่อย ผมไปถึงบ้านกุ้งตอน 4 ทุ่ม..เมื่อไปถึงบ้านกุ้งแล้วผมก็ไหว้ พ่อกะแม่กุ้ง ทั้งๆ ที่ตัวกำลังเปียกโชก..
แม่กุ้งใจดีมาก ท่านเอาเสื้อผ้าของ พ่อกุ้งมาให้ผมเปลี่ยน..ผมขอที่จะขึ้นไปหากุ้งหลังจากนั้น ซึ่งท่านทั้งคู่ ก็ไม่ได้ห้าม..
ผมหยิบเอาของในกระเป๋าที่เอามาด้วย แล้วก็เดินขึ้นไปบนนั้นทุกก้าวย่างเต็มไปด้วยความกลัว.. กลัวว่าจะต้องเจอคนที่ผมรัก
ในสภาพที่เธอจากไปแล้ว.. ซึ่งถ้าหากเป็นไปได้ ผมอยากยืดเวลาที่มันจะเกิดขึ้น ให้มันช้ากว่านี้ให้ได้มากที่สุด.. ผมเปิดประตู
เข้าไปในห้องกุ้ง ปิดมัน แล้วก็เดินตรงไปหากุ้ง..
เธอ.. นอนนึ่ง.. แต่ยังหายใจอยู่ หายใจอย่างแผ่วเบา.. หน้าซีด ริมฝีปากแห้งผาก.. เป็นภาพที่ทำให้
ผมรู้สึกไม่ดีเลย ผมได้แต่มอง.. นั่งลงข้างๆ เตียงของเธอ แล้วก็ยื่นมือไปจับมือเธอที่วางใว้ข้างนอกผ้าห่มเอาใว้ บีบมันเบาๆ
ผมนั่งอยู่นาน จนเผลอหลับไปตรงนั้น.. จนกระทั่ง.. ผมรู้สึกว่ามือถูกบีบ.. ผมตื่นขึ้นมา แล้วก็เห็นว่ากุ้งกำลังลืมตาอยู่...
ตอนนั้นไกล้จะเที่ยงคืนแล้ว... ฝนยังคงตกอยู่ แต่ไม่หนักมาก.. เธอบ่นให้ผมฟังด้วยเสียงที่แผ่วเบา.. ว่าเธอปวดหัวมาก..
แถมตัวก็หนักไปหมด จนแทบจะลุกไม่ขึ้นผมเลยบอกให้เธอ นอนพัก แต่เธอกัลบบอกผมว่า..

“ เค แต่งนิยายให้กุ้งใว้รึเปล่า.. เอามาเล่าให้ฟังหน่อยสิ กุ้งอาจจะดีขึ้น.. ”

ผม.. ไม่ได้เตรียมมา.. สิ่งที่ผมเอามา.. คือ ดินสอ ที่เธอเคยให้ผม.. ผมไม่รู้จะเล่าอะไรให้เธอฟังจนนึกถึง
นิยายที่เธอใช้บอกรักผม.. ผมเลยเล่าเรื่อง ที่มี ผม กับ เธอ เป็นตัวละคร เล่าความรู้สึกของผม ให้เธอฟัง ตั้งแต่ตอนที่
ผมเจอเธอครั้งแรก ไปจนถึงตอนที่ผมบอกว่าจะคบกับเธอ มีบางช่วงที่ผมพูดถึงตอนที่เราทะเลาะกัน.. เธอจะหัวเราะออกมา
นิดหน่อย แต่หลังจากหัวเราะ ก็จะกลายเป็น ไอถี่ๆ แทน.. ก่อนที่จะ กลับไปสู่อาการนึ่ง เพื่อฟังต่อ.. บรรยากาศนี่มันช่างทำให้
ผมเศร้าใจยิ่งนัก.. มันทั้งเศร้า ทั้งกลัว.. ในท้ายที่สุดที่ผมจะจบเรื่อง ผมก็จบด้วยการจบลงด้วยคำพูด...

“ เครักกุ้งนะ สัญญาว่าจะเขียนนิยายให้กุ้งอ่านตลอดไป.. ”

กุ้งยิ้ม.. หลังจากที่ผมพูดจบ เธอบอกว่า เป็นนิยายที่ดีมาก.. จู่ๆ เธอก็เกิด หายใจขาดห้วง.. มีอาการเกร็ง
และกระตุก ไปตามตัว สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวด เธอหลับตาแน่น จนเกิดรอยย่นที่หางตา กัดฟันแน่น.. น้ำตาผมเริ่มไหล..

“ กุ้ง !! กุ้งเป็นอะไรไป.. อย่าเป็นอะไรนะ ”

ผมรู้ว่าถึงพูดยังไง ก็คงจะไม่สามารถช่วยเธอได้.. ได้แต่มองคนที่ผมรักกำลังมีท่าทีที่เจ็บปวด นั่นทำให้
หัวใจผมแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ถึงเธอจะมีสีหน้าที่ผ่อนคลายลงแต่ก็ยังสังเกตได้อยู่ว่า คงจะอดทนกับความเจ็บปวดที่
เกิดขึ้นอย่างมาก.. เธอบอกให้ผม เอาหน้าเข้าไปไกล้ๆ เธอ ผมทำตามทันที.. เธอ.. พยายามยืดตัวขึ้น.. แล้วหอมแก้มผม..
อย่างที่เธอเคยทำทุกครั้งหลังจากอ่านนิยายของผม และยังกระซิบ ด้วยเสียงอันแผ่วเบา.. เบามาก จนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ผม
ก็พยายามฟังสิ่งที่เธอพูดถึงแม้จะมีเสียงฝนตกรบกวนอยู่ตลอดเวลา..

“ ขอบใจนะ ” เธอหายใจขาดห้วงอีกหน แต่ก็กัดฟันพูดต่อไปว่า “ กุ้งอยากอ่านอีกเยอะๆ จัง.. น่าเสียดายที่.. ทำ ไม่ได้ ”

เธอพูดทีละคำ ในช่วงท้ายๆ เสียงแผ่วและสั่นเครือ.. น้ำตาผมไหลออกมามากมาย.. มือเรายังจับกันแน่น
ผมจับมือนี้มาตั้งแต่ 4 ทุ่มแล้ว.. ไม่ปล่อยมันเลยแม้แต่วินาทีเดียว.. และอยากให้มือนี้ยังรับรู้ได้ว่า อีกฝ่ายกำลังบีบมือผมอยู่
ไปเรื่อยๆ แต่ว่า.. กุ้งก็ทิ้งตัวลงไปบนที่นอน.. มือที่บีมผมอยู่ไม่มีแรงบีบที่ผมรับรู้ได้อีกแล้ว.. ผมพยายามเรียกเธอ..

ทั้งๆที่รู้ว่าเธอ.. หยุดหายใจ .. เรียบร้อยแล้ว

ผมร้องให้เสียงดัง.. น้ำตาไหลพราก แล้วก็ตะโกนสุดเสียง... จนพ่อกับแม่กุ้ง ตามขึ้นมา.. ท่านยืนอยู่ที่ประตู.. แม่กุ้งเป็นลม
ไปเลย..หลังจากที่ผมพยักหน้า เป็นภาษาที่อ่านได้ง่ายๆ ว่า '' กุ้งจากไปแล้ว '' พ่อกุ้งนำแม่กุ้งไปปฐมพยาบาล ส่วนผมยังคงอยู่
กับคนที่ผมรัก เธอกำลังนอนหลับอยู่.. ผมบอกตัวเอง.. ผมพยายามหยุดร้องให้ จนได้.. แล้วก็เดินไปหยิบของที่ผมวางใว้บน
หัวเตียงกุ้ง นั่นคือดินสอกด ที่เธอเคยให้ผมใว้.. ผมถอนเอาผมเส้นนึงของเธอ ออกมา.. แล้วม้วนใว้กับตรงกลางตัวดินสอกด..
พันทับด้วย เทปใส.. แล้วก็เข้าไปนั่งไกล้ๆ ร่างของกุ้ง กระซิบที่ข้างหูเธอ.. ทั้งๆที่รู้ ว่าเธอคงจะไม่ได้ยิน



“ กุ้งไม่ต้องห่วงนะ.. ไม่ว่าเคจะเจออุปสรรค์อะไรก็ตาม.. เคก็จะพยายามทำนิยายทุกเรื่องที่เคแต่งให้มันจบลง
ให้ได้.. เพราะเครู้ว่า กุ้งชอบนิยาย.. และคงจะตามอ่านนิยายที่เคแต่งเสมอ ดินสอนี่จะเป็นตัวแทนกุ้ง ร่วมสร้างสรรค์เรื่อง
ราวดีๆ ไปด้วยกันกับเค แล้วกุ้งจะได้อ่านนิยายของเค อีกแน่นอน.. เคสัญญา.. ”

หลังจากงานศพกุ้งผ่านพ้นไป ผมไม่รู้ว่าผมจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไรเพียงลำพัง.. ผมต่อสู้กับ
ความเศร้า ความเหงาอย่างเต็มที่ เท่าที่เด็กผู้ชายคนนึงจะทำได้.. ผมหลงทางอยู่ไม่นาน กุ้งก็กลับมานำทางผมอีกหน..
พ่อกุ้ง นำจดหมายมาที่โรงเรียน 2 ฉบับ ฉบับนึงให้ผม อีกฉบับ ให้ครูประจำชั้น.. คาบโฮมรูม 10 โมง ของวันนั้น
อาจารย์อ่านจดหมาย ที่กุ้งเขียนใว้ตอนเธอยังอยู่.. ให้ทุกคนฟัง.. เนื้อความเป็นการขอร้อง ให้ทุกคนช่วยดูแลผมแทนเธอ..
อย่าทอดทิ้งผม นั่นทำให้ผม น้ำตาไหลเป็นคนแรก ตามมาด้วยกลุ่มผู้หญิงในห้อง และ ครูประจำชั้น พวกเพื่อนผู้ชาย
มีเสียงหายใจฟืดฟาด.. น้ำตาคลอกันหมด.. ถึงแม้พวกเค้าจะไม่ได้ร้องให้เสียงดัง แต่ผมก็ดูออกว่า ทุกคนกำลังร้องให้
ให้กับกุ้ง.. และพร้อมจะทำตามคำขอ .. ผมพบกับช่วงเวลาที่ผมรอคอย ผมมีเพื่อน มีสังคม ทุกคนในห้องดูแลผมเป็น
อย่างดี พวกเราสามัคคีกันมาก หากมีงานการแข่งขันระหว่างห้อง ห้องของพวกเราจะได้รางวัลอันดับหนึ่งเสมอ..
ตลอดช่วง ม.6 .. กุ้งมีพระคุณต่อผมมากจริงๆ แต่ในทางกลับกัน ผมกลับทำอะไรให้เธอได้ไม่มากพอที่จะเท่ากับที่เธอ
ทำให้ผม.. เธอคือ นางฟ้า ของผม จริงๆ.. ไม่นานหลังจากนั้นผมก็เปิดจดหมายที่กุ้งให้ผมแล้วอ่าน.. เธอบอกผมว่า..

'' เค.. กุ้งต้องขอโทษด้วยนะ.. กุ้งเป็นคนที่เห็นแก่ตัวจริงๆ ที่จริงกุ้งรู้ตัวนานแล้ว ว่าจะต้องไปในวันใดวันนึง
แต่ เค ทำให้กุ้งได้รู้จักความรู้สึกดีๆ จนกุ้งไม่สามารถที่จะต่อต้านความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เค ได้ไหว ทำให้กุ้ง.. บอกรักเคไป
และนั่นทำให้ในอนาคต ไม่วันใด ก็วันนึง กุ้งจะเป็นสาเหตุ ให้เคต้องอยู่เพียงคนเดียวลำพัง.. แถมยังอาจจะเหงามากด้วย..
กุ้งขอโทษเคจริงๆ กุ้งอยากบอกว่า ถ้าในอนาคต ที่ไม่มีกุ้งแล้ว กุ้งอยากให้เค อย่าปิดใจตัวเอง มันไม่มีประโยชน์หรอก
ที่จะขังตัวเองอยู่ในความรู้สึกที่ไม่ดีตลอดไป ถ้าเคทำแบบนั้น กุ้งจะร้องให้นะ...กุ้งอยากให้เค ค่อยๆ ค้นหา คนที่เค
คิดว่าใช่.. คนที่เคแน่ใจ ว่าเค้ารักเคจริง เหมือนที่กุ้งเคยรัก.. และเล่าเรื่องราวของกุ้งให้เค้าฟังด้วย ให้เค้าได้เข้าใจ
เรื่องราวของเรา.. อยากให้เคยิ้มและมีความสุข นี่คือคำขออีกข้อ ของกุ้ง หวังว่ามันจะไม่มากเกินไปจนเคทำไม่ได้..
กุ้งมีความสุขมาก ที่ได้อยู่ร่วมกับเค.. กุ้งชอบนิยายที่เคแต่ง และหวังว่าเคจะแต่งมันไปเรื่อยๆ แต่งให้คนๆ นั้นอ่านด้วยนะ
หวังว่าเค้าคงจะชอบนิยายเหมือนกุ้ง.. กุ้งมีเวลาน้อยเต็มที.. เมื่อเคอ่านจดหมายฉบับนี้กุ้งคงจะจากไปเรียบร้อยแล้ว..
สิ่งสุดท้ายที่อยากจะเขียนถึงเคคือ.. กุ้งรักเคมากนะ ''

จากนั้นเป็นต้นมา.. ผมก็เริ่มต้นเขียนนิยาย.. ด้วยดินสอกด แท่งนั้น.. ผมเขียนชื่อเรื่องของนิยาย กว่า
20 เรื่อง ด้วยดินสอแท่งนี้ล่ะเพื่อที่จะให้มันเป็นตัวกระตุ้น.. ว่าผมจะต้องเขียนทั้งหมด ทุกเรื่องให้จบ.. แล้วค่อยๆ
แต่งมันไปทีละเรื่อง.. ปัจจุบัน ผมแต่งจบไปแล้ว 2 เรื่องและกำลัง โพสอยู่ในเวปหลายๆ เวป บางที่ก็นำมา Re - Write
และตั้งใจใว้ว่า จะแต่งใว้ให้ครบทุกเรื่อง.. ตามคำสัญญาที่ผมเคยให้ใว้กับเจ้าของเส้นผม ที่พันอยู่บนดินสอกดแท่งนี้.....

ย้ำๆๆๆๆๆอ่านให้จบ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 21:05:33


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#8
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:25

#8 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:25 ]





ความรักแสนเศร้า3
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่ง
เขาเป็นคนที่มีจิตใจดีงามมาก
เขาอยู่ในป่าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากอาณาจักรมากนัก
ซึ่งในอาณาจักรนั้นมีเจ้าหญิงที่สวยที่สุดในโลกอยู่ด้วย
เขาแอบชอบเจ้าหญิงมานานแล้วแต่เพราะหน้าตาไม่สู้จึงฝึกฝนเวทมนตร์เพื่อเป็นพ่อมด
และก็หาโอกาสออกมาพบกับเจ้าหญิงจนได้
เขาได้ใช้เวทมนตร์เสกให้รูปกายให้งดงามยิ่งกว่าผู้ชายคนไหนในโลก
ซึ่งเจ้าหญิงก็ตกหลุมรักเขา เขาตั้งใจว่าจะให้เธอรักเขาก่อนแล้วค่อยเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง
แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้...
เขาเกิดกลัวขึ้นมาว่าถ้าเธอเห็นหน้าตาจริงๆ ของเขาแล้วเธออาจจะรับไม่ได้
เขาก็เลยรู้สึกท้อใจ และคิดว่าถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงจะไม่ดีแน่
จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้ข่าวว่ามีเจ้าชายรูปงามองค์หนึ่งผ่านการทดสอบเลือกคู่ของพระราชาได้
ทว่า... ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมแต่งงานกับเจ้าชายเลย
ก่อนวันแต่งงาน เธอเข้ามาของร้องให้เขาพาเธอไปไกลๆ เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน
เขาก็เลยเห็นว่าน่าจะเป็นการดีเลยส่งมังกรพาตัวเธอไปแล้วให้เจ้าชายไปช่วยเพื่อที่จะให้เธอเห็นว่ามีคนที่ดีกว่าเขา
เขาสั่งให้มังกรออมมือให้เจ้าชายและหนีทันทีที่เห็นว่าสู้มานานพอแล้ว แล้วเธอก็ได้แต่งงานกับเจ้าชายในที่สุด...

''หวังว่าเธอคงจะมีความสุขนะ...

ย้ำๆอ่านให้จบ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 21:00:56


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#9
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:25

#9 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:25 ]





ความรักแสนเศร้า2
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเจ้าหญิงองค์หนึ่ง
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก
เธออยู่ในอาณาจักรที่ห่างไกลและเจริญรุ่งเรือง
เธอชอบออกไปเดินเล่นในป่าเป็นประจำด้วยความรักที่มีต่อธรรมชาติ
จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พบกับพ่อมดรูปงามคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนั้น
ทำให้เธอหลงรักเขา และอยากอยู่เคียงข้างเขาชั่วชีวิต
แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิดไว้...
มีเจ้าชายที่มาจากหลายๆ อาณาจักรเข้ามาขอเธอแต่งงาน
พวกเขาได้ฝ่าฝันกับการทดสอบเลือกคู่ของพระราชาซึ่งเป็นพ่อของเธอ
ซึ่งในที่สุดก็มีเจ้าชายคนหนึ่งที่สามารถผ่านการทดสอบมาได้แต่เพียงผู้เดียว
ทว่า... เธอไม่ได้รักเจ้าชาย เธอไม่อยากแต่งงานกับเขา ต่อให้พ่อมดจะมีหน้าตาน่ารังเกียจกว่าเจ้าชาย เธอก็ยินดีที่จะเลือกพ่อมดมากกว่าเสียอีก
ก่อนวันแต่งงาน เธอขอร้องให้พ่อมดคนที่เธอรักส่งมังกรมาพาตัวเธอไปให้ไกลๆ
แต่เจ้าชายก็ตามมาทันพร้อมทั้งสู้กับมังกรจนกระทั่งมันพ่ายแพ้บินหนีไปและพาตัวเธอกลับไป
เธอไม่มีโอกาสได้เจอกับคนที่เธอรักอีกเลย ถึงได้แต่งงานแต่ก็ไม่มีความสุข...


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 20:59:41


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#10
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:26

#10 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:26 ]





ความรักแสนเศร้า


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเจ้าชายองค์หนึ่ง
เขาได้ออกเดินทางเพื่อตามหาเจ้าหญิงที่สวยที่สุดในโลก
เขาเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล ท่องเที่ยวไปหลายประเทศ
จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเจอเจ้าหญิงองค์หนึ่ง
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในชีวิต
ทำให้เขาหลงรักเธอ และอยากได้เธอมาเป็นคู่ชีวิต
แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิดไว้...
มีเจ้าชายที่มาจากหลายๆ อาณาจักรเข้ามาขอเธอแต่งงาน
แต่การที่จะแต่งงานกับเธอได้ต้องผ่านการทดสอบมากมายนานนัปประการ
ซึ่งในที่สุดเขาก็สามารถผ่านการทดสอบเลือกคู่มาได้แต่เพียงผู้เดียว

ทว่า... ก่อนที่เขาจะได้แต่งงานกับเจ้าหญิงนั้น
มีมังกรท่าทางดุร้ายตัวหนึ่งได้ลักพาตัวเจ้าหญิงไป
เขาได้ออกตามล่าเจ้ามังกรจนตามทันและขับไล่มันได้สำเร็จหลังจากที่ต่อสู้กับมันอย่างดุเดือด
และได้แต่งงานกับเจ้าหญิงและอยู่อย่างมีความสุขที่ปราสาทของตน...



แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 20:58:30


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#11
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:26

#11 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:26 ]





อยากลืมว่าเป็นเพื่อนเธอ(แก้วกะโทโมะ)

วันก่อน

"โทษนะ นายคิดว่าฉันป็อปในหมู่นักเรียนแล้วฉันจะดีใจหรือไงวายกรอกเสียงลงในBBของตัวเอง ด้วยอารมณ์โมโหปนเศร้า

(ฉันไม่ได้หมายความว่างั้นสะหน่อย!! เธอนั่นแหละหวาย)

"ทำไมอะโทโมะ!! ฉันทำไมงั้นหรอ!!"

ปัจจุบัน

เพราะงี้ไงฉันถึงมานัดเจอเขาที่ร้านแห่งนึง นี้ก็ใกล้เวลานัดแล้ว ฉันก็...

ฉันไม่ภูมิใจหรอก ที่ทำตัวแบบนั้น
และไม่เคยต้องการ ให้เธอมาเหนื่อยใจ
ฉันก็แค่ขี้ขลาด หวาดกลัวและหวั่นไหว
เพราะไม่เคยมีใคร ให้รักได้อย่างเธอ

"หวาย เธอมีอะไรก็ว่ามาสิ"โทโมะนั่งลงตรงข้ามหวาย

ทำไมฉันรู้สึกเจ็บนะเวลาที่เขาพูดเหมือนเราไม่ได้เป็นอะไรกัน...

"ทำไมต้องพูดเป็นทางการแบบนั้นละ เรายัง... "หวายหยุดทันที

"เธอเป็นอะไรหวาย เป็นบ้าอะไร!!"โทโมะแทบทุบโต๊ะ

สิ่งที่ฉันเป็น เธอก็คงไม่เข้าใจ
ฉันทำ ถึงมันจะไม่เหมือนใคร
Please understand
Please understand

"เธอรู้ไหมว่าฉันเกือบหนีอาจายร์ฝ่ายปกครองไม่รอด เรื่องที่เธอไปหาเรื่อง แฟนคลับของฉันน่ะ!!"

"ทำไมนายชอบหรือไง!! ที่ยัยนั่นเกือบกระโดดจูบนายแล้ว!!"ทำไมเขาต้องโมโหขนาดนั้นด้วยนะ

เธอรักฉันมั้ย ถึงฉันไม่ดีพอ
รักฉันมั้ย ฉันคงต้องถามต่อ
เติมเท่าไหร่ก็คงไม่ยอมเต็ม ใจฉันขาดใจเธอ
เธอรักฉันมั้ย ก็เพราะฉันรักเธอ
ที่ฉันร้าย อยากให้เธอรัก
ถ้ามันมากเกินไป... ขอโทษ

ฉันอยากขอโทษเขาจัง... แต่ฉัน... ฉันไม่กล้าพอ

หวายคิดก่อนน้ำตาค่อยๆไหลอาบแก้ม

คิดมากไปหรือเปล่า ก็คิดมากเสมอ
คิดเพราะเป็นเรื่องเธอ กลัวเธอไปกับใคร
ฉันไม่ได้เป็นห่วง(แค่บางเวลาอยากคิดถึง) แต่หวงเข้าใจมั้ย
ที่ต้องทำวุ่นวาย อย่างน้อยก็เพื่อเธอ

"พรุ่งนี้ เจอกันอีกรอบตอนเช้านะหวาย หวังว่าเราคงคุยกันรู้เรื่อง โดยที่ไม่ต้อง... เลิกกัน"โทโมะพูดจบก็เดินออกไปทันที

เลิกกัน... คำนี้มันเหมือนมีดปลายแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจเธอ แต่มันกลับไม่มีความคมในระหว่างแทง มันทำให้เธอเจ็บและทรมานเหลือเกิน...

วันต่อมา...

"ตรงลงเธอจะเอาไง!!"

"ขอโทษ ก็เรารักนาย ที่เราร้ายก็เพราะรักเธอ ผิดหรือไง!"หวายพูดพลางปาดน้ำตาที่เริ่มคลอที่ดวงตา

"เธอไม่จำเป็นต้องอะไรกับฉันหรอกหวาย เพราะฉันรักเธออยู่แล้ว ใจฉันอยู่ที่เธอแล้วนะ เธอไม่ไว้ใจฉันขนาดนั้นเลยหรือไงตลอดที่เป็นแฟนกันมาน่ะ"โทโมะพูดด้วยอารมณ์โมโห

"ขอโทษ เราไว้ใจนายแล้ว..."หวายเข้าไปกอดโทโมะ

"อืมก็ดีแล้ว"โทโมะกอดหวายตอบ

ย้ำๆๆๆอ่านให้จบ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 20:52:32


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#12
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:26

#12 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:26 ]





เธอรักฉันมั้ย(เลียนแบบหวายกะโทโมะ)

วันก่อน

"โทษนะ นายคิดว่าฉันป็อปในหมู่นักเรียนแล้วฉันจะดีใจหรือไงวายกรอกเสียงลงในBBของตัวเอง ด้วยอารมณ์โมโหปนเศร้า

(ฉันไม่ได้หมายความว่างั้นสะหน่อย!! เธอนั่นแหละหวาย)

"ทำไมอะโทโมะ!! ฉันทำไมงั้นหรอ!!"

ปัจจุบัน

เพราะงี้ไงฉันถึงมานัดเจอเขาที่ร้านแห่งนึง นี้ก็ใกล้เวลานัดแล้ว ฉันก็...

ฉันไม่ภูมิใจหรอก ที่ทำตัวแบบนั้น
และไม่เคยต้องการ ให้เธอมาเหนื่อยใจ
ฉันก็แค่ขี้ขลาด หวาดกลัวและหวั่นไหว
เพราะไม่เคยมีใคร ให้รักได้อย่างเธอ

"หวาย เธอมีอะไรก็ว่ามาสิ"โทโมะนั่งลงตรงข้ามหวาย

ทำไมฉันรู้สึกเจ็บนะเวลาที่เขาพูดเหมือนเราไม่ได้เป็นอะไรกัน...

"ทำไมต้องพูดเป็นทางการแบบนั้นละ เรายัง... "หวายหยุดทันที

"เธอเป็นอะไรหวาย เป็นบ้าอะไร!!"โทโมะแทบทุบโต๊ะ

สิ่งที่ฉันเป็น เธอก็คงไม่เข้าใจ
ฉันทำ ถึงมันจะไม่เหมือนใคร
Please understand
Please understand

"เธอรู้ไหมว่าฉันเกือบหนีอาจายร์ฝ่ายปกครองไม่รอด เรื่องที่เธอไปหาเรื่อง แฟนคลับของฉันน่ะ!!"

"ทำไมนายชอบหรือไง!! ที่ยัยนั่นเกือบกระโดดจูบนายแล้ว!!"ทำไมเขาต้องโมโหขนาดนั้นด้วยนะ

เธอรักฉันมั้ย ถึงฉันไม่ดีพอ
รักฉันมั้ย ฉันคงต้องถามต่อ
เติมเท่าไหร่ก็คงไม่ยอมเต็ม ใจฉันขาดใจเธอ
เธอรักฉันมั้ย ก็เพราะฉันรักเธอ
ที่ฉันร้าย อยากให้เธอรัก
ถ้ามันมากเกินไป... ขอโทษ

ฉันอยากขอโทษเขาจัง... แต่ฉัน... ฉันไม่กล้าพอ

หวายคิดก่อนน้ำตาค่อยๆไหลอาบแก้ม

คิดมากไปหรือเปล่า ก็คิดมากเสมอ
คิดเพราะเป็นเรื่องเธอ กลัวเธอไปกับใคร
ฉันไม่ได้เป็นห่วง(แค่บางเวลาอยากคิดถึง) แต่หวงเข้าใจมั้ย
ที่ต้องทำวุ่นวาย อย่างน้อยก็เพื่อเธอ

"พรุ่งนี้ เจอกันอีกรอบตอนเช้านะหวาย หวังว่าเราคงคุยกันรู้เรื่อง โดยที่ไม่ต้อง... เลิกกัน"โทโมะพูดจบก็เดินออกไปทันที

เลิกกัน... คำนี้มันเหมือนมีดปลายแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจเธอ แต่มันกลับไม่มีความคมในระหว่างแทง มันทำให้เธอเจ็บและทรมานเหลือเกิน...

วันต่อมา...

"ตรงลงเธอจะเอาไง!!"

"ขอโทษ ก็เรารักนาย ที่เราร้ายก็เพราะรักเธอ ผิดหรือไง!"หวายพูดพลางปาดน้ำตาที่เริ่มคลอที่ดวงตา

"เธอไม่จำเป็นต้องอะไรกับฉันหรอกหวาย เพราะฉันรักเธออยู่แล้ว ใจฉันอยู่ที่เธอแล้วนะ เธอไม่ไว้ใจฉันขนาดนั้นเลยหรือไงตลอดที่เป็นแฟนกันมาน่ะ"โทโมะพูดด้วยอารมณ์โมโห

"ขอโทษ เราไว้ใจนายแล้ว..."หวายเข้าไปกอดโทโมะ

"อืมก็ดีแล้ว"โทโมะกอดหวายตอบ

ย้ำๆๆๆอ่านให้จบ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 20:50:46


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#13
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:26

#13 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:26 ]





ตำนานรักของดวงจันทร์
นานมาแล้ว....เชื่อกันว่า....

.บนโลกใบนี้มีพระจันทร์อยู่สองดวง...ดวงหนึ่งเป็นผู้หญิง ส่วนอีกดวงหนึ่ง เป็นผู้ชาย ดวงจันทร์ทั้งสองต่างก็ รักกันมาก...แต่อยู่มาวันหนึ่ง

ดวงจันทร์ผู้หญิงได้มาเจอกับดวงอาทิตย์ เธอจึงหลงใหล...ในแสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ดวงนั้น ดวงจันทร์ผู้หญิงจึงเลื่อนตัวตามดวงอาทิตย์ ไปทีละน้อย.....ทีละน้อย...... แล้วค่อยๆแยกออกมาจากดวงจันทร์ผู้ชายในที่สุด

และเมื่อค่ำคืนผ่านมาถึง จึงเหลือแต่ดวงจันทร์ผู้ชายอยู่เพียงดวงเดียว ดวงจันทร์ผู้ชาย จึงคิดออกตามหาดวงจันทร์ผู้หญิงที่เขารัก.......แม้ในใจจะรู้ว่าดวงจันทร์ผู้หญิงที่เขารักนั้น อาจไม่มีใจให้กับเขาแล้ว........แต่ด้วยความรักที่ดวงจันทร์ผู้ชายมี ดวงจันทร์ผู้ชายจึงออกเที่ยวตามหา ดวงจันทร์ผู้หญิง ไปทุกหน.......ทุกแห่ง......คืนแล้ว.....คืนเล่า......แต่ก็ไม่พบ

แล้วด้วยความรักละอยากพบดวงจันทร์ผู้หญิง ให้เร็วที่สุด ดวงจันทร์ผู้ชาย จึงระเบิดตัวเอง เป็นชิ้นเล็ก...ชิ้นน้อย...แล้วกระจายตัวไปทั่วทั้งจักวาล เพื่อให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้น ออกตามหาดวงจันทร์ ที่เขารัก

ต่อมาดวงจันทร์ผู้หญิงได้รู้ว่า ดวงอาทิตย์ไม่ได้มีแสงเจิดจ้าสำหรับเธอเพียงคนเดียว แต่งยังส่องแสงสว่าง ให้กับดวงดาวทั่วทั้งจักวาล จึงได้ย้อนกับมาหาดวงจันทร์ผู้ชายอีกครั้ง

แล้วเธอก็ได้รู้ความจริงว่า เธอจะไม่มีวันได้พบดวงจันทร์ผู้ชายอีกต่อไปแล้ว และด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ ที่ดวงจันทร์ผู้ชายมีต่อดวงจันทร์ผู้หญิง ทุกค่ำคืนจึงส่องประกายแสงเท่าที่มีอยู่น้อยนิด ส่งถึงดวงจันทร์ผู้หญิง จนเกิดแสงพร่างพรายไปทั่วท้องฟ้า เคียงค้างดวงจันทร์ผู้หญิง วันไหนที่เราเห็นดวงจันทร์สวยสด เราก็จะไม่เห็นดวงดาว แต่ถ้าวันไหนที่เราเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า...... เราก็จะไม่เห็นดวงจันทร์ เช่นเขา....และเธอที่จะไม่มีวันได้พบกันตลอดกาล

ย้ำๆๆอ่านให้จบ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 20:47:54


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#14
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:10:29

#14 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:10:29 ]





แม้จะเป็นเพื่อนเก่าแต่ขอเป็นแฟนคนใหม่

ผมกำลังยืนอยู่บนสะพานแขวนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ท้องฟ้าในคืนนี้มืดสนิท
มีเพียงแสงเรืองเรืองของหลอดไฟทอดยาวตามแนวสะพานไป
การที่ได้เห็นกรุงเทพในมุมนี้

มันทำให้ได้พบหลายต่อหลายอย่างที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น ผมมองออกไปในย่านชุมชน

แสงไฟหลากสีในอาคารบ้านเรือนกระจายไปจนสุดลูกหูลูกตา

เรียบแม่น้ำเจ้าพระยาไปเป็นถนนทอดยาว มีเพียงแสงไฟจากหน้ารถที่สาดไปยังริมถนน

ส่วนบนสะพานที่ผมกำลังยืนอยู่นี้ก็เป็นถนนกว้างพอสมควร

มีรถวิ่งอย่างเบาบางเพราะคนมักจะใช้เส้นทางอื่นกัน บนนี้มันจึงเงียบสงบ

ผมไม่แปลกใจเลยที่เธอมักจะชวนผมมาที่นี่เป็นประจำ

ผมไม่ได้ขึ้นมาบนนี้หลายปีแล้วเพราะที่แห่งนี้มันทำให้ผมหวนนึกถึงเธอ

เธอมักจะให้ผมมายืนดูดาวเป็นเพื่อนเธอ

กินไอศกรีมรสสตอเบอรี่ที่เธอชอบเป็นเพื่อนเธอ >ที่แห่งนี้มันเคยทำให้ผมมีความสุข ผมคงได้ขึ้นมาบนนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

หลังจากวันนี้ไปผมจะจากไปและไม่หวนกลับมาอีก จะมีเพียงความทรงจำของเธอเท่านั้น

ที่จะอยู่ในใจผมตลอดไป
มได้รู้จักเธอครั้งแรกก็เมื่อตอนที่ผมอยู่ชั้น ม.1

ผมก้าวเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้ พวกเราต่างก็เป็นนักเรียนใหม่
หลายหลายอย่างในห้องใหม่ของผมนี้ดูมันจะน่าเบื่อซะจริงจริง
หลังจากที่เคารพธงชาติแล้วทุกคนก็เข้าชั้นเรียน
และก็เป็นธรรมดาของนักเรียนใหม่ทั้งหลายก็ต้องมีการแนะนำตัวกัน
อาจารย์ประจำชั้นของผมเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 40 ดูท่าทางอาจารย์เป็นคนใจดีมาก
อาจารย์ก็เริ่มแนะนำตัวเอง ขณะที่อาจารย์กำลังพูดอยู่
ก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา “อาจารย์ค่ะ ขออนุญาตเข้าห้อง”
ผมรีบหันไปยังที่มาของเสียงนั้นทันที แล้วหญิงสาวก็ก้าวเข้ามา
โอ้!แม่เจ้าโว้ย เธอช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ ถึงดูเธอจะชอบตื่นสายไปสักหน่อย

แต่ถ้าเอามาบวกลบกับความสวยแล้ว ตื่นสายแค่นี้ผมยกให้ ความคิดผมในตอนนั้น
ทำยังไงจะได้รู้จักเธอบ้างนะเธอเดินเข้ามาแล้วก็หาเก้าอี้นั่ง
ตอนนั้นที่ข้างผมมีกระเป๋าใครก็ไม่รู้วางอยู่

คนทั้งห้องตอนนั้นก็คุยกันโดยไม่สนใจอะไรเลย
ผมเลยจับกระเป๋านายที่นั่งข้างผมโยนไปโต๊ะตัวข้างหลัง
ทั้งห้องเลยเหลือที่ว่างอยู่ที่เดียว คือที่นั่งข้างผม เธอเดินมาใกล้ๆ
ผมแล้วก็พูดอย่างอ่อนหวาน
“นั่งด้วยได้มั๊ย” ก็จะไม่ได้ ได้ยังไง
ก็ที่ตรงนี้ผมพึ่งจัดไว้ให้เธอโดยเฉพาะ ผมหันหน้าไปหาเธอแล้วก็พยักหน้า
แล้วเธอก็นั่งลงฟังที่อาจารย์พูดหน้าห้อง

ขณะที่เธอกำลังจับจ้องอยู่ที่อาจารย์
แต่ผมไม่สนใจอาจารย์เลยเอาแต่ชำเรืองไปที่หน้าของเธอ
ใบหน้าของเธอช่างขาวหมดจดอะไรอย่างนี้ แก้มเป็นสีชมพูอ่อนๆ
ดวงตาของเธอกลมโตใสเป็นประกาย ผมไม่เคยเห็นดวงตาคู่ไหนสวยแบบนี้มาก่อน
ขนตาของเธองอน ยังกะตุ๊กตา ปากเรียวเล็ก
ทั่วทั้งใบหน้าของเธอมันช่างสวยจับใจอะไรเช่นนี้
ผมใจลอยมองหน้าเธอตาไม่กระพริบเลย
ผมพยายามมองไปที่ปกเสื้อของเธอเพื่อจะดูว่าเธอชื่ออะไร
เกือบจะเห็นอยู่แล้วเชียว ทันใดนั้นเธอก็หันมาหาผม เธอยิ้ม “มีอะไรหรอค่ะ”
ผมสะดุ้งขึ้นมาทันที “อ้อ ปะ ปะ ป่าวครับ”
ผมตื่นเต้นไม่รู้จะทำอะไรเลยหยิบหนังสือในกระเป๋าขึ้นมา
ดันไปหยิบผิดหยิบเอาหนังสือโป๊ขึ้นมา เธอเหลือบมาเห็นเข้าเลยยิ้มแกมหัวเราะ
ทีแรกผมคิดว่าเธอยิ้มให้ผม แต่พอเห็นหนังสือในมือตัวเอง
ผมตกใจเลยรีบปัดความรับผิดชอบทันที “ไม่..ไม่ใช่ของผมครับ!
นายที่นั่งข้างหลังมันฝากไว้”
เธอหัวเราะอย่างน่ารัก”ก็ไม่แปลกหนิพี่ชายเค้าก็อ่าน”
ผมรีบเก็บทันทีแล้วเอาหนังสืออื่นขึ้นมา ผมอายเธอแทบแย่
ผมหยิบหนังสืออื่นขึ้นมาทันที
ผมนั่งอ่านหนังสือทั้งที่จิตใจมันอยู่ที่คนข้างข้าง

ผมนั่งเงียบได้พักหนึ่งเธอก็มาสะกิดผม ผมรีบหันไปหาเธอทันที
“อาจารย์ให้แนะนำตัวกับคนนั่งข้างข้างเค้าชื่อ รุ่งฟ้า เรียกว่า ฟ้า
เฉยเฉยก็ได้ แล้วตัวเองชื่ออะไร” ผมนั่งพิจารณาอยู่พักหนึ่ง
อืม…..คนอะไรนอกจากจะน่ารักแล้ว ชื่อก็ยังเพราะอีก “รุ่งฟ้า”
ผมทำไมชอบชื่อนี้จังนะ! ผมนั่งจนลืมไปเลยว่าเธอกำลังถามถึงชื่อผมอยู่
เธอสะกิดผมอีก
“ชื่ออะไร บอกบ้างสิ” ผมสะดุ้งอีกที “อ้อ! เราชื่อ แบ๊งค์”
“บ้านฟ้าอยู่แถวบางเขนนู้นบ้านแบ๊งค์อยู่แถวไหนหละ”
ผมตอบเธอทันทีเลยว่าอยู่แถวบางเขนเหมือนกัน
ทั้งที่ความจริงบ้านผมอยู่คนละเขตกับเธอเลย
“งั้นขากลับแบ๊งค์กลับเป็นเพื่อนฟ้านะ”
เธอก็ยิ้มแล้วพยักหน้าผมชอบรอยยิ้มของเธอจริงจริง หลังจากที่ผมรู้จักเธอ
ชั่วโมงนั้นทั้งชั่วโมงผมก็คุยกับเธอไม่หยุดเลย เธอเป็นคนพูดเพราะ
และคุยสนุกมาก ผมสามารถฟังเธอได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อเลย
หลังจากคาบนั้นผมก็ตามติดฟ้าทั้งวันเลย
ชนิดที่ว่าที่นั่งข้างเธอไม่มีใครแตะต้องได้เลย
เพื่อนทั้งห้องผมยังไม่รู้จักใครเลย ผมรู้จักแต่ฟ้าคนเดียว
หลังจากเลิกเรียนเราก็กลับบ้านพร้อมกันพอรถถึงบ้านเธอ เธอก็ลงรถ
เธอชวนผมลงไปเล่นบ้านเธอ แต่ผมก็ส่ายหน้ากลัวว่าพ่อเธอจะว่า
ผมนั่งรถเลยบ้านฟ้าไปอีก 1 ป้ายรถเมล์
จากนั้นผมก็ลงมาขึ้นฝั่งตรงข้ามเพื่อตีรถกลับไปลงโรงเรียน
แล้วผมถึงขึ้นรถที่จะกลับบ้านผมจริงจริง
และดูเหมือนการนั่งรถมาส่งฟ้าแบบนี้ผมทำทุกวันจนเป็นนิสัยเลยก็ว่าได้
ฟ้าเธอชอบที่จะมาสายทุกวันเลย อาจารย์เริ่มที่จะสอนหนังสือแล้ว
ทุกอย่างที่อาจารย์สอนดูเหมือนมันจะซึมเข้าสมองผมอย่างรวดเร็ว

แต่ฟ้านี่สินั่งฟังอยู่ด้วยกันแท้แท้ แต่เธอกลับไม่รู้เรื่องเลย
พอพักเที่ยงผมก็ซื้อข้าว 2 จานออกมานั่งทานอยู่ม้าหินอ่อนกับฟ้า
ผมไม่เคยเข้าไปทานข้าวในโรงอาหารเลย
หลังจากที่ผมยื่นจานข้าวให้เธอเธอก็นั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย
ผมยังไม่ทานข้าวเพราะมีสิ่งที่ผมกังวลมากกว่า
ผมหยิบหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ในกระเป๋าฟ้าออกมา “ฟ้า!
ไม่เข้าใจตรงไหนเดี๋ยวแบ๊งค์ อธิบายให้ฟัง”
ผมเปิดไปเรื่อยๆขณะที่กำลังรอคำตอบจากเธอ
เธอใช้นิ้วเรียวเรียวของเธอชี้มาบนหนังสืออย่างรังเร
“ก็..ก็….ทั้งหมดเลยแหละ”
ผมจึงเริ่มอธิบายทั้งหมดให้ฟ้าฟังชนิดก๊อป+++ทุกคำที่อาจารย์พูด
ผมอธิบายไปเกือบชั่วโมง จนหมดเปลือกเลยทีเดียว “เป็นไงฟ้าเข้าใจแล้วใช่มั๊ย”
เธอเริ่มมีอาการรังเรอีกแล้วครับท่าน “ฟ้า….ฟ้า…. เข้าใจ..ก็ได้”
ผมรู้ทันทีเลยว่าเธอไม่เข้าใจ
“โธ่! ฟ้าก็…งั้นฟังใหม่นะ”
ผมจึงเริ่มอธิบายใหม่ทั้งหมดไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบกว่าฟ้าจะเข้าใจได้
สงสัยว่าความสวยของเธอมันจะดูดกลืนเอาความเฉลียวฉลาดที่เธอมีไปซะหมดเลย
แต่ยังไงเธอก็น่ารักดี ยิ่งเวลาที่เธอทำหน้างงในสิ่งที่ผมสอน
ผมยิ่งรู้สึกว่าเธอน่ารักเข้าไปใหญ่
ผู้หญิงในอุดมคติของผมไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งก็ได้
จากวันนั้นผมก็คอยเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้ฟ้าเสมอมา
หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรผมก็จะอยู่ข้างฟ้าเสมอ
แล้วความรู้ทั้งหลายก็กำลังจะต้องถูกใช้ออกมา
วันนี้อาจารย์สอบเก็บคะแนนพวกเราก่อนที่จะสอบผมก็ติวให้ฟ้าอย่างเต็มที่
ย้ำแล้วย้ำอีกจนเธอบอกว่าเธอเข้าใจอย่างดีเยี่ยมเลย พอเข้าห้องสอบผมก็เริ่มทำ
มันง่ายมากเลยสำหรับผม อาจารย์ให้เวลา 1 ช.ม. แต่ผมเสร็จตั้งแต่ 20 นาทีแรก
ผมห่วงก็แต่ฟ้าที่นั่งอยู่คนละฟากกับผมเลย
สีหน้าของเธอตอนนี้ชักจะออกอาการแล้ว
พอหมดชั่วโมงอาจารย์ก็สั่งให้ผมยกข้อสอบทั้งหมดไปวางไว้โต๊ะห้องอาจารย์
ขณะเดินผมก็รีบเปิดหาของฟ้าทันที โอ้! แม่เจ้า ผิดหมดเลยครับ
ผมยืนคิดอยู่พักว่าจะทำยังไงดี เพราะข้อสอบคราวนี้มีคะแนนเยอะมาก
หากสอบไม่ผ่าน มีหวังเกรด 0 อยู่แค่เอื้อม
ผมเลยตัดสินใจหยิบกระดาษคำตอบใบใหม่ขึ้นมาแล้วผมก็ทำใหม่ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทื่ทำก็ต้องคอยระวังอาจารย์เหมือนกัน พอผมทำเสร็จ ก็เขียนชื่อฟ้าลงไป
จากนั้นก็เก็บเข้ากองเดิมแบบที่อาจารย์ไม่สงสัยแม้แต่น้อย
ส่วนกระดาษคำตอบใบเดิมของฟ้าผมก็พับเป็นจรวดเล่นเห็นจะเป็นประโยชน์มากกว่า
หลังจากวันนั้นอาจารย์ก็ประกาศคะแนน ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ผ่านกัน
แต่ทุกคนก็ต้องอึ้ง! เมื่อทั้งห้องมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ได้คะแนนเต็ม

คือผมกับฟ้า

ผมหนะเขาไม่ค่อยสงสัยกันหลอกเพราะใครก็รู้ว่าผมเรียนเก่งแค่ไหน แต่ที่

“รุ่งฟ้า” ได้คะแนนเต็มนี่สิทำเอาเพื่อนๆงง แบบบอกไม่ถูกเลยหละ
เธอดีใจหันมาหาผม “เห็นมั๊ยแบ๊งค์ ฟ้าก็ทำได้”
ผมแอบหัวเราะในท่าทางอันมั่นใจว่าทำได้! ของเธอ แต่ปากผมก็ชมเธอ
ผมไม่เคยบอกกับฟ้าสักคำว่าผมเป็นคนแก้ข้อสอบให้เธอ
และผมก็ยังใช้วิธีนี้ช่วยเหลือเธอหลายต่อหลายครั้งโดยที่เธอไม่รู้ตัว
จนในที่สุดเราก็ขึ้นมา ม.2 จนได้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
ผมยังไปส่งเธอที่บ้านทุกวันไม่เปลี่ยนแปลง
ฟ้าก็ยังมาสายเหมือนทุกวันในปีที่แล้ว
จะเปลี่ยนไปก็แต่หนุ่มๆที่มาแอบชอบเธอดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวันทุกวัน
วันนี้หลังจากโรงเรียนเลิกผมก็นั่งทำงานกลุ่มกับเพื่อนเพื่อนผมอีก 7 คน
แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนเถียงกันอยู่ห้องถัดไป ทีแรกผมก็ไม่สนใจ
เพราะอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องของผม ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด
หรือแม้แต่แค่สนใจที่จะฟัง แต่พอเสียงมันเริ่มชัดขึ้น
คราวนี้ผมสนใจขึ้นมาทันที มันเป็นเสียงของฟ้าที่มีเสียงผู้ชายประมาณ 5-6
คนกำลังรุมต่อว่าเธอแบบที่ไม่ปล่อยให้เธอพูดเลย ผมลุกขึ้นทันที
หยิบไม้เบสบอลที่วางอยู่หลังห้องแล้วเดินไปยังที่มาของเสียง
เพื่อนผมที่นั่งด้วยกันมันก็ตามมาทันที “มีอะไรว่ะ แบ๊งค์!”
“ตามผมมา” ผมพูดพร้อมกับเร่งฝีเท้า พอผมเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ
อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดฟ้ากำลังยืนอยู่ท่ามกลาง รุ่นพี่ 5 คนที่กำลัง
ด่าเธอด้วยเรื่องที่ผมคอยช่วยเธอมาหลายต่อหลายครั้ง
ก็รุ่นพี่นายที่เป็นหัวโจกมันแอบชอบฟ้า แต่ฟ้าไม่สนใจมัน
เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับฟ้ากี่ครั้งผมนับแทบไม่ไหว
ก็ฟ้าเป็นคนสวยนี่ครับก็ต้องมีคนรุมชอบเธอเป็นธรรมดา
แต่ทุกครั้งที่มีคนบอกรักเธอ
เธอก็มักจะปฏิเสธทุกครั้งไป
ผมปล่อยให้มันด่าฟ้าต่อไปโดยที่ผมยังไม่ผลีผลามเข้าไป
ผมยืนดูอย่างไม่พูดไม่จากับพวกเพื่อนผม
แล้วการเถียงกันมันก็เริ่มที่จะรุนแรงขึ้น
รุ่นพี่คนหนึ่งมันกระชากกระเป๋าฟ้าแล้วก็ผลักเธอล้มลงกับพื้น
ผมฟิตร่างกายเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็เรียกนายที่มันผลักฟ้า พอมันหันมา
ไม้เบสบอลในมือผมก็ถูกขว้างออกไปอย่างเต็มแรงไม้หมุน360องศา ประมาณ 4 รอบ
แล้วก็ถึงปากมันพอดีไม้กระแทกปากมัน มันกระเด็นเลยทีเดียว มันลุกขึ้นมา
แล้วใช้มือจับดูปริมาณเลือดของตัวเองเลือดมันไหลนองไปหมด มันเดินตรงมาที่ผม
ผมรู้ดีว่าการชกกันในแบบนี้ ผู้ที่ลงมือก่อนจะได้เปรียบ
ผมไม่รอช้ายิงหมัดขวาอย่างไม่ยั้ง คราวนี้มันสลบยาวเลย
เพื่อนมันที่เหลือก็ตรงเข้ามากะจะอัดผมเต็มที่ เพื่อนผมที่มาด้วยกัน
จึงวิ่งเข้าตะลุมบอลกัน เก้าอี้ โต๊ะบริเวณนั้นถูกนำมาใช้เป็นอาวุธ
ข้าวของในห้องกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ผลสุดท้ายรุ่นพี่ทั้ง 5
ก็สลบตินคาพวกผม สภาพผมแต่ละคนในตอนนั้นก็สะบักสะบอมเอาการเหมือนกัน
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ผมเก็บกระเป๋าฟ้าที่วางอยู่กับพื้นยื่นให้เธอ
“ฟ้า กลับบ้านกันเถอะ”

ผมกับฟ้าก็เดินกลับบ้านโดยที่เธอไม่พูดจาสักคำเอาแต่มองหน้าผม
แต่ถึงผมจะสะบักสะบอมแค่ไหนแต่ผมก็ยังจะไปส่งฟ้าเหมือนเดิม
เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าของเธอเช็ดเลือดให้ผม จนผ้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเลย
เรายืนรอรถอยู่นานมาก เวลาก็เริ่มจะมืดแล้ว จนรถมา ผมเดินจะไปขึ้น
แต่ฟ้าเธอดึงผมไว้ “แบ๊งค์อย่าพึ่งกลับไปดูดาวเป็นเพื่อนฟ้าหน่อย”
ผมก็นึกตลกเหมือนกันทำไมเธอถึงอยากจะดูดาวนะ เธอพาผมขึ้นรถคันใหม่ไปกับเธอ
จนท้องฟ้ามืด ก็มาถึงที่ดูดาวที่เธอว่า “ที่นี่เหรอฟ้า
ที่ว่าจะพาแบ๊งค์มาดูดาว” เธอพยักหน้า “ใช่! ที่นี่หละ ฟ้าไม่เคยชวนใครมาเลยนะ
แบ๊งค์เป็นผู้ชายคนแรกที่ฟ้าพามาเลยหละ” ผมมองที่ ที่เธอว่าดูดาวที่นี่
มันสวย แล้วผมก็หัวเราะ ก็ที่นี่มันสะพานแขวนชัดชัด มันจะสวยกว่าที่อื่นตรงไหน
แต่ผมก็ไม่พูดอะไรปล่อยให้เธอเดินจูงมือผมแล้วก็เดินเพื่อจะขึ้นไปบนสะพานที่


ว่า
เธอแวะซื้อไอศกรีมรสสตอเบอรี่ 2 อัน แล้วก็เดินต่อ
ข้างบนนี้มันเป็นสะพานแขวนที่รถวิ่งได้ 4 เลน แต่ไม่ค่อยจะมีรถวิ่งเท่าไหร่
เพราะเส้นทางนี้มันทำให้เสียเวลามาก
คนจึงมักจะใช้เส้นทางอื่นจะมีก็แต่รถที่จะวิ่งไปฝั่งธนบุรี
สะพานนี้มันจึงดูเงียบเชียบ
ขอบสะพานเป็นทางเท้าสำหรับคนเดินที่ทั้งสะพานดูเหมือนจะมีแค่ผมกับฟ้าเท่านั้น


ที่กำลังเดินอยู่
ธอพาผมเดินไปจนถึงกลางสะพานแล้วเธอก็หยุดเดิน
เธอมองลงไปตามชุมชนที่มีแสงไฟระยิบระยับ
และก็มองตามถนนที่เรียบฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไปจนสุดลูกหูลูกตา
เธอมองขึ้นไปข้างบนเพื่อจะดูดาวบนท้องฟ้า อย่างที่เธอพูดจริงครับ
บนนี้ทุกอย่างมันดูสวยไปหมด เธอมองดาวพร้อมกับกินไอศกรีม
ผมแอบมองใบหน้าเธอตาไม่กระพริบเลย เธอทำไมถึงน่ารักอย่างนี้นะ
ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตา หรือจะนิสัย เธอก็ดูดีไปหมด
เธอยังสวยเหมือนที่ผมเห็นครั้งแรกไม่มีผิด แต่ตอนนี้เธอดูจะสวยกว่าเดิม
เธอเริ่มที่จะเป็นสาวเต็มตัวแล้ว
แววตาที่กลมโตและเป็นประกายของเธอมันช่างสวยจับใจจริงจริง เธอหันมายิ้มให้ผม
“แบ๊งค์ ที่นี่สวยมั๊ย..ฟ้าชอบมาบ่อยๆ” ผมพยักหน้า “อื้ม ก็…สวยดีหนิ
แล้วปกติฟ้ามากับใครหละ”
“ก็มาคนเดียวหนะสิ…ถามได้ จะให้ฟ้ามากับใครหละจ๊ะ”
ผมมองตาเธอแล้วพูด “ทำไมฟ้าต้องมาคนเดียวด้วยหละ…. แค่ฟ้าออกปากชวน
ผู้ชายทั้งโรงเรียนก็พามากันเป็นแถบแล้ว มีคนเขาชอบฟ้าเยอะจะตาย” เธอยิ้ม
“ผู้ชายที่ว่าเนี่ย…รวมถึงแบ๊งค์ด้วยหรือเปล่าหละ”
ผมไม่ตอบเธอแล้วเงียบไป เธอใช้มือมาจับแผลที่อยู่แก้มผม “เจ็บมั๊ยแผลนี่”
ผมส่ายหน้า “ก็ ไม่เท่าไหร่” เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมออกมาเช็ดให้ผมอีก
“แบ๊งค์เนี่ย ยอมเจ็บเพื่อฟ้าเสมอเลยนะ แบ๊งค์เหมือนเป็นฮีโร่ ประจำตัวฟ้าเลย
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ช่วยฟ้าเสมอเลย ว่าแต่ว่าทำไมน๊า…. แบ๊งค์ถึงชอบช่วยฟ้า
เอ๊ะ….เอ๊ะ….คิดอะไรอยู่น๊า….” เธอพูดแบบอมยิ้มด้วยท่าทางน่ารัก
ผมรีบตอบไปเพราะความเขิน “ก็ ก็ ฟ้าเป็นเพื่อนแบ๊งค์ไง
เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิจริงมั๊ย” ผมพยายามหลบสายตาที่เธอมอง
แล้วก็ชวนเธอคุยเรื่องอื่น เราคุยกันจนดึกเธอก็ชวนผมกลับ ผมก็พยักหน้า “ฟ้า
ว่าแต่ว่าเราจะกลับกันยังไง รถก็หมดแล้ว ทุกครั้งที่ฟ้ามาฟ้ากลับยังไงหละ”
“ฟ้ามาทุกครั้งก็เดินกลับไง!”
ผมรู้สึกตลกทำไมเธอถึงต้องเหนื่อยเดินเพียงเพื่อมาดูดาวแค่นี้นะ

ผมก็เดินนำหน้าเธอ เธอเรียกผม “แบ๊งค์! แต่วันนี้ฟ้าไม่ต้องเดินกลับแล้ว”
ผมหันมาทันที “แล้วเราจะกลับยังไงหละฟ้า” เธอยิ้มแบบเด็กเด็ก “ก็
ทุกวันฟ้ามาคนเดียวฟ้าก็เดินกลับ….แต่วันนี้มีแบ๊งค์
ฟ้าก็จะขี่หลังแบ๊งค์กลับยังไงเล่า”
เธอพูดจบก็กระโดดขึ้นหลังผมแบบไม่ให้ตั้งตัวเลย “โธ่! ฟ้า..ก็..ตั้งไกลนะ”
เธอไม่ฟังผม แล้วเธอก็ชี้นิ้วไปข้างหน้า แล้วสั่งให้ผมเดิน เธอชวนผมคุยตลอดทาง
การที่ผมได้ใกล้ชิดเธอขนาดนี้มันทำให้ผมไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย
คืนนี้มันทำให้ผมมีความสุขมาก หากผมหยุดเวลาได้ผมจะหยุดอยู่แค่ตอนนี้ตลอดไป……
การมาโรงเรียนอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับหลายคน แต่สำหรับผมไม่เลยครับ
ผมอยากจะมาทุกวัน ทุกวัน ไม่มีวันหยุดไม่มีปิดเทอมเลยด้วยซ้ำไป
เพราะถ้าวันไหนผมไม่ได้เห็นหน้าฟ้าก็เหมือนบางอย่างในชีวิตผมมันขาดหายไป

วันนี้ผมมาโรงเรียนแต่เช้าเลยวันนี้เป็นวัน “วาเลนไทน์”
ผมนั่งข้างฟ้า ตลอดทั้งวันมีผู้ชายเอากุหลาบมาให้เธอนับดอกไม่ถ้วนเลย
แต่ผมก็ยิ้มและก็แสดงความยินดีกับเธอ
หลังจากที่โรงเรียนเลิกผมก็มาทำความสะอาดห้องเพราะวันนี้เป็นเวรประจำวันของ
ผม
ฟ้าเธอก็นั่งรอผมอยู่หลังห้อง เธอนั่งเด็ดกลีบกุหลาบเล่น
ดูเธอจะไม่เสียดายดอกกุหลาบเหล่านั้นเลย หลังจากที่ผมทำความสะอาดเสร็จ
เวลาในตอนนั้นมันก็เย็นมากแล้ว ผมจึงออกไปล้างไม้ล้างมือแล้วก็ปิดห้อง
ฟ้าเธอก็ชวนผมกลับ
ขณะที่เธอกำลังเดินผมก็คิดอยู่นานจนในที่สุดผมก็แข็งใจเรียกเธอ
“ฟ้าเดี๋ยวก่อน” เธอหันมาหาผมแล้วยิ้ม “มีอะไรหรอแบ๊งค์”
ผมเปิดกระเป๋าสะพายของผมแล้วค้นหาสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น
มันถูกห่อไว้อย่างทนุถนอม
มันคือดอกทิวลิปส์สีขาวที่ผมเตรียมมาให้เธอตั้งแต่เช้า

แต่ผมไม่กล้าที่จะให้เธอ ถึงมันจะดูเฉาลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงงดงามอยู่
ผมค่อยๆคลี่กระดาษที่ห่อมันอยู่แล้วก็ยื่นให้ฟ้า
“อ๊ะ แบ๊งค์ให้” ตอนนั้นใจผมเต้นตุ๊บตั๊บเลย
เธอดีใจมากที่ผมให้เธอ
เธอค่อยๆหยิบจากมือผมไป ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ดวงตาของเธอจับจ้องมา
ที่ผม “สวยจังเลย…. รู้มั๊ย ทั้งวัน ฟ้ารอดอกไม้จากแบ๊งค์คนเดียวเลย”
เธอพูดจบก็เอากุหลาบหลายดอกที่ เพื่อนๆเธอให้
เธอเอากุหลาบทั้งหมดทิ้งลงถังขยะทันที เหลือแต่เพียงทิวลิปส์ที่ผมให้เธอ
มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีความสำคัญสำหรับเธอมากเลย
เธอรีบเดินมาขวางทางไม่ให้ผมเดินต่อ
เธอจ้องตาผมแววตาของเธอมันทำให้ผมเขินแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใจของผมเต้น ราว
150 ครั้ง ต่อนาทีได้มั๊ง เธอยิ้มแบบหน้าแดง ดูแล้วน่ารักมาก แล้วพูดกับผม
“เอ๊ะ….เอ๊ะ….เอ๊ะ แบ๊งค์ให้ฟ้าทำไมน๊า…บอกมาซะดีดี
รู้นะว่าคิดอะไรอยู่…รู้น๊ะ…รู้น๊ะ” ผมรีบหลบสายตาเธอด้วยความเขิน
แต่เธอก็ยังเดินอ้อมมาจ้องหน้าผม แล้วก็ถามอีก ผมหลบหน้าเธอไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดผมก็ต้องจนมุม เพราะทุกครั้งที่เธอเริ่มจะจับได้ว่าผมชอบเธอ
เธอจะชอบถามผมแบบนี้ทุกครั้งไป แต่ผมก็มักจะหาข้อแก้ตัวทุกครั้ง
ผมคิดด้วยความเขินอยู่นานว่าจะแก้ตัวว่ายังไงดี “คือ…คือ อ้อใช่!
ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ไง แบ๊งค์ ก็อยากจะให้อะไรฟ้าบ้าง”
เธอหัวเราะในคำตอบของผม “แล้วทำไมถึงอยากจะให้ฟ้าหละจ๊ะ….ตอบให้ตรงประเด็นสิ”
ผมชักจะจนมุม เลยต้องวกไปคำตอบที่ผมมักจะใช้อยู่เสมอ “ก็…ก็
ฟ้าเป็นเพื่อนแบ๊งค์ไง”
“นั่นไง…ว่าแล้วเชียว ชอบวนมาจบคำว่าเพื่อนอยู่เรื่อยเลยแบ๊งค์หนะจะตอบแบบอื่นบ้างไม่ได้หรือไง”
“อ้าว..ก็ถ้าไม่ให้พูดว่าเพื่อนจะให้พูดว่าไงหละ…ฟ้าก็” เธอจ้องตาผมอยู่นาน
”อ๊ะ…ถ้าแบ๊งค์บอกว่าคิดกับฟ้าแค่เพื่อน แล้วในห้องเราก็มีกันตั้ง 50 กว่าคน
ไม่เห็นว่าจะได้ดอกไม้จากแบ๊งค์ บ้างเลย….เนอะ”
ดูเหมือนผมจะแก้ตัวไม่ขึ้นเลยสำหรับคำพูดของเธอ ฟ้าเธอมักจะต้อนผมจน จนมุมเสมอ
และพยายามให้ผมยอมรับให้ได้เลยทีเดียว ผมไม่รู้จะตอบเธอว่าไง
ผมเลยชี้ไปที่ป้ายรถเมล์ “ฟ้า ฟ้า รถมาแล้วรีบไปกันดีกว่า”
“เดี๋ยวก่อนซี้…มาตอบก่อน” ผมรีบวิ่งขึ้นทันที
ตลอดทางบนรถเธอยิ้มและก็จ้องหน้าผมไม่กระพริบตาเลย
การเอาทิวลิปส์ให้เธอในวันนั้นทำให้ฟ้าเธอดูมีความสุขมาก
แต่อาจารย์ก็สั่งให้ทุกคนนั่งลงเพื่อเตรียมตัวที่จะสอบ
หลังจากวันนั้นก่อนที่อาจารย์จะติดป้ายประกาศชื่อนักเรียนว่าจะได้อยู่สายไหน
ห้องไหน ผมไปขอดูผลกับอาจารย์ที่ปรึกษาของผมก่อน
ชื่อผมกับฟ้าเราได้อยู่คนละห้อง กันเลย ฟ้าเธอหัวอ่อนได้อยู่สาย ศิลป์-ภาษา
ส่วนผมได้อยู่สาย วิทย์-คณิต คะแนนนี้นำโด่งเลย
ผมเห็นอย่างนั้นเลยขออาจารย์ย้ายไปอยู่ สายศิลป์-ภาษา ทันที
ทีแรกอาจารย์ก็ไม่อยากให้ผมเปลี่ยนห้องอาจารย์บอกว่าคนหัวไวอย่างผม เรียนสาย
วิทย์-คณิต จะไปได้ไกลเลย แต่ผมก็ไม่ฟัง ขอร้องอาจารย์ด้วยเหตุผล นานัปการ
จนในที่สุดอาจารย์ก็ย้ายชื่อผมไปห้องเดียวกันกับฟ้าเลยครับ

ผมดีใจมากที่ผมจะได้ใกล้ชิดเธออีกตั้ง 3 ปี
ก็ตลอดเวลาที่ผมได้รู้จักเธอมันกลายเป็นความผูกพันที่ฝังลึกอยู่ในใจผม
มันคงยากที่ผมจะละสายตาจากเธอได้
วันที่ผมรอก็มาถึง ฟ้าเธอดีใจมากที่เห็นผมได้อยู่ห้องเดียวกับเธอ

แต่เธอก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าคนอย่างผมทำไมถึงได้อยู่สาย ศิลป์-ภาษา
ฟ้าเธอดูเป็นสาวขึ้น สวยขึ้น
แต่นิสัยก็ยังคงเป็นฟ้าเหมือนเดิมเด็กผู้หญิงที่น่ารัก ขี้เล่น
และก็ชอบที่จะให้ผมเอาใจอยู่เสมอ เธอมักจะให้ผมชอบอะไรที่เหมือนเหมือนกับเธอ
เวลากินข้าวอาหารก็ต้องเหมือนกัน
ถ้าข้าวจานไหนเยอะกว่ากันเธอก็ต้องเอามาแบ่งให้เท่ากันทั้ง 2 จานถึงจะกินได้
น้ำที่ดื่มก็ต้องเหมือนกันโดยมากจะเป็นน้ำส้ม
ปากกายังต้องเป็นยี่ห้อเดียวกันเลย
และก็อีกหลายต่อหลายอย่างที่เธอมักจะสรรหามา แม้แต่รองเท้า
เธอยังเคยเปลี่ยนกันใส่กับผมเลย ถึงผมจะอายเพื่อนก็เหอะ แต่ผมก็ไม่เคยขัดใจเธอ
เธอว่าไง
ผมก็ว่างั้น ความสุขเล็กเล็กน้อยน้อยที่เกิดขึ้นในใจผมทุกวัน
จึงทำให้ผมรู้สึกห่วงใยเธออยู่ตลอดเวลา
เวลาที่เธอร้อนผมก็จะหากระดาษมาทำเป็นพัดแล้วก็พัดให้เธอ
เวลาที่เธอหนาวผมก็จะถอดเสื้อหนาวของผมคลุมให้เธอ
เวลาที่เธอตากฝนผมก็จะใช้กระเป๋าผมเป็นร่มบังฝนให้เธอโดยที่ไม่สนใจหนังสือที่


อยู่ข้างในเลยว่ามันจะเปียกแค่ไหน
หรือแม้แต่เวลาที่เธอถูกอาจารย์ทำโทษ ผมก็มักจะออกรับแทนเธอเสมอ

ฟ้าเธอเป็นคนที่ไม่กล้าเถียงคนอื่น ผมจึงหาข้อแก้ตัวสารพัดมาช่วยเธอ
หรือถ้ามันเป็นความผิดแบบเต็มเต็ม ที่เถียงไม่ขึ้น ผมก็จะรับโทษแทนเธอ
เธอมักจะถามผมเสมอว่าผมทำไมถึงต้องดีกับเธอขนาดนั้น
แต่ทำไมนะถึงไม่มีสักครั้งเลยที่ผมจะกล้าเอ่ยปากบอกเธอว่า “ผมรักเธอ”
ผมเอาแต่กลัวกลัวว่าหากเธอรู้เธออาจจะจากผมไป
ผมเห็นจากที่ผู้ชายหลายคนที่มาจีบฟ้า ทั้งหล่อทั้งรวย
ฟ้าเธอก็ไม่เคยสนใจใครเลย ดูเหมือนชายในฝันของเธอคงจะต้องดีไปซะทุกอย่าง
สำหรับผม ผมขอแค่ได้อยู่ใกล้ใกล้เธอ ได้ทำอะไรเพื่อเธอ ได้เห็นเธอยิ้ม
เห็นเธอมีความสุข เท่านั้นมันก็มากพอแล้วสำหรับคนอย่างผม
ผมเป็นฮีโร่ประจำตัวฟ้าอยู่หลายปี ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะให้เธอยืนเดียวดาย
ตอนนี้พวกเราก็มาถึงชั้น ม.6แล้วนี่ก็เป็นปีสุดท้ายในชั้นมัธยมแล้วสินะ
ถ้าจะนับจากวันแรกที่ผมเห็นเธอและก็แอบหลงรักเธอ
ตั้งแต่วันนั้นมาจนวันนี้ก็ย่างเข้าปีที่ 6 แล้ว
แต่ความรักที่ผมมีให้กับเธอมันไม่เคยลดน้อยลงไปเลย ตรงกันข้าม
มันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ต้นรักที่เธอได้ปลูกไว้ในใจผมอย่างไม่รู้ตัวตอนนี้มันดูเหมือนจะแผ่กิ่งก้าน


สาขาออกไปทุกอนูภาคของ

ร่างกายผมเลยก็ว่าได้

เธอจะรู้บ้างไหมนะว่าผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนเคียงข้างเธอเสมอมา

เขาแอบหลงรักเธอจนหมดหัวใจ
เดี๋ยวนี้ผมกับเธอมักจะไปไหนด้วยกันเป็นประจำ ไม่ห่างกันเลยทีเดียว
เวลาที่ผมไปไหนเธอก็มักจะตามติดผมแจเลยเหมือนเด็กที่ขี้อ้อน
แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกรำคาญเธอเลย
มันกลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกผูกพันกับเธอมากขึ้นเรื่อยเรื่อย
ผมฟันฝ่าอุปสรรคเคียงข้างฟ้าเสมอมา
จนในที่สุดเวลาในช่วงมัธยมของเราก็มาถึงจุดสุดท้าย เรากำลังที่จะEnt
ผมรู้ว่าฟ้าเธอจะเลือกคณะ สถาปัตยกรรม เธอขอให้ผมเรียนกับเธอด้วย ทีแรกผมก็ไม่
ไม่คำเดียวเลย เพราะใจผมอยากจะเรียนแพทย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
และความสามารถอย่างผมรับรองว่าสอบแพทย์ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด
แต่ความผูกพันที่ฝังลึกในใจผม ที่มีให้กับฟ้านี่สิ มันทำให้ผมต้องคิดหนัก
ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องเลือกระหว่างคนที่ผมรักกับอาชีพที่ผมรัก ตลอดเวลา 6
ปีที่ผ่านมา เธอทำให้ผมมีความสุข เธอทำให้ผมไม่เคยเหงา
เธอทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มีคนที่ผมสามารถสละแม้ชีวิตเพื่อเธอ
แล้วผมจะทำได้หรือหากสองเราจะต้องห่างกัน ผมนั่งคิดนอนคิดอยู่นาน
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจ Ent
สถาปัตย์ กับฟ้า ผมทิ้งอาชีพที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อสิ่งที่ผมรักยิ่งกว่า
วันประกาศผลEnt ก็มาถึงผมรีบมาตั้งแต่เช้าเลย ผู้คนมากมายมาจากทั่วสารทิศ
มาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เพื่อที่จะมาหาชื่อตนเองบนบอร์ด ผมเบียดเสียดผู้คน
กว่าจะเข้าไปถึงก็เกือบชั่วโมง ชื่อผมอยู่เป็นอันดับแรกเลย
ดูมันจะหมูมากสำหรับผม ผมไม่สนใจชื่อผม เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือฟ้า
หากไม่มีชื่อฟ้าบนนี้ ผมจะเรียนมหาลัยเปิดกับเธอ ผมมองหาชื่อฟ้าเรียงลงมาเลย
20 คนก็แล้ว 50 คนก็แล้ว 100 คนก็แล้ว 300 คนก็แล้ว ผมเปิดหาแผ่นแล้วแผ่นเล่า
มันเริ่มทำให้ผมใจเสียขึ้นมาทุกที ผมเปิดมาจนถึงแผ่นสุดท้าย มองลงไปเรื่อยๆ
เห็นชื่อฟ้าอยู่เป็นอันดับสุดท้ายพอดีเป๊ะเลย ผมดีใจมากเลย
ผมจะไม่ได้จากเธออีกแล้ว ผมกระโดดดีใจวิ่งไปทั่วเลย
หลังจากวันนั้นผมก็เฝ้ารอวันที่ผมจะได้เจอฟ้าอีกครั้งในชุดนักศึกษามหาลัย

แล้ววันแรกในมหาลัยก็มาถึง เมื่อคืนผมนอนแทบไม่หลับผมอยากที่จะเห็นหน้าเธอ
ผมเดินเข้าประตูมหาลัยมา ที่นี่มันกว้างใหญ่มาก
เต็มไปด้วยร่มไม้ดูร่มรื่นไปหมด
ตามทางเดินก็มีทั้งนักศึกษาหญิงชายเดินพลุกพล่านไปหมด
ข้างทางก็ติดป้ายแสดงความยินดีกับนักศึกษาใหม่ ผมมองหาคณะ สถาปัตย์ อยู่นาน
ผมนั่งรอฟ้าอยู่หน้าตึก เธอนี้ยังชอบมาสายเหมือนเดิมเลย ไม่รู้จักโตสักที
แล้วผมก็เห็นฟ้าเดินผ่าเหล่านักศึกษามาแต่ไกลเลย
ตอนนี้เธอดูไม่เหมือนฟ้าคนเดิมเลย ผมเธอยาว
ตาก็กลมโตเป็นประกายแก้มกับปากก็สีชมพูอ่อนๆ เธอสวยกว่าเดิมจนผมจำแทบไม่ได้
และยังใส่ชุดนักศึกษามหาลัย ที่มองแล้วโค้งเว้าเข้ารูป
มันต่างกันลิบลับกับตอนมัธยมเลย นักศึกษาชายที่เดินสวนกับฟ้ามองตามกันเป็นแถบ
ผมของเธอเวลาที่ต้องลมก็ปลิวออกเล็กน้อย ทำไมถึงสวยขนาดนี้นะ
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะดีใจหรือจะเสียใจดี ที่ฟ้าเธอสวยขึ้น
เธอเห็นผมนั่งรออยู่เธอรีบวิ่งมาทันที ถึงหลายหลายอย่างในตัวฟ้ามันจะเปลี่ยนไป
แต่ที่ยังเหมือนเดิมก็เห็นจะเป็นนิสัยของเธอ
เธอยังคงเป็นนางฟ้าตัวน้อยน้อยของผมเช่นเดิม ผู้หญิงที่น่ารัก ขี้เล่น
ทำตัวเหมือนเด็กเด็ก ที่ผมชอบเธอก็ตรงนี้แหละ
ถึงผมกับฟ้าจะเข้าสู่มหาลัยแล้วแต่ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม
ผมยังนั่งรถไปส่งเธอบ้านทุกวัน ผมยังทานข้าวกับเธอทุกมื้อ
ผมยังไปดูดาวกับเธอเป็นประจำ และผมก็ยังเป็นบอดี้การ์ดของเธอทุกลมหายใจ……………
……..แต่พอเราขึ้นปี 2 ทุกอย่างมันก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป
มีผู้ชายที่พร้อมไปซะทุกอย่างทั้งเรื่องหน้าตาและฐานะ
หลายต่อหลายคนต่างมารุมชอบเธอ ดูผมจะเทียบกับใครเขาไม่ได้เลย
ตอนนี้ฟ้าเธอเป็นดาวของมหาลัยเลยก็ว่าได้ เธอไม่ใช่ฟ้าที่เพื่อนๆ
ชอบหาว่าเรียนอ่อน ชอบมาสาย อีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนความบกพร่องที่เธอเคยมี
มันถูกความสวยและความสามารถในด้านอื่นของเธอทดแทนไปหมดเลย
เธอเป็นเชียร์หลีดเดอร์ของมหาลัยที่เด่นกว่าคนอื่นๆ
เธอเข้าร่วมในหลายหลายกิจกรรมของโรงเรียน
หรือจะเป็นการประกวดด้านความสวยความงามต่างๆ ดูเหมือนฟ้าเธอจะกวาดเรียบเลย
แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่ฟ้าเธอจะลืมผม จิตใจเธอข้างในยังเหมือนเดิมทุกประการ
จะเปลี่ยนไปก็แต่สภาพแวดล้อมรอบตัวเธอที่มันทำให้ผมดูจะไม่เหมาะกับฟ้า
ลงไปทุกขณะ เดี๋ยวนี้เวลาที่ผมไปไหนกับเธอมักจะมีคนมองตลอด
ผมเริ่มรู้สึกว่าผมห่างเธอไปเรื่อยๆ เหมือนเรือที่ถูกปล่อยลอยเคว้งคว้าง
ซึ่งนับวันลมฝนจะทำให้มันห่างออกจากผืนดินเข้าทุกขณะ เมื่อก่อนผมเคยคิดเสมอว่า
เธอเป็นนางฟ้า……. ที่ผมต้องคอยช่วยเหลือเสมอตอนนี้มันก็ยิ่งไกลลับตา
เปลี่ยนเป็นคำว่า “ดอกฟ้ากับหมาวัด”ดูจะเหมาะกว่า เมื่อก่อนที่ผมคอยช่วยเธอไปซะทุกเรื่อง
ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมเริ่มหมดความสำคัญแล้ว
ผู้คนรอบตัวฟ้าต่างช่วยเหลือดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหินซะอีก
จึงทำให้ผมพยายามปลีกตัวออกจากเธอ เวลาเดินกับเธอผมก็พยายามรักษาระยะไว้
หลายอย่างในตัวผมมันเปลี่ยนไป จนทำให้ฟ้าเธอผิดสังเกต
ยิ่งผมหนีเธอ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 20:44:30


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#15
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:11:10

#15 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:11:10 ]





รักเธอจนกว่าฟ้าดินจะสลาย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีเรื่องเล่าระหว่างสาวสวยและหนุ่มรูปงาม ผู้ซึ่งรักกันอย่างดูดดื่ม...
ทั้งสองได้สาบานว่า
แม้ความตายก็มิอาจจะพรากรักอันแสนจะมั่นคงนี้ลงได้
และในครั้งนั้นยังมีแม่มดตนหนึ่งผู้ซึ่งเชื่อมั่นว่า
ไม่มีสิ่งใดที่จะแน่นอนเท่าความไม่แน่นอน

แม่มดไม่เชื่อว่าความรักของทั้งสองจะมั่นคง
จึงคิดหาทางพิสูจน์ขึ้นมา
นางกล่าวว่าหากพวกเจ้ามั่นใจในรักของอีกฝ่าย
ซึ่งยั่งยืนแม้ว่าความตายจะพราก
ดังนั้นข้าก็อยากจะลองดูว่ามันจะเป็นอย่างไร...
ข้าขอสาปให้นับแต่นี้เป็นต้นไป
ไม่ว่าจะเกิดใหม่อีกสักกี่ชาติ บุรุษนี้จะไม่มีทางจำเจ้าได้
เขาจะไม่สามารถจำได้ว่าเคยรักเจ้า
และตรงกันข้ามกับเจ้า เจ้าจะเป็นคนที่จำทุกอย่างได้
เพราะเจ้าจะยังคงอยู่เช่นนี้ตลอดไป
ไม่แก่ไม่เฒ่า ไม่มีวันตาย จะอยู่อย่างนี้นิรันดร์...
เจ้าจะจำเวลาที่เคยรักเขา เคยเป็นที่รัก
และต้องเฝ้ารอการกลับมาของเขาในชาติแล้วชาติเล่าตลอดกาล...

"วันใดก็ตามที่เจ้าทำให้เขารู้ตัวว่ารักเจ้าทำให้เขาจำเจ้าได้
วันนั้น...คือวันที่ความเป็นนิรันดร์ของเจ้าสิ้นสุดลง...
เจ้าจะแก่และตายตามสภาพของอายุขัยที่ควรเป็น...
และคราวนี้ก็จะเป็นทีของเจ้าหนุ่มนั่นแทน...
เขาจะต้องเป็นคนที่ค้นหาเจ้าบ้าง..."
หลังจากนั้นมา
ปีแล้วปีเล่าเวลาผ่านไปศตวรรษทบศตวรรษ
ที่หญิงสาวเฝ้าตามหาชายหนุ่มคนรัก

และทุกครั้งที่เธอได้พบเขาในสภาพของใครคนหนึ่ง
ที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย...
เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาจำเธอได้


แต่มันไม่เคยสำเร็จชาติแล้วชาติเล่า...
หลังจากการเกิดและดับของเขาผ่านไปนับสิบครั้ง
เขาก็ยังไม่อาจระลึกได้ถึงความรักของเธอ...
ความทุกข์ทรมานของหญิงสาว
ถูกเฝ้าดูอย่างเย้ยเยาะ โดยนางแม่มดผู้รอคอยเวลา
ที่หญิงสาวจะยอมรับว่า...
รักแท้ที่แม้ความตายก็ไม่อาจพรากไม่มีจริง
แล้วนางแม่มดก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่า
ในช่วงหลังๆมา..................
หญิงสาวไม่ได้พยายามที่จะทำให้ชายหนุ่มระลึกถึงตน
ไม่พยายามให้ชายหนุ่มรักตน
แต่กลับทำทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้เขามีความสุข


และทำให้เขาเกิดรอยยิ้มแทน...
แล้ววันหนึ่งนางแม่มดก็เก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว
จึงปรากฏตัวเพื่อเอ่ยถามกับตัวหญิงสาวเอง...

"...เจ้าได้ละทิ้งความพยายามของเจ้าเสียแล้วล่ะหรือ...
ความพยายามที่จะพิสูจน์ให้ข้าเห็นอำนาจและพลังของรักแท้
ที่เหนือกว่าอำนาจใดๆ แม้กระทั่งคำสาปของข้า..."

"จริงๆ แล้ว ข้าก็มีเหตุผลของข้า"

หญิงสาวตอบนางแม่มดกลับไป

"...ข้าไม่ได้ละทิ้งความพยายาม...เพียงแต่...
ข้ากลัวว่าความพยายามของข้าจะสัมฤทธิ์ผล...แล้ว"

"แล้วเจ้าก็ต้องแก่และตาย"
นางแม่มดต่อให้ด้วยเสียงเย้ยหยัน

" ที่แท้เจ้าก็กลัวที่จะตาย เจ้ากลัวจะสูญเสียความเป็นอมตะของเจ้า...
เฮอะ นี่หรือรักแท้ของเจ้า"

หญิงสาวไม่ปฏิเสธ นางเผชิญหน้ากับนางแม่มดและรับคำกล่าวหานั้น

"อาจใช่...มันเป็นความจริงที่ข้ากลัวว่าหากข้าทำให้เขาจำข้าและรักข้าได้ข้าจะต้องตายจากเขาไป"

"และเจ้าก็ไม่เชื่อใจว่าเขาจะทำให้เจ้าจำได้เช่นนั้นหรือ?"

หญิงสาวจ้องหน้าแม่มดนิ่งอยู่ ก่อนตอบ


สิ่งที่ข้าเกรงไม่ใช่เรื่องนั้น...ท่านรู้อะไรไหม...
ตลอดเวลาอันยาวนานที่ข้าเฝ้าเดินทางตามหาเขา
เฝ้ารอคอยวันแล้ววันเล่า..................
รอวันที่เขาจะกลับมาหาข้าอีกครั้ง...
ตลอดเวลาที่ข้าเฝ้ามองการเกิดและการตายของเขา
มันคือความทรมานอันยาวนานที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด...
และสำหรับข้าความทุกข์อันแสนสาหัสคือ
การได้เห็นความทรมานของผู้เป็นที่รัก
โดยที่เราไม่อาจเอื้อมมือเข้าไปช่วยเหลือได้...
หลายครั้งที่ข้าอยากให้ตัวข้าเห็นแก่ตัว
พอที่จะพยายามทำให้เขารักทำให้เขาระลึกถึงข้าได้อีกครั้ง
เพื่อที่ข้าจะได้เป็นอิสระต่อการพันธนาการนี้...
แต่ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงมัน
ความทุกข์ทรมานที่ข้าได้รับ
จากการรอคอยที่ไม่มีวันจบสิ้นก็ทำให้ข้าคิดได้

...ข้าไม่อาจให้เขาต้องแบกรับความรู้สึกทรมานเช่นที่ข้าได้รู้สึก...
ความรักของข้าอาจไม่แข็งแกร่งพอ
ที่จะตัดสินใจพยายามให้เขาจำข้าได้ต่อไป
และจากนี้ต่อไป แม้ว่าข้าจะต้องรอคอยไปชั่วนิรันดร์
สิ่งเดียวที่ข้าจะทำคือ
ข้าจะทำให้เวลาของเขามีแต่ความสุขเท่าที่พลังของข้าจะทำได้
ข้าอาจไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาก็จริง
แต่ข้าก็ยังอยากเห็นรอยยิ้มของเขา...
ข้าอาจเป็นคนอ่อนแอในสายตาของท่านอย่างไรก็ตาม
นี่ก็คือความรักของข้า
คือสิ่งที่ข้าเป็น...
แม้ชีวิตของข้าจะต้องเดียวดายตลอดกาลแต่ข้าก็มั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่า
คนที่ข้ารักจะไม่มีวันเดียวดายเช่นตัวข้า...
เพราะเขาจะมีข้าข้างกายเขาชั่วนิรันดร์ "........................

นิทานเรื่องนี้ไม่มีตอนจบเพราะอยากให้คนที่อ่านจินตนาการถึงตอนจบเอาเอง

ในชีวิตของเรามีหลายช่วงต่อหลายช่วงที่
เราคิดว่าเรารักใครสักคนมากมายเหลือเกิน
และหลายต่อหลายครั้งที่ความรักของเราก็ต้องการความรักตอบกลับมา
หลายคนฟูมฟายกับโชคชะตาว่ารักที่ไม่ได้รักตอบคือการสูญเวลาเปล่า...

แต่มีหลายต่อหลายคน...ที่ดีใจกับโชคชะตาที่เกิดมาสักครั้ง
แต่ยังได้รักใครสักคนอย่างเต็มหัวใจ...

ทุกอย่างในชีวิตมีทางเลือก...ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกทางไหน...หรือ
คุณจะเลือกหรือไม่?คุณจะเลือกทางไหน

...เปิดประตูรับความรักเข้ามา
เพื่อเติมความอบอุ่นให้กับหัวใจแม้เพียงช่วงหนึ่งของชีวิต...
หรือจะมัวแต่ฟูมฟายโทษตัวเองกับความรักที่ให้ไปแต่ไม่ได้รักตอบ...??
...ทางเลือกเป็นของคุณ...

ย้ำๆๆๆๆอ่านให้จบ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 20:38:36


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#16
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:11:10

#16 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:11:10 ]





ความรักเศร้าๆฉบับเรา2คน

ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง..
มีเพื่อนต่างเพศอยู่คู่หนึ่ง เป็นเพื่อนที่รักกันมาก
ฝ่ายชายจะเดินไปส่งฝ่ายหญิงที่บ้านเสมอทุกวัน
เวลาผ่านไป จนทั้งสองอยู่ มหาวิทยาลัย
ฝ่ายหญิงเริ่มไปแอบชอบ ผู้ชายคนนึง และได้ถามเพื่อนชายว่า

"นี่...เธอว่าเค้าเหมาะกับเราไหม"
"เค้าก็ หล่อดีนะ นิสัยก็ดีด้วย"
"เหรอ! อืม อยากให้เค้ามานั่งอยู่ข้างๆ เราจังเลยเนอะ"

ต่อมาไม่นาน หญิงสาวก็ได้เป็นแฟน กับผู้ชายคนนั้นจริงๆ
วันนึงหญิงสาวบอกกับ เพื่อนชายของตนว่า

"นี่เธอ ไม่ต้องมาส่งเราทุกวันแล้วแหละ ตอนนี้เค้าจะมาส่งเราแล้ว
เราไม่อยากให้ เค้าเข้าใจ ผิดน่ะ"
"อืม" ฝ่าย ชายตอบรับ และเขาก็ไม่ได้ไปส่งหญิงสาวอีก
ต่อมาหญิงสาวเกิดทะเลาะกับแฟน ของตน
จึงมาปรึกษาเพื่อนชาย ว่า
"เธอ! เด๋ว นี้เขาไม่ค่อยสนใจเราเลยแหละ
เธอว่า... เราจะทำอย่างไร ดีหล่ะ!"
"ก็ เธอ ยังรักเค้าอยู่หรือป่าวหล่ะ" ฝ่ายชายถาม
"ก็รักสิ และก้อรักมากด้วย"
"ถ้าอย่างนั้น ก็มอบความรักให้เขาต่อไปสิ ก้อเธอรักเค้านี่หน่า"
"อืม ม" หญิงสาวทำตามคำแนะนำของเพื่อนชาย

หลังจากนั้น ... วันหนึ่ง
ระหว่างที่เพื่อนชายหนุ่ม เดินกลับบ้าน เค้าเห็นหญิงสาว
นั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง
"เธอ เป็น อะไรหน่ะ ทำไมถึงร้องไห้ มีอะไรให้เราช่วยไหม"
"เค้าไม่ รักเราเลยหล่ะ เขาเปลี่ยนไป
เดี๋ยวนี้เขาไม่เคยมาส่งเรา ที่บ้านเลย"
"แล้วเราจะ ช่วยอะไรเธอได้บ้างหล่ะ"
"ช่วยอยู่ กับเราซักพักได้ไหม?" หญิงสาวร้องขอ
ก้อได้ซิ! ทำไมจะไม่ได้หล่ะ
ทั้งสองได้นั่งอยู่ด้วยกัน โดยไม่พูดจาอะไรกันเลย
ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ย ขึ้นมาว่า
"เราควรจะ ทำอย่างไรดี เธอจะช่วยบอกเราได้ไหม
ว่าเราควรจะทำอย่างไร ดี"
"เธอยังรัก..เขาอยู่หรือป่าวหล่ะ"
"รักสิ เรา รักเค้ามากเลย"
"แต่เค้า ไม่รักเราเลยนี่หน่า" หญิงสาวร้องไห้โฮ
"แต่เธอก็รัก..เขาไม่ใช่เหรอ"

และชายหนุ่มก็ไปส่งหญิงสาว ที่บ้านอย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน
"ถ้า เมื่อไหร่...ก็ตาม
ที่เธออยากให้เรามาส่งเธอที่บ้าน อย่าลืมเรียกเรา นะ"
"อืม" และ หญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป

ต่อมาวันหนึ่งชายหนุ่มได้ รับโทรศัพท์จากหญิงสาว
"เราไม่ไหวแล้ว ช่วยมารับเราที"
เสียงของหญิงสาวดูช่าง อ่อนล้า และหมดกำลัง
เธอกำลังร้องไห้อย่างฟูมฟายอยู่
ชายหนุ่มได้ไปหาเธอและพาเธอมาส่งบ้าน
เธอยังคงถามชายหนุ่มนั้น เหมือนที่เคยถามมา ...
"เราจะทำอย่างไรต่อไปดี"
เราไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว..ดูยังไง ๆ เขาก็เหมือนไม่ได้รักเราเลย
"แล้วเธอเลิก รักเค้าแล้วเหรอ"
"ป่าว! เรา ยังรักเค้ามาก เรายังรักเขาอยู่เหมือนเดิม"
"งั้นก็ เหมือนที่เราเคยพูดไว้ จงรักเขาต่อไป..แม้มันจะเจ็บบ้างก็ตาม
เพราะมันไม่สำคัญหรอกว่า เขาจะรักเธอไหม..? แต่ถ้าเธอยังรักเขา
เธอก็คงทำได้แค่เพียงรักเขา...และจงรักเขาให้มากกว่าเดิม
เพื่อแสดงให้เขารู้ว่าเธอรักเขามาก และก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
มีแต่เพิ่มมากขึ้น"
อืม..แล้วหญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป

และในที่สุดวันที่เธอเรียนจบก็มาถึง
เพื่อนชายหนุ่มของเธอมาแสดงความยินดีกับเธอ
เธอรู้สึกแปลกใจมาก ที่เพื่อนชายหนุ่มของเธอ ยังเรียนไม่จบ
เธอถามเขาว่า ทำไม..?
ชายหนุ่มตอบว่า เขาขี้เกียจไปหน่อย
ทำให้เขาต้องเรียนซ้ำวิชา หนึ่งจึงยังเรียนไม่จบ
หญิง สาวแปลกใจ เพราะตลอดมา ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนขยัน
แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ..

และต่อมาไม่นานแฟนของหญิงสาว ก็ได้มาขอเธอแต่งงาน
เนื่องด้วยเห็นถึงความรัก ที่หญิงสาวมีให้
หญิงสาวจึงได้ไปชวนเพื่อนชาย เพื่อให้มางานแต่งของเธอ

"เราไม่ว่างจริงๆ เราติดธุระน่ะ! ขอโทษด้วยนะ"

เพื่อนชายตอบเธอด้วยน้ำ เสียงแผ่วเบา
หญิงสาวโกรธและเสียใจที่ เพื่อนชายไม่ยอมมางานแต่ง จึงวางหูกระแทกไป
แต่หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจ เมื่อวันที่เธอแต่งงาน
ชายหนุ่มได้มาปรากฎตัวก่อนที่งาน แต่งจะจบลง

"ยินดีด้วย นะ เรามาแล้วหล่ะ"

หญิงสาวดีใจมากที่เห็นเพื่อนชาย ของเธอมา
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
เธอรู้สึกมีความสุขมาก ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมาไม่ได้
และเพื่อนชายก็พูดว่า เธอมีอะไรให้เราช่วยไหม..?
ยิ่งทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิม..

ต่อมาหญิงสาวก็มีความสุข กับชีวิตแต่งงานของเธอ
จนไม่มีเวลาได้ติดต่อกับเพื่อนชายอีกเลย

จนวันหนึ่งหญิงสาวได้ ทะเลาะกับสามีของตน
หญิงสาวไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จึงนึกถึงเพื่อนชายขึ้นมา
แม้ว่าหญิงสาวจะโทรไปหาเท่าไหร่?
ก็ไม่สามารถติดต่อกับชายหนุ่มคนนั้นได้เลย
เขาจึงโทรไปหาเพื่อนของชายหนุ่มคนนั้น
เพื่อนของชายหนุ่มเล่า ว่า ชายหนุ่มเป็นโรคร้าย เขาไม่สามารถไปไหนได้
ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล... มาร่วมหลายเดือนแล้ว
หญิงสาวตกใจมาก ถามว่า..เขาเป็นอะไร?

เพื่อนชายหนุ่มบอกว่า อาการเขากำเริบ เพราะวันที่ชายหนุ่มต้องมาผ่าตัด
ชายหนุ่มดัน ...หายตัว ไปเฉย ๆ โดยไม่มีใครรู้
และเพื่อนของชายหนุ่ม ก็ยังบอกอีก ว่า ..."มันเป็นนิสัยเสียของมันหน่ะ
มันชอบหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ในช่วงเวลาสำคัญๆ

คราวที่แล้วตอนสอบไล่ มันก็หายตัวไปจากห้องสอบเฉยเลย"
ไม่รู้มันหายไปไหน..ถามใคร ก็ไม่มีใครรู้
หญิงสาวตกใจมาก เลยขอที่อยู่ของโรงพยาบาลที่ชายหนุ่มรักษาตัว
หญิงสาวไปเยี่ยมชายหนุ่ม ที่โรงพยาบาล เมื่อเปิดประตูเข้าไป
ก็ต้อง ตกใจ ! ชายหนุ่มที่เคยดูแข็งแรง กับผอมซูบ ไม่มี แรง
เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอก็ดีใจ ทักทาย เธอเป็นการใหญ่

"เป็นอย่าง ไรมั่ง ไม่เจอกันตั้งนานเลยน่ะ"
หญิงสาวนิ่งเงียบซักพัก น้ำตาหญิงสาวก็ไหลออกมา
"อ้าวร้อง ไห้ทำไมหล่ะ เธอหน่ะ ไปทะเลาะกับแฟนมาอีกแล้วเหรอ
จะให้เราช่วยอะไรไหม...? แต่เราก็คงจะแนะนำเธอ ได้เหมือนเดิมนะ"

หญิงสาวเข้าไปหาชายหนุ่ม แล้วก็บอกกับชายหนุ่มว่า
วันที่เธอ มารับเราเป็นวันสอบไล่เธอใช่ไหม..?"
ชายหนุ่มทำหน้าตกใจและไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น กลับนิ่งเงียบไป
หญิงสาวจึงพูด ต่อ...
"และวันที่ เธอต้องผ่าตัดใหญ่ เธอกลับมางานแต่งงานของเราใช่ไหม..?"
ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไร อีกแล้ว กลับนิ่งเงียบกว่าเดิม
หญิงสาวเข้าไปกอดชายหนุ่ม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ

"ตลอดเวลา เรารักแต่คนอื่น มองแต่คนอื่นเรากลับไม่รู้เลยว่าเธอรักเรามากแค่ ไหน
เรารู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ ไม่ได้รักเธอมากกว่านี้"

ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วก็บอก
กับหญิงสาวด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า

"เราบอกเธอ แล้วไง..ถ้าเรารักใครสักคน เราก็ต้องรักเขาให้มากๆ
และมากขึ้นกว่าเดิม มันไม่สำคัญหรอก..ว่าเขาจะรักเราหรือไม่
มันสำคัญแค่เพียงว่า..เรายังรักเธออยู่หรือเปล่า
แค่เราสามารถช่วยเธอได้ นั่นมันก็เป็นความสุขของเราแล้ว
ต่อให้เราจะเจ็บสักแค่ไหน..เราก็ยังรักเธอต่อไป
และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลง"

หญิงสาวรู้สึกเสียใจมาก นั่งร้องไห้โฮ...อยู่ที่ตักของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มจึงพูด... ขึ้น ว่า

"ถ้าเราหายเมื่อไหร่... เราจะไปส่งเธอที่บ้านอีกนะ"

ย้ำๆๆๆๆๆๆๆๆอ่านให้จบ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 20:31:03


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#17
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:11:11

#17 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:11:11 ]





ยาวๆซึ้งถึงใจ

ความรักลอยไป

คงคิดสิว่าจะทำใจไม่ได้

นึกว่าจะเสียน้ำตาร้องไห้

เสียใจที่ทำไม่ได้นะเธอ

.......ขอโทษนะ.......

อยากบอกให้รู้ว่า

คนอย่างฉันไม่มีน้ำตา

ให้คนหัวใจสีชาเช่นเธอ



แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 20:11:04


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#18
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:11:11

#18 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:11:11 ]





อีก1กลอนซึ้งๆ

คิดถงคิดถึง มีให้ทุกค่ำคืน เช้าสายดึกดื่น ตื่นมายังคิดถึงอยู่


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 20:08:04


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#19
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:11:11

#19 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:11:11 ]





อีก1 รักจากใจ


คนแปลกหน้าที่เคยรู้
เธอเคยบอกรักด้วยหัวใจ
เคยผูกพันสัมพันธ์กันจากใจ
เคยเห็นใจเข้าใจในความเป็นเรา
แต่วันนี้เธอแปลกไป
มีคนใหม่ใจไม่เหมือนเก่า
เธอบอกรักแต่วาจา
แต่เวลาไม่เคยมี
ไม่เคยพอไม่เคยหยุดมีแต่ฉุดรั้งไว้
คนที่เจ็บก็อยากพอแต่คำขอมันดึงใจ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 20:06:47


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)
เอ็ดเวิร์ด
#20
เอ็ดเวิร์ด
10-03-2012 - 19:11:11

#20 เอ็ดเวิร์ด  [ 10-03-2012 - 19:11:11 ]





กลอนกวนมาให้1กลอน

สวรรค์อยู่ในอก

นรกอยู่ในใจ

พอเธอเปิดถอดเสื้อใน

โอ้สวรรค์มันใหญ่จัง


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-10 20:05:30


เขาไม่รักเราแล้วปล่อยเขาไป(●△●)

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ