ลองอ่านอยู่เพื่อความรู้น่ะค่ะ บางข้อความอาจแรงไปบ้างแต่ก็พอรับได้
จริงๆที่เขียนและนำบทความเหล่านี้มาลงเพราะว่ามีบทความนึงใน
โพสทุเดย์ได้ลงข้อความเรื่อง
โอตาคุ อย่างผิดๆลงไปมากมายจนตอนนี้ ข้อความนี้ได้ถูก
ลบออกไปจาก
โพสทุเดย์ แล้วค่ะ ท่านอ่านแล้วคงจะเข้าใจว่า
O T A K Uไม่ใช่เรื่อง เลวทรามเลย...!! บทความนี้เราได้เก็บข้อมูลเป็นครั้งแรกใน
Gamer Gate เมื่อประมาณต้นปี
2005 ในกรณีการชี้แจง เรื่องความเข้าใจผิด
ในเรื่องของ
โอตาคุ ในเวบไซต์ข่าว
โพสทุเดย์ ที่ว่า ต่อมาถูกนำไปเขียน
ให้สมบูรณ์ขึ้นใน
after2k.net และถูกลงในอีกหลายเวบไซด์ต่อมาพอสมควร
===============================================ว่าด้วยเรื่องของโอตาคุ... มันคืออะไรแน่?คำว่า
OTAKU(โอตาคุ) ที่จริงแล้วความหมายในวงการที่ญี่ปุ่นคืออะไร
และแน่ใจแล้วหรือที่อยากเป็นกัน
(เห็นหลายๆ คนภูมิใจนี่นะ) บทความนี้
อาจมีข้อผิดพลาดอยู่เยอะนะครับ รบกวนท้วงติงเพื่อการแก้ไขด้วย
หากส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปกระทบกระทั่งกับใครเข้า
ผมต้องขอโทษและขออภัยด้วยครับ แต่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงจริงๆ
เพื่อสาระของเนื้อหา หากเห็นว่าไม่สมควรก็ขอความเห็นของเพื่อนๆ
ชาว โอตาคุ ทุกๆท่านที่ได้เห็นข้อมูลนี้ด้วยนะครับ...
-ว่าด้วยเรื่องของโอตาคุ-คำว่า
โอตาคุ เป็นคำนาม คำๆ นี้แต่เดิมมันแปลว่า
บ้าน ครับ
ทีนี้เราลองมองดูใครสักคน ไม่ยอมสุงสิงกับใคร ปฏิเสธการออกไป
ข้างนอกถ้าไม่จำเป็น เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบอยู่กับบ้าน
นั่นล่ะครับคือความหมายในวงการของโอตาคุล่ะ มันแปลว่า พวกคลั่งไคล้
อะไรสักอย่างแบบสุดๆ จนอยู่กับบ้านเพื่อสิ่งนั้นไงครับ คนเล่นเกมรุ่นเก่าๆ
เคยได้ยินคำว่า พวกเฝ้าบ้าน ที่หมายถึงคนที่ไม่ยอมทำอะไรอย่างอื่นนอกจาก
เอาแต่นั่งอยู่กับที่แล้วรอสวนกลับไหมครับ นั่นล่ะความหมายเดียวกันเลย
ในกรณีนี้ผมจะยกตัวอย่างคำว่า
Lolicon (Lolicom) เดิมมาจากคำว่า
Lolita Complex เป็นอาการทางจิตชนิดหนึ่งที่ผู้เป็นมักจะเจาะจง
"ชอบสาวรุ่นลูกเท่านั้น" เดิมคำนี้เป็นศัพท์บัญญัติโดย ซิกมันด์ ฟรอยด์
มีต้นกำเนิดมาจากนิยาย
Lolita ที่โด่งดังและมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักของ
ชายวัยกลางคนกับเด็กสาวที่เป็นลูกของเพื่อน ถามว่ามันกลายมาเป็นคำว่า
Lolicon (Lolicom) ได้ยังไง คืออย่างนี้ครับ คนญี่ปุ่นมักใช้การเปลี่ยนแปลง
ศัพท์ของต่างประเทศให้มาเป็นของตนเอง เหมือนคำว่า
Personal Computerที่กลายมาเป็นคำว่า
Persocom (ปาโซคอม) ใน
Chobits ไงครับ
คำนี้เลยกลายเป็นว่า พวกชอบเด็กสาวน่ารักๆ ตัวเล็กๆ อายุไม่เกิน 11 ขวบครับ
พูดให้ถูกก็คือ มันเป็นศัพท์แสลงเฉพาะกลุ่มเท่านั้น คนกลุ่มอื่นมาได้ยินอาจ
เกาหัวแกรกๆ แล้วก็ไม่สนใจอะไรก็เป็นได้
...กลับมาเรื่องของ Otaku คำๆ นี้ก็ประสบกับชะตากรรมเช่นเดียวกัน คือ
กลายเป็นศัพท์แสลงเฉพาะกลุ่มไป ในกรณีทั่วๆ ไป มันจะหมายความว่า
พวกบ้าการ์ตูน ครับ ในประเทศไทยนั้นคำๆ นี้มีความหมายเท่านี้จริงๆ โอตาคุ
นั้นที่จริงมันหมายถึง ผู้คลั่งไคล้อะไรสักอย่างแบบสุดๆ เท่านั้นล่ะครับ เช่น
คุณคลั่งหมากรุกญี่ปุ่น คลั่งดารา บ้างาน คลั่งเกม หรืออะไรก็ตามที่ทำให้
คุณหมดความสนใจในชีวิตแล้วเอาแต่เก็บตัวอยู่กับบ้าน
สิ่งเหล่านี้เรืยกว่า โอตาคุ ทั้งนั้นค่ะ......แต่สำหรับวงการในญี่ปุ่นมันมีอะไรมากกว่านี้ครับ เรื่องจากนี้ไปอาจฟังดูรุนแรง
สักหน่อยนะครับ แต่ผมจำเป็นต้องพูดเพื่อสาระของเนื้อหา ที่จริงมันแปลได้ง่ายๆ
เลยว่า "อ้ายคลั่ง" ครับ เราต้องไม่ลืมว่า โอตาคุ ที่มีอาการหนักมากๆ นั้นเกิดจาก
อะไรนะครับ คำตอบคือ การ์ตูนสาวน้อยที่มีความน่ารักเป็นจุดขาย หรือเกมจีบสาว
ที่มีการโต้ตอบระหว่างผู้เล่นแบบเสมือนจริง เราต้องไม่ลืมว่า วรรณกรรม (คือมันก็เครือๆ กันล่ะ)
นั้นเป็นภาพสะท้อนของสังคม สังคมญี่ปุ่นในปัจจุบันนั้นเป็นสังคมที่มีแต่ งาน งาน งาน
ขาดการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพศตรงข้าม (นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมญี่ปุ่นถึงปล่อยให้
จำหน่ายสื่อลามกได้อย่างถูกกฎหมาบ ขอแค่เซนเซอร์ "เจ้านั่น" ทิ้งไปเท่านั้น -
ก็เพื่อเป็นตัวปลดปล่อยแรงขับทางเพศของสังคมญี่ปุ่น ) ดังนั้นผู้คนบางคนจึงอาจจะ
เก็บกดและต้องการหาทางออก บางคนก็ไม่ได้หล่ออะไร จึงขาดความมั่นใจในการคุย
กับเพศตรงข้าม หรือไม่ก็ไม่มีจุดเด่นสักอย่าง จึงสามารถใช้สิ่งเหล่านี้เป็นที่ปลดปล่อยได้
เคยสังเกตไหมครับว่าตัวเอกเกมจำพวกนี้หรือแม้แต่การ์ตูนดังเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับ
หอพักและเด็กซิ่ว มักเป็นเด็กหนุ่ม 17-20 ที่ไม่มีจุดเด่นอะไรสักอย่างเหมือนกัน
หัวไม่ดี สอบไม่ติด บลาๆ ถามว่าเป็นไปเพื่ออะไรนอกจากกลุมเป้าหมายที่ทาง
ผู้เขียนหรือผู้ผลิตต้องการจะเจาะแล้ว....ก็เพื่อให้สวมบทบาทลงไปง่ายๆ ไงครับ...ถ้าพระเอกเด่นหมดมันก็ไม่มีทางเป็นเราไปได้น่ะซี...สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีปัญหา
อะไรมาเล่นมันก็ไม่มีอะไร เล่นเสร็จแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น แต่ถ้าคนที่มาเล่นนั้นเป็น
คนที่ไม่อะไรในชีวิตเลยสักอย่างล่ะครับ ถ้าไม่ใช่ว่าแฟนก็ไม่มี ก็อาจไม่หล่อ
ไม่อ้วนตุ๊ต๊ะก็ไม่มีจุดเด่นให้พอเป็นที่สนใจของเพศตรงข้ามเลย มีดีก็แต่การเรียนไม่ก็
เพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรืออาจไม่มีเลย....สุดท้ายสิ่งที่เขาต้องพึ่ง คือ จินตนาการ
เขาสามารถเป็นหนึ่งได้ในโลกแห่งนี้ มีแฟนน่ารักได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ
มันเป็นจริงได้ ณ ที่แห่งนี้ แล้วเขาจะสนโลกแห่งความจริงไปไย ดังนั้นสิ่งที่เรามีก็คือ
ที่แห่งนี้เท่านั้น เขาจึงละทิ้งโลกภายนอก สภาพกาย และอุทิศตัวแด่โลกแห่งความฝัน
ที่อยู่ตรงหน้านั้นแทน... หรือบางทีอาจข้ามขั้นเอาสิ่งที่ว่ามาปฏิบัติในโลกแห่ง
ความเป็นจริงด้วย คล้ายกับแนวทางของ
ลัทธิแบบหนึ่ง...
โอตาคุในขั้นที่ไม่หนักมากก็ไม่เท่าไร พวกนี้ที่จริงยังไม่ถือว่าเป็นโอตาคุ ขั้นต่อมาก็คือพวกที่เริ่มปล่อยเนื้อปล่อยตัว คบหาแต่พวกเดียวกัน ดูแต่การ์ตูน ตรงนี้ไม่เสียหายอะไรครับ แต่ขั้นต่อมาอีกก็คือพวกที่ไม่รู้อะไรอีกต่อไป อยู่ในความจริงเสมือนอย่างที่ผมได้กล่าวไว้ ตรงนี้อย่าคิดว่าล้อเล่น มีจริงๆ นะครับ จำได้ไหมครับเรื่องของโอตาคุคนที่จับเอาเด็กผู้หญิงน่ารักมาแต่งเป็น ซากุระจังจาก CCS และก็ทรมานจนตายน่ะ หรือไม่ก็กรณีดัง
-นายท่าน- ที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆ ตรงนั้นเขาไม่รู้สึกผิดอะไรหรอกครับเพราะนั่นเป็นความปราถนาและความเชื่อ เป็นศรัทธาของเขา สำหรับตัวผมเองผมเคยเห็นคนที่ใช้ชีวิตกับตุ๊กตายางมาแล้วนะครับ ผมไม่อาจเอ่ยคำใดๆ ได้นอกจาก
"สงสาร" คนที่มีอาการขั้นนี้ พูดได้อย่างเต็มที่ว่าพวกนี้เป็นไปโดยสิ้นเชิงแล้ว และก็เป็น เพราะคนพวกนี้แหละที่ทำให้คำว่าโอตากุมันมีความหมายไปในทางเลวลง โอตาคุดีๆ ก็ยังมีอยู่เยอะนะครับ สำหรับในประเทศไทยผมยังไม่เคยเห็นโอตากุที่มีอาการ "ขั้นนั้น" ครับ แต่ในอนาคตน่ะไม่แน่เพราะอย่างน้อยเราก็ได้เห็นตัวอย่างมาแล้วในเรื่องของเกมออนไลน์ ใช่ครับ มันไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด แต่มันได้แสดงให้เห็นว่า ในตอนนี้บางส่วนนั้น สถาบันครอบครัวและความเชื่อได้อ่อนแอลงไปเพียงไร
พูดง่ายๆ คือ การ์ตูนเป็น "สิ่งยึดเหนี่ยว" ของพวกเขาไงครับ ด้วยศร้ทธาที่มุ่งมั่นประจวบกับความคิดของตัวเอง ทำให้เขาไม่รู้สึกผิดอะไรกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปทั้งนั้น...และนี่คือโอตาคุแบบมืดนะคะ ซึ่งก็ยังมีอยู่...อุตสาหกรรมการ์ตูนนั้นปัจจุบันเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากนอกจากการลงทุน บุคลากรที่มีความคิดสร้างสรรค์ บวกกับการตลาดและการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ดีแล้ว อย่างอื่นก็ไม่จำเป็นเท่าไร บวกกับสภาพสังคมในปัจจุบัน เหล่านี้ทำให้ทางผู้ผลิตสามารถสร้างการ์ตูนสาวน้อยออกมาเจาะกลุ่มกันได้อย่างต่อเนื่อง ตรงนี้มองดูก็ไม่มีอะไรหรอก แต่นั่นอาจหมายถึงการที่จะทำให้มีกลุ่มคนขั้น "คลั่งไคล้อย่างรุนแรง" เพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ และมันก็ดูท่าจะเป็นจริงด้วยสิ สังเกตจากงานการ์ตูนที่มีถี่ขึ้นๆ ที่ญี่ปุ่นและจำนวนคนที่เข้าไปร่วมในแต่ละปี ผมเองก็ไปเหมือนกันแต่นานๆ ครั้ง และก็คอยสังเกตกลุ่มคนพวกนี้ทุกปี คุณหลงรักการ์ตูน แต่แน่นอนว่า มันคือนามธรรม แล้วคนเราเมื่อมีความอยากมากๆ ก็ต้องการการปลดปล่อย ถามว่า จะปลดปล่อยที่ไหน เมื่อมีอุปสงค์ มันก็ต้องมีอุปทาน สังเกตสินค้าที่เกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ออกมาวางขายอย่างไม่มีวันจบวันสิ้นไหมครับ นั่นเป็นเพราะว่าลูกค้าที่ชื่นชอบยังคงต้องการในสิ่งที่ว่าอยู่และต้องการการปลดปล่อย เราก็ออกสินค้ามาเพื่อบำบัดความต้องการไงครับ สังเกตได้ว่าการ์ตูนบางเรื่องจะยาวมากชนิดไม่มีจบ เพราะจบไม่ได้ จบไปแฟนๆ ก็จะคลั่ง ของก็จะออกไม่ได้ เป็นสาเหตุทำให้การ์ตูนบางเรื่องที่จบไปแล้วต้องเอามาเขียนใหม่เพราะการ์ดเล่นจากการ์ตูนที่ว่ายังขายได้ก็เพราะมันมีอุปสงค์ มันย่อมต้องมีอุปทาน แต่กับการ์ตูนสาวน้อยนั้นไม่อาจจะทำให้มันยืดยาวทะลุโลกอย่างนั้นได้ จะทำไงดี...ก็ออกเรื่องใหม่ไง มีตัวละครเยอะๆ เอามันทุกแนว บางเรื่องมีเป็นสิบ ดึงดูดแฟนๆ ให้เยอะๆ ขายสินค้าให้ได้มากๆ ออกมาให้มันหลายๆ แนว แต่สุดท้ายเรื่องมันก็ต้องจบอยู่ดี ตรงนี้ไม่ได้จำกัดแค่การ์ตูนสาวน้อยนะครับ ตัวอย่างที่ดีก็คือการ์ตูนบางเรื่องที่ยังไงก็จบไม่ลงอยู่ในตอนนี้ เพราะแฟนๆ ไม่ยอมให้จบ แถมยังได้รับความผลโหวตคะแนนนิยมแบบท่วมท้นจากทุกนิตยาสารในญี่ปุ่นเลยด้วย
เอ้า ยืดต่อไม่ได้เสียแล้ว จบก็ได้ ของก็นานๆ ครั้งออกก็ได้ เอาเป็นแบบครบรอบก็ยังดี แต่สักวันมันก็ต้องหยุดออกอยู่ดี ไม่เป็นไร คิดเรื่องใหม่ออกมาแทนก็แล้วกัน แล้วพอฮิตก็วางแปลนสินค้าเอาใหม่แต่เติมนิด เรื่องของธุรกิจ กับ ใจรัก นี่ต่างกันนะครับ เพียงแต่ว่า มันเป็นเส้นขนานกันไปเท่านั้น ถามว่าทำไม ตอบได้เลยว่า มันคือการสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างไรเล่าครับ เพียงแค่ลงเม็ดเงินไปกับสิ่งที่เราทำตอนแรก ก็มีคนเอาไปโฆษณาให้ฟรีๆ ทันที ประโยชน์น่ะเสียแน่ แต่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับความกว้างขวางที่สื่อได้แพร่ออกไป
นี่ล่ะครับ คืออุตสาหกรรมการ์ตูน ทำรายได้แบบสุดมหาศาล การขายไอเดียแบบนี้ให้กำไรกระฉูดเลยนะครับถ้าประสบความสำเร็จ ตัวผมเอง ผมนิยมชมชอบการทำอะไรด้วยใจรักครับ การทำอะไรแบบนั้นมีความสุขมาก ผมขอสนับสนุนผู้ที่ทำงานเหล่านี้ด้วยใจรักครับ และขอให้สู้ต่อไป ผมขอเป็นกำลังใจให้ครับ
สำหรับผู้ที่ขาดความมั่นใจในชีวิต ผมกล้ายืนยันเลยนะครับว่า ความหล่อไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงครับ ความดีและความจริงใจต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ ผมยังทำได้เลย ดูสิ คุณก็ต้องทำได้สิครับ ถ้าท่านยังไม่พร้อมจะมีแฟนก็พยายามหาสิ่งยึดเหนื่ยวอย่างอื่นครับ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ศาสนา อย่าลืมว่าเราอาจรักการ์ตูน แต่การ์ตูนน่ะน่ะ "ไม่เคย" รักเราตอบหรอกนะครับ เพราะแท้จริงแล้วมันเป็นนามธรรม เราสามารถชื่นชอบในสิ่งนั้นได้แต่ "อย่า" ได้ลุ่มหลงจนลืมสิ่งรอบข้างนะครับ คนเรานั้นเป็นสัตว์สังคม จำเป็นต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยวในชีวิต เราต้องการที่จะเป็นที่ยอมรับ และถูกรัก...
...แต่เราต้องไม่ลืมว่าการมีชีวิตที่มีความสุข การอุทิศตัวปฏิบัติหน้าที่แด่ผู้ที่เรารักนั่นล่ะคือความสุขที่สุดและเป็นเป้าหมายในการมีชีวิตของคนเรา เพราะสิ่งที่ตนเราต้องการนั้นแท้จริงคือต้องการมีรัก และถูกรัก เพื่อเป็นแรงใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป***บทความนี้มีเนื้อหาที่ค่อนข้างแรง ดังนั้น หากไปกระทบกระเทียบกับผู้ใดเข้า ต้องขออภัยจริงๆ ครับ เพียงแต่ว่า เราต้องพูดกันจริงๆ ในประเด็นของเรื่องนี้เสียที เพื่อไม่ให้คำๆ นี้มีความหมายที่ผิดเพี้ยนไปมากกว่านี้ครับ===============================================เดี๋ยวมาต่อค่ะ...มันยาวมากกก
(ชมรมนี้รับแค่โอตาคุแบบสว่างนะคร้า)